ทางฝั่งของกู้ชีฉ่าว นักฆ่าสวมหน้ากากสีดำก็ล้มลงทีละคน
มู่ชิงอู่และซ่างกวนคงไม่โง่ถึงขนาดที่พวกเขาไม่รู้วิธีจับคนเป็ๆ แต่นักฆ่าเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี เมื่อรู้ว่าตนเองไม่สามารถหลบหนีได้ จึงกินยาพิษและฆ่าตัวตายทีละคน
หลงเฟยเยี่ยเฝ้าดูจากระยะไกล หากก่อนหน้านี้เขาอารมณ์เสีย จนกระทั่งไม่สามารถกลั้นเอาไว้ได้ คนเหล่านี้จะไม่กลายเป็ขยะไปเลยหรือไร?
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้แม้ว่าเขาจะมองไปข้างหน้า ทว่าใจยังคงเหม่อลอย
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ถอนสายตาออกและมองไปที่หานอวิ๋นซีอีกครั้ง
หานอวิ๋นซีนั่งยองๆ อยู่บนพื้น ไม่รู้ว่าสองมือของนางกำลังทำอะไรอยู่ในถุงยา ใบหน้าซีดของนางเต็มไปด้วยความจริงจังและความกลัว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลงเฟยเยี่ยได้เห็นหานอวิ๋นซีมีท่าทางจริงจังมากขนาดนี้ แต่ในเวลานี้ เขายังคงไม่สามารถละสายตาได้
ความงามของสตรีผู้นี้อยู่เหนือความคาดหมายของเขา ทว่าท่าทางที่จริงจังของนาง กลับทำให้นางสวยเกินหน้าตาของนางเสียอีก
หลงเฟยเยี่ยมองไปที่นางอย่างเงียบๆ ยกมือขึ้นโดยไม่รู้ตัวเพื่อััเบาๆ ที่มุมปากในตำแหน่งที่นางเพิ่งจะััไป
ในที่สุด หานอวิ๋นซีก็สามารถแยกแยะพิษทั้งสามได้อย่างชัดเจน และพบยาแก้พิษในระบบล้างพิษที่สามารถรับประทานได้โดยไม่ต้องใช้เข็มล้างพิษ
นางหยิบยาสามเม็ดออกมาจากถุงยาและตรวจสอบด้วยตนเองเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาด
พระเ้ารู้ดีว่านางประหม่าและวิตกกังวลเพียงใด หากหลงเฟยเยี่ยโดนวางพิษชนิดหนึ่ง และเป็พิษที่นางไม่รู้จักและไม่สามารถรักษาได้เช่นพิษของลูกดอกแมงมุม เช่นนั้นหลงเฟยเยี่ยก็คงตกอยู่ในอันตราย
โชคดีจริงๆ ที่พิษทั้งสามชนิดนี้สำหรับนางแล้วถือว่าเป็พิษธรรมดา
นางคิดว่ายาพิษอย่างลูกดอกแมงมุมที่แทบจะใช้เป็อาวุธได้ คงจะเป็สิ่งที่หาได้ยากอย่างมาก
ทันทีที่ได้ยาแก้พิษ หานอวิ๋นซีก็ยืนขึ้นและยื่นมือออกไป “หลงเฟยเยี่ย นี่ ยาแก้พิษ!”
พูดจบ นางก็พบกับสายตาที่จ้องมองอย่างลึกซึ้งของเขา ทันทีที่สองสายตาประสานกัน หานอวิ๋นซีก็ตกตะลึงไป รู้สึกเพียงว่าสายตาของหลงเฟยเยี่ยมีความเสน่หาที่แสดงออกมาและััหัวใจของนางโดยตรง
เกิดอะไรขึ้นกับเขา?
นางยื่นมือออกไปตรงหน้าเขา พร้อมกับยาสามเม็ดที่วางอยู่ในฝ่ามือขาว การเคลื่อนไหวของนางเองก็นิ่งค้างไปเช่นกัน
หลงเฟยเยี่ยไม่คาดคิดว่าสตรีผู้นี้จะลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เขารีบเบนสายตาหนีทันที และกลับสู่ความสงบตามปกติอย่างรวดเร็ว
เขาก้มมองไปที่ฝ่ามือของหานอวิ๋นซี และถามว่า “เ้าแน่ใจหรือว่ามันคือยาแก้พิษ”
หานอวิ๋นซีมองเขาอย่างสงสัย จากนั้นรีบพูดว่า “แน่ใจสิ รีบกินเสีย ท่านอาเจียนออกมาเป็เืแล้ว ถ้าไม่กินยา ก็ต้องใช้มีดล้างพิษ”
หลงเฟยเยี่ยพยักหน้ารับยาแก้พิษและกลืนมันลงไปในอึกเดียว
เมื่อเห็นว่าเขากินยาแก้พิษแล้ว หานอวิ๋นซีก็รู้สึกโล่งใจอย่างสิ้นเชิง ถอนหายใจอย่างแรงและตบหน้าอกเบาๆ โดยไม่รู้ตัว
หลงเฟยเยี่ยมอง “เป็อะไรไป?”
“ข้าเกรงว่าหากรักษาพิษของท่านไม่ได้ คงต้องเสียใจเป็แน่” หานอวิ๋นซียิ้มและพูดอย่างสบายๆ
ใครจะคิดว่าหลงเฟยเยี่ยกลับจริงจัง แววตาเองก็ลึกล้ำขึ้นมากกว่าเดิม “เ้ากลัวอะไร? กลัวว่าข้าจะตายอย่างนั้นหรือ?”
กลัวอะไร?
หานอวิ๋นซีจะไปคิดมากขนาดนั้นได้อย่างไร เมื่อครู่นางก็แค่กังวลและหวาดกลัวเท่านั้น
เมื่อเผชิญกับการจ้องมองอย่างสงสัยของเขา จู่ๆ นางก็รู้สึกอึดอัด คิดเพียงว่าชายผู้นี้แปลกและแตกต่างจากปกติเล็กน้อย
นางกระตุกมุมปากและพูดติดตลกว่า “ท่านเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยข้าเช่นนี้ ทำไมกลับกลายเป็ข้าที่ต้องช่วยท่านด้วยล่ะ”
ใครจะไปรู้ว่าหลงเฟยเยี่ยกลับพูดอย่างเ็าว่า “เ้าคิดมากไปเอง ข้าแค่เชื่อว่าเ้าสามารถล้างพิษได้”
ถ้าเขาไม่รู้ว่านางมีความสามารถในการล้างพิษที่ยอดเยี่ยม หลงเฟยเยี่ยจะรีบลงไปช่วยนางโดยไม่คำนึงถึงพิษที่กระจัดกระจายอยู่ได้อย่างไรกัน?
ต้องรู้ว่า สิ่งที่เขากลัวที่สุดคือพิษ
เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยนางอย่างนั้นหรือ?
สตรีผู้นี้ สำหรับเขาแล้วยังไม่มีค่ามากขนาดนั้น
แน่นอน หานอวิ๋นซีรู้ว่าหลงเฟยเยี่ยคาดหวังให้นางล้างพิษถึงได้ลงมาช่วยนาง อันที่จริงแค่เขาสังเกตเห็นฝูงยุงพิษแล้วรีบมาช่วยนาง นางก็รู้สึกขอบคุณมากแล้ว เสี่ยงชีวิตอะไรนั่น เป็เื่ที่ไม่คาดหวังจริงๆ
หานอวิ๋นซีหัวเราะเบาๆ โดยไม่สนใจร่องรอยของความเศร้าที่อธิบายไม่ได้ในใจของนาง “ข้ารู้ว่าท่านเชื่อว่าข้าสามารถรักษาพิษได้ ดังนั้นข้าเลยกลัวว่าจะไม่สามารถรักษาได้ ทำให้ท่านเสียสละไปโดยเปล่าประโยชน์”
เมื่อเห็นหานอวิ๋นซียิ้มอย่างสดใสโดยไม่แยแสใดๆ หลงเฟยเยี่ยก็รู้สึกโกรธอย่างไม่มีเหตุผล
เดิมทีเขาคิดว่าสตรีที่เย่อหยิ่งผู้นี้จะตอบโต้เขา แต่จริงๆ แล้วนางดูแคลนตัวเองมากเหลือเกิน
“ทำไมเ้าถึงไปเก็บชาที่เขาหนานซาน?” หลงเฟยเยี่ยเปลี่ยนเื่ ถ้าสตรีผู้นี้ไม่ไปที่เขาหนานซาน นักฆ่าก็จะไม่มีโอกาสโจมตีและคงไม่มีปัญหามากมายขนาดนี้
“ข้าได้ยินมาว่าหนานซานหงนั้นดี เลยอยากลองดู” หานอวิ๋นซียังคงยิ้มเล็กน้อย
หลงเฟยเยี่ยมองนางั้แ่หัวจรดเท้า เมื่อเห็นว่าแขนของนามีาแจากแส้ ก็ไม่ได้ถามต่อและพูดอย่างเ็าว่า “นักฆ่าพวกนั้นพูดว่าอะไรบ้าง? ทิ้งร่องรอยอะไรไว้บ้างหรือไม่?”
“ชายหน้ากากดำผู้นั้นคือเ้านายที่แท้จริงที่อยู่เื้ัคนทรยศ เขาถูกเรียกว่านายท่าน ลูกสมุนที่เป็มือซ้ายและมือขวาของเขา คนหนึ่งชื่อเฮยซา และอีกคนที่เป็นักฆ่าหญิงในชุดเขียวถูกเรียกว่าชิงอี ทั้งคู่เป็สตรี พวกนางปากแข็งสุดๆ ข้าไม่สามารถถามอะไรได้เลย รู้เพียงว่าชิงอีคนนั้นคงจะเป็หัวหน้าผู้รับผิดชอบคนทรยศทั้งหมดที่ซุ่มซ่อนอยู่ในเทียนหนิง ยุงเ่าั้ก็เป็นางที่ควบคุม พิษงูหมื่นตัวที่ท่านแม่ทัพใหญ่โดนก็เป็ฝีมือนาง” หานอวิ๋นซีตอบอย่างจริงจัง
สำหรับนางแล้ว ความเสียดายที่มากที่สุดในครั้งนี้ไม่ใช่การที่นางจับตัวผู้บงการเื้ัไม่ได้ แต่เป็การที่นางจับนักฆ่าหญิงในชุดเขียวไม่ได้!
หานอวิ๋นซีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพูดว่า “ข้าสงสัยว่า...นักฆ่าหญิงในชุดเขียวกำลังซ่อนตัวอยู่ในเมืองหลวง”
ความระมัดระวังฉายในดวงตาของหลงเฟยเยี่ย พร้อมถามอย่างจริงจังว่า “มีใครที่เ้าสงสัยหรือไม่?”
แม้ว่าหานอวิ๋นซีจะไม่้าพูด แต่นางก็จำเป็ต้องพูด เื่นี้เกี่ยวข้องกับทุกด้านและนางไม่สามารถปิดบังอะไรต่อหน้าหลงเฟยเยี่ยได้
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางจึงจะเปิดปากพูดว่า “นักฆ่าหญิงในชุดเขียวเป็หญิงวัยกลางคน เงียบขรึมและระมัดระวังตัวอย่างมาก เมื่อรวมกับเบาะแสที่เราได้รับเกี่ยวกับพิษงูหมื่นตัวแล้ว ข้าสงสัยว่านักฆ่าหญิงในชุดเขียวอาจจะเป็หลี่ซื่อผู้เป็อี๋เหนียงสามของตระกูลหาน หลี่ิเม่ย”
พูดจบ นางก็รีบเสริมว่า “แน่นอน นี่เป็เพียงความสงสัยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ไม่มีหลักฐานใดที่บ่งชี้ถึงเงื่อนงำของพิษงูหมื่นตัว มันเป็เพียงการคาดเดาเท่านั้น”
รอยยิ้มที่เ็าปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของหลงเฟยเยี่ยและพูดอย่างเ็าว่า “พบหลักฐานทางกายภาพแล้ว ในไม่ช้าผลการตรวจสอบก็จะออกมา”
“อะไรนะ?” หานอวิ๋นซีใ เป็ไปได้หรือไม่ว่าหลงเฟยเยี่ยค้นพบอะไรบางอย่างในตระกูลหาน?”
หานอวิ๋นซีรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อหลงเฟยเยี่ยเล่าเื่ปี้ลวี่ขโมยใบชา ไม่คาดคิดว่าจะเป็แบบนี้!
และไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะพบใบชาจริงๆ แต่เดิมเบาะแสทั้งหมดชี้ไปที่หลี่ซื่อและหานรั่วเสวี่ย รวมกับใบชานี้ก็สามารถสรุปโดยพื้นฐานได้ว่าใบชาน่าจะมีพิษงูหมื่นตัว แค่เพียงตรวจพบพิษงูหมื่นตัว คดีก็จะจบ
ใบชาอาบยาพิษสามารถตรวจสอบได้ง่าย ตราบใดที่นักปรุงยาพิษมีความสามารถในระดับหนึ่งก็สามารถตรวจสอบได้ เดี๋ยวพอกลับไปก็น่าจะรู้ผลแล้ว
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หานอวิ๋นซีก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปาก รู้สึกประหม่าเหลือเกิน
ในขณะนี้ อารมณ์ของหานอวิ๋นซีซับซ้อนอย่างมาก รู้สึกมีความสุขที่จะชนะการเดิมพันและไขปริศนานี้ได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หนักหนายิ่งกว่า หากในที่สุดความผิดตกอยู่ที่ตระกูลหาน คงมีผู้บริสุทธิ์หลายคนที่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง แล้วตระกูลหานจะฟื้นตัวได้อีกหรือ?
ในเวลานี้ มู่ชิงอู่และคนอื่นๆ ก็เข้ามา
ทันทีที่มู่ชิงอู่เข้ามา เขาก็คุกเข่าลงต่อหน้าหานอวิ๋นซีทันที “กระหม่อมสมควรตาย กระหม่อมไม่สามารถปกป้องหวังเฟยได้ ทำให้ท่านต้องทนทุกข์ทรมาน!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ ซ่างกวนเองก็คุกเข่าลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน “เป็กระหม่อมที่ละเลยหน้าที่ของตน กระหม่อมผิดไปแล้ว โปรดหวังเฟยทรงลงโทษ”
“แม่ทัพใหญ่และซ่างกวน เื่มันก็เกิดขึ้นไปแล้ว ทั้งยังเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ข้าไม่โทษพวกเ้าหรอก” หานอวิ๋นซีพูดเรียบๆ นางไม่มีนิสัยหยิ่งยโสอย่างคนในราชวงศ์ ถ้านางถูกลักพาตัวไป นางก็จะโทษตัวเองที่อ่อนแอเกินไป
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซ่างกวนก็รู้สึกยินดีเป็อย่างยิ่ง อยากจะขอบคุณ แต่มู่ชิงอู่กลับยังไม่ลุกขึ้น และพูดอย่างจริงจังว่า “เป็กระหม่อมเองที่พาหวังเฟยออกไป กระหม่อมก็ต้องมีหน้าที่ปกป้องหวังเฟยให้ดีที่สุด โปรดหวังเฟยลงโทษกระหม่อมด้วย”
เมื่อเห็นเช่นนี้ ซ่างกวนก็ทำได้เพียงก้มศีรษะและคุกเข่าลง
หานอวิ๋นซีรู้นิสัยใจคอของมู่ชิงอีดี จึงโน้มตัวลงไปช่วยพยุงเขา “ท่านแม่ทัพ หากข้าได้รับาเ็ คงลงโทษเ้าไปแล้ว แต่ตอนนี้ข้าไม่เป็ไรแล้ว
มู่ชิงอู่จะไปกล้าให้หานอวิ๋นซีช่วยพยุงเขาขึ้นเสียที่ไหนกัน ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ลังเลอยู่ครู่หนึ่งและทำได้เพียงทำตามความปรารถนาของหานอวิ๋นซี “ขอบคุณหวังเฟย!”
“ซ่างกวน เ้าเองก็ลุกขึ้นเถอะ” หานอวิ๋นซีพูด
ซ่างกวนทำงานหนักเพื่อตอบแทนบุญ เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “หวังเฟยช่างเป็คนดีผีคุ้มจริงๆ ตกอยู่ในเหตุการณ์อันตรายทว่าไม่เป็อะไรเลย พวกเราตามฝูงยุงพิษไปตลอดทาง เพื่อที่จะสืบหารังโจร ทว่าน่าเสียดายที่พลาดไปนิดเดียว!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของหานอวิ๋นซีก็แข็งทื่อ นางมองไปที่หลงเฟยเยี่ยโดยไม่รู้ตัว ก่อนหน้านางยังสงสัยว่าทำไมหลายวันที่ผ่านมาถึงไม่มีใครตามมาเลย ที่แท้ก็เป็แบบนี้นี่เอง!
หลงเฟยเยี่ยค้นพบฝูงยุงพิษนานแล้วและติดตามพวกมันมาตลอดทางโดยที่ไม่ทำอะไร ทั้งนี้เพราะเขา้าที่จะสาวไปถึงปลาตัวใหญ่!
เช่นนั้น เขาใช้นางเป็เหยื่อล่ออย่างนั้นหรือ? ทำกับนางเหมือนเป็เหยื่อล่อที่โยนออกไปอย่างไร้ความปรานีเพื่อติดกับดักของหมาป่าอย่างนั้นหรือ?
นางยังรู้สึกตื่นเต้นอย่างโง่เขลาเพราะการปรากฏตัวของเขา แต่ใครจะรู้ว่ามันเป็แบบนี้!
คนสารเลวผู้นี้ เขารู้หรือไม่ว่าหากไม่มีกู้ชีฉ่าว นางคงถูกชายหน้ากากดำผู้นั้นพาไปนานแล้ว
หานอวิ๋นซีอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเทาเมื่อนางนึกถึงประโยคที่น่าขนลุก “ข้า…้าเ้าเท่านั้น” จากชายหน้ากากดำ นางมองไปที่หลงเฟยเยี่ยด้วยสายตาขุ่นเคือง
ซ่างกวนพูดความจริงออกไป ทว่าหลงเฟยเยี่ยกลับจ้องมองเขาอย่างเ็า ใบหน้าของซ่างกวนเต็มไปด้วยความงุนงง รู้สึกได้แค่เพียงเจตนาฆ่าทุกหนทุกแห่ง เขากลัวมากจนรีบก้มหน้าลงและไม่กล้ามองต่อไป ไม่รู้ว่าตนเองทำอะไรผิดตรงไหน
“ในเมื่อเป็แบบนี้ เช่นนั้นคงทำให้ท่านผิดหวังแล้วล่ะ” หานอวิ๋นซีพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ก็จริง”
ครั้งนี้หลงเฟยเยี่ยรู้สึกผิดหวังมากที่ไม่สามารถโจมตีรังของพวกมันได้ เขายอมรับการจ้องมองของหานอวิ๋นซีอย่างตรงไปตรงมา เมื่อทั้งสองสบตากัน ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้มีกลิ่นดินปืน[1]ค่อยๆ กระจายไปในอากาศ
ในขณะเดียวกัน ก็มีเสียงหัวเราะหนึ่งดังขึ้น “ฉินอ๋อง แม้ว่าจะไม่ได้บุกเข้าไปที่รังของคนเ่าั้ แต่ก็ถือว่าได้พบกับเ้านายของพวกเขา ยินดีด้วยจริงๆ ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณหวังเฟยนะ”
มองตามเสียงนั้นไป ก็เห็นว่ากู้ชีฉ่าวกำลังเดินเข้ามา สวมเสื้อคลุมสีแดง พร้อมกับใบหน้าที่เผยรอยยิ้มสง่างาม เรียกได้ว่าเป็ปีศาจที่มีเสน่ห์เหลือล้น!
หลงเฟยเยี่ยที่สังเกตเห็นการมีอยู่ของชายชุดแดงผู้นี้มานานแล้ว และรู้ว่าชายผู้นี้ช่วยหานอวิ๋นซีไว้ เขาจึงถามอย่างเ็าว่า “เ้าเป็ใครกันแน่?”
ก่อนที่กู้ชีฉ่าวจะอ้าปากพูด ซ่างกวนก็รีบไปข้างหน้าและพูดด้วยความเคารพว่า “ฉินอ๋อง นี่คือเ้าของโรงน้ำชาเทียนเซียงของเรา กู้ชีฉ่าวพ่ะย่ะค่ะ”
เ้าของโรงน้ำชาเทียนเซียง?
หานอวิ๋นซีมองไปที่กู้ชีฉ่าวด้วยความใ ข้อสงสัยทั้งหมดได้รับการแก้ไขในพริบตา
ที่แท้เขาก็เป็เ้าของนี่เอง ไม่แปลกใจเลยที่จะมาช่วยคนแปลกหน้า เดาว่าชายผู้นี้คงบังเอิญเจอนางตอนถูกลักพาตัว เขาจึงตามนางไปตลอดทางสินะ
“กู้ชีฉ่าว ถวายบังคมฉินอ๋อง” กู้ชีฉ่าวโค้งคำนับและทำความเคารพ เมื่อเทียบกับการทำความเคารพซ่างกวนแล้ว เขาไม่ได้ดูไม่อ่อนน้อมถ่อมตนหรือเอาแต่ใจแต่อย่างใด
จู่ๆ หลงเฟยเยี่ยก็ถามด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “โรงน้ำชาเทียนเซียงปกปิดคนทรยศและทำให้ฉินหวังเฟยถูกลักพาตัวไป ต้องลงโทษ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของซ่างกวนก็ซีดลง เขาดูแลโรงน้ำชาเทียนเซียงมาโดยตลอด ั้แ่เกิดเื่ขึ้น สิ่งที่เขากลัวที่สุดคือการประณามของฉินอ๋อง
แม้ว่าโรงน้ำชาเทียนเซียงจะไม่ใช่รังของนักฆ่า แต่ฮั่วหยางคนนั้นก็มาจากโรงน้ำชาเทียนเซียง เขาคือหนอนบ่อนไส้!
---------------------------------
[1] กลิ่นดินปืน ใช้เปรียบเทียบถึงการขัดแย้งหรือทะเลาะกันรุนแรง
