“ที่แท้ก็เป็เช่นนี้ นี่คือสิ่งที่ข้าคาดคิดไม่ถึง เพราะถึงอย่างไรวันนั้นที่อยู่ด้านนอกศาลาว่าการ พี่ใหญ่อุ้มเ้าขึ้นรถม้าด้วยมือตนเอง ข้ายังคิดว่าพวกเ้า…” จ้าวจือจุ่นส่ายหน้าต่อเนื่อง “เห็นทีข้าคงคิดมากไป”
พูดจบ จ้าวจือจุ่นไม่เปิดโอกาสให้นางได้โต้ตอบเช่นกัน “ใต้เท้า ไม่ว่าเื่ราวเป็เช่นไร ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือการหาตัวพี่ใหญ่ให้พบ แม้ร่างกายเขาจะแข็งแรง แต่ถึงอย่างไรก็มีอาการาเ็ อยู่ข้างนอกนานไปเกรงว่าคงไม่ดี”
เฉียนจี้หวั่งเพิ่งได้รับหน้าที่นี้ จึงทุ่มเทใส่ใจอย่างมาก ตอนที่มาก็มีคนกำชับกับเขาว่าต้องไปดูสถานการณ์ของจ้าวจือชิงที่หมู่บ้านชิงเหอก่อน เพื่อรับประกันว่าคนผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่ดี ตอนนี้เขามาถึง คนผู้นี้กลับหายตัวไป นั่นไม่เท่ากับว่าเขายังไม่ทันได้ลงมือปฏิบัติหน้าที่ งานก็เสียหายไปครึ่งหนึ่งแล้วหรือ
เพียงแต่ จ้าวจือจุ่นพูดได้ถูกต้อง ไม่ว่าอย่างไรควรต้องรีบหาคนให้เจอก่อน
จังหวะที่ทุกคนกำลังคิดอะไรไม่ออก กลับเห็นลั่วจิ่งซีวิ่งหายใจหอบมา
“ท่านตา…รีบ รีบ รีบกลับบ้านเร็ว ท่านลุงจ้าวจะไม่ไหวแล้ว!”
คนทั้งหมดได้ยินคำพูดของลั่วจิ่งซีก็รีบเข้ามาล้อม หลิงชางไห่ถามอย่างรีบร้อน “จ้าวจือชิงกลับไปแล้วหรือ?”
“กลับมาน่ะกลับมาแล้ว แต่กลับมาได้เดี๋ยวเดียวก็ล้มลงที่ลานบ้าน แล้วกระอักเืออกมามากมาย พวกข้าไม่กล้าเคลื่อนย้าย ท่านรีบตามข้ากลับไปดูเถอะว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้น!”
ลั่วจิ่งซีเองไม่ได้พักและจูงมือเขาวิ่งไป
เมื่อได้ยินว่าคนกระอักเื ชีเหนียงก็รีบตามไป
เฉียนจี้หวั่งรู้สถานะของลั่วจิ่งซีมาจากหยางหนิง จึงรีบเอ่ย “รีบให้หัวหน้าแพทย์หลิงขึ้นรถม้ากลับไป เร็ว!”
คนทั้งหมดจากไปอย่างเร่งรีบ หัวใจของหลี่ชุนฮัวตุ้มๆ ต่อมๆ
คนคนนี้จะตายแล้วจริงหรือ? เพียงแต่เหตุใดจึงตายได้บังเอิญเช่นนี้
สือต้าหนิวมองดูคนสกุลจ้าว พอได้ยินว่าจ้าวจือชิงกระอักเื ใบหน้าของแต่ละคนไม่เพียงแต่ไม่มีความโศกเศร้า ถึงขั้นเผยท่าทีผ่อนคลายออกมา หรือว่าสิ่งที่ภรรยาของตนบอกก่อนหน้านี้ว่า หลี่ชุนฮัวเฝ้าภาวนาอยากให้จ้าวจือชิงตายคือเื่จริง?
ไม่รู้คิดอะไรได้ สือต้าหนิวทนอยู่ที่บ้านสกุลจ้าวต่อไปไม่ไหว จึงรีบวิ่งตามออกไปตอนที่ครอบครัวนี้ไม่ทันตั้งตัว
เมื่อเห็นคนจากไป จ้าวจือจุ่นจึงเก็บสีหน้าเป็ห่วงและสำนึกผิดบนใบหน้าทันที จากนั้นสั่งจ้าวเหลยกับหลี่ชุนฮัวเสียงดัง
“อีกเดี๋ยวไปที่บ้านสกุลลั่ว เก็บสีหน้าสาแก่ใจของพวกท่านให้ดี ต้องแสดงออกถึงความโศกเศร้าบ้าง”
เมื่อได้ยินคำพูดของลูกชาย จ้าวเหลยรู้สึกถึงความผิดปกติ เหตุใดน้ำเสียงของเขาจึงไม่มีความประหลาดใจ? แล้วมองดูหลี่ชุนฮัวก็เหมือนจะไม่ได้ใเช่นกัน
พวกเขาสองแม่ลูกมีเื่ปิดบังตนเองหรือ?
“เ้าวางใจได้ เราวางตัวเป็” หลี่ชุนฮัวรีบตอบรับ จ้าวจือชิงมาตายเวลานี้เป็เื่ดีที่สุด คนตายสามารถจากไปพร้อมกับเื่ราวทั้งหมด
......
หลิงชางไห่อยู่บนรถม้าและร้อนใจจนทนไม่ไหว ได้แต่ะโตลอดทาง “เร็วเข้า! เร็วกว่านี้อีก!”
ยากนักกว่าจะถึงบ้านสกุลลั่ว ก็เห็นหน้าประตูบ้านสกุลลั่วมีคนมุงกันเต็ม ลั่วจิ่งซีต้องรีบะโเสียงดัง “ถอยหน่อย ถอยหน่อย ท่านหมอมาแล้ว! ท่านหมอมาแล้ว!”
ไม่ง่ายดายกว่าจะเปิดทางให้หลิงชางไห่เดินเข้าไปได้
มีคนมุงบ้านสกุลลั่วมากมายเช่นนี้ นั่นก็เพราะจ้าวจือชิงแบกร่างเปื้อนเืจากข้างนอกมาถึงบ้านสกุลลั่ว ในหมู่บ้านก็บอกต่อกันบ้านต่อบ้าน จนพากันมาดูอย่างด้วยความสนใจ
หมอหลิวเร่งมาถึงคนแรก เพียงแต่เขาไม่เจอาแภายนอกบนร่างกายจ้าวจือชิง จึงได้แต่ทำแผลขนาดเล็กก่อน ส่วนสาเหตุที่มีเืออกจากปาก เขายังตรวจหาไม่เจอในตอนนี้
“เื่ราวเป็มาเช่นนี้ คงต้องรบกวนท่านตรวจดูว่าเหตุใดเขาถึงมีเืออก”
หมอหลิวลุกขึ้นและยกตำแหน่งให้เขา
หลิงชางไห่รีบจับชีพจรข้อมือทันที
“เร็วเข้า รีบยกเขาไปที่ห้องอย่างระมัดระวัง ข้าจะทำการฝังเข็มให้เขา”
หลิงชางไห่พูดและปล่อยให้ฝูอันกับคนที่เหลือหามจ้าวจือชิงเข้าไปในห้อง จากนั้นหลิงชางไห่ที่อยู่ในห้องนำเข็มเงินออกมาและเริ่มทำการฝังเข็มให้เขา แล้วสั่งหมอหลิวให้ไปต้มยามาให้
เมื่อได้ยินตัวยาที่เป็ดอกเงินทอง แผ่นโสมขม หมอหลิวยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกว่าตำรับยาผิดปกติ เหตุใดจึงฟังเหมือนตำรับยาถอนพิษ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาพูดมาก จึงรีบนำเทียบยาไปจัดยาเพื่อต้ม
เฉียนจี้หวั่งที่อยู่ด้านนอกเดิมอยากตามเข้ามาด้วย แต่หยางหนิงกลับปลอบโยนเขา
“ใต้เท้าเฉียนมิต้องกังวล ฝีมือการรักษาของหัวหน้าแพทย์หลิงเป็ที่ประจักษ์แก่สายตา ฟังจากสิ่งที่ชาวบ้านเล่าลือกันนานค่อนวัน เหมือนว่าคนที่นี่จะคุ้นเคยกับจ้าวจือชิงมากกว่าคนของหมู่บ้านชิงเหอ เหตุใดใต้เท้าไม่ลองถามพวกเขาดูเล่า”
หยางหนิงปลุกสติด้วยคำพูดเดียว ใช่แล้ว ตนเองกลับไปต้องรายงาน ยิ่งรู้เื่ราวของจ้าวจือชิงมากเท่าใด ถึงเวลาตนก็มีเื่ให้รายงานมากขึ้น ถึงแม้จะมีปัญหาอะไร อย่างน้อยตนก็ยังพอมีคำตอบให้ได้
ฝูอันกำลังยุ่งอยู่ทางนี้ ส่วนพี่หลิวคอยต้อนคนในหมู่บ้านให้อยู่ข้างนอก
“เอาล่ะ แยกย้ายได้แล้ว เื่ของคนอื่น พวกเ้าใส่ใจเพียงนี้ ให้พวกเ้าช่วยเหลือ พวกเ้าช่วยได้หรือ? มีเวลายังไม่รีบไปหาเงินให้มากขึ้น! วันหลังยังอยากให้ชีเหนียงพาพวกเ้าหาเงินอยู่หรือไม่!”
พี่หลิวตะเพิดทุกคนให้แยกย้าย แต่กลับเห็นคนสองคนในชุดขุนนางอยู่ด้านหลัง ในใจของนางถึงกับหล่นลงไปอยู่บนตาตุ่มและรีบปิดประตู
่นี้บ้านสกุลลั่วมักจะเกี่ยวข้องกับทางการ ทำให้นางเห็นเ้าหน้าที่แล้วขนลุกในใจ เกรงว่าจะได้ข้องแวะกับพวกเขาอีก
......
หยางหนิงที่ถูกปิดประตูใส่ลูบจมูก ตนเองน่ากลัวเพียงนี้เชียวหรือ? ฮูหยินเคยบอกว่าคนที่คบค้าสมาคมกับชีเหนียงล้วนเป็คนใจกว้างเป็มิตรมิใช่หรือ เหตุใดพอเห็นตนเองก็ปิดประตูใส่เช่นนี้
หยางหนิงไม่รู้เลยว่าพี่หลิวไม่เคยเห็นเขามาก่อน นอกจากนี้ พวกนางคือคนในหมู่บ้าน ไม่มีญาติในครอบครัวเป็ขุนนาง เวลาบ้านใดมีขุนนางเ้าหน้าที่มาย่อมบ่งบอกได้ว่าเกิดเื่ขึ้นแล้ว ดังนั้นพอเห็นขุนนางจึงรีบหลบซ่อนแทบจะทันที แล้วจะกุลีกุจอเข้าไปประจบได้เยี่ยงไร
“นี่นางหมายความเช่นไรกัน?”
เฉียนจี้หวั่งเองไม่เคยพบเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน พลันชี้ไปยังประตูที่ปิดสนิทและประหลาดใจเล็กน้อย
หยางหนิงรีบเชื้อเชิญเขาไปอีกทาง “หญิงชาวบ้านผู้นี้คงเห็นเราแต่งกายชุดขุนนางจึงหวาดกลัวหรือไม่เราเปลี่ยนชุดแล้วค่อยมาใหม่”
ฉับพลันทั้งสองจึงเปลี่ยนชุดขุนนางออกและเดินไปรอบหมู่บ้าน จากนั้นจึงสอบถามสถานะความเป็อยู่ของจ้าวจือชิงเป็พักๆ จนได้ข้อมูลคร่าวๆ เฉียนจี้หวั่งคิดอยู่ว่าจะส่งคนแอบไปสืบถามข้อมูลที่หมู่บ้านชิงเหอเช่นกัน
เพียงแต่ข่าวที่สืบได้จากหมู่บ้านชิงเหอ ชัดเจนว่าทำให้เฉียนจี้หวั่งไม่พอใจอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาตั้งใจจะไปสืบสถานการณ์ของจ้าวจือชิงที่บ้านสกุลลั่ว แต่กลับเห็นคนสกุลจ้าวมาดักอยู่หน้าประตูสกุลลั่วและคร่ำครวญเศร้าโศก โดยเฉพาะหลี่ชุนฮัวที่ถึงขั้นสวมผ้าขาวบนศีรษะ นี่ไม่เท่ากับมั่นใจว่าจ้าวจือชิงหมดทางเยียวยาวแล้วหรือ?
เฉียนจี้หวั่งจะเดินหน้าไปตำหนิ แต่กลับถูกหยางหนิงห้ามไว้
“ใต้เท้า เราลองดูไปก่อนค่อยว่ากัน” หยางหนิงชี้ไปที่คนสกุลจ้าว “ท่านไม่แปลกใจหรือ หลังจากคนสกุลจ้าวได้ยินว่าจ้าวจือชิงกระอักเืกลับไม่ได้ตามมาทันที ตอนนี้ยังแต่งกายไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ เวลานานเช่นนี้ยังมีแก่ใจเปลี่ยนเสื้อผ้า หรือสิ่งที่คนในหมู่บ้านอันชิ่งพูดจะเป็เื่จริง หลายปีมานี้คนสกุลจ้าวไม่เคยเห็นจ้าวจือชิงเป็คนมาโดยตลอด”
“หากเป็เช่นนั้นจริง เช่นนั้นคนที่มาตรวจสอบก่อนหน้านี้เหตุใดจึงไม่รายงาน? เื่นี้เพิ่งจะเริ่มต้นไม่กี่ปีมานี้หรือเป็เช่นนี้ั้แ่แรกเริ่ม?”
คำพูดนี้ของเฉียนจี้หวั่งทำให้ทั้งสองตกอยู่ในความเงียบ ไม่ว่าจะปิดบังไม่รายงานหรือว่าเื่ราวเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ในนี้ต้องไม่ใช่เื่เล็กๆ แน่ เพราะรู้กันดีว่าทหารผ่านศึกเหล่านี้ ส่วนมากล้วนมีผลงานคุณความดี ส่วนคนที่ไม่มีผลงาน นอกจากจะได้รับเงินชดเชยกับเงินเยียวยาแล้ว ใช่ว่าทุกคนจะได้รับการดูแลจากราชสำนักเหมือนอย่างจ้าวจือชิง
-----