แฮร์รี่สวมผ้าคลุมล่องหน แล้วก็พลันนึกขึ้นได้...
เมื่อเขาใส่ผ้าคลุมล่องหนนี้ ฮอกวอตส์ทั้งหลังก็เปิดกว้างสำหรับเขาทันที! เขาไปที่ไหนก็ได้!
รอนพูดพึมพำในความฝัน แฮร์รี่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะไม่ปลุกเพื่อน
นี่เป็ครั้งแรกที่เขาใช้ผ้าคลุมล่องหนของพ่อ เขาอยากจะลองใช้มันคนเดียว
หัวใจแฮร์รี่เต้นแรง เขาคิดถึงความเป็ไปได้มากมาย เขาอาจจะไปยังเขตหนังสือต้องห้ามในห้องสมุดเพื่อหาข้อมูลว่า "นิโคลัส เฟลมเมล" คือใคร หรือไม่ก็ลงไปดูว่าใต้ชั้นหนึ่งนั้นมีอะไรซ่อนอยู่
บางที…เขาอาจจะบังเอิญเจอเดม่อนก็ได้ จริง ๆ แล้วเขาเคยสงสัยอยู่ตลอดว่าเดม่อนไปฝึกคาถาที่ไหน ถ้าเขาหาเจอ บางทีเขาอาจจะได้เห็นตอนเดม่อนฝึกเวทก็ได้?
แฮร์รี่ไปยังเขตหนังสือต้องห้ามชั้นห้าเป็ที่แรก แต่กลับไม่เจอเบาะแสอะไรเลย มิหนำซ้ำยังโดนหนังสือเล่มหนึ่งที่กรีดร้องเสียงหลอนจนต้องวิ่งหนีออกมา สุดท้ายก็หลงทางเพราะต้องหลบหลีกอาจารย์ฟิลช์
แล้วเขาก็หลงเข้าไปในห้องเรียนเก่าที่ไม่มีใครใช้งาน
ในห้องนั้นมีโต๊ะเก้าอี้วางพะเนินพิงผนังเป็กองเงาทึบ และมีถังขยะที่ถูกคว่ำอยู่ใบหนึ่ง แต่ที่ผนังฝั่งตรงข้ามเขา มีบางสิ่งที่ดูเหมือนไม่ควรอยู่ที่นี่ มันดูเหมือนสิ่งของที่มีคนเอามาวางทิ้งไว้เพราะไม่มีที่เก็บ
นั่นคือกระจกบานหนึ่ง กระจกที่สง่างามมาก สูงจรดเพดาน มีกรอบสีทองหรูหรา ขาตั้งเป็กรงเล็บสองข้าง ที่้าของกระจกสลักคำประหลาดว่า
Erised stra ehru oyt ube cafru oyt on wohsi
เมื่ออ่านกลับด้านจะกลายเป็...
I show not your face but your heart's desire
(ข้าไม่ได้สะท้อนใบหน้าเ้า แต่สะท้อนความปรารถนาในใจเ้า)
มีกระแสพลังงานแปลกประหลาดบางอย่างที่ดึงดูดแฮร์รี่ให้เข้าไปใกล้
เขาจ้องกระจกนิ่ง ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้น ยืนอยู่ต่อหน้ามัน
ในกระจก เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่งดงามมาก มีผมสีแดงเข้ม ดวงตาเหมือนกับเขาทุกอย่าง
เธอยิ้มทั้งน้ำตา
ข้าง ๆ เธอคือชายรูปร่างสูง ผมดำยุ่งเหยิง ใส่แว่น มีผมตั้งไม่เรียบร้อยตรงท้ายทอย เหมือนเขาไม่มีผิด
เขารู้ทันที
คนในกระจกคือพ่อแม่ของเขา
แฮร์รี่เอามือกดลงบนกระจกแน่น จ้องภาพตรงหน้าอย่างกระหายและอาลัย
หัวใจเขาเจ็บแปลบ ทั้งดีใจทั้งปวดใจ
เขาไม่รู้ว่าตัวเองอยู่หน้ากระจกนานเท่าไร
พอกลับไปถึงหอพัก เขาก็เล่าทุกอย่างให้รอนฟังหมด ที่จริงเขาอยากเล่าให้เดม่อนฟังด้วย แต่จากความถี่ในการพบเจอ เขาน่าจะต้องรออีกหลายวันกว่าจะได้เจอเขา
คืนที่สอง เขาพารอนไปที่กระจกด้วยกัน และพบว่ารอนเห็นสิ่งที่ไม่เหมือนเขาเลย รอนเห็นตัวเองเป็ประธานนักเรียน เป็กัปตันทีมควิดดิช และยืนเคียงข้างเดม่อนในฐานะ “สิงห์คู่แห่งกริฟฟินดอร์”
เมื่อกลับมาที่หอ รอนมีความสุขมาก พูดคุยด้วยประกายตาเต็มไปด้วยความหวัง
เช้าวันที่สาม ทั้งที่เป็วันหยุด แฮร์รี่กลับไม่อยากนอนต่อ เขาอยากไปดูว่าเดม่อนมาที่ห้องอาหารหรือเปล่า ถ้ามีเวลาที่จะได้เจอเดม่อนมากที่สุด ก็คือ่เช้าตรู่
ตามรูปแบบที่พวกเขาสังเกตมา เดม่อนมักจะหายตัวไป 2-3 วันแล้วก็โผล่มาตอนเช้า
เมื่อเขาเห็นร่างนั้นนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร แฮร์รี่ก็อดเรียกด้วยความดีใจไม่ได้
“เดม่อน!”
“โอ้ แฮร์รี่ ดูท่าทางตื่นเต้นจัง?”
เดม่อนใช้ตะเกียบที่สร้างขึ้นด้วยคาถาเสกมายากินบะหมี่เนื้อไปพลางๆ ในวันนั้นเองที่พวกเขาให้ของขวัญแก่เอลฟ์ประจำบ้าน แล้วเอลฟ์ก็มาขอบคุณในภายหลัง เดม่อนจึงขอให้มีอาหารเส้นเพิ่มในเมนู
แม้เอลฟ์จะไม่คุ้นกับอาหารเส้น แต่ด้วยเวทมนตร์ก็สามารถจัดการได้ไม่ยาก
“นั่นมันอะไรกัน เอาเถอะ ช่างมันก่อน ฉันมีเื่จะบอก” แฮร์รี่เหลือบมองไปที่โต๊ะอาจารย์ ก่อนจะกระซิบใกล้ ๆ เดม่อนอย่างลับ ๆ ว่า
“ฉันเจอของดีเข้าแล้ว คืนนี้อยากไปดูด้วยกันไหม?”
“จะออกล่าเหรอ?” เดม่อนดูดบะหมี่อีกคำ
แฮร์รี่นึกว่าเขากำลังกังวลเื่กฎของโรงเรียน กำลังจะบอกว่ามีผ้าคลุมล่องหนไว้ใช้แล้ว แต่เดม่อนก็ตอบตกลงอย่างรวดเร็ว
“ได้สิ คืนนี้ฉันจะไปหานายที่หอ ไม่เบี้ยวนะ”
เดม่อนกินหมดเร็วมาก แล้วเช็ดปากก่อนจะเดินออกไปทันที
แฮร์รี่มองตามหลังเขา งง ๆ เดม่อนตอบตกลงเร็วเกินไปจนเขาไม่ค่อยชิน
“ไม่เบี้ยวนะ…”
คืนนั้น แฮร์รี่พาเดม่อนไปหากระจกอย่างชำนาญ
ส่วนรอน เขารู้สึกว่าการเที่ยวกลางคืนบ่อย ๆ นั้นอันตรายมาก แต่พอได้ยินว่าแฮร์รี่จะพาเดม่อนไป เขาก็ไม่ได้คัดค้าน
เพราะผ้าคลุมล่องหนไม่สามารถคลุมได้สามคน รอนจึงพูดด้วยความเสียดายว่า
“ฝากถามเดม่อนด้วยนะว่าเขาเห็นอะไร แล้วค่อยมาเล่าให้ฉันฟังทีหลัง”
แฮร์รี่เข้าใจทันที ยิ้มและพยักหน้า
“ไม่ต้องห่วง ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าเดม่อนจะเห็นอะไร”
คนที่มีพร์สูง มีเป้าหมายชัดเจนแบบเดม่อน เขาจะเห็นอะไรในกระจกบานนั้น?
“นั่นแหละ คือของที่ฉันอยากให้เธอดู” แฮร์รี่ชี้ไปที่กระจกอีริเซดด้วยความตื่นเต้น
เมื่อเห็นเดม่อนเดินไปยืนหน้ากระจกเต็ม ๆ แฮร์รี่ถึงกับตื่นเต้นจนเผลอเกร็ง
แต่เดม่อนกลับแค่เลิกคิ้ว ไม่มีสีหน้าตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อย ไม่เหมือนกับเขาหรือรอนตอนที่เห็นภาพในกระจก
แฮร์รี่จึงถามขึ้นว่า
“นายเห็นอะไร?”
“ไม่เห็นอะไรเลย แฮร์รี่” เดม่อนหันมายิ้มเล็กน้อย แววตาดูพึงพอใจ “ฉันเห็นแค่ตัวเอง”
“อะไรนะ เป็ไปไม่ได้!”
แฮร์รี่เบิกตากว้าง รีบไปยืนหน้ากระจกอีกครั้ง แล้วบอกให้เดม่อนถอยออกไป
ไม่นาน ภาพของพ่อแม่ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งในกระจก
“ไม่ได้เสียหายนี่นา…” เขาพึมพำแล้วถอยออก “นายลองอีกทีสิ”
“ได้”
เดม่อนยืนหน้ากระจกอีกครั้ง แล้วภาพก็เปลี่ยนกลับเป็เขาเองอีกครั้ง
เขารู้เหตุผลดี…แต่พูดไม่ได้ ตามบทแล้ว ดัมเบิลดอร์น่าจะกำลังมองอยู่จากที่มุมห้อง
“ก็ยังเป็ฉันเหมือนเดิม แฮร์รี่ บางที…กระจกนี้อาจจะไม่เห็นฉันว่าปรารถนาอะไร”
“แต่ว่า จะเป็ไปได้ยังไง”
แฮร์รี่ใและรู้สึกอาย เขาตั้งใจจะเอาสิ่งวิเศษมาแบ่งปันกับเดม่อนแท้ ๆ แต่กลับกลายเป็เื่ประหลาด?
เขาอยากจะให้เดม่อนลองอีกครั้ง แต่เดม่อนกลับพูดขึ้นก่อนว่า
“เอาเถอะ แฮร์รี่ ไหน ๆ นายก็บอกว่านี่คือของล้ำค่า งั้นเล่าให้ฉันฟังสิว่านายเห็นอะไรในกระจก?”
“ฉัน ฉันเห็นพ่อแม่ พวกเขายืนอยู่ข้างฉัน พ่อวางมือบนไหล่ฉัน แม่ร้องไห้พลางลูบหัวฉัน เธอมองมาที่ฉัน...ที่อยู่หน้ากระจก”
“ฟังดูดีมาก นายไม่เคยเจอพวกเขาเลยสินะ?” เดม่อนตบไหล่เขา “ถ้าอย่างนั้น…เราจะยกกระจกนี่ไปเลยดีไหม?”
“หา?”
แฮร์รี่ไม่คิดว่าเขาจะพูดอย่างนั้น อึ้งไปเลย
และในขณะเดียวกัน ที่มุมห้องเื้ัพวกเขา ก็เกิดแรงสั่นไหวของเวทมนตร์อย่างกะทันหัน...
(จบบท)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้