ม่านตาของเซียวเฉินหดวูบ เพิ่งเข้ามาก็เจอกับสัตว์ปิศาจที่แข็งแกร่ง
ดวงซวยจริงๆ!
วานรั์ค้ำยันฟ้า ตอนเล็กๆ ร่างสูงได้ถึงสองเมตร ส่วนตอนโตเต็มวัยเป็สัตว์ประหลาดั์สูงได้ถึงห้าเมตร มันมีนิสัยดุร้าย ชอบเข่นฆ่าเป็อาจิณ แขนทั้งสองข้างมีพลังเบิกภูผา ิัและกระดูกแข็งแกร่งทนทาน พลังป้องกันสุดยอด กล่าวได้ว่าวานรั์ค้ำยันฟ้าเป็สัตว์ปิศาจที่แข็งแกร่งทั้งรุกและรับ
โฮก!
วานรั์ค้ำยันฟ้าคำราม สายตาที่มองเซียวเฉินแฝงรังสีฆ่าฟัน ดวงตาสีแดงสดเปล่งประกายเย็นเยียบ ทำให้คนตัวสั่นเทา
ยามนี้ เซียวเฉินมีสีหน้าหนักใจ เขาปะทะกับวานรั์ค้ำยันฟ้า จะประมาทไม่ได้เป็อันขาด ไม่เช่นนั้นต้องตายอย่างอนาถด้วยกรงเล็บของเ้าเดรัจฉานนี้แน่
ตึง!
เคร้ง!
กระบี่หนักเบิกฟ้าปรากฏขึ้นในมือของเซียวเฉินและเปล่งเสียงคำรามกระบี่!
วานรั์ค้ำยันฟ้าทะยานเข้าใส่อย่างบ้าคลั่งราวกับไม่เห็นการระวังป้องกันของเซียวเฉิน แต่ละย่างก้าวทำเอาพื้นดินสั่นะเื
ความเร็วสูงสุด
คร่อกคร่อก!
วานรั์ค้ำยันฟ้าพ่นแสงิญญาให้กลายเป็แสงกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนโจมตีใส่เซียวเฉิน เซียวเฉินก้าวยาวๆ ทะเลเพลิงในมือพวยพุ่ง ยกมือขึ้นโจมตีด้วยประทับเทพหงสาเข้าปะทะกับแสงกระบี่ของวานรั์ค้ำยันฟ้า พริบตาก็ก่อให้เกิดวายุคลั่ง คลื่นพลังเสวียนโหมกระหน่ำ
เซียวเฉินล่าถอยหลายก้าว
“อย่างน้อยความสามารถของเ้าเดรัจฉานนี่ต้องอยู่ขั้นเสวียนฟ้าห้าชั้นฟ้า!” เซียวเฉินแอบบ่นในใจ ตนเองมีความสามารถขั้นเสวียนฟ้าสามชั้นฟ้า แม้ต่ำกว่าอีกฝ่ายสองขั้น แต่ตนเองมีคัมภีร์หงสาานิรวาณเคล็ดวิชาขั้นศักดิ์สิทธิ์อยู่กับตัว และฝึกวิชาร่างเทพอัสนีสำเร็จแล้ว ปะทะกับมันก็ไม่แน่ว่าจะแพ้!
คิดถึงตรงนี้ แววตาของเซียวเฉินก็เป็ประกาย กระบี่หนักวาดผ่าน รังสีกระบี่นับพันนับหมื่นกรีดนภา
ในรังสีกระบี่ซ่อนอานุภาพรุนแรง
นั่นคือวิชากระบี่ทัณฑ์์!
กระบวนท่าที่หนึ่ง ใบไม้ร่วงพันสารท ประกายวาบห่านป่าตื่น!
คัมภีร์กระบี่ทัณฑ์์กระบวนท่าที่หนึ่งทำให้เกิดแสงจ้าเสียดแทงั์ตา ซ่อนกระบวนสังหาร จากนั้นเป็กระบวนท่าที่สอง ัตระหนกพิโรธ เก้าชั้นฟ้าเปี่ยมวายุคลั่งและอสนีบาต ยกระดับอานุภาพของคัมภีร์กระบี่ทัณฑ์์ให้แข็งแกร่งทรงพลังถึงขีดสุด ใช้ความรุนแรงสยบความรุนแรง และกระบวนท่าที่สาม สิบปีเป็ตายไร้ขอบเขต จักรวาลทอดแสงทอง
ออกสามกระบวนท่าอย่างต่อเนื่อง เรียกได้ว่าเป็หนึ่งในวิธีจู่โจมที่แข็งแกร่งที่สุดของเซียวเฉิน!
แนวทางกระบี่สองกระบวนท่าแรกสามารถล่อลวงศัตรูได้ในเวลาเดียวกัน เพิ่มอานุภาพของคัมภีร์กระบี่ขึ้นพรวดพราด ส่วนกระบวนท่าสุดท้ายสามารถสังหารเป็วงกว้าง ขยายรัศมีของพลังทำลายล้างถึงขีดสุด ศัตรูไร้หนทางหลบหนีออกจากรัศมีการเข่นฆ่าภายในระยะเวลาสั้นๆ ได้แต่รับรังสีกระบี่ดุจพายุฝนทั่วฟ้า!
ตูม!
รังสีกระบี่ทั่วนภาร่วงลงมาดุจดาวตก พริบตาก็กลืนกืนวานรั์ค้ำยันฟ้า การจู่โจมกระหน่ำลงมาราวกับพิรุณดอกหลี ฟันลงบนร่างอย่างหนักหน่วง ทำให้ร้องเ็ปเป็ระลอก ทำเอาฝีเท้าของวานรั์ค้ำยันฟ้าสับสน สีหน้าของเซียวเฉินเป็ประกาย ขยับเงาร่างในพริบตา
โอกาสดี!
ฟุ่บ!
เงาร่างของเซียวเฉินะเิออก เงามายาหงสาปรากฏ ทะเลเพลิงปิดฟ้าบังตะวัน
คลื่นความร้อนพวยพุ่ง ดุจอัคคี์เผาเมือง
วิ้งวิ้ง!
“ประทับเทพหงสา!”
เซียวเฉินตวาดลั่น หงสาด้านหลังสยายปีก ปกคลุมเซียวเฉินไว้ภายใน ยามนี้ ทั่วร่างของเซียวเฉินอาบเปลวเพลิง เหมือนรวมกับสัตว์เทพหงสาโดยสมบูรณ์ ทุกความเคลื่อนไหวเปี่ยมด้วยอานุภาพกดดันของสัตว์เทพ เสียงหงส์ทรงพลังดังกังวานจนเปลวอัคคีศักดิ์สิทธิ์หงสารวมตัวเป็ประทับเทพขนาดั์อยู่บนท้องนภา เซียวเฉินจิ้มดัชนี โจมตีด้วยประทับเทพ
เปลวอัคคีศักดิ์สิทธิ์หงสา ทรงอานุภาพ เผาไหม้ทุกสิ่ง
ไม่หมดสิ้นไม่ดับสูญ
ฟู่ฟู่!
ตูม!
ประทับเทพหงสาจู่โจมลงบนร่างของวานรั์ค้ำยันฟ้าอย่างหนักหน่วง อานุภาพแข็งแกร่งทำลายการป้องกันและทะลุเนื้อหนังของมันในพริบตา ร่างของมันซึ่งมีโลหิตอาบลอยกระเด็นไปกระแทกพื้นอย่างแรง พื้นดินถูกชนเป็หลุมั์ ดวงตากระหายโลหิตของมันฉายแววหวาดกลัว
มีสติปัญญาเหมือนสัตว์ปิศาจ ยามนี้ วานรั์ค้ำยันฟ้ามีเจตนาล่าถอยแล้ว
เซียวเฉินหัวร่อหยัน เขาย่อมไม่ให้โอกาสมันหลบหนี ไม่เช่นนั้นจะเป็ภัยภายหลัง
ฉับฉับ!
เซียวเฉินสืบเท้าออกมา พริบตาก็มาถึงข้างหลุม ครู่ต่อมา สายฟ้าขนาดปากชามก็ผ่าเปรี้ยงลงมา อัสนีร้อยรัดวานรั์ค้ำยันฟ้าไว้อย่างแ่าดุจงูเหลือมั์ ไม่มีเสียงกระแสไฟ วานรั์ค้ำยันฟ้าถูกกระแสไฟช็อต มันเ็ปจนร้องคร่ำครวญ เซียวเฉินไร้ความรู้สึกโดยสิ้นเชิง
“ะเิ!”
เซียวเฉินเอ่ยช้าๆ ครู่ต่อมา สายฟ้าที่รัดบนร่างของวานรั์ค้ำยันฟ้าก็ะเิออกมาจนเสียงดังสะท้านฟ้า เมฆรูปดอกเห็ดลอยขึ้น ควันพวยพุ่ง เสียงะเิั์กลบเสียงร้องโหยหวนของวานรั์ค้ำยันฟ้า หลังควันจางหาย วานรั์ค้ำยันฟ้าก็ตายจนมิอาจตายได้อีก
วานรั์ค้ำยันฟ้า สัตว์ปิศาจขั้นเสวียนฟ้าห้าชั้นฟ้าก็ถูกเซียวเฉินฝังทั้งเป็เช่นนี้เอง
ร่างของวานรั์ค้ำยันฟ้าถูกะเิจนเป็ธุลีในหลุมั์ แต่กลับมีดวงแสงมารวมตัวกันช้าๆ พลังงานรุนแรงท่วมท้น บนดวงแสงยังมีแก่นโลหิตหนึ่งหยด ฉากนี้และความรู้สึกนี้ทำให้เซียวเฉินอึ้งงัน จากนั้นใบหน้าก็ปรากฏแววลิงโลดยินดี
นี่คือแก่นโลหิตและพลังเสวียนที่บริสุทธิ์ที่สุดของวานรั์ค้ำยันฟ้า
“หากข้าสามารถผนวกแก่นโลหิตของวานรั์ค้ำยันฟ้าและหลอมแก่นชีวิตของมัน...” พลังต่อสู้มิเพิ่มขึ้นพรวดพราดหรือ?
คิดถึงตรงนี้ ดวงตาของเซียวเฉินก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นสุดๆ
วานรั์ค้ำยันฟ้ามีพละกำลังและการป้องกันไร้เทียมทาน หากตนเองหล่อหลอมแก่นโลหิตของมัน ก็สามารถปะทุพลังอันแข็งแกร่งยิ่งขึ้นออกมาในบางครั้ง ส่วนการป้องกันของมันสามารถสนับสนุนร่างเทพอัสนีได้พอดี การป้องกันของตนเองก็จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น?
อีกทั้งหลังจากสัตว์ปิศาจที่นี่ถูกสังหารจะสามารถหล่อหลอมให้ตนเองใช้ทั้งหมดใช่หรือไม่
หากใช่ เช่นนั้น...
คิดถึงตรงนี้ ดวงตาของเซียวเฉินก็เปล่งประกายแหลมคม
หากเป็เช่นนี้จริง ก็ไม่ต้องให้มันมาหาตนเอง แต่ตนเองจะไปค้นหาพวกมันแทน!
เซียวเฉินสะบัดมือ เก็บแก่นชีวิตและแก่นโลหิตของวานรั์ค้ำยันฟ้าลงในกระเป๋า จากนั้นก็หายตัวไป ในเมื่อต้องหล่อหลอมฝึกวิชา แน่นอนว่าทำที่นี่ไม่ได้ ต้องมีสัตว์ปิศาจมาอีกตัวแน่ ตนเองคงต้องตายแหงๆ!
ฟุ่บ!
เงาร่างของเซียวเฉินหายลับ
...
ที่นี่คือพื้นที่กระบี่ ลึกลงไปในดินมีกระบี่นับล้านเล่ม บอกว่าเป็พื้นที่กระบี่ แต่กลับเหมือนสุสานกระบี่!
สถานที่ฝังกระบี่!
หลังจากเสิ่นเล่ยเข้าประตู์สามสิบหกบานก็มาถึงที่นี่ นางรู้สึกได้ถึงปราณกระบี่อันแข็งแกร่ง แม้เสิ่นเล่ยจะมีสีหน้าหนักใจ แต่กลับมีแววยินดี นางฝึกมรรคากระบี่เป็หลัก ตัวนางเองรู้แจ้งและมีพร์เป็เยี่ยมเื่เจตจำนงกระบี่ ดังนั้น ที่นี่จึงเหมาะกับนางอย่างยิ่ง
วิ้งวิ้ง!
ปราณกระบี่ตัดสลับ หมื่นกระบี่คร่ำครวญ!
พริบตา เจตจำนงกระบี่ก็ทะยานฟ้าพุ่งเสียบเมฆา พลุ่งขึ้นมา!
เจตจำนงกระบี่ชนิดนั้นน่ากลัวมาก แสงและเงากระบี่วูบวาบพร้อมกัน แต่ความจริงแสงกระบี่เป็สุญตา เงากระบี่กลับจับต้องได้ หากสามารถรู้แจ้งเจตจำนงกระบี่อันแข็งแกร่งชนิดนี้ได้ เกรงว่าความสามารถจะเพิ่มขึ้นถึงขั้นน่าสะพรึง ใช้กระบี่จู่โจม มีแสงกระบี่และเงากระบี่ตามติด ยามผู้อื่นตั้งใจป้องกัน แสงกระบี่ก็ใช้การป้องกันหลอกลวงและคงตายใต้เงากระบี่ของเ้าแล้ว นี่จึงเป็มรรคากระบี่ที่แท้จริง สามารถฆ่าคนได้โดยไร้ลักษณ์
หลังเสิ่นเล่ยสืบเท้ามา สีหน้าก็แปรเปลี่ยนทันควัน
เพราะนางเพิ่งก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ก็รู้สึกว่าเงากระบี่สายหนึ่งกรีดผ่านข้างกายของตนเองไป จากนั้น นางรู้สึกว่าลำคอเย็นวาบจึงยกมือขึ้นลูบ พบว่ามีรอยโลหิตสายหนึ่ง เสิ่นเล่ยเห็นรอยโลหิตในมือก็รู้สึกหวาดกลัว นางไม่สงสัยเลยสักนิดว่า หากตนเองก้าวไปอีกก้าว ต้องถูกปราณกระบี่บั่นศีรษะแน่
“เจตจำนงกระบี่อันแกร่งกร้าวนัก...”
เสิ่นเล่ยเอ่ยอย่างหวาดหวั่น จากนั้นสีหน้าแปรเปลี่ยน
ทรุดนั่งขัดสมาธิทันที เจตจำนงกระบี่แข็งแกร่งปานนี้ หากสามารถรู้แจ้งได้เล็กน้อยก็จะเป็ประโยชน์ต่อการฝึกวิชาของตนเองอย่างมาก
ในเมื่อรุดหน้าไม่ได้ เช่นนั้นก็ฝึกวิชาอยู่ที่เดิม
รู้ว่าสามารถรุดหน้าเพราะมันได้
เสิ่นเล่ยจมลงสู่สมาธิท่ามกลางปราณกระบี่และเสียงคำรามกระบี่เกลื่อนฟ้า พลังเสวียนบนร่างและเจตจำนงกระบี่นับพันนับหมื่นในเขตกระบี่รับรู้และดูแลกัน เปล่งรัศมีบาดตา ดุจนางถือกำเนิดมาเป็คู่หูกับกระบี่ และเกิดมาเพื่อกระบี่...