กุบกับๆ
กองทัพอาชาเผ่นโผนขึ้นฟ้า ด้วยพลังสังหารอันพลุ่งพล่าน ห้อทะยานเข้าสู่สมรภูมิของเหล่าอสูรเมฆาทันที
...
ณ ลานอันห่างไกลแห่งหนึ่ง
อรหันต์เหลียนเซิงและผู้าุโใหญ่ ต่างพากันชะงักงัน
"กองทัพอาชา?" น้ำเสียงของผู้าุโใหญ่เคร่งเครียดยิ่ง
"เป็เขานั่นเอง! ฮ่าๆ นี่เป็ครั้งแรก ที่อาตมาได้ยินว่าสามารถเรียกกองทัพอสูรเมฆา ทั้งยังร้ายกาจถึงเพียงนี้" ภิกษุชรากล่าว พลางหัวเราะ
“คนผู้นี้เป็คือใครกัน? มีทักษะหมากเช่นนี้ได้อย่างไร? ทั้งยังเข้าใจสัจธรรมฟ้าดินเช่นนี้อีก?” ผู้าุโใหญ่หันไปถามอีกฝ่าย
อรหันต์เหลียนเซิงจับจ้องแม่ทัพแห่งกองทัพอาชาที่นำอยู่ด้านหน้า และชายหนุ่มซึ่งร่างจมอยู่ตรงศีรษะของแม่ทัพ ผู้ถือทวนวงเดือน์
"เขามีนามว่ากู่ไห่!" ผู้ทรงศีลตอบ
...
บนยอดเขาลูกหนึ่ง
จักรพรรดิเซียนต้าิและพรรคพวก ต่างเงยหน้ามองท้องฟ้า ใน่สองสามวันที่ผ่านมา พวกเขาเฝ้าดูการต่อสู้บนนภามาโดยตลอด การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของกองทัพอาชา ทำให้แม้แต่ผู้เป็จักรพรรดิเซียน ก็ยังอดประหลาดใจมิได้
"กองทัพอาชา? น่าสนใจ!" ชายถือคทากล่าว พลางยิ้มเย็น
“เอ๊ะ! นั่นคือ?...” ทันใดนั้น เสียงของเขาก็ดังขึ้นเล็กน้อย ด้วยความใ
"จักรพรรดิเซียนต้าิ โปรดทอดพระเนตรไปยังแนวหน้าของกองทัพ ที่ชายคนนั้นกำลังโอบประคองนั่น..." ชายสวมชุดดำมีตราพระอาทิตย์ตรงอกผู้หนึ่ง พลันะโอย่างตระหนก
“จักรพรรดิเซียนต้าิ นั่นมิใช่จักรพรรดินีหนี่วาหรือขอรับ?” กลุ่มชายชุดดำ ตกอยู่ในความโกลาหลทันที
"จับตาดูต่อไปก่อน" ชายถือคทากล่าวเสียงเคร่ง
...
การปรากฏตัวของกองทัพอันเกรียงไกร ดึงดูดความสนใจจากเหล่าผู้ฝึกตนและชาวพื้นเมืองทันที ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างด้วยความเหลือเชื่อ
“เป็ไปได้อย่างไร? ไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน!”
"หมากสีทอง สามารถเรียกกองทัพอสูรเมฆาออกมาได้?"
“นี่ข้ากำลังฝันอยู่ใช่หรือไม่? ล้อเล่นหรือเปล่า?”
บัดนี้ผู้ฝึกตนจำนวนมาก ต่างพากันเบิกตาโพลงด้วยความตกตะลึง มีทั้งที่ต้องออกจากสมรภูมิ เพราะอสูรเมฆาถูกกลืนกินระหว่างการรบก่อนหน้า จึงสูญเสียคุณสมบัติในการเข้าร่วมการต่อสู้ และคนที่หาหมากสีทองไม่พบ
เมื่อเห็นภาพที่ปรากฏ กล้ามเนื้อบนใบหน้าของคนนอก ซึ่งสูญเสียคุณสมบัติในการเข้าร่วมการต่อสู้ไป ต่างกระตุกวูบ พลางร้องอุทานลั่น "เ้าสัตว์ประหลาด!"
...
กุบกับๆ!
เมื่อกองทัพอาชาหลายพันตัว ควบทะยานไปข้างหน้า ผู้ที่หนักใจที่สุด ก็คือฝูงชนที่กำลังต่อสู้อยู่บนฟากฟ้า
แม้ว่าเหล่าอาชาจะมีขนาดเพียงหนึ่งร้อยจั้ง แต่ก็มีจำนวนมากมายเกือบหมื่นตัว เหตุใดจึงได้มหาศาลถึงเพียงนี้?
ผู้ฝึกตนต่างรู้สึกแขนขาอ่อนแรงทันที
สีหน้าของเิไท่ กลายเป็บิดเบี้ยวไม่น่าดู
เิไท่รู้ั้แ่ก่อนหน้านี้แล้ว ว่าทักษะหมากของกู่ไห่นั้นยอดเยี่ยมมาก แต่ไม่คิดว่าจะน่าทึ่งถึงเพียงนี้ นี่ดูเหมือนเป็การโกงเสียมากกว่า!
เ้าผู้เดียวก็เอามันมาได้แล้วกระมัง? เช่นนั้นแล้ว คนอื่นยังจะชิงสิ่งใดได้อีก?
"ทุกคน สกัดกองทัพอาชาเอาไว้!" เิไท่ะโบอก
สีหน้าของคุณชายเก้าก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เิไท่และกลุ่มอสูรเมฆาของเขา ก็มิได้เป็ภัยคุกคามอีกต่อไป ภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ก็คือกองทัพอาชานั่น
"หยุดการต่อสู้ สกัดกองทัพอาชานั่นไว้!" คุณชายเก้าะโสั่ง
"ขอรับ!"
ทั้งสองฝ่ายที่เพิ่งต่อสู้ห้ำหั่นกันเมื่อครู่ พลันจับมือเผชิญหน้ากับกองทัพอาชาทันที
แววตาของเกาเซียนจือ เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“ท่านหัวหน้าถูกผู้าุโกวนฉีเข้าสิงหรือ? ข้าไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่?” เฉินเทียนซานถาม พลางขยี้ตาด้วยความตื่นเต้น
กุบกับๆ!
ท่ามกลางกองทัพนับหมื่นนั้น กู่ไห่ใช้หมากสีทองควบคุมกองกำลัง พุ่งตรงไปยังต้นท้อร้อยปีบนท้องฟ้า
หากเป็่ก่อนหน้า ชายหนุ่มคงไม่อาจทำเช่นนี้ได้ แต่ในระหว่างที่ปิดด่านฝึกตนนั้น เขาได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับค่ายกลหมากล้อมแล้ว แม้จะไม่สามารถแสดงอานุภาพที่แท้จริงทั้งหมดออกมาได้ เนื่องจากมีระดับพลังต่ำ แต่ในมือเขาก็ยังมีหมากสีทอง ซึ่งเป็เครื่องมือในการรวมพลังฟ้าดินอยู่
ที่จริงแล้ว หมากสีทองนั้นมีพลังในตัวเอง ชายหนุ่มรู้ว่ามันเป็ส่วนหนึ่งของค่ายกลที่ยิ่งใหญ่ ด้วยพลังแห่งการควบคุมอันแข็งแกร่ง ผ่านกฎฟ้าดินซึ่งทรงอำนาจ เขาจึงสามารถแสดงพลังซึ่งคนอื่นไม่เข้าใจออกมาได้
จริงๆ แล้วกองทัพอาชานี้ สร้างขึ้นมาจากหมากสังหาร
กองทัพอาชาพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่ย่อท้อ ราวกับพร้อมจะสังหารทุกผู้คน ไม่ว่าจะเป็เทพหรือมารก็ตามที่มาขวางทาง
“ย้าก!” กองทัพนับหมื่นร้องคำราม เสียงดังสะท้านฟ้า
"ฆ่า!"
แม่ทัพผู้ถือทวนวงเดือน์นั้น น่าเกรงขามยิ่ง ั์ตาเปล่งประกายดุดัน
กู่ไห่ควบคุมกองทัพอาชานับหมื่น พลางประคองอสรพิษน้อยเอาไว้ในอ้อมแขน
"เสี่ยวโหรว ลืมตาขึ้น เ้าได้ยินหรือไม่? ตื่นขึ้นมา ข้าจะรีบช่วยเ้า ตื่นสิ... ฟื้นสิ!" ชายหนุ่มพยายามปลุกนาง ด้วยท่าทีเป็กังวล
อสรพิษน้อยดูเหมือนจะถึงขีดจำกัดแล้ว ดวงตาของนางเปิดขึ้นเพียงชั่วครู่ ก่อนจะปิดลงอีกครั้ง
ดวงตาเสี่ยวโหรวฝ้าฟางไปชั่วขณะ แต่ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็ดูเหมือนจะกลับมาชัดเจนอีกครั้ง เมื่อเห็นใบหน้าของกู่ไห่ ที่เต็มไปด้วยความกังวล จึงคลี่ยิ้มทันที ทว่ายังคงอ่อนแอยิ่ง ไม่นานก็หลับตาลงอีกครั้ง
“เสี่ยวโหรว อย่าหลับนะ!” ชายหนุ่มยังคงเขย่าตัวนางไม่หยุด
“ผู้มีพระคุณ!” อสรพิษน้อยพูดเสียงแ่
"เร็ว... เร็วเข้า!" กู่ไห่ะโเร่ง ใบหน้าปรากฏแววหวาดวิตก
แม่ทัพผู้ถือทวนวงเดือน์ กระตุ้นม้า พลางะโ "ฆ่าๆๆ!"
กุบกับๆ!
กองทัพอาชารุกหนักยิ่งขึ้น
ตูม!
เพียงครู่เดียว กองทัพอาชาก็รุดเข้ามาใกล้ทุกคนแล้ว
ด้านหน้ามีอสูรเมฆาขนาดใหญ่อยู่เกือบพันตัว ทุกคนต่างมีศัตรูร่วมกัน ทั้งสองฝ่ายจึงได้ยกโทษให้กัน และจัดเตรียมกองกำลังร่วม เพื่อเผชิญหน้ากับกองทัพอาชาที่กำลังควบทะยานเข้ามา
เมื่อมองกองทัพอาชาที่แผ่รังสีสังหารเข้มข้น ซึ่งกำลังพุ่งโผนขึ้นมา เิไท่และคุณชายเก้า ต่างก็เหงื่อแตกพลั่ก
เพียงอึดใจ กองทัพทั้งสองก็เผชิญหน้ากัน
"ขวางไว้... ขวางมันเอาไว้!" เิไท่ะโสั่ง
โฮกๆๆ!!
อสูรเมฆาขนาดใหญ่หลายสิบตัวที่อยู่แถวหน้าร้องคำราม พร้อมพุ่งขย้ำฝ่ายตรงข้าม
"ฆ่า!" แม่ทัพแห่งกองทัพอาชาถลึงตา พลันฟันทวนวงเดือน์ลงไป
ตูม!
ทันใดนั้น หมาป่าั์ที่อยู่หน้าสุดก็ลอยกระเด็น กองทัพที่อยู่ข้างหลังมันก็ถูกแรงปะทะ ซัดจนลอยออกไปเช่นกัน
ตูมๆๆ!!
ก่อนที่ทุกคนจะรู้ตัว ดาบของทหารคนอื่นๆ ในกองทัพอาชา ก็พุ่งเข้าใส่หมาป่าั์แล้ว
ปัง!
หมาป่าเมฆาที่อยู่ด้านหน้าล้มลง แต่กองทัพอาชาก็ไม่คิดจะกลืนกินมันอยู่แล้ว จึงเพียงจัดการมันเท่านั้น
“อ๊าก!”
ผู้ควบคุมหมาป่าดิ่งลงพื้นทันที แม้แต่หมากสีทองก็ยังแตกเป็เสี่ยงๆ สลายไปพร้อมกับอสูรเมฆาของเขา
ปัง! ตูม! ปัง!...
อสูรเมฆาที่อยู่แถวหน้า ถูกล้อมสังหารโดยกองทัพอาชา ซึ่งเก่งทั้งรุกและรับ แม้จะมีขนาดเล็กกว่าศัตรู แต่ก็ไม่สำคัญ เพราะการโจมตีร่วมกันของพวกเขานั้น ทรงพลังมาก
พลันกองทัพอาชาก็พุ่งฝ่าศัตรู มุ่งตรงไปด้านในทันที
"ฆ่าๆๆๆ!"
เสียงคำรามอันน่าเกรงขามดังก้องฟ้า การโจมตีอย่างมีระเบียบแบบแผนเช่นนี้ ร้ายกาจมาก ทำให้จำนวนผู้ต่อต้านค่อยๆ ลดลง
ระหว่างทาง มีผู้ฝึกตนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่กล้าขัดขวางพวกเขา แต่คนเ่าั้กลับถูกกองทัพอาชาโค่นลงทั้งหมด จนตกตายอยู่ใต้เกือกม้า
อ๊ากๆๆ!...
เสียงกรีดร้องดังขึ้น ในขณะที่ผู้ฝึกตนดิ่งพสุธาอย่างต่อเนื่อง ราวกับห่าฝน พร้อมกับเสียงกรีดร้องอันน่าเวทนา
"หยุดไว้ๆๆ!" เิไท่ะโสั่ง ด้วยสีหน้าคลุ้มคลั่ง
ไม่ว่ากองทัพของกู่ไห่จะไปที่ใด เหล่าอสูรเมฆาั์ก็จะถูกทำลายลงในพริบตา
"ฆ่าๆๆ!"
โฮกๆๆ!!
เวลาผ่านไป การต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายยิ่งดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ
"กู่ไห่... กู่ไห่ ช่างบังอาจนัก!" คุณชายเก้าถลึงตา ตวาดก้อง
ในตอนแรกเขาดูถูกกู่ไห่ยิ่ง กระทั่งเคยบอกว่า อีกฝ่ายไม่สมควรที่จะทราบด้วยซ้ำว่าตนเองคือใคร แต่บัดนี้ เมื่อมองดูกองทัพอาชาอันยิ่งใหญ่ คุณชายเก้าไหนเลยจะยังทะนงตนเช่นกาลก่อน ดวงตาของเขา เต็มไปด้วยความตระหนกและโกรธเกรี้ยว
ทว่าเวลานี้ กู่ไห่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา เอาแต่มองต้นท้อร้อยปี และจับจ้องลูกท้อสีทอง ซึ่งแขวนอยู่บนต้นเท่านั้น
"เร็ว! เสี่ยวโหรวรอก่อนนะ อีกไม่นานก็จะได้กินลูกท้อนั่น แล้วเ้าจะฟื้นตัวได้ในเร็ววันแน่ อย่าหลับนะเสี่ยวโหรว... ห้ามหลับ!" เขากระตุ้นอย่างเป็กังวล
“ผู้มีพระคุณๆ” อสรพิษน้อยค่อยๆ ลืมตาขึ้น
สีหน้าชายหนุ่มเปลี่ยนไป กลายเป็ดุดันทันที
“เร็ว! ฆ่าพวกมันเสีย เปิดทางให้ข้า”
"ฆ่า!" แม่ทัพผู้ถือทวนวงเดือน์ ะโเร่งเร้าทันที พวกเขาพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต
ปังๆ!
ปัง! ตูม!
โฮก!
“อ๊าก!”
“อ๊าก!”
“อ๊าก!”
ผู้ฝึกตนร่วงลงมาจากท้องฟ้าถี่ขึ้นเรื่อยๆ
เิไท่มองดูเหตุการณ์เบื้องหน้าด้วยสายตาตกตะลึง
นี่!... จะต้านพวกนั้นได้อย่างไร? กองทัพอาชานี่แข็งแกร่งเกินไปแล้ว เราพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์ ส่วนอีกฝ่ายก็รุดหน้าขึ้นไปอย่างง่ายดาย เหมือนผ่าลำไผ่ ดุเดือดประหนึ่งพายุโหม
"ต้านเอาไว้ ปีกซ้ายและปีกขวา โจมตีเข้าไปตรงกลาง เร็วเข้า... เร็ว!" เิไท่ะโเร่ง
ปัง! ตูม!
กลุ่มอสูรเมฆาขนาดใหญ่ลอยกระเด็น และถูกกองทัพอาชาสังหารอย่างต่อเนื่อง อสูรเมฆาค่อยๆ ถูกโค่นลงทีละตัวๆ
"ต้านเอาไว้!" เิไท่ตะเบ็งเสียงอย่างใ
ตูม!
พลัน ทวนวงเดือน์ก็ฟันลงบนัั์ ซึ่งเิไท่นั่งอยู่
โฮก!
ัั์ส่งเสียงคำรามอย่างเ็ป
ปัง! ตูม!
เพียงคลื่นแห่งดาบสาดซัดเข้าใส่ ัั์ที่เิไท่นั่งอยู่ ก็เต็มไปด้วยาแ
"ฆ่าๆๆๆ!"
“ไอ้สารเลว!” ใบหน้าของเิไท่พลันบิดเบี้ยวทันที
อย่างไรก็ตาม กองทัพอาชานั้นแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่เกินไป พวกเขาบุกฝ่าไปง่ายดาย ราวกับผ่าลำไผ่ ไร้เทียมทานยิ่ง กองทัพอสูรเมฆาั์พินาศสิ้น
ปังๆ!
เพียงอึดใจ ก็ฝ่าปราการของเหล่าผู้ฝึกตนด้านนอกไปได้ พวกเขาพุ่งเข้าไปข้างใน และเผชิญหน้ากับกองกำลังชาวพื้นเมืองต่อ
"หยุดไว้... หยุดพวกมันไว้!" คุณชายเก้าร้องสั่งด้วยความกลัว
"ทหารทุกนาย... สังหาร!" แม่ทัพผู้ถือทวนวงเดือน์ ะโสั่ง สีหน้าโหดร้าย
“ฆ่า!”
กองทัพอาชาคำรามอย่างพร้อมเพรียง ก่อนปราดเข้าปะทะกับกองกำลังชาวพื้นเมือง
คุณชายเก้าจ้องมองกู่ไห่ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็บ้าคลั่ง
จากนั้นศีรษะอสรพิษก็ฉกออกไป มันอ้าปากและพุ่งเข้าใส่กู่ไห่ทันที ขอแค่กำจัดคนผู้นี้ได้... เราก็ชนะแล้วมิใช่หรือ?
แต่แม่ทัพที่อยู่ข้างใต้นั้น ดุร้ายอย่างไม่น่าเชื่อ พริบตาทวนวงเดือน์ในมือ ก็ฟาดฟันออกไปอย่างรุนแรง
"เรี่ยวแรงของข้า มหาศาลดุจขุนเขา[1]! ทำลาย!" ผู้เป็แม่ทัพเปล่งเสียงอย่างดุร้าย
ตูม!
ศีรษะอสูรเมฆาเก้าเศียรขนาดใหญ่หัวหนึ่ง ถูกตัดขาดทันที
"อะไรกัน?" คุณชายเก้าอ้าปากค้าง
ง้าวอันนั้นทรงพลังอะไรเช่นนี้! หนึ่งในศีรษะอสูรเก้าเศียรของข้าถูกตัด?
โฮกๆ!
กองทัพที่อยู่เื้ั เผ่นโผนตามแม่ทัพไปข้างหน้า เพื่อโจมตีอีกแปดหัวที่เหลือทันที
อสูรเมฆาที่เหลือแปดเศียร เหวี่ยงหางเข้าใส่กองกำลังทหารอย่างบ้าคลั่งทีละคน แต่ทหารเ่าั้มีมากเกินไป
"ฆ่าๆๆๆ!"
เหล่าทหารผู้ดุดันทำตามคำสั่งทันที หนึ่งจัดการไม่ได้ก็ใช้ร้อย ไม่นาน อสูรเมฆาแปดเศียรก็เต็มไปด้วยาแ
ตูม!
อีกศีรษะหนึ่งถูกตัดออก
อสูรเมฆาเหลืออยู่เจ็ดเศียรแล้ว!
"ไม่ๆ... เ้าสัตว์ประหลาด กู่ไห่ เ้ามันเป็สัตว์ประหลาด!" คุณชายเก้าแผดเสียงอย่างร้อนใจ
ปัง!
ภายใต้การโจมตีอันหนักหน่วงของกองทัพอาชา เพียงชั่วครู่ ผลลัพธ์ก็ถูกตัดสิน
แม้กองกำลังร่วมสองฝ่ายจะแข็งแกร่ง แต่กองทัพอาชานั้นดุดันกว่ามาก เมื่อแหวกเปิดทางไปเรื่อยๆ ก็มาอยู่ใกล้ต้นท้อร้อยปีแล้ว
ผู้คนนับไม่ถ้วนร่วงหล่นพื้น ราวกับห่าฝน
ชาวพื้นเมืองที่เก่งกาจฮึกเหิมเมื่อครู่ บัดนี้ต่างก็ร่วงลงมาด้วยสภาพไม่น่าดูเช่นกัน
กองทัพอาชาล้อมต้นท้อร้อยปีเอาไว้ ในพริบตา
จากอสูรขนาดั์เกือบพันตัว บัดนี้เหลือไม่ถึงสามร้อยตัว และต่างก็าเ็สาหัส ทั้งหมดจึงถอยแอบไปด้านหนึ่ง พลางจ้องสนามรบอย่างนิ่งงันเหมือนไก่ไม้
ส่วนคนที่ร่วงลงสู่พื้นนั้น เป็ตายอย่างไรก็สุดจะรู้
อสูรเก้าเศียรก็ถอนตัวไปแล้วเช่นกัน ศีรษะของมันเหลือเพียงสอง อีกทั้งร่างกายยังเต็มไปด้วยาแ
ัั์ของเิไท่ก็ถอยไปอยู่ด้านข้างเช่นกัน ขาทั้งสี่ หาง และเขาของมันถูกฟัน ร่างกายเต็มไปด้วยาแ
นอกจากเกาเซียนจือและเฉินเทียนซาน ที่ถอยออกไปนานแล้ว คนส่วนใหญ่ที่เพิ่งถอยกลับมา ล้วนอยู่ในสภาพน่าสังเวชไม่น่าดู พวกเขาทำได้แค่จ้องมองกองทัพอาชาที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน เข้าไปยังต้นท้อร้อยปี
หัวใจของเิไท่ปวดร้าวยิ่ง หลังจากเล่นเล่ห์ และทำสิ่งต่างๆ มากมายไปก่อนหน้านี้ สุดท้ายแล้ว กลับทำได้แค่เฝ้ามองผู้อื่นฉกชิงผลประโยชน์จากด้านข้าง
“กู่ไห่!” เิไท่ร้องะโ ด้วยน้ำเสียงหดหู่และไม่พอใจ
"กู่ไห่!" คุณชายเก้าคำราม อย่างโกรธเกรี้ยว
------------------------------------
[1] ‘เรี่ยวแรงของข้า มหาศาลดุจขุนเขา’ เป็วรรคแรกในบทเพลงแห่งไก่เซี่ย (Song of Gaixia, 垓下歌) ที่ประพันธ์ขึ้นโดย ฌ้อปาอ๋องฮั่งอู หรือซีฉู่ป้าหวาง นามเดิมเซี่ยงอวี่
เื่ราวของฌ้อปาอ๋อง ได้รับการเล่าขานสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่จะบรรยายบุคลิกลักษณะของเขา ว่าเป็ชายรูปร่างสูงใหญ่ บึกบึน ไว้หนวดไว้เครา อุปนิสัยโหดร้าย เ้าอารมณ์ และมุทะลุดุดัน
เนื่องจากการบุกเมืองเสียนหยาง ฌ้อปาอ๋องได้สั่งเผาและฝังทั้งเป็ทหารฉินถึง 200,000 นาย และต่อมาเมื่อมีอำนาจ ก็เป็บุคคลเ้าอารมณ์ไม่ฟังเสียงทัดทานของผู้คนรอบข้าง
ขณะเดียวกัน ชีวิตส่วนตัวของฌ้อปาอ๋องกับนางสนมหยูจี ซึ่งเป็สาวงามผู้อยู่เคียงข้างจนวาระสุดท้าย ก็เป็ที่เล่าขานเช่นกัน
โดยก่อนที่ฌ้อปาอ๋องจะลุกขึ้นมานำทัพ บุกฝ่าวงล้อมของกองทัพฮั่นนั้น ได้เข้าไปล่ำลาหยูจี พร้อมกับตีกลองร้องเพลง ที่กล่าวถึงวาระสุดท้ายในชีวิตของตนเอง ซึ่งเรียกกันว่า "บทเพลงแห่งไก่เซี่ย" (Song of Gaixia, 垓下歌) อันมีเนื้อความ ดังนี้
力拔山兮氣蓋世
時不利兮騅不逝
騅不逝兮可奈何
虞兮虞兮奈若何
เรี่ยวแรงของข้า มหาศาลดุจขุนเขา
จิติญญาของข้า เคยหล่อเลี้ยงยุคสมัย
ในเวลาอันมืดมิดนี้ แม้แต่ม้าก็พาข้าหนีไม่ได้
แต่ยามนี้ สิ่งเ่าั้จะมีความหมายใด
โอ้... หยูจีที่รักของข้า ชะตากรรมเ้าจะเป็เช่นใด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้