เยว่เฟิงเกออึ้งไปราวสองสามวินาที แต่ก็ยังสามารถดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
ข้อมือของนางถูกบีบจนช้ำม่วงปื้นใหญ่ หรือว่าแค่เป่าๆ ไม่กี่ทีก็จะหายได้?
แม้เยว่เฟิงเกอจะไม่อยากทำลายบรรยากาศในตอนนี้ แต่ในฐานะผู้มีความรู้ความสามารถทางด้านการแพทย์ นางจึงอดเอ่ยเตือนม่อหลิงหานไม่ได้
“อะแฮ่ม คือว่านะท่านอ๋อง ข้อมือของหม่อมฉันจำเป็ต้องทายารักษา มิฉะนั้นอาการาเ็นี้คงไม่อาจหายได้ในเร็ววัน”
ม่อหลิงหานได้ยินเช่นนี้ก็รีบะโออกไปนอกห้อง “ไปตามหมอประจำจวนมา”
ม่อหลิงหานพูดจบก็หันศีรษะมา ยังคงตั้งอกตั้งใจเป่าข้อมือให้เยว่เฟิงเกอต่อไป
“ยังเจ็บอยู่หรือไม่? ” ม่อหลิงหานเงยหน้ามองเยว่เฟิงเกอ เห็นว่ายามนี้นางกำลังกัดริมฝีปากล่างพลางจดจ้องเขาตาไม่กะพริบ
เมื่อม่อหลิงหานได้เห็นใบหน้างดงามดวงน้อยของเยว่เฟิงเกอในท่าทีที่เข้มแข็ง นางกำลังทนข่มความเ็ปไว้ หัวใจของม่อหลิงหานก็ราวกับสายน้ำที่โดนก้อนหินตกกระทบจนไหวกระเพื่อมเป็วงกว้าง
คนทั้งสามที่เฝ้าอยู่หน้าเรือนได้ยินเสียงะโของม่อหลิงหานก็พากันเหงื่อตก
หรือว่าเมื่อครู่พวกเขาจะคาดเดาผิดไป ท่านอ๋องไม่ได้ตกหลุมรักพระชายา เพราะยามนี้คนทำพระชายาาเ็เข้าแล้ว?
ถานอี้คิดจะเดินกะเผลกไปตามหมอประจำจวน แต่เฉียวเฟยกลับออกปากห้ามไว้
“เ้าเฝ้าอยู่ที่นี่เถอะ หากพระชายาเป็อะไรขึ้นมา เ้ายังสามารถช่วยเหลือได้ ประเดี๋ยวข้าจะไปตามหมอมาเอง”
เพียงพูดจบ เฉียวเฟยก็หายตัวไปทันที
ชิงจื่อร้อนอกร้อนใจจนกระทืบเท้า หากว่าพระชายาเป็อันใดไป นางเองก็ไม่ขออยู่ต่อแล้ว
เฉียวเฟยพาท่านหมอและลูกศิษย์ของเขากู้เฟิงมาถึงจุดหมายปลายทางอย่างรวดเร็ว
ตลอดทางมานี้เฉียวเฟยพูดไปเพียงประโยคเดียวคือ เกิดเื่ขึ้นกับพระชายา จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก แต่ดูจากท่าทางใจนทำอะไรไม่ถูกของเขา หมอประจำจวนกับกู้เฟิงต่างก็เริ่มรู้สึกได้ว่าเื่นี้คงจะร้ายแรงไม่น้อย
คนทั้งสามเร่งรุดมาถึงอย่างรีบร้อน โดยหมอประจำจวนและกู้เฟิงไม่ได้เคาะประตูรายงานแต่อย่างใด ก็เปิดประตูเรือนเข้าไปทันที
เหตุที่พวกเขาให้ความสำคัญกับเยว่เฟิงเกอถึงเพียงนี้ล้วนเป็เพราะเลื่อมใสในวิชาแพทย์ของนาง
เนื่องจากเมื่อคืนวานถานอี้ดื่มยาไปเพียงถ้วยเดียว แต่อาการของเขาในวันนี้กลับดีขึ้นมากแล้ว ยิ่งกว่านั้น าแภายนอกที่บริเวณขาของเขาเองก็ยังสมานตัวอย่างดีแล้ว สิ่งเหล่านี้ทำให้หมอประจำจวนเป็ต้องตกตะลึงในความสามารถทางด้านวิชาแพทย์ของเยว่เฟิงเกอ
ส่วนกู้เฟิง คนถูกท่าทีเยือกเย็นในการจัดการเื่ราวต่างๆ ของเยว่เฟิงเกอที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ทำเอาเคารพนับถือไปเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งวิชาแพทย์ชั้นสูงของเยว่เฟิงเกอยังนับว่าแข็งแกร่งกว่าอาจารย์เขาร้อยเท่าพันเท่า
ดังนั้น ศิษย์อาจารย์จึงพากันยอมรับนับถือในตัวพระชายาคนนี้จากใจ
เมื่อได้ยินว่าเกิดเื่ขึ้นกับพระชายา พวกเขาทั้งสองก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบหอบกระเป๋ายาแล้วเร่งรุดมาที่นี่ทันที
ทว่า เมื่อคนทั้งสองก้าวเข้าไปในเรือนนอนโดยที่มีเหงื่อซึมเต็มศีรษะ ภาพฉากตรงหน้ากลับทำให้ตกตะลึง
ยามนี้ท่านอ๋องกำลังโอบกอดพระชายาไว้ในอ้อมอก ทั้งยังจับมือข้างหนึ่งของพระชายาไว้ เป่าให้ด้วยท่าทีอ่อนโยนยิ่ง
“ยังเจ็บอยู่หรือไม่? ” ม่อหลิงหานไม่สนใจผู้มาใหม่สองคนที่พรวดพราดเข้ามาแม้แต่น้อย เขายังคงถามเยว่เฟิงเกออย่างตั้งอกตั้งใจ
เยว่เฟิงเกอเห็นว่าหมอประจำจวนกับกู้เฟิงมาถึงแล้ว นางอยากจะดึงมือกลับด้วยรู้สึกเขินอายเล็กน้อย มิคาดม่อหลิงหานจะไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยนาง
“ท่าน ท่านอ๋อง พระชายาทรง...” หมอประจำจวนเช็ดเหงื่อกาฬบนหน้าผาก อดเอ่ยปากถามไม่ได้
ในตอนนี้เองม่อหลิงหานถึงได้หันศีรษะไปมองทางประตู เขากล่าวกับคนทั้งสองที่ยืนอยู่ว่า “พวกเ้าเข้ามาดูอาการให้พระชายาหน่อย ตอนนี้ข้อมือนางได้รับาเ็ จำต้องรักษาโดยเร็ว”
เมื่อหมอประจำจวนและกู้เฟิงได้ยินเช่นนั้นก็รีบเดินเข้าไป
และทันทีที่เห็นรอยช้ำบนข้อมือของเยว่เฟิงเกอ กู้เฟิงก็อดถามขึ้นไม่ได้ว่า “เป็เช่นนี้ไปได้อย่างไร? ”
“เปิ่นหวางเป็คนทำเอง” ม่อหลิงหานไม่กลัวที่จะบอกให้คนนอกรู้ เขามองข้อมือของเยว่เฟิงเกอด้วยสีหน้าร้อนใจ “พวกเ้ายังมัวอึ้งอันใดอยู่อีก รีบรักษาให้พระชายาเถอะ”
หมอประจำจวนและกู้เฟิงยืนสีหน้าดำคล้ำอยู่กับที่ พวกเขาคาดเดาไว้แล้วว่าทั้งหมดนี้ย่อมต้องเป็ผลงานชิ้นเอกของท่านอ๋อง
เพียงแต่พระชายาก็แค่ข้อมือช้ำ ไม่ได้สาหัสถึงเพียงนั้น แค่ประคบและทายาภายนอกก็จะค่อยๆ ดีขึ้นได้เอง
ทว่า สองศิษย์อาจารย์กลับได้เห็นว่าท่านอ๋องมีสีหน้าร้อนอกร้อนใจยิ่ง ช่างแตกต่างไปจากนิสัยใจคอยามปกติของเขาอยู่มาก
เยว่เฟิงเกอเองก็สีหน้าดำคล้ำ ม่อหลิงหานผู้นี้นับว่าสง่าผ่าเผยพอใช้ได้ ช่างมีความกล้าที่จะยอมรับในการกระทำของตนเองเสียจริง
หมอประจำจวนให้กู้เฟิงไปนำกะละมังน้ำร้อนเข้ามา จากนั้นจึงใช้ผ้าเนื้อดีชุบน้ำแล้วประคบให้เยว่เฟิงเกอเบาๆ
เนื่องจากผ้าเนื้อดีผืนนั้นซึมซับน้ำร้อนขึ้นมาจนชุ่ม ทั้งยังร้อนมากเกินไป ทันทีที่ััเนื้อหนังที่บอบช้ำ เยว่เฟิงเกอจึงรู้สึกแสบร้อนขึ้นมา นางขมวดคิ้วอย่างลืมตัว
ม่อหลิงหานเห็นเช่นนั้นก็รีบตำหนิทันที “ทำพระชายาเจ็บ เ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ”
หมอประจำจวนสีหน้าดำคล้ำคิดจะคุกเข่าลงไปขออภัยโทษ แต่กลับได้ยินเสียงเยว่เฟิงเกอห้ามปราม
“อย่าไปโทษท่านหมอเลย ระหว่างการรักษาอาจต้องเจ็บบ้างเล็กน้อย นี่ถือเป็เื่ธรรมดา ท่านอย่าได้ร้อนใจเกินไปนักจะได้หรือไม่”
ม่อหลิงหานได้ยินเช่นนี้ถึงได้แค่นเสียงเ็า ไม่ตำหนิหมอประจำจวนอีก
หมอประจำจวนอดไม่ได้ให้รู้สึกซาบซึ้งอยู่ในใจ ยามที่ทายาให้เยว่เฟิงเกอจึงอ่อนโยนอย่างยิ่ง
หลังจากที่หมอประจำจวนรักษาอาการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็แจ้งต่อเยว่เฟิงเกอและม่อหลิงหานว่า “เพียงแค่คืนเดียว อาการาเ็ของพระชายาก็จะดีขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”
ม่อหลิงหานโบกมือให้หมอประจำจวนและกู้เฟิงออกไปได้ด้วยสีหน้าพออกพอใจ
เมื่อคนทั้งสองล่าถอยออกไป คนทั้งสามที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าก็รีบร้อนเข้ามาถามไถ่ทันที
“เป็อย่างไรบ้าง พระชายาไม่เป็อันใดใช่หรือไม่? ” ถานอี้เป็คนแรกที่ถามขึ้นด้วยความเป็ห่วงถึงขีดสุด
ชิงจื่อเองก็มองหมอประจำจวนและกู้เฟิงด้วยสีหน้าร้อนใจ
หมอประจำจวนยังไม่ทันได้พูดอะไร กู้เฟิงก็แย่งไปพูดก่อน “พระชายาเพียงได้รับาเ็ที่ข้อมือเล็กน้อย ไม่เป็อันใดหรอก เมื่อครู่ท่านอาจารย์ของข้าทายาให้พระนางแล้ว พรุ่งนี้ก็คงหาย”
“ขอบคุณ์ พระชายาไม่เป็อันใดก็ดีแล้ว” ชิงจื่อประสานมือเข้าด้วยกัน พึมพำออกมา
ยามที่ทุกคนสงบใจได้แล้ว กลับถูกประโยคต่อมาของกู้เฟิงทำเอาตกตะลึงไป “เพียงแต่ท่านอ๋องของเรา...”
เขาพูดไปเพียงครึ่งหนึ่ง ก็ตั้งใจหยุดเว้นวรรค
รอจนทุกคนใช้สายตาสงสัยใคร่รู้มองมาที่เขา กู้เฟิงถึงได้กล่าวต่ออย่างมีเลศนัย “ท่านอ๋องของเราราวกับเปลี่ยนไปเป็คนละคนก็ไม่ปาน เมื่อครู่ถึงขนาดปฏิบัติต่อพระชายาอย่างอบอุ่นราวสายน้ำ ทั้งยังถึงขั้นเป่าข้อมือให้พระนางด้วยความทะนุถนอม เมื่อครู่ข้าเกือบถูกท่าทางของท่านอ๋องทำเอาใตายแหนะ ข้าสงสัยนัก มีใครมาปลอมตัวเป็ท่านอ๋องหรือไม่ เหตุใดท่านอ๋องในตอนนี้จึงไม่เหมือนท่านอ๋องคนก่อนแม้แต่นิด”
เมื่อกู้เฟิงพูดจบ หมอประจำจวนก็ตบหัวเขาไปทีหนึ่งอย่างโมโห
“พูดอันใดไร้สาระ หากท่านอ๋องได้ยินเข้า หัวเ้าจะยังอยู่อีกหรือไม่”
กู้เฟิงถูกตีหัวจนหูอื้อตาลาย ไม่ต้องคิดก็รู้ได้ว่าหมอประจำจวนลงมือหนักแค่ไหน
ท่านหมอประจำจวนมีท่าทีแสดงออกว่าไม่ได้ดั่งใจอย่างยิ่ง บิดหูกู้เฟิงแล้วรีบร้อนไปจากเรือนเยว่เหยา
“ท่านอาจารย์รีบปล่อยมือเถิด หูข้าจะหลุดแล้ว” กู้เฟิงเจ็บหูที่ถูกลากทึ้งยิ่งนัก เขาเอื้อมมือไปจับมือของหมอประจำจวนไว้แล้วโอดครวญออกมา
เมื่อพวกเขาเดินจากไปไกลแล้ว หมอประจำจวนถึงได้ยอมปล่อยมือ ซ้ำยังไม่ลืมสอนสั่งกู้เฟิง “วันหน้าวาจาเช่นนี้ อย่าได้นำมาพูดซี้ซั้ว เช่นเดียวกับเื่เมื่อคืนที่พระชายาทรงช่วยรักษาขาให้ถานอี้ เื่นี้ก็เป็เ้าที่พูดมาก ปล่อยข่าวลือนี้ออกไป เป็เหตุให้วันนี้พระชายาถูกท่านอ๋องบีบข้อมือจนาเ็ หากเ้ายังนำเื่ที่ท่านอ๋องกลายเป็คนอ่อนโยนไปโพนทะนาอีก เกรงว่าครั้งหน้าคนที่ถูกบีบจะเป็เ้าแทน”
“เอาละ ข้าทราบแล้วท่านอาจารย์ ท่านผู้เฒ่าก็อย่าได้พูดมากอีกเลย น่ารำคาญจริงๆ ” กู้เฟิงยกมือขึ้นปิดหู ไม่อยากฟังอีกต่อไป
พออาจารย์ของเขาอายุมากขึ้น ไม่ว่าเื่อะไรก็ชอบพูดซ้ำไปซ้ำมาเป็ร้อยรอบ
ดังเช่นเื่เมื่อคืนที่พระชายาช่วยรักษาขาให้ถานอี้ เขาก็แค่เผลอพูดออกไปโดยไม่ระวัง สุดท้ายถูกท่านอาจารย์บ่นทั้งเช้า ยามนี้เขาฟังจนหูอื้อไปหมดแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้