ในค่ำคืนที่เงียบสงัด เยี่ยจิงหลินนอนหลับใหลอยู่บนเตียงเก่าคร่ำภายในห้องที่คับแคบ ท่ามกลางความมืดมิดของราตรี นางราวกับถูกดึงเข้าสู่ห้วงแห่งความฝันอันลึกลับ ภาพตรงหน้าปรากฏเป็ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวระยิบระยับ สายลมอ่อนโยนพัดผ่าน ััได้ถึงความอบอุ่นที่นุ่มนวลและแปลกประหลาด สถานที่แห่งนี้ช่างงดงามเกินกว่าจะเป็เพียงความฝัน
ขณะที่นางก้าวเดินไปท่ามกลางแสงดาวเ่าั้ จู่ ๆ ก็มีพลังงานลึกลับสายหนึ่งล่องลอยเข้ามา มันโปร่งเบาแต่กลับเปี่ยมไปด้วยอานุภาพ ราวกับมีบางสิ่งกำลังสื่อสารกับจิตใจของนาง พลังนั้นค่อย ๆ ปกคลุมรอบตัวเยี่ยจิงหลิน ััได้ถึงความอุ่นร้อนที่แทรกซึมเข้าสู่เรือนร่าง
ในวินาทีนั้น ภาพในฝันเริ่มเลือนราง และนางรู้สึกถึงบางสิ่งที่ปลุกให้นางตื่นขึ้น ดวงตาของนางเบิกกว้างพร้อมกับลมหายใจที่หนักแน่น นางลุกขึ้นนั่งอย่างเงียบ ๆ ในความมืดของห้อง ทว่าครั้งนี้กลับรู้สึกแตกต่างออกไป
"นี่มัน... อะไรกัน?" เยี่ยจิงหลินพึมพำเบา ๆ ดวงตาของนางสะท้อนแสงจันทร์ที่ลอดผ่านหน้าต่าง แสงนั้นราวกับเปล่งประกายอยู่ในดวงตาของนาง
นางััถึงบางสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในตัวเอง พลังงานบางเบาแต่ชัดเจนไหลเวียนอยู่ในร่างกายของนาง มันไม่ใช่เพียงแค่ความรู้สึก แต่เหมือนกับพลังที่แท้จริงกำลังเติบโตอยู่ในตัว นางรู้สึกแข็งแกร่งและมั่นคงกว่าที่เคย
แม้จะยังไม่เข้าใจถึงต้นกำเนิดของพลังนั้น แต่เยี่ยจิงหลินก็รับรู้ได้ว่าสิ่งนี้ไม่ใช่เื่บังเอิญ มันราวกับเป็โชคชะตาหรือบางสิ่งที่ฟ้าส่งมาให้นาง ท่ามกลางความสิ้นหวังและความเ็ปของชีวิต นี่อาจเป็จุดเริ่มต้นของเส้นทางใหม่ เส้นทางที่จะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของนางตลอดไป
เยี่ยจิงหลินนั่งนิ่งอยู่บนเตียง รู้สึกถึงพลังงานที่หมุนเวียนอยู่ภายในร่างกายของนาง ราวกับมันตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลยาวนาน ััอันแปลกประหลาดนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่น แต่ในขณะเดียวกันก็ดูลึกลับและน่าเกรงขาม
"มันคือ...ปราณ อย่างนั้นหรือ?" นางพึมพำกับตัวเอง เสียงแ่เบาที่เปล่งออกมานั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจและไม่แน่ใจ
ในขณะที่นางพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ภาพในหัวของนางก็พลันปรากฏคำพูดบางอย่างที่นางไม่เคยได้ยินมาก่อน ราวกับมีเสียงที่มองไม่เห็นกำลังบอกบางสิ่งแก่เธอ
"พลังนี้มิใช่สิ่งธรรมดา มันคือปราณ... พลังงานลับเฉพาะที่มีอยู่ในยอดคน พลังที่ทำให้พวกเขากลายเป็ยอดฝีมือที่เหนือกว่าผู้อื่น…"
คำพูดนั้นสะท้อนก้องในจิตใจของเยี่ยจิงหลิน นางเคยได้ยินเื่เล่าเกี่ยวกับยอดคนในแผ่นดิน บุคคลที่ใช้ปราณในร่างกายเพื่อบรรลุขอบเขตแห่งความแข็งแกร่ง ความรู้เ่าั้ราวกับเป็เพียงนิทานที่เล่าสู่กันฟังในคืนที่แสงจันทร์สาดส่อง แต่ในยามนี้ นางกลับรับรู้ถึงสิ่งที่คล้ายคลึงกับคำเล่านั้น
เยี่ยจิงหลินมองฝ่ามือตัวเอง พลังบางเบาที่ไหลเวียนอยู่ในตัวนางสร้างความรู้สึกที่ทั้งหนักแน่นและน่าเกรงขาม นางััได้ว่ามันยังคงอ่อนแอ แต่ก็มีศักยภาพที่จะเติบโตเป็สิ่งที่ยิ่งใหญ่
"ปราณ... พลังนี้มีอยู่ในข้าด้วยงั้นหรือ?" นางพึมพำเบา ๆ ความตื่นเต้นและความสงสัยถาโถมเข้ามาในใจ
ถ้านี่คือสิ่งที่คนยอดฝีมือใช้เพื่อลิขิตชะตาชีวิตของตนเอง เยี่ยจิงหลินก็ตระหนักได้ว่านางอาจถือครองกุญแจสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตนเองและมารดา แต่การจะใช้ปราณนี้ให้สมบูรณ์แบบ ย่อม้าการฝึกฝนและความเข้าใจในระดับที่สูงกว่านี้
สายตาของเยี่ยจิงหลินเปล่งประกายขึ้นอย่างมุ่งมั่น แม้ในความมืดมิดของห้องเล็ก ๆ นางรู้ดีว่าเส้นทางข้างหน้าจะเต็มไปด้วยอุปสรรคและความท้าทาย แต่หากสิ่งนี้สามารถมอบพลังให้กับนางได้จริง นางก็พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตที่เต็มไปด้วยความขมขื่นนี้ให้ได้
เช้าวันใหม่มาเยือนพร้อมกับแสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดผ่านหน้าต่างไม้เก่า เยี่ยจิงหลินตื่นขึ้นจากการนอนหลับที่ไม่ค่อยเต็มอิ่ม ร่างกายของนางรู้สึกถึงพลังที่ไหลเวียนในตัว แม้ว่านางจะยังไม่เข้าใจมันทั้งหมด แต่การรับรู้ถึงปราณที่เพิ่งตื่นขึ้นในตัวเองนั้นทำให้นางรู้สึกแปลกประหลาดและเต็มไปด้วยความหวังใหม่ๆ
หลังจากตื่นขึ้นมา เยี่ยจิงหลินก็ช่วยมารดาเตรียมอาหารเช้าให้ท่านแม่ทัพซุนเทาและฮูหยินใหญ่ รวมถึงลูกๆ ของนาง ตามหน้าที่ของสาวใช้ในเรือน แม้ว่าจะรู้สึกเหนื่อยล้า แต่ความรับผิดชอบที่ต้องแบกรับก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ชีวิตของนางยังคงวนเวียนอยู่ในเส้นทางที่เหมือนเดิม
ในขณะที่ท่านแม่ทัพซุนเทาและฮูหยินใหญ่ อันเหยาเหวิน กำลังนั่งรับประทานอาหารเช้าในห้องรับประทานอาหารที่กว้างขวาง และอากาศเช้าวันใหม่สดชื่นที่โอบล้อม พวกเขาพูดคุยกันในเื่ราวที่เกี่ยวกับอนาคตของลูก ๆ ของตระกูลซุน
ฮูหยินใหญ่อันเหยาเหวิน ยกถ้วยชาขึ้นดื่มอย่างสงบแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง แต่ยังคงมีความคำนึงถึงอนาคตและสถานะของลูก ๆ ของตระกูล
"ท่านพี่ ข้าคิดว่าถึงเวลาอันสมควรแล้วที่ลูก ๆ ของเราจะได้เข้าไปเรียนในโรงเรียนผู้ฝึกตน" น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความมั่นใจ
"โรงเรียนผู้ฝึกตน?" ท่านแม่ทัพซุนเทาหยุดช้อนอาหารขึ้นมามองเธอด้วยสายตาคิดคำนึง แม้ว่าท่านจะรู้ดีว่าโรงเรียนนี้มีความสำคัญอย่างไร แต่ก็ยังอยากฟังเหตุผลจากนาง
"ใช่แล้ว" ฮูหยินใหญ่กล่าวต่อไป "สถานที่แห่งนี้ไม่เพียงแต่ฝึกสอนทักษะการต่อสู้เพื่อการป้องกันตัวหรือการฝึกปรือฝีมือ แต่ยังมีการสอนการบริหารจัดการในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็การเป็แม่บ้านหรือการบริหารครัวเรือน มันเหมาะสมมากสำหรับลูก ๆ ของเรา"
นางหยุดไปชั่วขณะ ราวกับกำลังคิดถึงคำพูดที่จะต่อจากนี้ "สถานที่แห่งนี้นั้นไม่จำกัดอายุและไม่เพียงแต่คนชั้นสูงที่ส่งบุตรหลานเข้าไปเรียน แม้แต่คนชั้นกลางที่มีฐานะก็ยังส่งไปเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตระกูล สถานที่นี้ทำให้พวกเขาสามารถแสดงศักยภาพและสร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลได้ในสังคมสูง"
ท่านแม่ทัพซุนเทามองไปที่นางแล้วก็พยักหน้าช้า ๆ ราวกับกำลังทบทวนคำพูดของฮูหยินใหญ่
"เ้าเองก็เข้าใจดีว่า การฝึกฝนที่โรงเรียนนี้ไม่ใช่เพียงแค่เื่ของทักษะการต่อสู้ แต่เป็การสร้างหน้าตาให้กับตระกูล" ท่านแม่ทัพพูดอย่างช้า ๆ ขณะที่คิดถึงความสำคัญที่การศึกษาของลูก ๆ
"ลูกชายของเราควรได้รับการฝึกฝนเพื่อให้เป็ผู้ที่สามารถรับผิดชอบหน้าที่ในตระกูลได้ดี ส่วนลูกสาว... พวกเขาก็ควรที่จะได้รับการศึกษาที่ไม่ด้อยกว่ากัน เพราะเช่นนั้น การเข้าเรียนในสถานที่เช่นนี้จะทำให้พวกเขามีพื้นฐานที่แข็งแกร่งในการเติบโตขึ้นในอนาคต" ท่านแม่ทัพกล่าวด้วยความเห็นชอบ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้