ทิวเขาสูงชัน เทือกเขาเรียงราย ต้นไม้โบราณขยายกิ่งก้านกว้างใหญ่มอบร่มเงาปิดฟ้าบังตะวัน ทั่วทั้งท้องฟ้าและแผ่นดินต่างเต็มไปด้วยพลังบริสุทธิ์
บนยอดหน้าผา กลุ่มก้อนเมฆต่างรายล้อมรอบช่องว่างระหว่างทิวเขาเสินโจวมีพื้นที่ส่วนมากเป็แหล่งน้ำ สิ่งมีพิษมากมายกระจายอยู่โดยทั่วแมลงและสัตว์นานาชนิดพากันบินว่อน ดอกไม้ใบหญ้าประหลาดพากันขึ้นอยู่ทั่วทั้งบริเวณ
เสือร้ายที่เกิดมาพร้อมปีกกว้าง งูั์ที่มีลำตัวยาวหลายเมตรอินทรีย์ทองที่เพียงกางปีกออกก็สามารถปกปิดต้นไม้ใหญ่ได้แผ่นหลังที่โป่งพองของกบพิษตัวใหญ่...ทิวเขาอันสวยงาม และแหล่งน้ำที่เลี้ยงดูสิ่งมีพิษให้เติบใหญ่นี่เป็่เวลาที่พลังกำลังเริ่มต้นขึ้น
ทั่วทั้งแผ่นดินรอบข้างราวกับจะไร้ผู้คน จนกระทั่งวันหนึ่งที่แผ่นหลังของคนที่สวมชุดยาวพลิ้วไสวปรากฏขึ้นบนหน้าผายืนอยู่บนยอดเขาด้วยความโดดเดี่ยว เรือนผมปลิวสยายไปตามสายลม ไม่อาจจะแยกได้ว่าเป็หญิงหรือชาย
และเพื่อคนคนนี้ เสือร้ายจึงยอมก้มหัวอันสูงศักดิ์ลง พญาอินทรีลดตัวลงยืนตรงเก็บปีกอยู่ที่พื้นดินงูั์แหวกว่ายมาจากแหล่งน้ำเพื่อทำความเคารพสัตว์พิษนานาชนิดต่างพากันแหวกทางออกให้
แต่คนสวมชุดยาวโบราณกลับทำราวกับไม่ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเพียงแค่ยื่นมือขวาออกไป ปลายนิ้วก็ขยับเคลื่อนไหวพร้อมทั้งเขียนลวดลายในแบบที่หลินลั่วหรานยามไร้สติได้เขียนออกมา!
ข้อมือที่งดงามราวกับหยกสวย ไข่มุกเม็ดหนึ่งกำลังเปล่งประกาย ส่งแสงความร้อนที่มีมากกว่าดวงตะวันบนท้องนภา!
แสงสีทองรวมตัวกันภายในมือของคนสวมชุดยาวโบราณก่อนจะสว่างสดใสมากขึ้นเรื่อยๆราวกับว่าระหว่างพื้นดินและท้องฟ้าจะเหลือเพียงมือข้างนั้น ไข่มุกเม็ดนั้นและลวดลายสีทองที่เปล่งประกาย การปลดปล่อยพลังอันแสนวิเศษภายใต้ฉากหลังของยุคก่อนจนดูราวกับสิ่งอื่นจะมลายหายไปหมด!
หลินลั่วหรานรู้สึกราวกับเธอกำลังยืนอยู่บนทางกั้นแห่งหนึ่งเธอเป็ผู้คนที่สัญจรผ่านมาและมองไปยังการปลดปล่อยพลังของคนสวมชุดยาวโบราณด้วยหัวใจที่เต้นระรัว
ด้วยจิตััอันคลุมเครือเธอรู้สึกว่าการรวมตัวกันของแสงสีทองใต้ปลายมือของคนสวมชุดยาวโบราณนั้น ดูราวกับจะมีพลังมากมายที่สามารถกำหนดท้องฟ้าและพื้นดินแห่งนี้ได้! เธอยืนอยู่บนจุดปลายของทางกั้นก่อนจะลูบลงััลวดลายนั้นอย่างไม่รู้ตัวใครจะรู้ว่าเพียงแค่ปลายนิ้วที่ััลง คนสวมชุดยาวโบราณก็เหมือนจะรับรู้ได้และหันมองมายังทางหลินลั่วหราน ท่ามกลางช่องว่างของเวลากว่าสิบล้านปี
จิตรับรู้ของหลินลั่วหรานรู้สึกเ็ปราวกับโดนทิ่มแทงเธอรู้สึกว่าตัวเองถูกดึงออกมาจากสถานที่แห่งนั้นในพริบตา ก่อนจะลืมตาขึ้น!
กำแพงและเตียงนอนสีขาว...ตอนนี้เรา อยู่บนเตียงของโรงพยาบาล?
เมื่อนางพยาบาลที่กำลังเปลี่ยนขวดน้ำเกลือให้เธออยู่นั้นหันมาเห็นว่าเธอลืมตาตื่นขึ้นแล้ว ก็พูดออกมาด้วยความใ “คุณหลิน ฟื้นแล้วเหรอคะ?”
หลินลั่วหรานพยักหน้าลงช้าๆ เธอตรวจสอบร่างกายของตัวเองเป็อย่างแรกก่อนจะพบว่าพลังที่ถูกใช้ไปจนหมดสิ้น ถูกเติมเต็มกลับคืนมาอีกครั้งดูเหมือนว่าจะเป็ผลมาจากการส่งมอบอันช้าเฉื่อยของไข่มุกเมื่อตรวจสอบดูแล้วว่าร่างกายของตัวเองไม่ได้มีปัญหาอะไรหลินลั่วหรานก็ถอนลมหายใจออกมา “ฉันสลบไปนานแค่ไหนคะ?”
อาจจะเพราะว่าไม่ได้พูดอะไรมาสักพัก ทำให้น้ำเสียงของเธอดูแหบพร่าไม่ได้ดูสดใสอย่างในวันวาน
พยาบาลรีบจัดการเปลี่ยนขวดน้ำเกลือให้กับหลินลั่วหรานก่อนจะพูดออกมาเสียงเบา “คุณสลบไปห้าวันแล้วค่ะ”
ห้าวันเหรอ? แล้วเป่าเจียล่ะตอนนี้เป็อย่างไรบ้าง...หลินลั่วหรานไม่รู้สถานการณ์ใดๆ จึงเกิดความรู้สึกไม่กล้าที่จะเปิดปากออกถามขึ้นมา
เธอกลัวว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาจากปากของพยาบาลนั้น จะไม่ใช่เื่ดีนักในระหว่างที่กำลังลังเลอยู่นั้น ประตูห้องพักคนไข้ก็ถูกเปิดออกและก็เป็นายทหารที่ชื่อว่าลู่ซานชุน เดินถือตะกร้าดอกไม้เข้ามาเมื่อเห็นว่าหลินลั่วหรานฟื้นแล้ว ใบหน้าของเขาก็ประดับไปด้วยรอยยิ้ม
ก่อนจะมีท่าทางเหมือนกับนึกอะไรขึ้นมาได้ เสียง “ปัง!” ดังขึ้นมา เขายืนเท้าตรงชิดเข้าด้วยกันพร้อมทำความเคารพให้เธอ
“คุณหลิน คุณฟื้นแล้ว ช่างดีเสียจริง!”
หลินลั่วหรานไม่ทันได้สังเกต ว่าคำพูดที่ลู่ซานชุนใช้กับเธอต่างก็เป็คำพูดในระดับแสดงความเคารพและให้เกียรติทั้งนั้น เธอเม้มปากแน่นก่อนจะถามออกไปด้วยความลังเล “เป่าเจีย...เป็ยังไงบ้าง?”
เมื่อพูดถึงเื่นี้ เขาก็ทำความเคารพเธออีกครั้ง “ท่านผู้มีพระคุณหลิน ก่อนหน้านี้ห้าวัน คุณหนูได้พ้นจากสถานการณ์วิกฤตแล้วหากท่านผู้บังคับบัญชารู้ว่าคุณฟื้นแล้ว จะต้องดีใจมากแน่ครับ!”
ราวกับสิ่งที่ค้างกังวลอยู่ในใจถูกปลดออก พูดแบบนี้ก็ดูเหมือนว่า“ความฝัน” ในความทรงจำของเธอ อาจจะไม่ใช่เื่ที่คิดไปเองเสียแล้ว?
ในความฝัน ดวงตาของเธอปิดสนิท เรือนผมปลิวไสวโดยไร้แรงลมเขียนลวดลายลึกลับบางอย่างขึ้นมาในอากาศก่อนที่ลำแสงสีทองจะพุ่งเข้าตัวของเป่าเจียไป...ลำแสงสีทองช่วยชีวิตเป่าเจียเอาไว้!
“ฉันไปเยี่ยมเป่าเจียได้ไหม?” นอกจากลำคอที่แห้งผากแล้วแม้จะสลบไปกว่าห้าวัน แต่หลินลั่วหรานก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีตรงไหนที่รู้สึกไม่สบายเลยที่หมดสติไปวันนั้น คงไม่ใช่เพียงแค่ใช้พลังไปจนหมดสิ้นแต่คงเป็เพราะไปหยิบยืมพลังมาด้วยล่ะมั้ง
ลู่ซานชุนไม่ได้ออกความเห็นอะไร แต่พยาบาลที่ยืนอยู่ข้างๆกลับรู้สึกหนักใจขึ้นมา “คุณหลิน คุณเพิ่งจะฟื้นขึ้นมายังไงก็ให้หมอมาตรวจสักหน่อย แล้วค่อยไปจะดีกว่าไหมคะ?”
หลินลั่วหรานยิ้มออกมา “ไม่เป็ไรหรอกร่างกายของฉัน ฉันรู้ดีที่สุดแล้ว แต่ว่ารบกวนช่วยไปซื้อโจ๊กให้ฉันสักถ้วยแล้วเอาไปส่งที่ห้องของคุณฉินหน่อยได้ไหมคะ?”
คนที่สามารถเข้ามาพักในห้องพิเศษของโรงพยาบาลทหารได้ไม่ใช่เพียงแค่มีเงินก็จะทำได้ ไม่ใช่แค่ดูแพงแม้แต่หมายเลขห้องของที่นี่ก็ไม่อาจจะััได้พยาบาลพยายามทำตามหน้าที่ของตัวเองที่สุดแล้ว หากหลินลั่วหรานจะยังยืนยันแบบนั้นเธอก็ได้แต่ไปแจ้งกับหมอ และก็ไปซื้อโจ๊กให้เธอด้วยในทีเดียว
“โอเคแล้ว ตอนนี้ไม่มีคนนอกแล้ว จะบอกเื่ทั้งหมดได้แล้วหรือยัง?” หลินลั่วหรานเป็คนที่สังเกตอะไรได้อย่างว่องไวทำไมเธอถึงจะไม่รู้สึกถึงความไม่สมบูรณ์ภายในประโยคคำพูดของลู่ซานชุนล่ะ? ดังนั้นเธอก็เลยตั้งใจให้พยาบาลออกไป และใช้่โอกาสที่ไม่มีใครถามเขาเธอเตรียมใจเอาไว้แล้ว จึงสามารถทำออกมาได้โดยไม่ร้อนรน
ลู่ซานชุนไม่รู้จะพูดอย่างไร เขาไม่รู้จริงๆว่าจะอธิบายสถานการณ์อย่างไรให้ออกมาชัดเจน จึงได้แต่ค่อยๆพูดสิ่งที่เขารู้ออกมาทีละอย่าง
หลังจากได้รับฟัง คิ้วของหลินลั่วหรานก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะยกรอยยิ้มขึ้นมา
“หมายความว่า หากเอาตามที่หมอพูดก็คือตอนนี้เป่าเจียเป็คนที่แข็งแรงคนหนึ่ง...แต่ว่าก็อยู่ในอาการสลบเหมือนกับฉันไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่ฟื้นขึ้นมา?”
ลู่ซานชุนพยักหน้าลงอีกทั้งยังแอบใช้สายตาที่เต็มไปด้วยเคารพเหลือบมองมาที่หลินลั่วหรานพูดตามความจริงแล้ว การที่เป็นายทหารที่เดินออกมาจากต้าชานในการปฏิบัติงานลับต่างๆ เขาก็ได้เจอกับเื่มามากมาย แต่กลับไม่เข้าใจคำว่า“ลัทธิเต๋า” ที่ออกมาจากปากของคนตรงหน้า ความจริงแล้วเป็สิ่งมหัศจรรย์แบบไหนกันนะ ในวันนั้น ตอนที่พวกหมอพุ่งเข้าไปก็พบว่าภายในร่างกายของคุณหนูได้รับความเสียหายจนไม่มีทางหยุดเืได้อย่าเพิ่งพูดถึงด้านในได้รับการรักษาเลยแม้แต่รอยาแภายนอกก็เริ่มฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว...นี่คือปาฏิหาริย์เหรอ?
หลินลั่วหรานไม่รู้จะอธิบายออกมาได้อย่างไร เธอเปิดผ้าห่มบนกายออกเธอกำลังสวมเสื้อผ้าหลวมโคร่งของโรงพยาบาลอยู่โชคดีที่เสื้อผ้าของเธอถูกซักสะอาดแขวนเอาไว้ในตู้เสื้อผ้าแล้วเธอวิ่งเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ ขยับแขนขา ทั่วทั้งร่างมีกำลังไม่เหมือนคนที่สลบไปห้าวันเลยสักนิด เธอหันหน้าไปบอกกับลู่ซานชุน
“ไปกันเถอะ รบกวนช่วยพาฉันไปหาเป่าเจียหน่อยนะคะ”
ท่าทางของลู่ซานชุนคือนายทหารคนหนึ่งเขาได้แต่มอบความเคารพให้กับหลินลั่วหรานเท่านั้นไม่ได้มีความเขินอายเหมือนที่อยู่ต่อหน้าผู้หญิงบอบบางคนอื่นๆ เมื่อได้ยินดังนั้นก็พาหลินลั่วหรานเดินออกมาจากห้องพักคนไข้ ก่อนจะตรงไปทางห้องของเป่าเจียทันที
โถงทางเดินยาวสีขาว รองเท้าบูตทหารของลู่ซานชุนก้าวเดินอย่างเบาๆโดยไม่ทันได้รู้ตัว แต่หลินลั่วหรานที่ตามมาด้านหลังของเขากลับมีฝีเท้าที่เบายิ่งกว่า ดูราวกับว่าจะไม่มีเสียงใดๆ หลุดออกมาจากตัวของเธอเลย
ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ฟื้นขึ้นมา?
หลังจากที่แอบไป “เห็น” ลวดลายลึกลับภายใต้ปลายนิ้วของคนสวมชุดยาวโบราณจิตใต้สำนึกของหลินลั่วหรานมั่นใจในพลังของแสงสีทองมากแม้ว่าจะเป็เพียงแสงเฉื่อยๆแต่ก็ไม่น่าจะรักษาเป่าเจียที่กลายเป็เ้าหญิงนิทราที่ทำอย่างไรก็ไม่ยอมฟื้นขึ้นมาได้หรอกมั้ง?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้