เซี่ยโม่เดินไปอีกซอยซึ่งไม่มีคน หยิบถุงผ้าออกมาจากโกดังสินค้า ก่อนจะนำน้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายแดงที่ไม่มีอะไรเขียนอยู่บนถุงออกมาด้วย จากนั้นใส่ลงไปในถุงผ้า
จำได้ว่ามันเป็สินค้าจากโรงงานเล็กๆ แห่งหนึ่ง หลังจากฝ่ายจัดซื้อรับซื้อมาแล้ว ค่อยพบว่าบนถุงไม่ได้ระบุวันผลิต วันหมดอายุ และสถานที่ผลิตเอาไว้ เธอคิดจะตีของกลับแต่ยังไม่ทันได้ส่งคืน สินค้าเลยค้างอยู่ในโกดัง
นึกไม่ถึงเลยว่าน้ำตาลที่ไม่ระบุข้อมูลสินค้าจะเหมาะกับยุคนี้
เป็เพราะกลัวว่าทุกคนจะจำตนเองได้ เธอหยิบดินสอเขียนคิ้วจากในโกดังสินค้ามาวาดคิ้วให้เข้มขึ้น หยิบแป้งฝุ่นสีเข้มมาตบตามหน้าตามตัวให้สีผิวเข้มขึ้น เพียงเท่านี้คนที่เคยเห็นเธอก็ไม่มีทางจำเธอได้แล้ว
เรียบร้อย!
เซี่ยโม่หิ้วถุงผ้าใส่น้ำตาลทรายเดินไปยังตลาดมืด เมื่อไปถึงเธอทำเช่นคนอื่นๆ หยิบเอาถุงน้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายแดงออกมา แล้วเริ่มเรียกลูกค้า
ไม่นานก็มีคนมาถามราคา “สาวน้อย น้ำตาลทรายนี่ขายยังไง”
เธอจำได้อย่างชัดเจนว่า ชาติที่แล้วหลังจากน้องชายหายตัวไป เธอถึงกับล้มป่วยหนัก
ตอนนั้นแม่เลี้ยงเล่าด้วยน้ำเสียงลำบากลำบนว่า “โม่โม่ ฉันซื้อน้ำตาลทรายแดงมาให้ นี่คือของดี แม้แต่ในสหกรณ์ก็นานแล้วที่ไม่มีขาย ฉันให้คนไปซื้อให้ถึงในตำบลเชียวนะ จะซื้อน้ำตาลต้องใช้ทั้งคูปองและเงินอีกห้าเหมา คูปองสำหรับซื้อน้ำตาลฉันก็ใช้เงินตั้งห้าเหมาซื้อมา”
เวลานั้นเธอรู้สึกซาบซึ้งใจมาก อีกฝ่ายถึงกับซื้อน้ำตาลราคาหนึ่งหยวนมาให้ แม่เลี้ยงช่างดีกับเธอนัก
ดังนั้นก่อนนำน้ำตาลมาขาย เธอเลยคิดคำนวณเอาไว้แล้วว่า จะขายในราคาหนึ่งหยวนโดยไม่ต้องใช้คูปอง
พอถูกถามจึงตอบออกไปอย่างไม่ลังเลว่า “น้ำตาลทรายแดงน้ำตาลทรายขาวราคาเท่ากัน ถุงละหนึ่งหยวน น้ำหนักครึ่งกิโล”
คนที่มาถาม้าซื้อน้ำตาลทรายแดงและขาวอย่างละหนึ่งถุง หลังจากจ่ายเงินก็จากไป
เธอรีบเก็บเงินเข้ากระเป๋า นับั้แ่กลับมาเกิดใหม่ นี่เป็ครั้งแรกที่เธอหาเงินได้ด้วยตนเอง
แม้ชีวิตก่อนจะมีเครือซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ทำเงินได้ถึงสิบล้านหยวน ส่วนเงินที่หามาได้ขณะนี้มีค่าพอให้ซื้อไอศกรีมแค่แท่งเดียว แต่สำหรับเธอเงินก้อนนี้กลับมีค่าอย่างยิ่ง
น้ำตาลที่เซี่ยโม่นำมาขายได้รับความสนใจอย่างมาก เรียกได้ว่าขายดิบขายดีเป็เทน้ำเทท่า เพียงไม่นานก็ถูกซื้อไปจนหมดเกลี้ยง
เมื่อลองคำนวณดู พบว่าขายไปถึงสิบห้าถุงด้วยกัน เท่ากับว่าเธอทำเงินได้จากการขายน้ำตาลทั้งหมดสิบห้าหยวน
ชาติที่แล้วเธอมักได้ยินว่า คนนี้บ้านนี้ไปขายของในตลาดมืดแล้วถูกจับ เป็ที่น่าอับอาย
เธอไม่อยากเป็แบบนั้น พอขายหมดจึงรีบออกจากตลาดมืด
ก่อนออกจากตลาดมืด เธอเดินไปหาผู้หญิงที่วางขายผ้าทอมือ แต่ปรากฏว่ามีคนมาซื้อไปหมดแล้ว
เธอเลยได้แต่ต้องหันหลังกลับ เดินจากไปอย่างเสียดาย ทันทีที่เซี่ยโม่เดินพ้นซอยก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวาย
เธอเดาว่าน่าจะมาจากตลาดมืด ได้ยินคนะโเสียงดังว่า “จับพวกมันให้หมด…”
เธอเหงื่อแตกพลั่ก ช่างน่ากลัวเหลือเกิน โชคดีที่เธอรีบออกมาก่อน
ดูท่าตลาดมืดเธอมาให้น้อยหน่อยจะดีกว่า เป็สถานที่อันตรายเหลือเกิน
เธอรีบวิ่งออกจากซอยไปยังถนน เมื่อพ้นแล้วก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ร้านยาอยู่ข้างหน้าเธอนี่เอง เธอก้าวเดินเข้าไปข้างใน
เธอสืบมาแล้วว่าในตำบลมีร้านยาอยู่สองร้าน ร้านยาที่ชื่อหุยชุนถังเป็ร้านที่มีชื่อเสียงที่สุด
ส่วนอีกร้านมีชื่อว่าฮุ่ยหมิน ไม่ค่อยมีลูกค้าไปใช้บริการเท่าไรนัก เธอเลยเลือกมาที่ร้านยาแห่งนี้
ที่เธอเลือกมาที่ร้านนี้เพราะคิดว่า ในเมื่อร้านนี้ค้าขายดีย่อมอยากได้ยาสมุนไพรเป็จำนวนมาก ขณะที่อีกร้านกิจการไม่ดี ย่อมไม่อยากซื้อยาสมุนไพรเก็บเอาไว้จำนวนเยอะๆ
จังหวะที่กำลังจะเดินเข้าไปในร้าน พลันนึกขึ้นได้ว่าเวลานี้ตนเองหน้าดำ เพราะใช้แป้งสีเข้มทาตามหน้าและตัว แต่จะให้เช็ดออกหมดก็ยุ่งยาก จึงคิดว่าจะลบแค่คิ้วที่ทาสีเข้มออกพอ
เธอมองรอบๆ เห็นว่าไม่มีใครจึงหยิบกระดาษทิชชูเปียกจากโกดังสินค้ามาเช็ดคิ้วออก พอส่องกระจกสำรวจ หน้ายังคงดูเป็เด็กสาวผิวดำที่ไม่สะดุดตาเช่นเดิม
เอาแบบนี้แหละ
เธอปัดเศษฝุ่นตามตัว ก่อนจะเดินเข้าไปในร้านยาหุยชุนถัง
เธอเอ่ยกับพนักงานอย่างมีมารยาท “พี่ชาย ที่บ้านฉันฐานะยากจนเลยอยากขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรมาขายให้ทางร้าน พี่ชายช่วยแนะนำหน่อยได้ไหม”
พนักงานมองสำรวจั้แ่หัวจรดเท้า เด็กสาวตรงหน้าผิวดำหน้าตาน่าเกลียด สวมเสื้อผ้ามอซอ ดูออกทันทีว่าฐานะทางบ้านยากจน สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนเป็รังเกียจดูแคลน “ที่นี่คือร้านยา ไม่ใช่โรงเรียน ทำไมต้องสอนเธอด้วย”
ใบหน้าเซี่ยโม่ขึ้นสีแดงด้วยความอับอาย หากก็ยังเอ่ยออกไปอย่างไม่ยินยอม “พี่ชาย พี่ชายพูดแบบนี้ไม่ถูกนะ หากสอนฉัน ฉันจะได้ไปเก็บสมุนไพรมาขายให้ได้…”
พนักงานกลับพูดตัดบท เย้ยหยันด้วยสีหน้าโอหังอวดดี “สาวน้อย อย่าฝันกลางวันไปหน่อยเลย ที่นี่คือร้านขายยาและสมุนไพรชื่อดัง เด็กอย่างเธอเนี่ยนะจะมาขายยากับสมุนไพรให้ จะไปไหนก็ไปไป๊”
เธอดูออกว่าอีกฝ่ายกำลังดูถูกเธออยู่ ขืนถามต่อ ต้องถูกดูแคลนยิ่งกว่านี้แน่
พนักงานอีกสองคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลมองมาทางเธอด้วยสีหน้าเห็นใจ
เธอเก็บสีหน้าถ่อมตัวคืน เอ่ยด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “โบราณกล่าวไว้ดีมาก สามสิบปีอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำ สามสิบปีอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำ ไม่แน่อีกไม่กี่ปีข้างหน้าคุณอาจจะมีชีวิตที่แย่กว่าฉันก็ได้”
เซี่ยโม่ไม่ได้พูดเล่น รอให้มีการสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีกครั้งเมื่อใด การค้าขายก็จะไม่ถูกห้ามอีกต่อไป
เธอมีโกดังสินค้าตามมา ต้องกลายเป็เศรษฐีกลุ่มแรกๆ อย่างแน่นอน พนักงานร้านนี้มีนิสัยอวดดี อนาคตก็ยังคงเป็เช่นนี้
พนักงานโกรธเป็ฟืนเป็ไฟ ชูไม้ปัดขนไก่ขึ้นทำท่าจะฟาดมาที่เธอ “กล้าว่าฉันเหรอ ไส…”
ชายชราที่ยืนอยู่ด้านข้างรีบยื่นมือไปจับแขนของพนักงานที่กำไม้ขนไก่เอาไว้ พลางส่งสัญญาณสายตาให้แก่เธอ “อย่าไปถือสาเด็กเลย เก็บไม้ขนไก่ซะ ฟาดจนเด็กเป็อะไรขึ้นมาจะเดือดร้อน”
เธอเข้าใจในทันที ขนาดพนักงานของร้านยังวางท่าโอหังถึงขนาดนี้ แล้วเถ้าแก่ของร้านจะขนาดไหน
เธอหันไปกล่าวขอบคุณชายชราที่ช่วยห้ามไม่ให้พนักงานใช้ไม้ขนไก่ตีเธอ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากร้าน
ยังมีร้านยาฮุ่ยหมินอยู่อีกร้าน แต่ร้านอยู่ตรงไหนนี่สิ เธอจะไปถามใครดี
หลังเดินออกจากร้าน เธอถามทางกับหญิงสาวคนหนึ่งที่เดินผ่านมา “ขอโทษค่ะพี่สาว ไม่ทราบว่าร้านยาฮุ่ยหมินอยู่ที่ไหนเหรอคะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน” อีกฝ่ายตอบ
เธอนึกเสียใจทีหลัง ก่อนหน้านี้เธอน่าจะถามเส้นทางมาทั้งสองร้าน ทว่าตอนนั้นพุ่งเป้าไปร้านยาหุยชุนถังร้านเดียว ทั้งที่เป็ร้านยาชื่อดังแท้ๆ แต่ท่าทีของพนักงานกลับไม่ดีเอาเสียเลย
ถามคนอายุน้อย ไหนเลยจะรู้จักร้านยาแผนโบราณ ยิ่งเป็ร้านที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงด้วยแล้ว
ถามคนที่มีอายุมากหน่อยจะดีกว่า เธอมองซ้ายมองขวา พบว่าไม่ไกล บริเวณข้างทางมีชายชราเปิดร้านซ่อมรองเท้าอยู่
เซี่ยโม่เดินเข้าไปหา เอ่ยถามอย่างมีมารยาท “คุณปู่คะ ไม่ทราบว่าร้านยาฮุ่ยหมินอยู่ตรงไหนเหรอคะ”
ชายชรามองเธอก่อนจะถอนหายใจ “สาวน้อย เราจะหาร้านยานี้ไปทำไม ร้านปิดไปเมื่อไม่กี่วันก่อนแล้ว”
ความผิดหวังเข้าจู่โจมเธอ เธอจะทำอย่างไรต่อไปดี
แล้วเธอก็นึกปัญหาหนึ่งขึ้นมาได้ เมื่อไม่กี่วันก่อนอย่างนั้นเหรอ?
เธอถามต่อ “คุณปู่คะ ทราบไหมคะว่าเ้าของร้าน แพทย์ประจำร้าน หรือไม่ก็พนักงานของร้านก็ได้ค่ะ ตอนนี้พวกเขาไปอยู่ที่ไหนกัน”
คุณปู่ท่านนี้หัวเราะออกมา “สาวน้อย สามคนที่เธอพูดถึงล้วนคือคนเดียวกัน ตอนนี้ตาแก่นั่นกลายเป็คนสติไม่ดีไปแล้ว…”
เธอนึกทอดถอนใจ ทำไมร้านยาฮุ่ยหมินถึงได้โชคร้ายแบบนี้นะ สงสัยเป็เพราะว่าร้านยาถูกปิด เถ้าแก่เ้าของร้านรับเื่นี้ไม่ได้เลยกลายเป็คนเสียสติไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้