บทที่ 26 ศึกประมูลราคา
เมิ่งเทียนอิงแอบพึมพำในใจ สิ่งใดคือมองการณ์ไกล กลัวว่าข้าจะใช้ประโยชน์จากการเป็ผู้ดูแลการประมูลครั้งนี้ หรือกลัวว่าข้าจะเหนือกว่าเมิ่งเทียนอวิ๋นเล่า ถึงได้จงใจมากดหัวข้าไว้เช่นนี้? เหอะคิดว่ายาชะลอวัยปรุงออกมาได้ง่ายดายหรือ อย่าว่าแต่สูตรยาหายสาบสูญ ต่อให้ไม่หายไป แล้วคนจากทางเขาหนิงชุยเฟิงปรุงออกมาได้อีก ตระกูลเมิ่งมีหรือจะไม่เต็มใจซื้อ แต่เ้าก็ใช้มันไม่ได้ แล้วเหตุใดถึงมาหาเื่ข้าเล่า?
เมิ่งเทียนอิงแค้นใจขึ้นมาทันที แต่กลับไม่กล้าแสดงท่าทีออกมาแม้แต่น้อย อึดอัดใจไม่น้อย
“ยี่สิบห้าล้านเม็ด!”
ห้องลับของบุคคลสำคัญหมายเลขเก้า เป็ห้องของคนจากเขาหนิงชุยเฟิง ผู้นำในครั้งนี้คือศิษย์สายตรงของาาโอสถแห่งเขาหนิงชุยเฟิง และคนปรุงโอสถขั้นหก เซินหยวนชิง ที่มีพลังยุทธ์อยู่ในขั้นฟันฝ่า เขาฝึกฝนบำเพ็ญเพียรมาหนึ่งร้อยสิบสามปีพอดี แต่ดูแล้วยังเหมือนกับบุรุษวัยกลางคนในวัยสามสิบถึงสี่สิบปีเท่านั้น มีรูปร่างหน้าตาอยู่ในระดับปานกลาง ใบหน้าไร้หนวดเครา ดวงตาของเขาไม่ว่ายามใดก็ให้ความรู้สึกสุขุมรอบคอบและมีแผนการรับมืออยู่เสมออยู่เสมอ ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเข้าถึงเขาได้ยาก นี่คงเป็หนึ่งในโรคเดียวกันที่บรรดาลูกศิษย์ของเขาหนิงชุยเฟิงเป็ ไม่หยิ่งผยอง ก็ทำตัววางอำนาจบาตรใหญ่ ด้วยกลัวว่าการที่ผู้อื่นเข้าใกล้ล้วน้ายาจากพวกเขา ดังนั้นทั่วทั้งเขาหนิงชุยเฟิง ผู้ที่มีความสามารถจึงคล้ายกับมีนิสัยไม่ดีในสายตาของคนนอกไปโดยปริยาย
เวลานี้จางอวี้หลางและเกาจวิ้นเจี๋ยที่ลู่อวี่เคยพบที่หอการค้าเป่ยเสวียเมื่อไม่กี่วันก่อนกำลังยืนอยู่ด้านหลังของเซินหยวนชิงอย่างระแวดระวังตัว ไม่กล้าแสดงท่าทีอวดดีแม้แต่น้อย
“ตระกูลลู่และตระกูลเมิ่งกล้าดีอย่างไรมาแก่งแย่งผลิญญาหยกเขียวกับข้า?” ใบหน้าของเซินหยวนชิงบึ้งตึงขึ้นมาทันที เขากัดฟันและพูดไปด้วย
จางอวี้หลางและเกาจวิ้นเจี๋ย ที่อยู่ด้านหลังของเขาต่างมองหน้ากันและเห็นความยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่นฉายอยู่ในแววตา หากของสิ่งนี้ทำให้ท่านลุงเซินเกิดความคับแค้นใจต่อตระกูลลู่ได้ เช่นนั้นย่อมถือว่าประหยัดเวลาไม่ให้พวกเขาต้องลำบากวางแผนลอบกัดตระกูลลู่ไม่น้อย
เซินหยวนชิงเป็ศิษย์พี่ใหญ่ของเขาหนิงชุยเฟิง แม้ว่ายามปกติจะไม่สนใจเื่ราวอะไรมากนัก แต่กลับได้รับความโปรดปรานจากาาโอสถในสำนักไม่น้อย ดังนั้นคำพูดของเขาจึงถือว่ามีอำนาจมาก หากครั้งนี้ยั่วยุให้ตระกูลลู่แย่งชิงผลิญญาหยกเขียวกับเขา รับรองว่าเมื่อถึงเวลาจัดสรรยาอายุวัฒนะในปีนี้ เขาจะต้องสั่งสอนมอบบทเรียนแก่ตระกูลลู่อย่างแน่นอน และพวกเขารู้ดีว่าถึงแม้ท่านลุงใหญ่ผู้นี้จะมีใบหน้าสงบนิ่งเหมือนผืนน้ำ แต่แท้จริงแล้วเป็คนเ้าคิดเ้าแค้นและมีอำนาจอยู่ในมือมาก
เกาจวิ้นเจี๋ย กล้าหาญและฉลาดหลักแหลมยิ่งกว่าจางอวี้หลาง เมื่อได้ยินคำพูดของเซินหยวนชิงก็รีบกระซิบบอกเสียงเบาทันที “ท่านลุงใหญ่ ข้าว่าตระกูลเมิ่งไม่ได้้าจะขัดแย้งกับเขาหนิงชุยเฟิงของเรา ความแค้นที่พวกเขามีต่อตระกูลลู่ทั่วทั้งโลกบำเพ็ญเพียรต่างก็รู้ดี เห็นทีจะเป็เพียงการคิดแกล้งตระกูลลู่ถึงได้เสนอราคาประมูลแข่งเช่นนี้ ในทางกลับกันตระกูลลู่คงไม่เห็นเขาหนิงชุยเฟิงของเราอยู่ในสายตา ไม่นานมานี้นายน้อยของตระกูลลู่เพิ่งถูกพวกเราขับไล่ออกมา คงจะเคียดแค้นน่าดู หากจะทำเช่นนี้ก็ไม่ใช่เื่แปลก”
เซินหยวนชิงได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้ารับ พลันปรากฏรอยยิ้มเยาะเย้ยขึ้นที่มุมปาก นายน้อยผู้ไร้ค่าของตระกูลลู่ เขาก็เคยได้ยินชื่อเสียงมาบ้าง แต่ยังไม่เคยพบกับบุคคลที่มีชื่อเสียงดังกระฉ่อนไปทั่วทั้งเมืองเทียนตูเซียนผู้นี้ที่เขาหนิงชุยเฟิงมาก่อน แต่ต่อให้เจอกันเขาก็ไม่ใส่ใจคนเช่นนี้อยู่แล้ว จึงถือเป็เื่ปกติหากจะจำไม่ได้
หลังจากชำเลืองมองเกาจวิ้นเจี๋ยอย่างพึงพอใจแล้ว เซินหยวนชิงก็พูดอย่างใจเย็นว่า “ถูกเขาหนิงชุยเฟิงของเราขับไล่ออกจากสำนักหรือ? เื่นี้ข้าไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยเช่นนั้นก็นับว่าสมเหตุผลแล้ว แต่ตระกูลลู่กล้าประกาศตัวเป็ศัตรูกับเขาหนิงชุยเฟิงของเรา ก็ถือว่ามีความกล้าเกินผู้ใดแล้ว แต่ลู่เหว่ยจุนไม่ฉลาดถึงเพียงนี้ ผู้เฒ่าคนอื่นๆ ของตระกูลลู่ยังปล่อยให้เขาทำทุกอย่างตามอำเภอใจอีกหรือ?”
จางอวี้หลางเห็นว่าท่าทีของเกาจวิ้นเจี๋ยทำให้ท่านลุงใหญ่พอใจไม่น้อยก็รู้สึกอิจฉา แต่กลับไม่แสดงออกทางสีหน้า เวลานี้ยังพูดแทรกขึ้นมาด้วยว่า “ได้ยินมาว่าเดิมทีลู่เหว่ยจุนกำลังจะถูกบีบให้สละตำแหน่งประมุขของตระกูลลู่ด้วยความสมัครใจ แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใด จู่ๆ คนของตระกูลเมิ่งก็เข้ามาท้าประลองกับลู่อวี่ ต่อมาระดับพลังยุทธ์ของลู่อวี่ก็บรรลุขั้นสูงขึ้นถึงขั้นพลังจิตและยังเอาชนะเมิ่งเทียนอวิ๋นอัจฉริยะของตระกูลเมิ่งได้อีกด้วย ซ้ำยังทำให้เขาบาดปางตาย เช่นนั้นแล้วคงทำให้ลู่เหว่ยจุนรักษาตำแหน่งประมุขของตระกูลลู่ไว้ได้ ได้ยินมาว่าตระกูลลู่ได้รับยาวิเศษหลายขนานที่สืบต่อกันมาแต่สมัยโบราณในซากปรักหักพังบางแห่ง ดังนั้นระดับพลังยุทธ์ของลู่อวี่ถึงได้ก้าวะโสูงขึ้นในระยะเวลาอันสั้น และแม้แต่ระดับพลังยุทธ์ของลู่เหว่ยจุนเองก็ยังบรรลุขั้นสูงถึง่ปลายของขั้นฟันฝ่าแล้วด้วย”
“ดูเหมือนว่าตระกูลลู่ยังพอมีโชคอยู่บ้าง แต่ผลิญญาหยกเขียวมีความสำคัญอย่างยิ่ง เช่นนั้นแล้วผู้ใดก็ไม่อาจได้มันไปครอง”
เวลานี้ราคาประมูลพุ่งสูงถึงยี่สิบห้าล้านเม็ดแล้ว เซินหยวนชิงค่อนข้างประหลาดใจ แต่หลังจากนึกถึงสรรพคุณของผลิญญาหยกเขียวแล้ว ก็เข้าใจถึงสาเหตุได้ดี ความล้ำค่าของผลิญญาหยกเขียวไม่ได้อยู่ที่สรรพคุณทางยาของมันว่าทรงประสิทธิภาพเพียงใด แต่อยู่ที่การนำไปใช้และการนำไปใช้ทดแทนในการปรุงยา ผลิญญาหยกเขียวเหมาะสำหรับเป็ตัวยาของสูตรยาหายากจำนวนไม่น้อย และยังสามารถทดแทนยาวิเศษที่สูญหายไปแล้วได้หลายชนิด
สิ่งนี้นำไปสู่ความจริงที่ว่า ต่อให้มันจะตกไปอยู่ในมือผู้ใดก็ตาม ย่อมมีผู้ใช้ประโยชน์จากมันได้ เพียงแต่ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป ยาที่ปรุงออกมาได้ก็จะมีมูลค่าสูงต่ำไม่เท่ากันตามสมควรแต่การมียาวิเศษอยู่ในมือของตนเองยังดีกว่าให้ผู้อื่นนำไปปรุงยาที่ดีกว่าออกมา เพื่อมาเสริมความแข็งแกร่งและป้องกันภัยคุกคาม
“สามสิบล้านเม็ด!” เซินหยวนชิงะโเสนอราคาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
พ่อค้าหลายรายที่เข้าร่วมประมูลหน้าซีดเมื่อได้ยินราคานี้ แม้ว่าจะเป็เซียนหยกขั้นต่ำ แต่มันก็เป็เซียนหยกไม่ใช่ก้อนหิน ไม่ใช่ทอง เงิน ทองแดงหรือเหล็กกล้า เหมืองแร่ที่สามารถก่อร่างเซียนหยกขึ้นมามีน้อยยิ่งนักในโลกบำเพ็ญเพียร แม้แต่ตระกูลเมิ่งจะมีกิจการเหมืองแร่ก็ยังมีสายเซียนหยกเพียงเส้นเล็กๆ เท่านั้น แต่มันทำให้สถานะของตระกูลเมิ่งสูงส่งจนได้เป็หนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่ในเทียนตูได้
“เขาหนิงชุยเฟิงกล้าได้กล้าเสียไม่น้อย เซียนหยกขั้นต่ำสามสิบล้านเม็ดเชียวหรือ”
“สามสิบล้านเม็ดเป็ราคาที่สูงเสียดฟ้าไม่น้อยสำหรับเรา แต่กลับเป็เพียงขนเส้นเดียวบนวัวเก้าตัวสำหรับเขาหนิงชุยเฟิง ดูเอาเถอะ ราคานี้อย่างน้อยคงจะไม่เพิ่มขึ้นเป็สองเท่าตัว!”
นอกจากคุณหนูใหญ่เซี่ยชิงเหยียนของตระกูลเซี่ยแล้ว ยังมีอีกสองคนอยู่ในห้องลับของบุคคลสำคัญของตระกูลเซี่ย คนหนึ่งคือน้องสาวของนางนามว่าเซี่ยหลิงซิน อายุเพียงสิบเจ็ดย่างสิบแปดปี ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ แต่มีพลังยุทธ์อยู่ใน่เริ่มต้นของขั้นฟันฝ่า เห็นได้ชัดว่าก็เป็อัจฉริยะตัวน้อยผู้หนึ่งของตระกูลเซี่ย ส่วนอีกคนหนึ่งคือญาติพี่น้องผู้เกี่ยวดองกันของตระกูลเซี่ย ลูกชายคนที่สี่ของตระกูลหลิน หลินเฉียงซึ่งถือเป็หนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่ในเทียนตูเช่นกัน อายุยี่สิบสามย่างยี่สิบสี่ปี สวมอาภรณ์สีขาว รูปร่างหน้าตาหล่อเหลา และมักจะมีรอยยิ้มเฉยชาปรากฏบนใบหน้า ถือพัดหยกในมือที่มีแสงแห่งิญญาสว่างวาบอยู่ เห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้ต้องเป็อาวุธวิเศษที่ทรงพลังไม่น้อย
“น้องชิงเหยียน ดูเหมือนว่าเขาหนิงชุยเฟิงมุ่งมั่นที่จะประมูลของสิ่งนี้ไปให้ได้ แต่หากเ้าจำเป็ต้องใช้เซียนหยก ไม่ต้องเกรงใจข้า!” หลินเฉียงโบกพัดหยกในมือและมองรูปร่างอันสง่างามของเซี่ยชิงเหยียนไปด้วย แววตาฉายแววปรารถนาอย่างลึกซึ้ง แต่ปากกลับพูดอย่างเรียบเฉย
“เหอะ! น้อยครั้งนักที่พี่หลินเฉียงจะใจกว้างเช่นนี้ พี่ชิงเหยียนอย่าได้พลาดโอกาสนี้ไปเล่า! แต่ก่อนเวลามาขอให้น้องสาวทำอะไรให้ก็ตกปากรับคำทันที แต่ภายหลังหลายครั้งที่น้องสาวไปขอให้เขาซื้อยาฝูหรงบางอย่างให้ เขาก็มักจะปฏิเสธด้วยข้ออ้างสารพัด ใช้คนไปถามก็ไม่ได้ข่าวคราว ต่อมาจึงไม่กล้ามาอีก!” ปากเล็กๆ ของเซี่ยหลิงซินพูดออกมาอย่างรวดเร็วแววตาแฝงไปด้วยถ้อยคำดูถูกและไม่พอใจ
หลินเฉียงถือเป็ทายาทสายตรงของตระกูลหลินเช่นเดียวกัน และยังถูกวางตัวให้สืบทอดตำแหน่งประมุขของตระกูลหลินอีกด้วย ในสายตาคนนอกคิดว่าเขาเป็ลูกชายคนโปรดของตระกูล พลังยุทธ์ตอนนี้ก็อยู่ใน่เริ่มต้นของขั้นฟันฝ่า และเป็หนึ่งในอัจฉริยะที่มีพร์รุ่นเยาว์ผู้มีชื่อเสียงในเทียนตู เขามีชื่อเสียงโด่งดังยิ่งกว่าเมิ่งเทียนอวิ๋นจากตระกูลเมิ่งด้วยซ้ำ ปกติมักจะมีคนล้อมหน้าล้อมหลัง คอยประจบสอพลอ แต่ตอนนี้กลับถูกเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ พูดจาส่อเสียดอยู่ แต่กลับแสดงความโกรธไม่ได้ จึงรู้สึกอับอายไม่น้อยด้วยกลัวจะเสียหน้าต่อหน้าหญิงงาม จึงรีบอธิบายว่า “น้องหลิงซินเข้าใจผิดแล้ว พี่เป็คนน่าเกลียดอย่างที่เ้าว่าเมื่อไรกัน เพียงแต่่นี้ต้องออกไปโน่นไปนี่จึงยุ่งยิ่งนัก ถึงได้เผลอลืมเื่นี้ไป ่นี้พอจะมีเวลาว่างแล้ว รองานประมูลจบลงพี่จะไปซื้อของที่เ้าว่าให้ทันที ดีหรือไม่?”
เซี่ยชิงเหยียนปรายตามองเซี่ยหลิงซินอย่างไม่พอใจ จากนั้นจึงหันไปยิ้มหวานให้หลินเฉียงและกล่าวว่า “ต้องขออภัยคุณชายสี่ด้วย หลิงซินชอบพูดจาเรื่อยเปื่อย อย่าได้ถือสา!” พูดจบก็หันหน้ากลับมามองกำแพงเงางามแล้วทำหน้านิ่วคิ้วขมวดต่อ
ผลิญญาหยกเขียวเป็ของดี แต่ตระกูลเซี่ยไม่ได้มีคนปรุงโอสถขั้นห้าอยู่ในตระกูล หากประมูลมาได้ก็อาจไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรมากนัก แต่หากใช้ของสิ่งนี้มาแลกเปลี่ยนกับเขาหนิงชุยเฟิง บางทีอาจจะใช้แลกเปลี่ยนยาที่ตระกูลเซี่ย้าโดยด่วนมาก็เป็ได้ แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะคุ้มค่าหรือไม่ ดังนั้นจึงยังลังเลที่จะตัดสินใจ
เมื่อตระกูลอื่นๆ เห็นว่าราคาของผลิญญาหยกเขียวพุ่งสูงขึ้นมากเพียงนี้ ก็เกิดความลังเลใจขึ้นมาเช่นกัน หากพวกเขาประมูลมันมาแล้วนำมาปรุงเป็ยาวิเศษ ก็จะได้ราคาเซียนหยกเพียงสามสิบล้านถึงห้าสิบล้านเม็ด อย่างไรก็สู้คนจากเขาหนิงชุยเฟิงไม่ได้ เพราะทันทีที่สามารถประมูลผลิญญาหยกเขียวได้สำเร็จ ฝั่งนั้นย่อมได้กำไรเพิ่มไปอีกเท่าตัว
“สามสิบล้านห้าแสนเม็ด!” ในที่สุดเสียงของลู่อวี่ก็ดังขึ้น ไม่ใช่เขาอยากจะออกมาปรากฏตัว แต่เพราะลู่เหว่ยิแสดงท่าทีลังเลและไม่เต็มใจ ซ้ำยังยังมีโลกทัศน์คับแคบไปเสียหน่อย หากไม่เกินกำลังจริงๆ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ลู่เหว่ยิพลาดโอกาส เขาจึงรีบร้อนแสดงตัว อย่างไรปัญหาก็ย่อมมีอยู่แล้ว ขอเพียงไม่มัวกังวลกับมัน เช่นนั้นก็ให้คนที่ไม่ชอบเขาได้ะโโลดเต้นตามกันไปเสีย!
“สัตว์ร้ายตัวน้อยของตระกูลลู่อยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย!” เสียงหวีดแหลมบาดแก้วหูของผียายแก่แห่งตระกูลเมิ่งดังขึ้นในห้องลับของบุคคลสำคัญ จากนั้นก็มีเสียงพูดขึ้นว่า “สี่สิบล้านเม็ด!”
มีคนหัวเราะและเงยหน้ามองไปยังห้องลับของบุคคลสำคัญหมายเลขสิบสาม “ฮ่าๆ ดูท่าว่าตระกูลเมิ่งต้องเผชิญหน้ากับตระกูลลู่เสียแล้ว เพียงแต่มันเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลลู่กัน? ตระกูลของพวกเขามีคนปรุงโอสถขั้นหกอยู่ด้วยหรือ? เช่นนั้นหากไม่มีแล้วได้มันกลับไปจะเกิดประโยชน์อะไรกัน?”
“เ้าไม่ได้ยินหรือว่าเสียงผู้ประมูลของตระกูลลู่เปลี่ยนไป? เสียงนี้เด็กกว่าเสียงแรกไม่น้อย ได้ยินมาว่านายน้อยของตระกูลลู่ก็มาที่เมืองเทียนตูเซียนเช่นกัน คิดว่าตอนนี้ต้องเป็เขาแน่นอนที่เสนอราคาประมูล ชื่อเสียงจอมเสเพลเ้าสำราญของเขาไม่ได้มาโดยเปล่าเสียจริง!” มีคนพูดเยาะเย้ย
“เพิ่งจะได้ข่าวว่านายน้อยตระกูลลู่เอาชนะอัจฉริยะเมิ่งเทียนอวิ๋นของตระกูลเมิ่งในการประลองฝีมือได้ไม่ใช่หรือ? ได้ยินว่าเมิ่งเทียนอวิ๋นยังเป็ถึงอะไรนะ อ้อ เด็กหนุ่มผู้มีพร์ ชื่อเสียงที่มีกับความเป็จริงคงจะสัมพันธ์กันไม่น้อย!”
“นั่นเป็เพราะตระกูลลู่เพิ่งได้รับยาอายุวัฒนะหายากสองสามชนิดจากซากปรักหักพังโบราณแห่งหนึ่งมา มิฉะนั้นลู่อวี่จะบรรลุขั้นพลังยุทธ์ขึ้นมาหลายขั้นได้อย่างไรกัน? เหอะ หากใช้ยาที่ล้ำค่าเช่นนี้กับศิษย์อัจฉริยะสักคน บางทีเขาอาจจะกลายเป็ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ในขั้นตงซวนไปแล้วก็เป็ได้!” มีคนที่ไม่รู้ความจริงแต่กลับแสร้งทำเป็พูดเกินจริงให้คนหลงเชื่อ
“ปัง!” เซินหยวนชิงหน้าบึ้งตึง สบถด่าเบาๆ “เ้าเด็กจอมล้างผลาญผู้นั้นจะแส่เข้ามายุ่งตอนไหนไม่ว่า! ดันเข้ามาแส่ใน่หัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ ตระกูลเมิ่งก็ยิ่งโง่เขลาไปใหญ่ ของสิ่งนั้นล้ำค่าไม่น้อย ในเมื่อพวกเขาไม่้า และแม้อยากจะหาเื่ตระกูลลู่เพียงใด ย่อมมีวิธีอื่นอยู่อีก แล้วเหตุใดต้องมายุ่งกับเื่นี้ด้วย เช่นนั้นปีนี้ทั้งสองตระกูลก็อย่าได้หวังว่าจะเป็สุขเลย!”
เมื่อพูดจบ เซินหยวนชิงจ้องมองไปทางกำแพงเงางามแล้วพูดออกมาช้าๆ ว่า “ห้าสิบล้านเม็ด!”
“ห้าสิบล้านห้าแสนเม็ด!” เสียงของลู่อวี่ะโสวนมาทันควันอย่างไม่ลังเลใจ
ทุกคนในห้องประมูล รวมถึงคนจากสำนักและตระกูลใหญ่ต่างๆ ถึงกับลุกฮือและพากันพูดคุยเกี่ยวกับเื่นี้กันขึ้นมาทันที