เมื่อเมิ่งอ้ายเยว่กลับมาถึงเรือนของตนก็ยังคงโมโหไม่หาย อยู่ๆ นางก็รู้สึกว่ามีน้ำตาไหลรินออกมาจากดวงตาคู่สวยของตน หญิงสาวยกมือขึ้นเช็ดมันอย่างลวกๆ นางค่อนข้างแปลกใจเป็อย่างมาก นี่ไม่ใช่ความรู้สึกของนาง แต่เป็ความรู้สึกของเมิ่งอ้ายเยว่คนเก่าที่ยังหลงเหลืออยู่ สตรีนางนั้นรักเถียนฮูหยินราวกับมารดาแท้ๆ ของตน ที่นางชอบทำตัวแย่ๆ ก็เพราะ้าให้เถียนฮูหยินสนใจและมอบความรักให้สักนิด แท้จริงแล้ว เมิ่งอ้ายเยว่คนเก่าอาจจะไม่ได้จิตใจเลวร้ายมาแต่กำเนิด แต่เป็เพราะนาง้าความรักจากผู้คนรอบข้างจึงแสดงออกมาอย่างผิดๆ เช่นนั้น
ตอนอ่านนิยายนางยังไม่ได้รู้สึกมีอารมณ์ร่วมเท่าใดนัก แต่เมื่อได้มาอยู่ในร่างนี้นางกลับเข้าใจความรู้สึกของเมิ่งอ้ายเยว่คนเก่ามากขึ้นและรู้สึกสงสารอย่างจับหัวใจ
ความรู้สึกอึดอัดและเจ็บแค้นน้อยใจเช่นนี้ ทำเอาเมิ่งอ้ายเยว่ไม่สบายตัวเท่าใดนัก นางต้องใช้ความพยายามอยู่นานกว่าจะจัดการอารมณ์เหล่านี้ออกไปจากจิตใต้สำนึก เมื่ออารมณ์ขุ่นมัวหายไปจนหมดสิ้นแล้ว นางก็มองไปยังเตียงหลังใหม่ที่วางอยู่ในห้องนอนคราหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปดูมันใกล้ๆ
เตียงหลังนี้ค่อนข้างใหญ่มาก อีกทั้งยังมีหลังคาและผ้าม่านปิดล้อมรอบเอาไว้อย่างดี ด้านในตกแต่งด้วยลายสลักดอกไม้ ที่นอนก็นุ่มเป็อย่างมาก นางลองทิ้งกายลงนอนก็พบว่ามันนอนสบายดีทีเดียว
แต่ทว่าต่อมาในใจของนางก็เกิดความสงสัยที่ยังหาคำตอบไม่ได้ขึ้นมาอีกหน นางไม่เคยพบเจอกับฮ่องเต้เลย แล้วเขารู้ได้อย่างไรว่านางทำความดีอันใดไว้
นางจำได้ว่าฮ่องเต้ผู้นี้ในนิยายอายุยังน้อยนักและยังมีจิตใจชั่วร้าย ไม่เห็นหัวผู้ใด เอาความคิดตนเองเป็ใหญ่ อีกทั้งยังทำตามใจตนไม่สนคำทัดทานของใครและไม่สนใจราษฎร เื่การพระราชทานรางวัลนั้นตัดทิ้งไปได้เลย นอกจากจะไม่มอบรางวัลแล้ว ยังจ้องแต่จะขูดเืขูดเนื้อเอาภาษีจากราษฎรอีกด้วย สุดท้ายแล้วก็ตกตายเพราะถูกไป๋จิ่งหยวนสังหาร วันที่เขาตายผู้คนต่างฉลองกันเจ็ดวันเจ็ดคืนอย่างสำราญใจ
แต่ยามนี้เขากลับมอบของรางวัลให้นาง นี่มันเื่ใดกัน เหตุใดไทม์ไลน์ของเื่ราวจึงไม่เป็ไปตามนิยายกันเล่า
ให้ตายเถอะ ยิ่งคิดยิ่งปวดสมอง เอาเป็ว่ารับของเหล่านี้เอาไว้ก่อนก็แล้วกัน อีกอย่างเตียงนี่ก็ถูกใจนางอย่างมาก
เมิ่งอ้ายเยว่รีบล้างหน้าล้างตาให้สะอาด แล้วจึงเอ่ยเรียกอาหมี่ให้เข้ามาหา
“อาหมี่”
“เ้าคะ”
“เอาของรางวัลเหล่านี้ไปเก็บ แล้วไปเอาอาหารเลิศรสมา วันนี้ข้าจะนอนกินมันบนเตียงนี่แหละ!”
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น การกินอิ่มนอนหลับย่อมต้องมาก่อนเสมอ
หลายวันต่อจากนั้น เถียนฮูหยินก็ส่งคนมาจับตาดูนาง เพราะเกรงว่านางจะแอบออกไปนอกจวนอีก เมิ่งอ้ายเยว่เองก็อดทนอดกลั้นเป็อย่างยิ่ง นางทำตัวตามสบายไร้พิรุธ รอจนเถียนฮูหยินคลายความระแวดระวังลงแล้ว นางจึงออกไปด้านนอกจวนอีกหน
ก่อนหน้านี้เถียนฮูหยินสั่งให้สาวใช้มาเอาของรางวัลของนางกลับไป แต่ทว่าไม่สำเร็จ เมิ่งอ้ายเยว่ล้วนมีสารพัดวิธีการมาป้องกันสิทธิประโยชน์ที่ตนเองควรจะได้รับ สุดท้ายแล้วเถียนฮูหยินก็เป็ฝ่ายถอดใจไปเอง
เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว นางก็ออกจากจวนทางช่องลอดสุนัขเช่นทุกครั้ง อาหมี่อยากจะห้ามแต่กลับไม่กล้าปริปาก ทำได้เพียงอยู่รับหน้าแทนเ้านายของตนเหมือนเช่นที่ผ่านมา
เมิ่งอ้ายเยว่นำผ้าแพรที่ได้มายังร้านตัดชุด และให้เถ้าแก่ร้านช่วยตัดชุดใหม่ให้นางสักสองสามชุด เพราะชุดที่เถียนฮูหยินให้นางสวมใส่มาตลอดนั้นออกจะเหมือนชุดของสตรีถือศีลไปเสียหน่อย นางชอบเสื้อผ้าสีสันสดใสมากกว่า ส่วนพวกเครื่องประดับอื่นๆ นางล้วนเก็บซ่อนเอาไว้เป็อย่างดี เถียนฮูหยินย่อมไม่มีทางหาเจอ
หลังออกมาจากร้านตัดชุด นางก็เดินเตร็ดเตร่เที่ยวเล่นอย่างเบื่อหน่าย อยู่ๆ ในใจก็คิดถึงเด็กหนุ่มหน้าหยกนามว่าอาอี้ขึ้นมา หญิงสาวส่ายหน้าไปมาเพื่อไล่ความคิดนี้ออกไป แม้ในยุคโบราณเด็กอายุสิบแปดจะนับว่าเติบโตเป็ผู้ใหญ่แล้ว แต่ว่านางก็ยังคิดว่าเป็เด็กมัธยมปลายไฮสคูลอยู่ดี
ในขณะที่นางกำลังคิดอันใดไปเรื่อยเปื่อย กลับได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากอีกฝากฝั่งหนึ่งของถนน เมื่อหญิงสาวหันไปมองก็พบว่ามีบุรุษผู้หนึ่งที่แต่งกายเหมือนบัณฑิต กำลังโดนพวกชายหน้าบากสามสี่คนวิ่งไล่อย่างไม่ลดละ เมิ่งอ้ายเยว่ทำเป็มองไม่เห็นเพราะไม่อยากจะหาเื่วุ่นวายให้กับตนเอง นางรีบเร่งฝีเท้าและหันหลังเดินไปอีกทาง แต่ทว่ากลับมีมือปริศนาของใครบางคนมาคว้าจับมือของนาง และลากนางให้วิ่งหนีไปด้วยกัน เมื่อนางเงยหน้าไปมองก็พบว่าเป็ชายหนุ่มที่ถูกไล่ตีผู้นั้นนั่นเอง เมิ่งอ้ายเยว่ยังไม่ทันได้สะบัดมือออก เขาก็ลากนางให้วิ่งหนีตายไปด้วยกันอย่างรวดเร็วเสียแล้ว วิ่งอยู่นานก็สามารถหนีจากการไล่ล่ามาได้อย่างปลอดภัย
เมิ่งอ้ายเยว่ถอนหายใจเหนื่อยหอบ นางหันมามองชายหนุ่มผู้นั้นอย่างเคืองๆ เขาเองก็มองนางเช่นเดียวกัน เมื่อได้เห็นหน้านางชัดๆ เขาก็ถึงกับสะดุ้งโหยง
"อ้าว แม่นางเ้าเป็ผู้ใดกัน ให้ตายเถอะ นางโลมที่ข้าพาตัวมาด้วยเล่าหายไปที่ใดแล้ว?"
เขาเอ่ยพลางหันรีหันขวางเพื่อมองหาคน เมิ่งอ้ายเยว่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับร้องอ้อในใจ ที่แท้คนที่เขา้าลากให้วิ่งหนีตายมาด้วยกันก็คือนางโลม แต่เขาดันคว้าจับมาผิดคน?
เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางจึงยกเท้าขึ้นเตะหน้าแข้งเขาอย่างแรงจนคนถูกเตะร้องไม่เป็ภาษา
"แม่นาง เ้าเตะข้าทำไมกันเล่า!"
"เ้าตาบอดหรือ ข้าไม่ใช่นางโลมของเ้า คิดจะลากข้ามาเสี่ยงตายหรือ!"
"ข้าไม่ทันระวังจึงคว้าจับผิดคน แม่นางโปรดอภัยด้วย"
"เดี๋ยวก็ถีบเข้าให้อีกหน คำแก้ตัวฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลย!"
ชายหนุ่มคนนั้นโดนเมิ่งอ้ายเยว่ด่าจนหน้าม่อย ก่อนจะเอ่ยขอโทษขอโพยนางเป็การใหญ่ เมิ่งอ้ายเยว่ที่เห็นว่าเขารู้สึกผิดจริงๆ ก็คร้านจะถือสา เมื่อมองให้ดีดี ก็ดูเหมือนว่าเขาจะยังอายุไม่มาก ดูแล้วน่าจะรุ่นราวใกล้เคียงกับอาอี้เสียด้วยซ้ำ
ให้ตายเถอะ นิยายเล่มนี้มันเป็แหล่งกำเนิดพวกเด็กลิงหรือไรกัน!
"ว่าแต่เ้าไปทำสิ่งใดมาจึงถูกคนพวกนั้นไล่ล่ามาเช่นนี้?"
เมิ่งอ้ายเยว่เอ่ยถามด้วยความสงสัย นางทิ้งกายลงนั่งที่ริมทางอย่างเหนื่อยล้า ส่วนเด็กหนุ่มผู้นั้นเมื่อเห็นว่านางนั่งลง เขาจึงนั่งตามบ้าง
"คือว่า ข้าอยากจะช่วยนางโลมผู้หนึ่ง นางถูกนำมาขายโดยที่ไม่เต็มใจ ข้าสงสารนัก แต่เงินข้ามีไม่พอ จึงคิดจะพานางหนีกลับจวน ขอเพียงกลับจวนข้าได้อันธพาลพวกนั้นย่อมไม่กล้ามาพาตัวคนกลับ แต่ว่าข้ายังเดียงสานัก ไม่อาจสู้กับคนพวกนั้นได้ เห้อ ยามนี้นางคงถูกจับตัวกลับไปแล้วกระมัง"
เด็กหนุ่มเอ่ยตอบอย่างอดสู เมิ่งอ้ายเยว่เมื่อได้ยินอย่างนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย อย่างไรเสียเขาก็ยังมีใจเมตตา
"บางครา นั่นอาจจะเป็ชะตาชีวิตของนาง แต่เ้าก็ไม่ควรเอาตนเองไปเสี่ยง หากว่าได้รับอันตรายถึงชีวิต บิดามารดาของเ้าจะต้องปวดใจเป็แน่”
เด็กหนุ่มเมื่อได้ยินอย่างนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าก็เลือนหายไปทันที หากบิดามารดาห่วงใยเขาจริงๆ ก็คงดีสิ
เขาไล่ความคิดในหัวออกไปจนหมด เพราะไม่อยากคิดถึงมันอีก ก่อนจะหันมาเอ่ยกับเมิ่งอ้ายเยว่
"ข้าชื่อซือหม่าตง ปีนี้อายุสิบเจ็ด ข้าเป็ซื่อจื่อจวนชินอ๋อง บิดาข้าเป็เสด็จอาแท้ๆ ของฝ่าา แล้วเ้าเล่าชื่ออันใด?"
เมิ่งอ้ายเยว่ถึงกับสะดุ้งในใจ เขาเป็ถึงเชื้อพระวงศ์เชียวหรือ เมื่อครู่นางทั้งด่าทั้งเตะเขาไปไม่น้อยเลย
ด้านซือหม่าตงก็พอจะมองออกว่าเมิ่งอ้ายเยว่คิดสิ่งใดอยู่ เขาจึงฉีกยิ้มกว้างอย่างไม่ถือสา
"เ้าไม่ต้องกังวล ข้าไม่ถือสาหรอก ครั้งนี้เป็ข้าที่ผิดเอง แล้วเ้าก็ไม่ต้องเอ่ยวาจาเกรงอกเกรงใจกับข้าด้วย สนทนากันตามปกติเถอะ"
เมิ่งอ้ายเยว่พยักหน้าเล็กน้อย ความกังวลในใจลดลงไปกว่าครึ่ง
“ข้าชื่อเมิ่งอ้ายเยว่”
ซือหม่าตงเมื่อได้ยินชื่อแซ่ของสตรีตรงหน้าก็คิดถึงเื่หนึ่งขึ้นมาได้ เขาจำได้ว่าในเมืองหลวงมักจะมีเื่เล่าของสตรีนิสัยไม่ดีนางหนึ่งปรากฏอยู่ในวงสนทนาทั่วทุกหย่อมหญ้า นางมีนามว่าเมิ่งอ้ายเยว่ แต่ว่าเขาไม่เคยเห็นหน้านางมาก่อน ได้ยินเพียงกิตติศัพท์ความร้ายกาจเท่านั้น วันนี้ได้มาเจอตัวเป็ๆ เขาจึงค่อนข้างใไม่น้อย เขาจ้องนางอยู่เช่นนั้นและยิ้มแห้งๆ เมิ่งอ้ายเยว่เองก็ยิ้มตอบเขาหนหนึ่ง
“เ้าคงรู้จักชื่อเสียงข้าอยู่ไม่น้อยสินะ ใช่แล้ว ข้าคือนางปีศาจตนนั้นแหละ”
เอาเถอะ ในเมื่อชื่อเสียงมันย่ำแย่ปานนั้นแล้ว ก็เอาให้สุด
ซือหม่าตงอมยิ้มน้อยๆ และขยับเข้าไปใกล้นางอีกหน่อย
“คราวหน้าหากข้าได้ยินว่าพวกเขานินทาเ้าอีก ข้าจะส่งคนไปเตะปากให้เอง”
เมิ่งอ้ายเยว่รู้สึกขบขันไม่น้อย นางผลักเขาให้ออกห่างจากตัว แล้วจึงลุกขึ้นยืน
“ข้าจะกลับแล้ว เ้าก็รีบกลับ อย่าให้พวกมันตามมาพบอีก ข้าว่าพวกมันอาจจะยังไม่ยอมรามือ”
“อืม”
ในขณะที่คนทั้งสองกำลังจะแยกย้ายกันไปตามทางของตน พวกอันธพาลหน้าบากกลับตามหาตัวซือหม่าตงพบเสียก่อน พวกมันเข้ามาล้อมตัวเมิ่งอ้ายเยว่และซือหม่าตงเอาไว้ เมิ่งอ้ายเยว่ถึงกับกุมขมับ นางออกจวนมายังไม่ถึงวันกลับมีคอนเท้นต์พุ่งเข้าใส่เสียอย่างนั้น ซ้ำร้ายยังเป็คอนเท้นต์ที่ต้องหนีตายอีกด้วย!
"เ้าเป็ถึงซื่อจื่อ มีองค์รักษ์ลับคอยคุ้มครองหรือไม่?"
นางหันมาเอ่ยถามซือหม่าตง แต่เขากลับส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง
"ไม่มี ข้าไม่ให้พวกเขาตามมา ข้ากลัวพวกเขาจะลากข้ากลับจวน"
เวรละสิ!
เมิ่งอ้ายเยว่ถึงกับหมดคำจะพูด เด็กซนนี่หาแต่เื่แต่กลับไม่รู้จักหาวิธีปกป้องตนเองเช่นนี้มันใช้ได้ที่ใดกัน นางมองไปที่อันธพาลพวกนั้นก่อนจะครุ่นคิดหาวิธีหนีเอาตัวรอด ฉับพลันนางก็คิดวิธีเอาตัวรอดแบบเบสิคออกมาได้
"นั่นมันคนของทางการนี่!"
เมิ่งอ้ายเยว่ชี้มือมั่วๆ ไปทางด้านหลังของพวกอันธพาลหน้าบาก เมื่อพวกมันได้ยินเช่นนั้นก็รับหันกลับไปมอง แต่กลับไม่เห็นคนของทางการสักคน เมิ่งอ้ายเยว่อาศัยจังหวะนี้ะโถีบพวกมันจนล้มลงไปนอนกองอยู่บนพื้น แล้วจึงลากตัวซือหม่าตงให้วิ่งหนีตายไปด้วยกัน คนทั้งสองวิ่งลัดเลาะไปตามทางอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าพวกมันไม่ตามมาแล้วจึงหยุดวิ่งและทิ้งกายลงนั่งข้างทางอย่างหมดสภาพโดยไม่สนใจสายตาของผู้คนที่มองมา
"เมิ่งอ้ายเยว่ ขอบใจเ้ามาก หากไม่ได้เ้า ข้าตายแน่!"
ซือหม่าตงเอ่ยขอบคุณด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ เมิ่งอ้ายเยว่เองก็หายใจไม่ทั่วท้องเช่นเดียวกัน
"ซือหม่าตง ต่อไปเ้าเลิกช่วยคนส่งเดชเถอะ ก่อนจะอายุสั้น!"
"ไม่ ข้าเห็นคนเดือดร้อนไม่ได้ นี่คือจิติญญาคนดีของข้า ข้าเกิดมาเพื่อผดุงคุณธรรม"
"ิญญาเ้าจะหลุดออกจากร่างก่อนน่ะสิเด็กผี ก่อนจะผดุงคุณธรรม ช่วยประคองชีวิตตนเองให้รอดก่อนเถอะ!"
