เด็กหญิงตัวน้อยทำคอตกคุกเข่าอยู่ตรงนั้น สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
แต่ไท่ไท่สามยังคงซักไซ้ "เ้าพูด ของเหล่านี้ผู้ใดเป็คนให้มา ตอนนี้เ้ายิ่งเรียนนิสัยก็ยิ่งแย่ ใครสอนเ้ากันฮึ? ต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง ริอ่านเอาขนมไปซุกซ่อน เ้าอยากถูกตีมากนักใช่หรือไม่?"
มันน่าโมโหจริงๆ แต่เห็นนางคุกเข่าตรงนั้น ก็รู้สึกปวดใจยิ่งนัก
เฉียวเยว่หน้าม่อยคอตก "ท่านแม่ ข้าขอโทษ ท่านให้อภัยข้าเถิดนะเ้าคะ ข้าตะกละเห็นแก่กิน ข้าเป็เด็กไม่ดี ต่อไปข้าจะพยายามทำตัวเป็เด็กดี ข้าจะไม่ทำผิดอีกแล้ว ท่านแม่ ท่านให้อภัยข้าได้หรือไม่?"
ไท่ไท่สามมองห่อที่กินหมดแล้วเ่าั้ ไฟโทสะก็พวยพุ่งขึ้นศีรษะ
ซูซานหลางกลับเยือกเย็น "ขนมเหล่านี้ใครเป็คนให้เ้ามา"
เฉียวเยว่กัดริมฝีปาก "พี่จ้านให้มาเ้าค่ะ เขาใส่ไว้ในกล่องของขวัญ ข้าลอบเอาไปซุกซ่อนไว้เอง"
ซูซานหลางคาดเดาผลลัพธ์นี้ไว้แต่แรก ทว่าก็ยังอดโมโหไม่ได้ "ซูเฉียวเยว่ เ้ารู้หรือไม่เหตุใดมารดาเ้าถึงให้เ้าควบคุมอาหาร?"
เฉียวเยว่ผงกศีรษะ "ทราบเ้าค่ะ"
"เมื่อรู้ แล้วตอนนี้เ้าทำอันใดอยู่ บอกข้าซิ เ้าเชื่อฟังหรือไม่ ทั้งที่รู้เต็มอกว่าเหตุใดพวกเราถึงควบคุมการกินของเ้า เ้ายังต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง แอบซุกซ่อนขนมเก็บไว้ส่วนตัว เื่นี้หากผู้อื่นรู้เข้าจะทำอย่างไร" ซูซานหลางโกรธแทบตาย
แต่เื่นี้เป็ผลงานของอวี้อ๋องผู้นั้นแท้ๆ เขาสอนจนเด็กเสียคน แน่นอนว่าต้องโทษความไม่เอาไหนของบุตรสาวตนเองด้วย
"ท่านพ่อ ข้ามันเห็นแก่กิน" เฉียวเยว่พูดตรงไปตรงมา ท่าทางจริงจังอย่างมาก
นางก้มหน้าอย่างเชื่อฟัง
เฉียวเยว่เป็เด็กประเภทที่มักทำผิดเล็กๆ น้อยๆ อยู่เสมอ แต่รู้จักสำนึกผิดและมีจิตใจดีงาม ทำให้คนไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไร
"เ้าลุกขึ้นมา พื้นเย็น อย่าคุกเข่าอยู่เลย" ไท่ไท่สามเอ่ย
เฉียวเยว่เงยหน้าขึ้นจ้องตาแป๋ว ตอบอื้อ แล้วลุกขึ้นมา หลังจากนั้นก็วิ่งไปกอดขาของไท่ไท่สาม "ท่านแม่ ท่านให้อภัยข้าเถอะ ข้ารับรองว่าวันหลังจะไม่ซุกซนเช่นนี้อีกแล้ว ข้าขอสัญญา"
"เ้าจะรับประกันอันใดได้ฮึ เ้าเด็กดื้อ"
เฉียวเยว่ยิ้มตาหยีซบบนตัวไท่ไท่สาม "พวกท่านลงโทษข้าก็ได้ แต่พวกท่านอย่าถือโทษโกรธเคืองพี่จ้านเลยนะเ้าคะ"
พอได้ยินตรงนี้ ซูซานหลางกับไท่ไท่สามก็ตกตะลึง หลังจากนั้นก็ถามว่า "เ้ารู้ด้วยหรือว่าพวกเราขุ่นเคืองเขา?"
เฉียวเยว่ส่ายหน้า "ข้าไม่ทราบ ข้าไม่อยากให้พวกท่านตำหนิเขา เป็ข้าที่ทำตัวน่าสงสารบอกว่าตนเองกินไม่อิ่ม เขาถึงให้ของกินกับข้า แต่หากเหตุนี้ทำให้พวกท่านรู้สึกว่าเขาเป็คนไม่ดี ข้าก็คงเสียใจ ข้าคิดว่าเขาก็คงเสียใจเช่นกัน ข้าไม่อยากให้เป็เช่นนี้"
ไท่ไท่สามถอนหายใจ "เช่นนั้นลงโทษให้เ้างดกินขนมไปจนถึงปีใหม่ นอกจากนี้ให้คัดคัมภีร์กตัญญุตาธรรมสองจบทุกวัน คราก่อนเ้ายังติดค้างของท่านย่าอยู่ ตอนนี้ก็จงเขียนอักษรให้ข้าเสียโดยดี"
เฉียวเยว่พยักหน้า ตอบรับอย่างเชื่อฟัง "เ้าค่ะ"
ไท่ไท่สามตบหลังของนางเบาๆ และพูดว่า "ดูซิ วันหน้าเ้ายังจะกล้าซุกซ่อนขนมอีกหรือไม่ เ้าลักกินของเหล่านี้ราวกับหนู อีกอย่างสีฟันแล้วยังกินขนม ฟันใหม่ของเ้าจะขึ้นใหม่ได้อีกหรือ?"
เฉียวเยว่หัวเราะคิกคัก ยกมือขึ้น "ไม่กล้าแล้ว ไม่กล้าแล้วเ้าค่ะ"
"คราวหน้าหากมีเื่เช่นนี้อีก ข้าจะตีก้นน้อยๆ ของเ้าให้ยับไปเลย เ้าเด็กดื้อ"
เฉียวเยว่รีบพยักหน้า "ตีแรงๆ เลยเ้าค่ะ"
นางบิดมือน้อยๆ มองของกินตาไม่กะพริบ นึกแล้วก็พูดว่า "พวกท่านเอาของอร่อยเหล่านี้เป็ของว่างให้ฉีอันเถิดเ้าค่ะ ของอร่อยเช่นนี้ หากโยนทิ้งไปก็สิ้นเปลืองแย่"
ไท่ไท่สามหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก "เื่เหล่านี้ต้องให้เ้าสั่งสอนพวกเราหรือ เื่ขนมเ้าไม่ต้องยุ่งเกี่ยว เอาล่ะ ไปเล่นต่อเถอะ แต่เ้าจงจำไว้ ทุกเื่มีหนึ่งย่อมมีสอง แต่จะไม่มีสามและสี่ตามมา เข้าใจหรือไม่?"
เฉียวเยว่พยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีก "ข้าเข้าใจเ้าค่ะ"
"ข้าจะไม่ผิดพลาดเช่นเดิมซ้ำให้ท่านเสียใจอีกเป็อันขาด" นางตอบกลับไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ
"เ้ารู้ก็ดีแล้ว" ไท่ไท่สามพยักหน้า
เฉียวเยว่ถูกตำหนิ แต่ครานี้นางรนหาที่ตายเอง แม้ไม่อาจกินขนมอีก แต่เวลาก็ผ่านไปเร็วมาก เพียงพริบตาเดียวก็ถึงปีใหม่ วันที่ยี่สิบเก้าเดือนสิบสอง เฉียวเยว่กำลังคัดอักษรอยู่ในเรือน ก็เห็นฉีอันวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
ลำโพงน้อยเริ่มออกอากาศแล้ว!
"เฉียวเยว่ แม่ทัพิ่มาแล้ว พาพี่จื้อรุ่ยมาด้วยนะ ตอนนี้อยู่ที่เรือนหลัก ท่านพ่อกับท่านแม่ล้วนไปกันหมดแล้ว"
เฉียวเยว่ทำปากยื่น "ไม่ต้องให้พวกเราไปด้วยหรือ"
ฉีอันพยักหน้า "แน่นอนว่าไม่ต้อง ข้าก็มาแจ้งข่าวอยู่นี่ไง แม่ทัพิ่แลดูสูงใหญ่องอาจห้าวหาญ ละม้ายกับพี่จื้อรุ่ยไม่น้อยเลย"
บิดากับบุตรหน้าตาก็ต้องเหมือนกันสิ ไม่เหมือนถึงควรร้องไห้
"ข้าไม่ค่อยสนใจเื่ของแม่ทัพิ่ ข้าคิดถึงท่านลุงมากกว่า ท่านลุงบอกว่าวันนี้จะมาหาข้า ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มาเลย"
เอ่ยถึงเื่นี้ เฉียวเยว่ก็ทำหน้าเศร้า เทพบุตรอันดับหนึ่งของนางคือท่านลุง
"ท่านลุงมาแล้ว ข้าพบท่านลุงแล้วด้วย ท่านลุงได้ยินว่าแม่ทัพิ่ก็อยู่ จึงไปทักทายที่เรือนหลัก แต่ท่านลุงให้ข้ามาบอกเ้า อีกสักครู่เขาจะมา"
เฉียวเยว่ขบคิดเกี่ยวกับคำกล่าวนี้ ดูเหมือนว่าฉีจือโจวจะไม่อยากให้นางไปหาตนเองที่เรือนหลัก
เมื่อคิดเช่นนี้ เฉียวเยว่ก็สงบลงทันที นางตอบอื้อ แล้วพูดว่า "่นี้ข้าทำผิดไว้เยอะ ตั้งใจเขียนอักษรดีกว่า"
ฉีอันหัวเราะเอิ๊กอ๊าก "เยว่เยว่เด็กดื้อ"
เฉียวเยว่รู้สึกไม่เป็ธรรมอยู่บ้าง แต่ก็ยังกำมือให้กำลังใจตนเอง "ไม่เป็ไร ไม่เป็ไร วันนี้วันที่ยี่สิบเก้าเดือนสิบสองแล้ว พรุ่งนี้ข้าก็กลับมากินขนมได้เหมือนเดิมแล้ว ข้าต้องทำตัวดีๆ"
เฉียวเยว่ให้กำลังใจตนเองสองสามครั้ง หลังจากนั้นก็วางพู่กันลง "เขียนเสร็จหนึ่งจบแล้ว"
แล้วเก็บข้าวของไม่เขียนต่อแล้ว ฉีอันไม่เข้าใจ เฉียวเยว่กางหนังสือภาพของตนเอง "ทำสิ่งใดต้องรู้จักผ่อนคลายบ้าง เช่นนี้ถึงจะไม่เหนื่อย และไม่ทำให้ตนเองอ่อนเพลียเกินไป"
"ข้าจะอยู่กับเ้า" ฉีอันสนใจของสิ่งนี้เป็พิเศษ
เขาถอดรองเท้าปีนขึ้นมาบนตั่ง แล้วนั่งข้างๆ เฉียวเยว่ เมื่อฉีจือโจวมาถึง เห็นพวกเขาสองพี่น้องกำลังวาดภาพ แลดูจริงจังมาก น้ำหมึกกระเซ็นเปรอะดวงหน้าของเฉียวเยว่อย่างไรก็สุดรู้
เห็นฉีจือโจวเข้าประตูมา เฉียวเยว่ก็ร้องทักด้วยความดีใจ "ท่านลุง ข้าคิดถึงท่านจะตายอยู่แล้ว"
สมกับเป็จอมสอพลอน้อยโดยแท้
ฉีจือโจวยิ้มน้อยๆ อุ้มนางขึ้นมา แล้วเช็ดหน้าดวงน้อยให้แก่นาง "ได้ยินว่า่นี้ไกวเยว่ไม่เชื่อฟังหรือ?"
เฉียวเยว่ทำหน้าเหวอ แต่ยังคงพยายามแก้ต่าง "ข้าข้าข้า... นั่นมันเหตุสุดวิสัย"
ฉีจือโจวยกยิ้มน้อยๆ เอ่ยว่า "บิดามารดาเ้าล้วนหวังดีต่อเ้า เฉียวเยว่ของลุงเฉลียวฉลาดเช่นนี้ ต้องรู้อยู่แล้วใช่หรือไม่?"
เฉียวเยว่พยักหน้า นางรู้
"ท่านลุง ไม่ได้พบท่านนานมาก ่นี้ท่านยุ่งมากเลยหรือ?"
ฉีจือโจวพยักหน้า "ก็ใช่น่ะสิ ทว่าั้แ่วันนี้เที่ยงวันเป็ต้นไปก็พักผ่อนได้แล้ว รอวันที่สิบห้าเดือนหนึ่ง ลุงจะพาเฉียวเยว่ไปชมโคมไฟดีหรือไม่"
เฉียวเยว่ยกมือทันควัน "ประเสริฐ! ข้าจะไป"
ฉีอัน "ท่านลุง ข้าไปด้วย ข้าไปด้วย"
อยากไปจนแทบรอไม่ไหว
ฉีจือโจวพยักหน้า "พาเ้าไปด้วยกันนี่แหละ พวกเราจะไปทายปริศนาโคมไฟ ทายถูกหนึ่งข้อ ลุงจะมอบของรักล้ำค่าให้เ้าหนึ่งชิ้น ดีหรือไม่?"
เฉียวเยว่เงยหน้าถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น "ของรักอันใดหรือเ้าคะ?"
"ถึงเวลาก็รู้เอง" ฉีจือโจวยิ้มน้อยๆ
เฉียวเยว่พยักหน้า "เช่นนั้นตอนนี้ข้าต้องทำการบ้านแล้ว"
ฉีอันะโโลดเต้น "ข้าทำด้วย"
เมื่อไท่ไท่สามกลับมาเห็นจือโจวนั่งขัดสมาธิบนตั่ง เด็กน้อยสองคนนั่งพิงข้างกายเขาอยู่ เขานั่งตัวตรงดุจพู่กันกำลังเขียนบางอย่างอย่างจริงจัง
"พี่ใหญ่"
อาจเป็เพราะฉีจือโจวมาเยือน เมื่อครู่ไม่ว่าซูเยียนหรันหรือหวังหรูเยียนล้วนแต่ใจลอย จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แท้จริงแล้วนางเองก็ตกประหม่าอย่างยิ่ง ประจวบกับิ่หวายอยู่พอดี นางไม่สะดวกรั้งอยู่ทางนั้น ย่อมหาเหตุผลกลับมาก่อน
"ข้านำของขวัญเล็กน้อยมาให้เ้า หลันหมัวมัวรับไว้แล้ว รอเ้ามาจัดการ บางส่วนก็มอบให้เด็กๆ"
เฉียวเยว่ดวงตาลุกวาว
แต่ไม่ช้านางก็คอพับลงไปไม่กล้าพูดมาก เฝ้าเตือนตนเองว่า "ข้าไม่ใช่เด็กที่โลภมากอยากได้แก้วแหวนเงินทอง ข้าเป็คุณหนูผู้สง่างาม"
่นี้นางก่อเื่ไว้มากจริงๆ ย่อมไม่กล้าเอ่ยแต่อย่างใด
มุมปากของฉีจือโจวโค้งขึ้นคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม "เตรียมเครื่องประดับให้เ้าเยอะเลย"
เฉียวเยว่ดวงตาลุกวาวอีกหน ดวงตาเบิกกว้างเป็ประกายหยาดน้ำระยิบระยับ "จริงหรือเ้าคะ?"
หลังจากนั้นก็หันไปมองไท่ไท่สามแล้วถูมือ "พวกเราไปดูได้หรือไม่"
สายตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ไท่ไท่สามยิ้มพลางพยักหน้า "เอาเปรียบเ้าไม่ได้เลยสินะ"
เฉียวเยว่ยิ้มอย่างเบิกบาน ยกชายกระโปรงหมุนเป็วงกลม
"ิ่หวายกลับมาครานี้คงจะอยู่นานหน่อย สิ้นเดือนหนึ่งแล้วถึงจะเดินทางกลับ" ฉีจือโจวดูเหมือนจะมั่นใจมากและดูเหมือนว่าจะพูดกับไท่ไท่สาม "บางสถานการณ์ในเมืองหลวงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องรับมือกับการพบปะเข้าสังคม แต่คนบางคนอยู่ให้ห่างไว้หน่อยจะดีกว่า จะได้ไม่เกิดความวุ่นวาย"
ไท่ไท่สามอ่อนโยนยิ่ง นางเอ่ยเสียงเบา "ข้าทราบแล้ว ข้าไม่เหมือนกับผู้อื่น"
นางก้มศีรษะ "พี่ใหญ่โปรดวางใจ ข้าจะไม่หาเื่ใส่ตัว อย่างไรเสียเื่ของผู้อื่นก็ไม่เกี่ยวกับข้า ข้าจะไม่เอาตัวเข้าไปเกี่ยวข้องสุ่มสี่สุ่มห้า"
ฉีจือโจวยังไม่หยุดความเคลื่อนไหวในมือของตนเอง เขากำลังปรับแต่งภาพเขียนของเฉียวเยว่ให้ดียิ่งขึ้น และยังคงกล่าวต่อไป "ตอนอยู่เจียงหนานข้าเคยัักับความลับของคนตระกูลใหญ่มาไม่น้อย"
เฉียวเยว่ดูเหมือนจะกำลังดูท่านลุงวาดรูป แต่หูของนางก็ตั้งขึ้นทันใด
ไท่ไท่สามไม่เข้าใจสาเหตุที่พี่ชายเอ่ยถึงเื่นี้
แต่กลับไม่ตัดบท ยังปล่อยให้เขาพูดต่อไป ฉีจือโจวกล่าวต่อไปว่า "มีครอบครัวใหญ่ครอบครัวหนึ่ง บุตรชายคนเล็กที่พวกเขารักมากได้รับาเ็เมื่อครั้งเยาว์วัยจนมิอาจให้กำเนิดบุตร แต่เื่นี้ถูกเก็บไว้เป็ความลับ ไม่มีคนนอกล่วงรู้ เพื่อมิให้ถูกคนฟ้องร้อง และนำมาใช้กดขี่บุตรสะใภ้ จึงซื้อตัวหมอมาใส่ร้ายป้ายสีว่าเป็ที่ร่างกายของบุตรสะใภ้ บุตรสะใภ้ถูกแม่สามีด่าทอเหยียดหยันสารพัด สามีก็รังเกียจเดียดฉันท์ ซ้ำยังถูกคนนอกติฉินนินทามิได้ขาด ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ต่อมาก็เกิดเื่อีกมากมาย แต่สิ่งเหล่านี้หาได้สำคัญ พวกเ้าเพียงรู้เื่เหล่านี้ไว้ก่อนก็พอ"
ไท่ไท่สามมุ่นคิ้วขมวด รู้สึกขุ่นเคืองอยู่บ้าง "พี่ใหญ่ ท่านจะพูดเื่เหล่านี้ต่อหน้าเด็กไปไย นี่ใช่สิ่งที่เด็กควรฟังที่ไหนกัน"
แต่มาย้อนนึกดูอีกที ไท่ไท่สามก็เบิกตากว้างมองฉีจือโจวอย่างตกตะลึง "ทะ... ท่านหมายถึงสามีของเยียนหรัน..."
ฉีจือโจวไม่เงยหน้า "ข้าไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น ข้าแค่บอกถึงความเป็ไปได้ของผู้อื่น"
เขายิ้ม เอียงคอมองเฉียวเยว่ "ไกวเยว่ชอบแอบฟังทั้งวัน จะนำเื่นี้ไปบอกท่านย่าของเ้าหรือไม่?"
เฉียวเยว่ชูมือ "ข้าจะจัดการอย่างดี"
ไท่ไท่สาม "พี่ใหญ่..."
"พวกเขายุ่งอยู่กับธุระของตนเองไม่มีเวลามาหาเื่เ้าหรอก อีกอย่าง นี่เป็การช่วยเหลือคน"
เฉียวเยว่พยักหน้า "ข้ารู้สึกว่าท่านลุงกล่าวถูกต้อง"
ไท่ไท่สามกุมหน้าผาก "ข้าว่าเฉียวเยว่นับวันก็ยิ่งดื้อรั้น ล้วนแต่เป็พี่ใหญ่สอนนางผิดๆ"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้