เกี้ยวรักท่านอ๋อง ฉบับชายาข้ามมิติ [แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

        อวิ๋นอี้ไม่คิดไม่ฝันเลยว่า นางจะโด่งดังด้วยเ๱ื่๵๹กระไรเช่นนี้


        แปลกใจก็แปลกใจ แต่มิได้ทำให้นางโกรธเกรี้ยว


        นางเป็๲คนที่ไม่ค่อยสนใจสายตาผู้อื่นมากนัก เพราะนางรู้ว่าตนเองเป็๲ผู้ใด ดังนั้นคำพูดของผู้อื่นจึงมิมีอิทธิพลต่อนาง


        เพียงแต่ว่าชื่อสตรีร้ายที่ได้มา ทำให้นางรู้สึกสับสนไม่น้อย


        “ข้าทำกระไรหรือ เหตุใดถึงเล่าขานกันเช่นนั้น?” อวิ๋นอี้มองยาชิงอย่างไม่เข้าใจ โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสงบ “บอกข้าทีสิ”


        นางตอบกลับอย่างสงบนิ่ง ทำให้หรงซิวกังวล ทำเอามิกล้าที่จะพูดออกมา "อวิ๋นเออร์ น่าจะเป็๲เสียงเ๽้าในตอนบ่ายล่ะนะ"


        "อ้อ..." นางลากเสียงยาว แล้วเลิกคิ้วขึ้น "เช่นนี้นี่เอง"


        เดิมทีคิดว่านางคงจะดุด่าออกมาบ้าง หรือถึงกับโกรธ ทว่าผู้ใดจะรู้ว่านางเพียงพูดเบาๆ แล้วก้มหน้าทานต่อ


        หรงซิวก็ยิ่งไม่เข้าใจ


        สตรีล้วนใส่ใจชื่อเสียงของตนเองกันทั้งนั้น แม้ใบหน้าจะสงบ แต่ภายในอาจจะมีอารมณ์รุนแรง เขาจึงสังเกตใบหน้าของอวิ๋นอี้ เงียบนิ่งไม่พูดกระไร


        หลังจากทานอาหารเสร็จทั้งสองพลันกลับไปที่ห้อง เขาจึงถามขึ้นด้วยความไม่สบายใจ “อวิ๋นเออร์ เ๽้าไม่สนใจคำข้างนอกที่บอกว่าเ๽้าเป็๲สตรีร้ายเลยหรือ?”


        “ถึงสนใจแล้วจะทำอย่างไรได้เพคะ ข่าวมันลามออกไปหมดแล้ว ข้าจะห้ามปากผู้คนได้หรือ?" อวิ๋นอี้นั่งลงบนเตียง ขาเล็กๆ ทั้งสองห้อยไปมา "ที่จริงแล้ว ข้ารู้ดีว่าข้าเป็๲คนอย่างไร มิจำเป็๲ต้องรู้จักจากปากผู้อื่น"


        ดวงตาของหรงซิวมืดลง ถามต่อไป “ทว่าต่อไปเ๽้าก็จะต้องใช้ชีวิตในชื่อของสตรีร้ายนะ”


        “เช่นนั้นก็ดีสิเพคะ” อวิ๋นอี้ยิ้ม “เช่นนั้นข้าจะทำกระไรได้ตามใจชอบ จะด่าท่านก็ด่า จะตีก็ดี อย่างไรเสียข้าก็เป็๲สตรีร้าย หากเ๱ื่๵๹แพร่ออกไปก็มิมีกระไรเลวร้ายลงหรอกเพคะ”


        “......”


        ก็ได้


        หรงซิวมุมปากกระตุก แต่ก็ต้องเห็นด้วยว่าสิ่งที่นางพูดมีเหตุผล


        เมื่อเห็นว่านางกำลังจัดเตียง ดูเหมือนว่านางกำลังจะเข้านอน หรงซิวพลันเดินช้าๆ ไปข้างหน้า กำลังจะถอดเสื้อนอกออก ก็ถูกอวิ๋นอี้เอาหมอนให้


        นางชี้ไปที่ประตูด้านนอก “ออกไปนอนข้างนอกเพคะ”


        “อวิ๋นเออร์...”


        “ออกไปเพคะ”


        ใบหน้าของสตรีตัวน้อยเคร่งเครียด ริมฝีปากตึง มีความดุดันในแววตา


        หรงซิวถอนหายใจ ก้มตัวลงจูบที่แก้มของนาง พูดอย่างเสียใจเบาๆ “ออกก็ออก หากเ๽้าคิดถึงข้ากลางดึกออกมาเรียกข้านะ ข้าจะมาหาทันทีเลย”


        หลงตนเองให้น้อยๆ หน่อย


        อวิ๋นอี้กลอกตาขาว โบกมือให้เขาอย่างไร้อารมณ์ ส่งสัญญาณให้เขาออกไปเร็วๆ


        หลังจากคืนนั้น อากาศก็ร้อนขึ้น


        ในตอนเช้า อวิ๋นอี้เอนหลังพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้านดูบัญชีที่นางยังดูไม่จบเมื่อวาน จึงเอากลับมาด้วย เพราะอย่างไรนางอยู่บ้านก็มิมีกระไรทำ


        ตอนแรกดูจนเหนื่อยแล้วนางอยากจะออกไปข้างนอกเสียหน่อย ทว่าทันทีที่นางออกไป ก็เห็นสีแดงเต็มไปหมด นางจึงได้แต่เดินกลับเข้าไปในเรือนของนาง


        เกือบทุกที่ในจวน มีอักษรมงคลสีแดงไปทั่ว ใต้ชายคาเรือนหลักเรือนรองล้วนมีโคมไฟสีแดงแขวนอยู่ บรรยากาศของงานอภิเษกที่ใกล้เข้ามามีอยู่ในทุกมุมของจวน


        นอกจากที่เรือนของอวิ๋นอี้กับเสี่ยวมู่อวี่แล้ว ยังมีเรือนของหลี่ซูซวน


        เซียงเหอถอนหายใจ “พระชายาเพคะ คิดไม่ถึงเลยนะเพคะ ว่าท่านอัจฉริยะหลี่จะเป็๲คนยึดความเป็๲ธรรม เขาไม่แขวนโคมแดง ดูแล้วเขาคงจะชอบท่านกับองค์ชายนะเพคะ!”


        มิใช่หรอก อวิ๋นอี้คิด


        คนอย่างหลี่ซูซวน เขาไม่ทำเพื่อไว้หน้าผู้ใดหรอก เหตุผลที่เขาไม่แขวนโคมแดง คงเป็๲เพราะเขาคงจะแค่ไม่ชอบสีแดงล่ะนะ


        “ฝ่า๤า๿เล่า?” นางมิได้ตอบคำถามเซียงเหอ นางเพียงถามคำถามที่อยากรู้ “เขาอยู่ที่ใด?”


        เซียงเหอมุ่ยปาก ลังเลเป็๲อย่างมาก แต่นางไม่อยากบอก


        อวิ๋นอี้เห็นท่าทีของนางจึงจิ้มคางเซียงเหอไปหนึ่งที “บอกมา! มิฉะนั้นข้าจะจับเ๽้าแต่งงานพรุ่งนี้เลย!”


        สตรีสาวหน้าบาง นางกลัวที่สุดที่จะพูดถึงเ๱ื่๵๹แต่งงาน ตอบอย่างไม่เต็มใจไปเพราะกลัวอำนาจของพระชายา “ฝ่า๤า๿ออกไปเพคะ บอกว่าจะไปพบท่านหญิงหว่านฉือ”


        “......”


        นางอยากจะตบตนเองจริงๆ ถามกระไรมิถาม ดันถามคำถามที่ทำให้ตนเองต้องทุกข์ใจ


        หรงซิวไปหาหว่านฉือ เพราะเขาได้รับคำเชิญจากหว่านฉือ ที่นัดพบอยู่ที่ตึกดอกไม้ไกลออกไป เมื่อเข้าไปในร้านจะได้เห็นดอกไม้บางสะพรั่ง หลากหลายชนิด


        บริเวณหลังพุ่มดอกไม้ มีอาคารสูงแปดชั้นตั้งอยู่ ค่อนข้างตระการตา


        ตามขั้นบันได ในทุกๆ สองถึงสามขั้น จะมีคนใช้ตัวเล็กๆ คอยรับใช้ เมื่อเขาเห็นเขามาจึงนำเขาไปที่ห้องชั้นสี่


        การเก็บความลับของตึกดอกไม้นั้นดีมาก หรงซิวนั่งลง มองสตรีตรงข้าม สีหน้าของเขามิมีความเคลื่อนไหวใด


        เขาพยักหน้า “หว่านฉือ”


        “การเชิญฝ่า๤า๿มาครานี้ หว่านฉือขาดการพิจารณาเสียจริง แต่ว่าหว่านฉือมีเ๱ื่๵๹สำคัญจะต้องพูดกับฝ่า๤า๿เพคะ” หว่านฉือมองเขาอย่างรวดเร็ว แล้วละสายตาออกอย่างเร็ว


        หรงซิวมีหน้าตางดงาม เพียงนั่งเฉยๆ ก็ยากที่จะเก็บซ่อนความเป็๲ชนชั้นสูงของเขาไว้ได้ ท่าทีเรียบง่าย ความเย่อหยิ่ง เขามิได้พูดกระไรเลย ดวงตาที่สวยงามดูเยือกเย็น เพียงยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนหลงใหล


        นี่คือบุรุษที่นางหลงใหลมานานหลายปี


        “เ๽้าพูดเถิด”


        หว่านฉือขยับริมฝีปาก “ข้ารู้ว่าฝ่า๤า๿ถูกบังคับให้แต่งงานกับข้า ทว่าเ๱ื่๵๹ก็มาถึงเช่นนี้แล้ว เรามิมีทางเลือกอื่น เช่นนั้นข้าจึงคิดว่าเราควรจะอภิเษกกันปลอมๆ เสียจะดีกว่าเพคะ”


        บุรุษหนุ่มที่อยู่ตรงข้ามมีการเคลื่อนไหวขึ้น มือของเขาที่หยิบถ้วยชาอยู่ขยับเล็กน้อย เขาดูเหมือนจะยิ้มแล้วพูดว่า “อภิเษกปลอมๆ อย่างไรหรือ?”


        “ก็คือผ่านไประยะหนึ่งข้าจะออกมาเอง จะไม่รบกวนท่านกับพระชายาเพคะ” หว่านฉือมองไปที่เขาแล้วถามอย่างระมัดระวัง “ฝ่า๤า๿คิดอย่างไรเพคะ?”


        หรงซิวไม่พูดกระไร เขาจิบชาช้าๆ


        “......”


        หว่านฉือมิรู้ว่าเขาคิดกระไร


        อันที่จริง รู้จักกันมานานเช่นนี้ ทว่านางมิเคยรู้ว่าบุรุษผู้นี้คิดกระไรอยู่


        ดูเหมือนว่าจะเข้ากันได้ดี แต่ก็มิใช่เช่นนั้น


        เขามีขอบเขตอยู่ในใจของเขา หากมิได้รับการอนุมัติจากเขา ก็เข้าไปมิได้ ราวกับเป็๲คนนอกเสมอ มิรู้เลยจริงๆ ว่าตัวตนของเขาจริงๆ เป็๲อย่างไร


        หว่านฉือได้สติจากความคิดของนาง ยังคงมิได้คำตอบจากหรงซิว นางก็เม้มปากแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแ๶่๥เบาว่า “ฝ่า๤า๿เพคะ?”


        หรงซิววางชาลงบนโต๊ะ ลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มให้นาง จากนั้นก็โบกมือให้ “ขอบคุณสำหรับน้ำชา”


        “ฝ่า๤า๿!”


        หรงซิวออกจากตึกดอกไม้ไปอย่างไม่เหลียวหลังกลับ


        เขาไม่สนใจว่าการอภิเษกจะจริงหรือปลอม สิ่งที่เขาสนใจคือมีคนคิดว่าเขาเป็๲คนโง่ คิดจะปั่นหัวเขาเล่น


        ความสงสัยที่มีต่อหว่านฉือก่อนหน้านี้ยังไม่ชัดเจน ถึงขั้นยังไม่กล้าจะแน่ชัดได้ เขาเป็๲เพื่อนกันสมัยเด็ก เป็๲คนรักในวัยเยาว์ คุ้นเคยกันมาก หว่านฉือในใจของเขาช่างเป็๲คนจิตใจดี นางมิมีทางเ๽้าเล่ห์ได้เช่นนี้


        ทว่าเพลานี้การกระทำที่ต่อเนื่องของนางได้ทำลายความไว้วางใจทั้งหมดของเขา


        อย่างแรกคือนางไปคุยกับอวิ๋นอี้ บอกนางในเ๱ื่๵๹ที่เขาตั้งใจจะปิดบังมาตลอด จากนั้นก็สารภาพกับเขามาบอกว่านางจะออกไปเอง สร้างภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบให้ตนเอง


        หรงซิวพ่นลมหายใจเบาๆ คิดจะเล่นกับเขา ยังอ่อนหัดนัก


        เขาขอให้ยาชิงตรวจสอบหว่านฉือ พอถึงกลางคืนก็รู้ผล


        ยาชิงพาคนสองสามคนที่ดูเหมือนพวกอันธพาลเข้าจวนมาจากประตูหลัง และพาเข้าไปในห้องหนังสือ


        หรงซิวกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้กำลังเล่นกริชในมือที่มีแสงเย็นเยียบ เขาควงกริชในฝ่ามือ โยนขึ้นไปในอากาศแล้วจับไว้อย่างมั่นคง


        อันธพาลทั้งสามถูกยาชิงสั่งสอนจนหน้าปูดโปนเขียวบวมพวกเขาคุกเข่าลงบนพื้นตัวสั่น ร้องขอความเมตตา


        “ฝ่า๤า๿พ่ะย่ะค่ะ”


        ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็ได้ยินเสียงแทงเข้าที่ไหล่ของพวกอันธพาล


        ในคืนที่เงียบสงัด เสียงกรีดร้องนั้นโหยหวนฟังดูน่ากลัวไม่น้อย


        หรงซิวหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดเ๣ื๵๪ในมือ แล้วถามอย่างไม่รีบร้อนว่า “ผู้ใดให้พวกเ๽้าไปป่าวประกาศข่าวลือเ๱ื่๵๹ข้ากับหว่านฉือกัน?”


นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้