ตอนที่หลงอวี้ก้าวออกมานั้น ดวงตาของหั่วฝู่ที่แต่เดิมที่เล็กอยู่แล้วก็ได้หรี่เล็กลงจนเห็นเป็แค่เส้นๆ หนึ่งเท่านั้น
“เ้านี่ก็ใจกล้าไม่เบาเลยนะ”
หั่วฝู่วส่งเสียงขึ้นอย่างน่าสะพรึงกลัว
“น่าเสียดายที่พวกที่มีแต่ความกล้าแต่ไม่มีสมองนั้นมักตายเร็วที่สุด! เซี่ยโฮ่ว เ้ามาสั่งสอนๆ เ้าหนูนี่หน่อยสิ ให้มันได้รู้ว่า คนที่ไร้พลังแต่ยังดึงดันจะเสนอในโลกนี้มันจะเจอกับผลลัพธ์เช่นไร!”
หลังสิ้นคำพูดนี้แล้ว ด้านหลังของหั่วฝู่ก็ได้มีชายหนุ่มในชุดสีแดงเพลิงผู้หนึ่งพูดอย่างเรียบเฉย
“ประมุขจ้าวตำหนักน้อย ไอ้พวกกระจอกเหล่านี้ ท่านจัดการมันทิ้งไปส่งๆ ก็ได้แล้ว เหตุใดต้องเสียแรงให้เหนื่อยขนาดนี้ด้วย?”
“เซี่ยโฮ่วเทียนเจี๋ย”
หั่วฝู่ไม่ได้หันกลับมา เพียงตะคอกอย่างดุร้าย
“หากเ้าไม่อยากจัดการไอ้กระจอกพวกนี้ล่ะก็ อย่างนั้นเ้าไปเผชิญหน้ากับไป๋หังแห่งลัทธิสยบฟ้า เป็อย่างไร?”
พอได้ยินคำพูดนี้แล้ว เซี่ยโฮ่วเทียนฝู่ก็หน้าถอดสีทันที
ไป๋หังแห่งลัทธิสยบฟ้า!
ตอนที่เขากับหั่วฝู่มาถึงที่นี่ ก็ได้พบกับไป๋หังแห่งลัทธิสยบฟ้าด้วย มันก็เป็ยอดฝีมือระดับิญญาแท้ขั้นสองด้วยเช่นกัน!
หั่วฝู่พูดเช่นนี้ออกมา หรือว่าเ้าไป๋หังนั่นจะอยู่ใกล้ๆ นี้ด้วยเช่นกัน?
เซี่ยโฮ่วเทียนเจี๋ยหน้าเครียดทันที รู้ว่าหั่วฝู่จำเป็ต้องคอยเฝ้าระวังไป๋หังเอาไว้ อย่างนั้นก็หมายความว่า ไอ้พวกกระจอกทั้งหลายตรงหน้านี้ก็จำเป็ต้องให้เขาลงมือจัดการเองแล้วน่ะสิ
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เซี่ยโฮ่วเทียนเจี๋ยที่รูปโฉมหล่อเหลาสง่างามก็ได้เดินออกมา เงาร่างในชุดสีแดงก็ได้มาอยู่ด้านหน้าของหั่วฝู่อย่างรวดเร็ว ยืนเผชิญหน้ากับหลงอวี้โดยห่างออกไปราวๆ สิบจ้าง
“ข้าเซี่ยโฮ่วเทียนเจี๋ยไม่เคยลงมือทำร้ายผู้ที่อ่อนแอกว่าข้า เพราะว่ามันจะทำให้ข้าเสียระดับอย่างมาก”
เซี่ยโฮ่วเทียนเจี๋ยมีสีหน้ามืดมน การที่ให้เขามาจัดการกับพวกหลงอวี้เช่นนี้ มันผิดกับหลักการของเขามากจริงๆ
“พวกเรามันดวงซวยกันมากจริงๆ ดังนั้นข้าจะให้โอกาสพวกเ้าหนึ่งครั้ง ถ้ากลัวก็รีบไสหัวไปไกลๆ ซะ ไม่อย่างนั้นถ้าข้าเริ่มลงมือ จะไม่มีใครออกไปได้อีกแม้แต่คนเดียว!”
เซี่ยโฮ่วเทียนเจี๋ย เป็ยอดฝีมือระดับิญญาแท้ขั้นที่หนึ่ง
ในสายตาของเขากับหั่วฝู่นั้น การที่ยอดฝีมือที่สร้างิญญาแท้ได้ การจะจัดการกับพวกกระจอกอย่างหลงอวี้นั้นก็ง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ แค่เพียงครู่เดียวก็สามารถจัดการได้แล้ว ไม่จำเป็ต้องใส่ใจเลยด้วยซ้ำ!
“ไป๋หัง”
หลงอวี้ที่ได้ยินบทสนทนาของอีกฝ่าย พลันเกิดความรู้สึกยินดีขึ้นในใจ แต่สีหน้ายังคงนิ่งเฉยเช่นเดิม
ยอดฝีมือระดับิญญาแท้ขั้นสองอย่างหั่วฝู่นั้น เขาหลงอวี้ยังไม่สามารถต่อกรด้วยได้จริงๆ
แต่ถ้าเป็เซี่ยโฮ่วเทียนเจี๋ยที่อยู่ขั้นหนึ่ง ในสายตาเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรขนาดนั้น!
ด้วยความแข็งแกร่งของหลงอวี้ในตอนนี้ การจะต่อกรกับระดับิญญาแท้ขั้นที่หนึ่งทั่วๆ ไปนั้นมันไม่มีปัญหาเลยแม้แต่น้อย การที่เ้าหั่วฝู่นั่นคิดว่าเซี่ยโฮ่วเทียนเจี๋ยคนเดียวสามารถฆ่าเขาหลงอวี้ได้นับว่ามันคิดผิดอย่างมหันต์!
ส่วนไป๋หังที่พวกมันพูดถึง หลงอวี้ย่อมเคยได้ยินอยู่แล้ว
ในลัทธิสยบฟ้านั้น หากปู้สิงเป็ลูกศิษย์ระดับพิเศษอันดับหนึ่ง อย่างนั้นไป๋หังที่ว่าก็อยู่ในอันดับที่สอง ว่ากันว่ามีพลังระดับิญญาแท้ขั้นที่สองสูงสุดแล้ว!
หลังจากก้าวขึ้นสู่ระดับิญญาแท้แล้ว การจะยกระดับขั้นมันก็จะเปลี่ยนยากเย็นมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า แม้จะห่างกันแค่ขั้นเดียว แต่ความแข็งแกร่งกลับแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยทีเดียว!
‘ไม่คิดเลยว่าไป๋หังจะมาด้วย ดูท่าเศษชิ้นส่วนตะวันนี่มันจะต้องผู้คนไม่น้อยเลยจริงๆ นะ’
หลงอวี้คิดในใจ ขณะเดียวกันก็ได้มองสำรวจเซี่ยโฮ่วเทียนเจี๋ยอย่างละเอียด หรี่ตาลงแล้วกล่าวขึ้น
“ถ้าเ้าคิดจะฆ่าข้าก็ลงมือได้แล้ว!”
“หึ ไม่เคยเห็นใครรีบจะไปตายขนาดนี้มาก่อนเลยนะ!”
เซี่ยโฮ่วเทียนเจี๋ยกระแทกเสียงเ็า บนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาได้ปรากฏสีหน้ารำคาญ
“ในเมื่อให้โอกาสแล้วแต่พวกเ้าก็ยังไม่ยอมไสหัวไป อย่างนั้นก็ตายซะเถอะ!”
พอสิ้นเสียงแล้ว ที่ด้านหลังของเซี่ยโฮ่วเทียนเจี๋ยก็ได้มีเงาของเปลวเพลิงปรากฏขึ้น ตัวเขาที่ลูกศิษย์ของตำหนักซ่อนอัคคี ิญญาแท้ที่สร้างได้ย่อมต้องเป็เปลวเพลิง!
เมื่อิญญาแท้ปรากฏ พริบตานั้นปราณหยินที่อยู่รอบๆ ก็ได้ถูกขับไล่ทันที ทำให้ผู้คนพลันรู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมา!
“สหายหลง...”
หลิงหานเห็นเช่นนั้นก็มีสีหน้ากังวลขึ้นมา
“พวกเราถอยออกมากันหน่อยเถอะ จะได้ไม่ไปถ่วงแข้งถ่วงขาของสหายหลง!”
หลู่กวนินั้นยังคงสงบเยือกเย็น ดึงหลิงหานไว้แล้วถอยไปด้านหลังทันที!
เขาเคยเห็นหลงอวี้ต่อกรกับผู้คุมกฎอย่างเจิ้งอีเจิ้นและถานอู๋โจวมากับตาแล้ว จึงมั่นใจในความแข็งแกร่งของหลงอวี้อย่างเต็มเปี่ยม!
หลิงหานที่ััได้ถึงความมั่นใจในคำพูดของหลู่กวนิกลืนน้ำลาย ตัดสินใจว่าจะเชื่อหลงอวี้
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าผู้ที่มีพลังระดับขั้นเก้าจะเอาชนะยอดฝีมือที่สร้างิญญาแท้ได้ แต่กระนั้น เขาก็เชื่อในคำพูดของหลู่กวนิ!
หลู่กวนิเป็คนตรงไปตรงมา ไม่มีทางพูดจาซี้ซั้วส่งเดชแน่นอน
ถ้าอีกฝ่ายบอกว่าเคยเห็นหลงอวี้ฆ่าิญญาแท้ อย่างนั้นต้องเป็ความจริงแน่นอน!
“อีเยว่ถอยมา!”
หลิงหานที่ใจเย็นลงแล้วก็หันไปส่งเสียงเรียกน้องสาวทันที
หลิงอีเยว่นั้นรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ศัตรูสุดแกร่งอยู่ตรงหน้า เ้าหน้าบึ้งหลู่กวนิกลับบอกให้พวกนางสองพี่น้องถอยออกมา มันคิดว่าพวกนางสองพี่นางจะขี้กลัวหรือไง?
แต่นางก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของหลิงหาน ถอยหลังตามหลายก้าว
การเคลื่อนไหวของทั้งสามนั้น พอหั่วฝู่และเซี่ยโฮ่วเทียนเจี๋ยได้เห็น ก็คิดว่าทั้งสามคิดจะถอยหนี แลกความปลอดภัยของตัวเองกับความชีวิตหลงอวี้!
“คิดหนี คิดว่าจะหนีพ้นหรือ?”
เซี่ยโฮ่วเทียนเจี๋ยแสยะยิ้มเ็า
“แค่วิถียุทธ์ขั้นเก้า คิดว่าจะขวางทางข้าได้นานสักแค่ไหนกันเชียว!”
หลังสิ้นเสียงพูด ิญญาแท้เปลวเพลิงที่อยู่ด้านหลังเขาก็พลันปะทุขึ้นมา สะเก็ดไฟลูกหนึ่งก่อตัวเป็สุนัขล่าเนื้ออัคคีหนึ่งตัว มันอ้าปากเพลิงออกแผดเสียงร้องหอนอย่างน่าพรั่นพรึง
“อุณหภูมิอันน่าสะพรึงกลัวสายหนึ่งได้ถาโถมเข้าใส่หลงอวี้ทันที!”
“มหาพลังสยบฟ้า เงาหอกกระหน่ำแทง!”
หลงอวี้เห็นเช่นนั้นแล้ว ก็พลันถือหอกัปรภพเแน่น ยกหอกขึ้นรวบรวมมหาพลังฟ้าสยบฟ้ามาไว้ที่ปลายหอก พริบตานั้นก็ได้มีเงาหอกมากมายกระหน่ำแทงไปต่อกรกับสุนัขล่าเนื้ออัคคี!
“คิดจะเอาไม้ซีกมางัดไม้ซุงหรือไม่เจียมตัวเอาเสียเลย”
เซี่ยโฮ่วเทียนเจี๋ยกระแทกเสียงเ็า แต่หลังจากนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็นิ่งค้างไปทันที!
เงาหอกที่หลอมรวมมหาพลังสยบฟ้าไว้ก็ได้แทงทะลุร่างกายของสุนัขอัคคีจนเป็รูหลายรู สลายพลังเพลิงที่อยู่ในนั้นจนมอดดับสนิท!
“ลายเส้นปรภพ จงตื่น ทะลวงมันซะ!”
หลงอวี้ได้แทงหอกออกไปอีกครั้ง มหาพลังสยบฟ้าอันดุดันเกรี้ยวกราดก็ได้กดทับลงมา พริบตานั้นก็ได้บดขยี้สุนัขอัคคีจนแตกสลายทันที!
“ยุทธภัณฑ์ในมือเ้า เป็ยุทธภัณฑ์ระดับิญญา!”
เซี่ยโฮ่วเทียนเจี๋ยหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย มองปราดเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าหอกัปรภพเล่มนี้ไม่ธรรมดา!
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม?”
หลงอวี้กล่าวเสียงเรียบ ในที่สุดเขาก็ได้รู้ว่า เหนือยุทธภัณฑ์ระดับธรรมดาขึ้นไปคือยุทธภัณฑ์ระดับิญญาจริงๆ ด้วย และมันแบ่งระดับเหมือนกับวิทยายุทธ์ทุกประการ
“อย่างนั้นมันก็เป็ของข้าแล้ว!”
เซี่ยโฮ่วเทียนเจี๋ยพลันเผยสีหน้าละโมบโลภมากทันที สะบัดมือออกไป ในที่สุดก็ได้รวบรวมเปลวเพลิงกองหนึ่งบนมือ
วิทยายุทธ์ต่างๆ ที่ลูกศิษย์ของตำหนักซ่อนอัคคีฝึกฝนย่อมต้องเกี่ยวข้องกับเปลวเพลิงอยู่แล้ว ขอเพียงบรรลุวิถียุทธ์ขั้นเจ็ดได้ เพียงพริบตาเดียวก็สามารถเปลี่ยนลมปราณเป็เปลวเพลิงเพื่อใช้ต่อสู้ฆ่าฟันศัตรูได้แล้ว
หลังจากสร้างิญญาแท้เปลวเพลิงขึ้น มันจะยิ่งทรงพลังมากกว่าเดิม!
“ยุทธภัณฑ์ระดับิญญาอยู่ในมือของเ้าที่พลังแค่วิถียุทธ์ขั้นเก้าจะมีประโยชน์อะไร? หากอยู่ในมือข้าจะต้องเปล่งประกายมากกว่าแน่นอน!”
เซี่ยโฮ่วเทียนเจี๋ยะโอย่างเกรี้ยวกราด พริบตานั้นก็ได้ซัดเปลวเพลิงในมือออกไปทางหลงอวี้ทันที ไม่นานมันก็ได้ะเิขึ้นกลางอากาศ!
“ะเิอัคคีพิโรธ!”
เปลวเพลิงะเิอย่างรวดเร็ว แรงะเิอันรุนแรงได้ปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณนั้นทันที!
“วิทยายุทธ์ของพวกลูกศิษย์ตำหนักซ่อนอัคคีมันมีระยะการโจมตีกว้างเกินไป ความเร็วมันไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง!”
หลงอวี้ตื่นใขึ้นมา
เมื่อเผชิญหน้ากับวิชาะเิอัคคีพิโรธของเซี่ยโฮ่วเทียนเจี๋ยแล้ว ต่อให้เขาจะฝึกวิชากายาพิชิตมารมา ก็เกรงว่าไม่อาจต้านรับไว้ได้เลย!
ยังดีที่ก่อนจะเกิดการะเิ เขาได้ตวัดหอกัปรภพ ใช้ท่าหอกัปรภพทะยานฟ้าโดยสัญชาตญาณ ดีดตัวขึ้นฟ้าสูงไปในพริบตา!
ัปรภพทะยานฟ้า ดีดตัวขึ้นสูงร้อยจ้าง!
ความสามารถในการะโที่ทรงพลังขนาดนี้ทำให้เขามองเห็นทุกสิ่งที่อยู่รอบๆ ได้ในพริบตา พบว่าในจุดที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลเท่าไรนั้นมีกลุ่มคนสี่คนกำลังซ่อนตัวเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของทางนี้อยู่ด้านหลังเนินเขาเล็กๆ แห่งหนึ่งจริงๆ ด้วย
“นั่นคงน่าจะเป็พวกไป๋หังสินะ”
หลงอวี้ไม่คิดอะไรมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาตอนนี้มันคือการเอาชนะเซี่ยโฮ่วเทียนเจี๋ยให้ได้!
“แตะเกล็ดั ย้าก!”
เขาใช้พละกำลังทั้งหมดกัดนิ้วหัวแม่มือหนึ่งคำแล้วสาดเืสดๆ ลงบนหอกัปรภพ
ต่อจากนั้น ปราณปรภพก็ได้ห่อหุ้มตัวเขาเอาไว้ทั้งตัว หนึ่งหอกพุ่งลงมาจากบนฟ้าสร้างความะเืใจให้ผู้คน มันแทงเข้าใส่เซี่ยโฮ่วเทียนเจี๋ยพร้อมกับมหาพลังสยบฟ้าที่ได้ทะลักออกมาอย่างเชี่ยวกราก!
“หนีขึ้นฟ้าไปแล้วหรือ”
เซี่ยโฮ่วเทียนเจี๋ยแสยะยิ้ม ภายในร่างกายได้รวบรวมลมปราณสายหนึ่งขึ้น จากนั้นิญญาแท้เปลวเพลิงที่ด้านหลังเขาก็ได้อัดแน่นกลายเป็กรงเล็บเปลวเพลิงข้างหนึ่ง พุ่งทะยานขึ้นไปบนฟ้า หมายจะคว้าหลงอวี้ไว้แล้วเผามันให้ตายกลางเวหา
“วายุก้าวพริบตา!”
หลงอวี้ฉีกตัวออก ยอมปล่อยมือจากหอกัปรภพเลยทีเดียวเพื่อหลบกรงเล็บเพลิงนั่นทีเดียว!
หอกัปรภพที่พุ่งมาด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวได้ทิ่มแทงใส่กรงเล็บเพลิงในพริบตา!
แรงกดดันของมหาพลังฟ้าดินได้กดทับลงมา แต่เซี่ยโฮ่วเทียนเจี๋ยก็บรรลุแก่นของวิชาฝึกพลังเคล็ดซ่อนอัคคีได้เช่นกัน อีกทั้งยังสร้างิญญาแท้ได้แล้วด้วย พลังพื้นฐานเหนือกว่าหลงอวี้หลายเท่า
มหาพลังสยบฟ้ากับแก่นซ่อนอัคคีปะทะกันและเกิดะเิในพริบตา กลายเป็เมฆเพลิงกองหนึ่งปกคลุมทั่วฟ้า!
“นั่นมันมหาพลังฟ้าดินของเคล็ดสยบฟ้า เ้าหมอนี่มันพร์สูงมาก”
หั่วฝู่ที่คอยเฝ้าไป๋หังแห่งลัทธิสยบฟ้าที่อยู่ใกล้ๆ ชมการต่อสู้เริ่มรู้สึกยอมรับในความแข็งแกร่งที่หลงอวี้
แต่กระนั้น ในสายตาของหั่วฝู่แล้ว ระยะห่างระหว่างวิถียุทธ์ขั้นเก้ากับระดับิญญาแท้นั้นไกลกันมากจนไม่สามารถทดแทนได้
สุดท้ายเ้าหมอนั่นก็ต้องถูกเซี่ยโฮ่วเทียนเจี๋ยฆ่าตายอย่างแน่นอน!
“เ้าคิดว่าหอกเล่มนี้คือทุกสิ่งของข้าแล้วอย่างนั้นหรือ?”
หลงอวี้เอ่ยพูดขึ้นพร้อมกับแสยะยิ้มที่มุมปาก
หลงอวี้เองก็ย่อมไม่้าปล่อยมือจากหอก แต่เขาก็มีความมั่นใจมากว่าจะสามารถแย่งชิงกลับคืนมาได้!
อีกทั้งด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้ยังมีพลังพื้นฐานแตกต่างจากอีกฝ่ายมากเกินไป ด้วยวิชาเคล็ดหอกสยบฟ้ากับหอกัปรภพยังไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้จริงๆ
ท่าไม่ตายของเขายังคงเป็หมัดัปรภพอยู่ดี!
“คิดตื้นๆ!”
เซี่ยโฮ่วเทียนเจี๋ยพลันแสยะยิ้มอย่างดูแคลน
“ข้ายอมรับเลยว่าเ้าที่พึ่งพายุทธภัณฑ์ระดับิญญานั้นแข็งแกร่งไม่เบาเลยทีเดียว แต่หากเ้าไร้ยุทธภัณฑ์ เ้าก็ไม่น่ากลัวเลยแม้แต่น้อย!”
“อย่างนั้นหรือ อย่างนั้นเ้ากล้าดวลหมัดกับข้าตรงๆ สักหนึ่งหมัดไหมล่ะ!”
หลงอวี้ใช้วิธียั่วยุหลอกล่ออีกฝ่าย
“เ้าคิดจะดวลหมัด แต่ข้าไม่คิด”
เซี่ยโฮ่วเทียนเจี๋ยหัวเราะอย่างเ็า กระทืบเท้าข้างหนึ่งลงพื้นอย่างรุนแรง
“อัคคีะเิปฐี!”
หลังสิ้นเสียงไป พื้นดินทั่วทั้งบริเวณนี้ก็พลันแยกออกมา พริบตาเดียวกันนั้นก็ได้มีเปลวเพลิงที่ลุกไหม้อย่างเกรี้ยวกราดพวยพุ่ง ไล่ปราณหยินที่อยู่รอบๆ จนหายไปหมดอย่างสมบูรณ์!
ในขณะเดียวกันนั้นเอง หลงอวี้รู้สึกว่าตัวเองราวกับอยู่ในเตาหลอมก็ไม่ปาน พื้นใต้เท้าพลันร้อนระอุอย่างรวดเร็ว
ไม่ว่าจะเป็ะเิอัคคีพิโรธ หรือจะเป็อัคคีะเิพสุธา ล้วนเป็วิทยายุทธ์ระดับิญญาทั้งสิ้น ความแข็งแกร่งของเ้าเซี่ยโฮ่วเทียนเจี๋ยนี่มันเหนือกว่าเจิ้งอีเจิ้นและถานอู๋โจวหลายเท่าเลย!
วินาทีต่อมา
เงาร่างของหลงอวี้หายไปจากบนพื้นดินที่มีเปลวอัคคีะเิพสุธา นั่นมันเป็แค่งภาพลวงตาเท่านั้น!
“มันอยู่ข้างหลัง!”
หั่วฝู่ะโอย่างเกรี้ยวกราด!
เซี่ยโฮ่วเทียนเจี๋ยพลันหน้าถอดสี กำลังจะหันกลับไป แต่ก็สายเกินไปแล้ว!
ปราณปรภพลี้ลับและมืดมนสายหนึ่งปกคลุมตัวเขาเอาไว้ในพริบตา ทำให้ตัวเขาถูกข่มขวัญจนหัวขาวโพลนไปหมดทันที!
