“พักบ้านพักน่ะแหละ แถบนี้เช่าบ้านได้ที่ไหน ฉันไม่อยากแหกกฎของย่าอวี๋ด้วย คนแก่อายุมากจะไม่ค่อยมีความรู้สึกปลอดภัยนัก กลัวว่าพื้นที่ของตัวเองจะถูกคนนอกบุกรุก กลัวว่ามีคนทำตัวเป็นกกระจอกยึดรังนกพิราบอยู่บ้านเธอและไม่ยอมไป ฉันเข้าใจได้”
ความเข้มงวดของย่าอวี๋นั้นมีสาเหตุ
เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็อาศัยอยู่ที่นี่มาสองสามเดือนแล้ว และเธอก็เคยได้ยินข่าวลือจากบ้านใกล้เรือนเคียงอยู่บ้าง
คนเ่าั้ลือว่าการที่อยู่ดีๆ สองแม่ลูกโผล่มาอาศัยอยู่บ้านอวี๋ เพราะปรารถนาในบ้านของย่าอวี๋ ย่าอวี๋ปฏิเสธไม่ให้คนอื่นอาศัย แต่กลับปล่อยบ้านให้เซี่ยเสี่ยวหลานเช่า เธอย่อมต้องคำนึงถึงจิตใจของหญิงชรา ย่าอวี๋เป็คนใบหน้าเยือกเย็นแต่จิตใจอบอุ่น พูดจาไม่รื่นหู ถึงกระนั้นก็ช่วยเสนอความคิดไม่ใช่หรือ? และด้วยปัญหานี้ที่เซี่ยเสี่ยวหลานประสบอยู่ คนธรรมดาทั่วไปคนไหนจะกล้าปล่อยให้เธออาศัยอยู่ในบ้านต่อไป
ทุกวันนี้ย่าอวี๋ยังได้ค่าเช่าหน้าร้าน เธอไม่ขัดสนค่าเช่าบ้านที่นี่ในราคาเพียง 20 หยวนต่อเดือน หนึ่งปีเธอได้รับแค่ 200 กว่าหยวนเท่านั้น เมื่อก่อนย่าอวี๋อาจขาดแคลนเงินปีละ 200 กว่าหยวนนี้ ทว่าครั้งก่อนเธอรับค่าเช่าหน้าร้านหนึ่งปีจำนวน 2000 หยวน ดังนั้นจึงไม่ได้ติดขัดด้านการเงินขนาดนั้น
เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าผู้เช่าและเ้าของบ้านควรเคารพซึ่งกันและกัน บ้านย่าอวี๋มีห้องว่าง แต่มิใช่เหตุผลในการอนุญาตหลี่ต้งเหลียงกับเก่อเจี้ยนเข้ามาพักได้ เซี่ยเสี่ยวหลานเป็คนเคารพสัญญา เคารพหลักการ โจวเฉิงกลับคิดว่าภรรยาของเขาจิตใจดี อยากจะลูบศีรษะเธอเหลือเกิน
และเขาทำอย่างนี้จริงๆ โดยเอื้อมมือลูบศีรษะของเซี่ยเสี่ยวหลานเบาๆ
“ไม่เป็ไร เื่ราวจะต้องคลี่คลายในไม่ช้า พรุ่งนี้จะมีคนพาหมามาส่งแล้ว”
ขอแค่พักอยู่ไม่ไกลก็พอ โจวเฉิงวิ่งวุ่นทั้งวัน มีความมั่นใจมากว่าจะจัดการฝานเจิ้นชวนได้ เซี่ยเสี่ยวหลานบอกเขาว่าเธอได้นัดบ้านฝานมาพบกันพรุ่งนี้ โจวเฉิงรู้สึกยินดีกับเื่ที่ไม่คาดคิดนี้โดยพลัน “พวกเรานี่ใจตรงกันเลย แม้เธอจะไม่นัดฝานเจิ้นชวนมาที่นี่ ฉันก็จะไปหาเขาอยู่ดี พรุ่งนี้เธอพาพวกหลี่ต้งเหลียงล่วงหน้าไปก่อนเลยนะ ฝานเจิ้นชวนไม่กล้าบุ่มบ่ามที่บ้านพักรับรองประจำเมืองหรอก ฉันอาจต้องรอสักพัก เธอไม่ต้องกลัว ฉันจะจัดการเื่นี้ให้เร็วที่สุด”
เสียวอวี่กำลังจัดเก็บกระเป๋าสัมภาระ
ฝานเจิ้นชวนขอให้เธอย้ายออกโดยเร็วที่สุด เธอผลัดแล้วผลัดอีก เธอไม่ได้ยินว่าจะยกเลิกการแต่งงาน และไม่ได้ยินฝานเจิ้นชวนพูดถึงเื่เซี่ยเสี่ยวหลานหลบหนีไปด้วย เสียวอวี่รู้สึกราวกับว่าตนเองโดนหลอก ตอนนั้นลั่นวาจาเสียดิบดี คงเปลี่ยนใจในภายหลังอย่างแน่นอน ถูกอำนาจของฝานเจิ้นชวนสั่นคลอนจิตใจเข้าแล้วสินะ
เสียวอวี่หวาดกลัวจนแทบทนไม่ไหว
กลัวว่าเื่ที่ตนเองไปเจอเซี่ยเสี่ยวหลานจะถูกเปิดเผย ฝานเจิ้นชวนไม่มีทางมอบผลลัพธ์อันดีแก่เธอแน่นอน!
ความโชคดีท่ามกลางความโชคร้าย ฝานเจิ้นชวนไม่มีความแตกต่างไปจากเดิมแม้แต่น้อย นั่นแปลว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่เล่าเื่ของเธอออกมา? ไม่รู้เหมือนกันว่าปีศาจจิ้งจอกสาวนั่น้าเล่นเล่ห์กลอะไร เสียวอวี่หวาดหวั่นไม่เป็สุข ไม่กี่วันก็ซูบเซียวลงมาก ฝานเจิ้นชวนนึกว่าเสียวอวี่ผ่ายผอมลงเนื่องจากเ็ปเสียใจไม่อยากเลิกราเสียอีก อัตตาของบุรุษที่คลั่งความเป็ชายได้รับการเติมเต็มเป็อย่างดี
คนประเภทฝานเจิ้นชวน ถือว่าเป็ผู้ชนะในการใช้ชีวิตสำหรับผู้ชายมากมาย พรุ่งนี้จะไปพบปะกับผู้หญิงที่ใกล้แต่งงานใหม่ด้วย และค่ำคืนนี้ชู้รักยังต้องช่วยเขาเตรียมเสื้อผ้าสำหรับวันรุ่งขึ้นอีกด้วย
“เจิ้นชวน คุณชอบเธอจริงๆ หรือนี่”
เสียวอวี่หยิบเนคไทเส้นหนึ่งมาทาบ ฝานเจิ้นชวนหัวเราะเย้ยหยัน “ผู้หญิงที่ฉันถูกใจ ทำได้เพียงเข้ามาอยู่ในตระกูลฝานเท่านั้น”
ชอบหรือไม่ชอบอย่างนั้นหรือ? ใครบ้างไม่ชอบผู้หญิงสวยกัน! ใบหน้าและรูปร่างของเซี่ยเสี่ยวหลานล้วนคือผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงสุดที่หาได้ยากทีเดียว ฝานเจิ้นชวนเปลี่ยนผู้หญิงไม่หยุดราวกับกำลังสะสมแสตมป์ เซี่ยเสี่ยวหลานเป็แสตมป์หนึ่งดวงที่คุณภาพดีและหายากที่สุดเท่าที่เคยมีมาจวบจนบัดเดี๋ยวนี้ ถ้าฝานเจิ้นชวนไม่ได้มา อาการคันยุบยิบในใจก็คงจะไม่หาย อีกทั้งตอนนี้ยังมีคนคิดประชันเพื่อแย่งชิงแสตมป์ดวงนี้กับเขา ฝานเจิ้นชวนยิ่งไม่มีทางปล่อยมือ
ฝานเจิ้นชวนมีท่าทางอวดโอ้ เขาพูดอย่างไม่ยี่หระว่าก่อนหน้านี้เซี่ยเสี่ยวหลานมีคนรัก ตอนนี้คนรักของเธอตามมาที่ซางตูแล้ว และจะป่าวร้องท้าทายเขา เสียวอวี่ได้ยินแล้วอิจฉายิ่งนัก ในตอนนั้น ความสัมพันธ์ของเธอกับฝานเจิ้นชวนยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณะด้วยซ้ำ มีเพียงข่าวลือเล่าอ้างในบ้านเกิด คู่หมั้นของเธอกลับไม่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อเธอเอาเสียเลย ได้ยินชื่อฝานเจิ้นชวนก็หวาดกลัวเกือบสิ้นใจแล้ว ตาลีตาเหลือกถอนหมั้นทันที—เสียวอวี่นี่ช่างน่าขัน เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ยอมแต่งงานกับฝานเจิ้นชวนเด็ดขาดแม้ต้องตาย โจวเฉิงย่อมจะงัดข้อกับฝานเจิ้นชวนสุดชีวิตอยู่แล้ว ส่วนเสียวอวี่นั้นแบ่งรับแบ่งสู้ เธอเป็ถึงชู้รักของฝานเจิ้นชวนแล้ว คู่หมั้นของเธอแค่ไม่อยากถูกสวมหมวกเขียวไปตลอดชีวิตที่เหลือ คนเขาจึงเลือกถอนหมั้นจะมีความผิดอะไร?
อาจเพราะอยู่กับฝานเจิ้นชวนมานาน เสียวอวี่จึงมิใช่เด็กสาวไร้เดียงสาจากชนบทอีกต่อไป และสามมุมมองของเธอก็โดนฝานเจิ้นชวนชี้นำจนบิดเบี้ยวแล้ว
หลังจัดเตรียมเสื้อผ้าให้ฝานเจิ้นชวนเสร็จ ฝานเจิ้นชวนจ้องมองเธอ
“ไม่กี่วันมานี้ข้าวของของเธอย้ายออกไปเกือบหมด แถมที่อยู่ก็หาได้แล้ว งานที่จัดไว้ให้เธอสามารถไปรายงานตัวได้ทุกเมื่อ ตอนนี้เธอย้ายออกไปได้แล้วล่ะ”
ตอนนี้?
ตอนนี้เป็เวลาสามทุ่มกว่า ฝานเจิ้นชวนให้เธอย้ายออกไป!
ไม่ว่าเสียวอวี่จะออดอ้อนเช่นไร ฝานเจิ้นชวนก็ไม่ยอมใจอ่อน เสียวอวี่หิ้วกระเป๋าสัมภาระออกจากบ้านฝานเจิ้นชวนอย่างอัดอั้นตันใจ ์ไม่เห็นใจแล้วยังบันดาลฝนเทลงมาอีก เธอเปียกปอนเป็ไก่ตกน้ำร้อน แม้จะเป็เช่นนั้นก็เถอะ เธอดันไม่เกลียดที่ฝานเจิ้นชวนหักหลังและใจไม้ไส้ระกำ กลับชิงชังการปรากฏตัวของเซี่ยเสี่ยวหลาน ผู้เป็เหตุให้ชีวิตอันแสนสุขสบายที่เธอมีถูกทำลาย
“บ้านพักรับรองประจำเมืองอย่างนั้นหรือ?”
แก้มของเสียวอวี่มีน้ำไหลหยด เธอจะตามไปชมเสียหน่อย มองภาพคนรักผู้นั้นของเซี่ยเสี่ยวหลานจำยอมปล่อยเซี่ยเสี่ยวหลานไปภายใต้อำนาจของฝานเจิ้นชวน ฉากนั้นต้องบันเทิงเริงรมย์สุดยอดเป็แน่ เซี่ยเสี่ยวหลานบอกว่าไม่อยากแต่งงานกับฝานเจิ้นชวน สุดท้ายไม่พ้นต้องแต่งอยู่ดี เสียวอวี่อยากเห็นท่าทางที่อีกฝ่ายผิดคำพูดของตนเองเหลือเกิน!
----------------------------------------
“แม่ พรุ่งนี้แม่กับพ่อต้องไปด้วยหรือ?”
เหลียงฮวนรบเร้าหลิวฟางเพื่อถามข่าวคราว หลังจากผ่านเื่ที่เธอโดนเซี่ยเสี่ยวหลานขังไว้ในห้องมืดอันแสนคับแคบมา เธอก็ประหวั่นครั่นคร้ามเซี่ยเสี่ยวหลานมาก แต่พรุ่งนี้พ่อของฝานหานจะไปด้วยไม่ใช่หรือ มีฝานเจิ้นชวนอยู่ เหลียงฮวนก็ไม่กลัวเซี่ยเสี่ยวหลานแล้ว
หลิวฟางกลับไม่อยากไปนัก ทุกวันนี้เธอและเหลียงปิ่งอัน้าสลัดความวุ่นวายทั้งหมดทิ้งด้วยซ้ำ
แต่เธอเป็คนแนะนำ พรุ่งนี้จะไม่ไปได้หรือ?
บิดามารดาของเหลียงปิ่งอันไม่ทราบโดยสิ้นเชิงว่าการสมรสหนนี้เกิดอุบัติเหตุขึ้น พอรู้ว่าพรุ่งนี้จะไปพบปะ พวกเขายังรู้สึกชื่นมื่นยินดีอยู่เลย นางเหลียงบอกใบ้ลูกสะใภ้หลายต่อหลายครั้งว่าอยากไปพร้อมกัน หลิวฟางจะกล้ารับปากที่ไหน หากสองฝ่ายปะทะกันตอนพบหน้าในวันพรุ่งนี้ สิ่งที่เธอโม้ไว้กับบ้านสามีก็พังทลายสิ้นอย่างแน่นอน
“พรุ่งนี้ลูกไปตั้งใจเรียนหนังสือให้แม่เถอะ จะพบหน้าหรือไม่ เป็ธุระของผู้ใหญ่!”
เหลียงฮวนไม่ยอม “เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่ได้โตกว่าฉันมากเท่าไร พรุ่งนี้ฉันจะไม่ไปเรียน ฉันต้องเห็นเธอก้มหัวลงต่อหน้าบ้านฝานให้ได้ ฉันถึงจะหายเคือง!”
หลิวฟางเริ่มลังเล
่นี้เหลียงฮวนฝันร้ายทุกคืน แม้จะมีเธอนอนหลับเป็เพื่อนก็ยังอดที่จะฝันร้ายไม่ได้ กลางวันก็ไม่ช่างเจรจาร่าเริงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว มักเหม่อลอยโดยไร้สาเหตุบ่อยๆ บางครั้งก็อารมณ์ร้อนเหลือเกิน บางครั้งยังชอบร้องไห้อีกด้วย หลิวฟางกำลังครุ่นคิดว่าเหลียงฮวนใกลัวจนเกิดอาการผิดปกติหรือเปล่า อยากพาเหลียงฮวนไปตรวจที่โรงพยาบาลสักหน่อย ทว่าเหลียงปิ่งอันไม่อนุญาต เพราะกลัวถูกคนเข้าใจผิดว่าบุตรสาวเขามีปัญหาทางจิต
หลิวฟางจึงสอบถามแพทย์ด้วยความนอบน้อม ปัจจุบันแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชมีน้อยยิ่งนัก มีแพทย์รายหนึ่งบอกว่าเหลียงฮวนได้รับ ‘ความกระทบกระเทือนทางจิตใจ’ โดยปกติเมื่อในต่างประเทศพบภาวะนี้ จะสนับสนุนให้คนไข้เผชิญหน้ากับต้นเหตุของการกระทบกระเทือนทางจิตใจ หลิวฟางฟังแล้วมึนงง แพทย์จึงบอกว่ายึดตามคำโบราณของพวกเรา ล้มลงตรงไหนก็ลุกขึ้นจากตรงนั้น
“เด็กโดนสุนัขกัดจะกลัวสุนัขไปตลอด ถ้าผู้ใหญ่ตีสุนัขจนหนีไปต่อหน้าเธอ เธอก็จะรู้ว่าสุนัขคือสิ่งที่สามารถเอาชนะได้”
หลิวฟางคิดว่ามีเหตุผล พอนึกถึงคำพูดของแพทย์ขึ้นมาในเวลานี้ เธอจึงเปลี่ยนแปลงความคิดที่จะไม่อนุญาตให้เหลียงฮวนไป
ให้เหลียงฮวนได้ยลด้วยตาของตนเองว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไร้ซึ่งกำลังต้านทานเมื่ออยู่ต่อหน้าฝานเจิ้นชวน เพียงเท่านี้เหลียงฮวนก็จะไม่ฝันร้ายแล้วใช่หรือไม่?