งานเลี้ยงจัดขึ้นที่สวนหลังเรือนของจวนซ่ง ฮูหยินซ่งชอบดอกไม้ จึงดูแลดอกไม้ในสวนเป็อย่างดี อี้ผินหง [1] และดอกล่าเหมย [2] บานสะพรั่งอยู่ภายในนั้น
ในค่ำคืนที่ท้องฟ้ามืดมิด โคมไฟส่องสว่างทั้งงานราวกับเป็ตอนกลางวัน
เสียงดนตรีดังไปทั่วโถง นางรำเต้นอย่างสง่างามไปกับเสียงเพลง
ผู้คนที่รู้ว่าพวกเขาจะจากไปมีไม่มากนัก ผู้คนที่เข้าร่วมงานจึงมีเพียงผู้ใต้บังคับบัญชาของจ้าวต้าน
เวินซีอารมณ์ไม่ดี หลังจากที่นางนั่งลงบนโต๊ะก็ดื่มเหล้าอยู่ตลอด
“หยุดดื่มได้แล้ว” จ้าวต้านพูดพลางมองนางอย่างกังวล เมื่อเห็นนางหยิบขวดเหล้าขึ้นมา เขาก็รีบเอื้อมมือไปคว้าขวดเหล้าแล้ววางลงด้านข้าง
“เอามาให้ข้า” เวินซีขมวดคิ้วเหลือบมองจ้าวต้านแล้วจ้องไปที่ขวดเหล้า
“หยุดดื่มเถิด ทานอาหารเสียหน่อย คนครัวของฮูหยินซ่งล้วนเป็คนที่มาจากเมืองหลวง มีแต่อาหารขึ้นชื่อของที่นั่น ลองทานดูสักหน่อยเถิด”
จ้าวต้านเอ่ยเสียงเบา พร้อมกับคีบเนื้อกระต่ายไปที่ปากของเวินซี
เวินซีทำสีหน้าเคร่งเครียด นางเบี่ยงตัวไปหยิบขวดเหล้าขึ้นมาอีกคราพลันกรอกลงท้อง
หลังจากที่ดื่มไปหลายขวด นางก็เมาจนไร้สติ ฟังคำฮูหยินซ่งไม่เข้าใจแม้สักคำ ก่อนจะฟุบลงนอนที่โต๊ะ
จ้าวต้านถอดเสื้อคลุมออกเพื่อมาคลุมตัวให้ เขาคิดจะช่วยทัดเส้นผมของนางไปหลังหู แต่ไม่คิดเลยว่านางจะขยับตัวหลบ
เขารู้ว่าอาจเป็เพราะอารมณ์ของนาง จึงถอนหายใจเล็กน้อยแล้วชักมือกลับ
“แม่ทัพต้าน คุณหนูเวินซี ไม่เป็อันใดนะขอรับ?” ต้วนจิงเย่เข้ามาถามด้วยความเป็ห่วง
“ไม่เป็อันใด นางก็แค่เมาน่ะ พวกเ้าทานกันเถิด ข้าจะไปส่งนาง”
“กลับด้วยกันเถิดขอรับ ข้าไม่ชอบสถานที่วุ่นวาย” มีรอยยิ้มอันงดงามบนใบหน้าของต้วนจิงเย่ เขาจ้องมองเวินซีเป็ครั้งคราว
“เช่นนั้นก็กลับกันเถิด”
จ้าวต้านพูดพลางลุกขึ้นไปบอกลาฮูหยินซ่ง จากนั้นเดินกลับมาที่ข้างกายเวินซี และคิดจะโอบเอวนางขึ้น
“อู้...” เวินซีขมวดคิ้วอย่างไม่สบายตัว
“เป็อันใดไป?” จ้าวต้านรวบเสื้อผ้าที่คลุมตัวนางอย่างระมัดระวัง ก้มลงถามด้วยเสียงอ่อนโยน
เวินซีไม่ได้สติจึงไม่ได้ตอบเขา นางขยับตัวในท่าสบายพลันก้มหน้าลงในอ้อมกอดของจ้าวต้าน
เมื่อััได้ถึงกลิ่นหอมจางๆ จากตัวนาง จ้าวต้านก็ยิ้มและเดินออกไป ในขณะที่ต้วนจิงเย่มองทั้งสองเดินออกไป ดวงตาของเขาพลันเข้มขึ้น เม้มริมฝีปากและเดินตาม
สองวันต่อมา ร้านเครื่องหอมก็เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งการร่ำลา
ตอนนี้ได้จ่างกุ้ยคนใหม่เพิ่มและคนรับใช้ร้านปิ้งย่างและร้านชานมแล้ว หลังจากที่ได้ฝึกสอน พวกเขาก็เริ่มทำงานกันอย่างเป็ระบบระเบียบ
่นี้ฮูหยินซ่งไปที่ร้านเครื่องหอมทุกวัน นางนำของดีๆ ไปให้พวกเขาตลอด
สืออีรู้สึกดีขึ้นแล้ว เขาเริ่มออกมาจากห้องและพูดคุยกับคนอื่นบ้าง
ส่วนจ้าวต้านยุ่งอยู่กับการวางแผนไปเมืองซู่เหอ จึงไม่ค่อยเห็นหน้าเห็นตา ในขณะที่เวินซีอ่านตำราหมื่นพิษอยู่ที่สวนหลังตลอด ต้วนจิงเย่ก็นำหนังสือออกมาอ่านเช่นกัน
วันที่สามในยามจื่อ ทั้งร้านเครื่องหอมก็สว่างไสว ที่หน้าประตูมีรถม้าที่หรูหราจอดเรียงกันอยู่ห้าคัน
หลังจากที่เวินซีพาเอ้อเอ้อร์และซันซานเข้านอนแล้วก็แอบออกมา จ้าวต้านรอที่ประตูสักพักใหญ่ เมื่อนางออกมา ทั้งสองก็รีบวิ่งไปที่โถงหน้า
“คุณหนูเวินซี คุณชายจ้าว” ต้วนจิงเย่เห็นทั้งสองคนปรากฏตัวที่ประตูก็ทักทายทำความเคารพ
“เวินซี มานี่สิ ข้ามอบสิ่งนี้ให้เ้า”
ขณะนั้นฮูหยินซ่งนั่งอยู่ในห้องโถง นางยืนขึ้นอย่างสงบ หยิบถุงผ้าออกจากอกพลันยื่นไปให้
เวินซีหยิบมาด้วยความสงสัย เมื่อเปิดออกก็พบว่าด้านในคือผงผัดหน้า
“ฮูหยินซ่ง นี่...” นางไม่ค่อยเข้าใจ
“รับไว้เถิด สตรีต่างประทินโฉมเพื่อคนที่ตนพอใจ ใช้่เวลานี้แต่งกายบ้างเถิด” ฮูหยินซ่งหยิบปิ่นปักผมสีทองออกมาจากอกอีกครา “รับนี่ไว้ด้วย ข้าไม่มีสิ่งของดีๆ อันใด จึงให้เ้าได้เพียงเท่านี้ล่ะ”
“ขอบพระคุณฮูหยินซ่งเ้าค่ะ ในเมื่อฮูหยินซ่งให้ของขวัญอำลาข้าแล้ว ข้าจะไม่ให้ท่านได้เช่นไร ฮูหยินรับไว้ด้วยเถิด” เวินซีหยิบขวดหยกออกมาแล้วยื่นให้ฮูหยินซ่ง
“นี่คือสิ่งใดกัน?” ฮูหยินซ่งเอื้อมมือไปรับ
“ยาบำรุงผิวงามเ้าค่ะ ทำมาจากสูตรเครื่องหอมของเวินอี๋เหนียง สามารถทำให้ผิวของท่านขาวนวล ทั้งยังรักษาความชุ่มชื้น”
“เช่นนั้นข้าขอรับไว้แล้วกัน” เมื่อได้ยินสรรพคุณ ดวงตาของฮูหยินซ่งก็เป็ประกาย ก่อนจะเก็บขวดหยกไว้ด้วยความชอบใจ
“จ่างกุ้ย ในอนาคตข้าฝากร้านพวกนี้ด้วยนะ” เวินซีมองจ่างกุ้ยที่แอบปาดน้ำตาอยู่ด้านหลังฮูหยินซ่ง
“ไม่ต้องห่วงขอรับคุณหนูเวินซี ข้าจะทำให้ร้านเหล่านี้เจริญรุ่งเรือง คุณหนูเวินซีจะต้องกลับมาเยี่ยมพวกเรานะขอรับ”
“ได้สิ พวกเราไปก่อนล่ะ”
“อย่าลืมดูแลตนเอง”
“รักษาตัวด้วยนะขอรับ”
......
เวินซีขึ้นรถม้าไป ท่ามกลางคำอวยพร นางกับจ้าวต้านนั่งรถคันเดียวกัน สืออีและต้วนจิงเย่นั่งอีกคัน ส่วนรถอีกสามคันใช้บรรทุกสัมภาระ
รถม้าทั้งห้าคันเดินทางออกจากเมืองไปช้าๆ ภายใต้แสงจันทร์
เวินซีมิได้นอนเลยทั้งคืนเพื่อกล่อมเอ้อเอ้อร์และซันซานให้เข้านอน เมื่อนางแน่ใจว่าพื้นที่โดยรอบปลอดภัยแล้วจึงหลับตาลงพักผ่อน
ส่วนจ้าวต้านจุดตะเกียง และเริ่มศึกษาแผนที่ของเมื่อซู่เหอ
......
เจ็ดชั่วยามต่อมา รถม้าได้เข้าสู่ตลาดของเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่ง
“ซาลาเปาเ้าค่ะ ซาลาเปาร้อนๆ ซาลาเปาใหม่ๆ เพิ่งออกจากเตา”
“ถังหู่ลู่ขอรับ ถังหู่ลู่ ไม้ละสามอีแปะ ไม่หวานไม่คิดเงิน”
“เกี๊ยวเ้าค่ะ เกี๋ยวเนื้อ ถ้วยละห้าอีแปะ แป้งบางเนื้อแน่น ราคาดีไม่มีหลอกลวง”
......
มีแสงส่องเข้ามาในรถม้าจากช่องเล็กๆ แยงตาเวินซี นางเบือนหน้าหนีเพราะอยากจะนอนต่อ แต่เสียงที่วุ่นวายก็ดังเข้ามาในหู
นางลืมตาด้วยความหงุดหงิด ลุกขึ้นนั่งและเปิดม่านหน้าต่างออก มองไปด้านนอกรถ
เมืองนี้มีชีวิตชีวาและคึกคักมาก ผู้คนแต่งตัวอย่างมีฐานะเดินไปมาตามถนน ขบวนรถเคลื่อนไปในกลุ่มที่พลุกพล่าน ผู้คนที่เดินเบียดเสียดกันนั้นราวกับหอยทาก
เมื่อรถม้าหยุดนิ่ง นางก็วางม่านลง
“เราลงไปเดินเถิด” เวินซีเอ่ยขึ้น
พวกเขาออกจากเมืองมาแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าคนของฮ่องเต้จะตามฆ่า ยามนี้พวกเขาได้ท่องเที่ยวและเดินทางไปด้วย
“ได้สิ” จ้าวต้านเก็บแผนที่แล้วพยักหน้าให้นาง
ทั้งสองลุกขึ้นและโน้มตัวออกไปพร้อมกัน
“งามมาก”
“ข้ามิเคยเห็นสตรีที่งดงามเช่นนี้มาก่อน”
“งามจริงๆ คงเป็คนจากเมืองอื่นสินะ ข้ามิเคยเห็นนางมาก่อน นางงามเช่นนี้ หากเคยเห็นมาก่อนข้าจะต้องจำได้แน่”
......
เวินซีถูกจ้าวต้านพยุงลงมา พลันรู้สึกได้ถึงสายตาของทุกคนที่จับจ้อง เมื่อได้ยินคำชมเชยจากชาวบ้าน นางก็ขมวดคิ้ว
ขืนเป็เช่นนี้ นางจะเป็ที่น่าจับตามองเกินไป ไม่นานจะต้องถูกคนของฮ่องเต้พบเข้าเป็แน่ นางต้องคิดหาวิธีสักอย่าง...
นางขมวดคิ้วและมองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่ามีร้านขายหมวกไม้ไผ่จึงเดินไปที่นั่น
สืออีและต้วนจิงเย่ก็ทยอยลงจากรถม้าเมื่อเห็นร่างของเวินซี
เพื่อไม่ให้ชาวบ้านพากันมองรูปลักษณ์ของเขา ต้วนจิงเย่จึงสวมหน้ากาก
“คุณหนูเวินซี รอพวกเราด้วยขอรับ” เขาพูดพลางฝ่ากลุ่มคนเดินไปหาเวินซีอย่างยากลำบาก
ตอนนี้เวินซีเดินเข้าร้านไปแล้ว
“คุณหนูอยากได้หมวกเช่นไรขอรับ?” จ่างกุ้ยเข้ามาทักทายอย่างกระตือรือร้น
“ข้าเลือกดูเอง” เวินซีตอบเสียงนิ่ง นางกวาดสายตามองไปทั่วร้าน
ด้วยรูปลักษณ์ของนางจึงมีคนพากันเข้ามา แสร้งทำเป็จะซื้อหมวก
เมื่อเห็นว่ามีคนเยอะขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มเบียดเสียด เวินซีจึงหยิบหมวกใบสีขาว วางเงินแล้วออกจากร้านไปทันที
จ้าวต้าน ต้วนจิงเย่ และสืออีได้เดินตามนางไป
เชิงอรรถ
[1] อี้ผินหง 一品红 หมายถึง ดอกคริสต์มาส
[2] ดอกล่าเหมย 蜡梅花 คือดอกบ๊วยชนิดหนึ่งที่เบ่งบานและส่งกลิ่นหอมใน่ฤดูหนาว