ขาไปกลับบ้านคราวนี้ ไมเคิลเรียกแท็กซี่ทันที ไม่ลังเลที่จะจ่ายเงินสักนิด แม้จะรู้สึกได้ว่าร่างกายแข็งแรงขึ้นเยอะั้แ่ตื่นรู้ แต่ก็ไม่จำเป็ต้องฝืนตัวเองนี่นา บ้านเขาน่ะ ห่างจากสมาคมซูเปอร์ลิบลับเลยนะ
จากโรงเรียนถึงบ้านต้องเดินตั้ง 30 นาที แล้วถ้ารวมระยะทางจากสมาคมซูเปอร์เข้าไปด้วย มีหวังถึงบ้านอย่างน้อยก็ชั่วโมงครึ่งล่ะมั้ง
ตอนนี้ในบัญชีเขามีเงินแล้ว แถมอีกไม่นานก็จะมีเงินก้อนโตเข้ามาอีก ไมเคิลเลยไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องขี้เหนียวอะไร
ระหว่างนั่งแท็กซี่ เขาส่งข้อความหาป้า บอกว่าลงทะเบียนที่สมาคมซูเปอร์เรียบร้อยแล้ว กำลังกลับบ้านพอดี และแทบจะทันทีนั้นเอง ก็มีข้อความแจ้งเตือนจากธนาคารดังขึ้น แจ้งว่ามีเงิน 15,000 ดอลลาร์โอนเข้าบัญชีเขาแล้ว
'ฉันรวยแล้ว! รวยแล้วจริงๆ ด้วย!'
แม้ชีวิตก่อนหน้า ไมเคิลจะเคยเห็นเงินเยอะกว่านี้มากนัก แต่มันก็ง่ายที่จะลืมไปว่าตอนนี้เขากำลังสวมบทบาทเป็เด็กหนุ่มอายุ 18 ปี—ซึ่งเขาก็อินกับบทบาทนี้สุดๆ
คราวนี้ไม่มีการตอบกลับอย่างรวดเร็วเหมือนเมื่อก่อนที่ป้ามีอาตอบทันที ซึ่งก็ไม่ทำให้ไมเคิลแปลกใจอะไร
เขาเคยคิดจะโอนเงินส่วนหนึ่งที่ได้รับให้ป้ามีอา แต่พอคิดถึงนิสัยป้าเข้าหน่อย คงจะใจนทำงานเสียได้มั้ง ในเมื่อไม่จำเป็ต้องรีบ เขาก็เลยตัดสินใจรอจนกว่าป้าจะกลับถึงบ้านค่อยคุยกัน
ไมเคิลไม่ได้ให้แท็กซี่ไปส่งถึงหน้าประตูบ้าน แต่ให้ไปส่งที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ กับหมู่บ้านที่เขาอยู่แทน
เขาจำได้ดีว่าป้ากำชับให้ซื้อของให้ตัวเองและลูกพี่ลูกน้องด้วย แม้จะตัดสินใจใช้เงินที่ได้จากรัฐบาลแทนเงินที่ป้าให้มาก็ตาม และเมื่อป้าของเขากลับมาตอนค่ำ เขาก็ตั้งใจจะคืนเงินป้าไป พร้อมกับเงินพิเศษอีกนิดหน่อย
เมื่อไมเคิลเดินออกจากห้างฯ ก็หอบถุงมาหลายใบเชียว การช้อปปิ้งรอบนี้หมดไปประมาณ 500 ดอลลาร์ อาจดูเหมือนใช้เงินเยอะไปหน่อย แต่ไมเคิลก็ไม่ได้เสียดายอะไร ตอนนี้ถึงเวลาที่ครอบครัวของเขาจะได้มีความสุขกับชีวิตมากขึ้นอีกหน่อยแล้ว ท้ายที่สุด การมีเงินก็ไม่มีประโยชน์อะไรถ้าไม่ใช้เพื่อตัวเองและคนที่รักล่ะจริงไหม?
แน่นอนว่าไมเคิลมีขีดจำกัดในการใช้จ่าย เขายังไม่รู้เื่ราวอะไรมากนัก แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่ารัฐบาลไม่ได้ให้ผลประโยชน์แก่ ผู้ตื่นรู้ ใหม่ๆ เพียงเพราะใจดีอย่างเดียว เขาััได้ว่าเงินส่วนหนึ่งนั้นน่าจะเป็ทรัพยากรสำหรับการเติบโตของพวกเขา
'ช่างมันเถอะ ไม่ต้องคิดมากหรอก เดี๋ยวฉันเช็กอีเมลจากสมาคมซูเปอร์ก็จะเข้าใจเองแหละ'
กว่าไมเคิลจะกลับถึงบ้านในที่สุด ดวงอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปแล้ว พิธีตื่นรู้จัดขึ้นตอนบ่ายโมงครึ่ง และตอนนี้ก็เลยสี่โมงเย็นไปหน่อยๆ
'ลิลลี่คงจะกลับจากโรงเรียนเร็วๆ นี้ ฉันใช้เวลานี้จัดแจงของให้เรียบร้อยดีกว่า'
และไมเคิลก็ทำตามนั้น เขาจัดเก็บผลิตภัณฑ์อาหารเข้าที่ จัดระเบียบของที่ซื้อมาอื่นๆ ให้เข้าที่เข้าทาง
'โอ๊ย ฉันเหนื่อยจัง!'
พอไมเคิลจัดการทุกอย่างเสร็จ เขาก็หิวโซไปหมด เมื่อเช้าเขาได้กินแค่เบาๆ เลยตัดสินใจทำอาหารกินเองโดยใช้วัตถุดิบบางส่วนที่ซื้อมาจากห้างฯ เนื้อก็มีในเมนูด้วยนะ!
ด้วยความที่อยู่กับป้าซึ่งเป็เชฟ ทักษะการทำอาหารของไมเคิลก็ไม่ได้แย่เลย เขาทอดเนื้อกับข้าวอย่างง่ายๆ และในขณะที่เขาทำเสร็จพอดี ลิลลี่ ลูกพี่ลูกน้องของเขาก็กลับถึงบ้าน
ลิลลี่ก็มีผมสีดำ ตาสีฟ้า และตัวเล็กกะทัดรัดเหมือนแม่ของเธอ ส่วนไมเคิลนั้นโดดเด่นในครอบครัวด้วยผมสีบลอนด์ ตาสีเขียว และรูปร่างสูงชะลูด ซึ่งไม่ใช่เื่แปลกสำหรับครอบครัวสามคนนี้ เพราะพวกเขารู้ว่าเขาไม่ใช่ญาติสนิท แต่ก็มักจะทำให้คนนอกงงงวยที่คิดว่าพวกเขาเป็ญาติกันโดยตรง—อย่างน้อยก็จนกว่าพวกเขาจะได้ยินนามสกุลที่ต่างกัน
"สวัสดีค่ะ พี่ไมเคิล!" ลิลลี่ทักทายพลางโผล่หน้าเข้ามาที่ประตูห้องครัว
"พี่ทำอะไรน่ะ? เนื้อเหรอ? หอมจังเลย!" มองดูลูกพี่ลูกน้องน้ำลายไหล ไมเคิลก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
"ไปล้างตัวก่อนแล้วค่อยคิดจะกินนะ เดี๋ยวพี่จะตักใส่จานให้"
"โอเคค่ะ พี่ไมเคิล!" นักกินตัวยงรีบหันหลังเดินจากไปทันทีโดยไม่พูดอะไรอีก อย่างไรก็ตาม เธอเดินกลับมาในไม่กี่วินาทีต่อมา และจ้องไมเคิลอย่างลังเล
"เกิดอะไรขึ้น?" ไมเคิลถามอย่างงุนงง
"พี่ไมเคิลคะ" ลิลลี่เริ่มพูด มือของเธอไพล่หลังและก้มหน้า "พิธีตื่นรู้เป็ยังไงบ้างคะ?"
"โอ้ เื่นี้เองเหรอเนี่ย"
ไมเคิลถอนหายใจกับความคล้ายคลึงกันของสองแม่ลูกคู่นี้ พวกเขาไม่อยากทำร้ายความรู้สึกเขา แต่ก็ไม่ได้แสร้งทำเป็เมินเฉย
ลิลลี่ได้ยินไมเคิลถอนหายใจและคิดว่าเขาปลุกพลังไม่สำเร็จ
"อย่าเสียใจไปเลยนะคะ พี่ไมเคิล ถึงแม้พี่จะปลุกพลังไม่สำเร็จ โลกก็ไม่ได้จบลงซะหน่อยนี่นา หนูเชื่อว่าพี่ก็สามารถเป็ผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งและเข้าสู่ดินแดนลึกลับเ่าั้ได้ แม้ว่าพี่จะไม่สามารถเข้าถึง ดินแดนแห่งต้นกำเนิด ได้ก็ตาม! อนาคตยังสดใสอยู่ค่ะ!"
ไมเคิลถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินเช่นนั้น
'ฉันไปบอกว่าปลุกพลังไม่สำเร็จตอนไหนเนี่ย? เด็กอายุ 15 คนนี้คิดอะไรอยู่ในหัวเนี่ย?'
อย่างไรก็ตาม ไม่นานไมเคิลก็ะเิเสียงหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน
ลิลลี่ตกตะลึงเมื่อเห็นไมเคิลหัวเราะจนน้ำตาไหล เธอสงสัยว่าเขาเป็บ้าไปแล้วหรือเปล่าเพราะความเศร้า บางทีนั่นอาจเป็เหตุผลที่อธิบายได้ว่าทำไมเขาถึงสงบผิดปกติเมื่อก่อนหน้านี้
ไมเคิลทนเห็นสีหน้ากังวลที่เพิ่มขึ้นของลูกพี่ลูกน้องไม่ไหว เขาจึงหันไปพูดกับเธอ
"ใครบอกว่าพี่ปลุกพลังไม่สำเร็จกันล่ะ คนโง่? ทำไมคิดว่าเราถึงมีเนื้อกิน ถ้าไม่ใช่เพราะมีโอกาสพิเศษล่ะ?"
"หือ?"
จากนั้นไมเคิลก็เล่าสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อบ่ายให้เธอฟังคร่าวๆ เขาไม่ได้ลงรายละเอียดมากนักเกี่ยวกับสมาคมซูเปอร์ แต่ก็พูดถึงเื่เงิน
"ว้าว! พี่ไมเคิล รวยแล้ว!"
"คิดอะไรอยู่? หยุดมองพี่แบบนั้นนะ!"
"พี่ไมเคิลขา~"
"เฮ้ยๆๆ!"
"ให้เงินหนูหน่อยสิ~"
ไมเคิลใช้เวลาสักพักเพื่อดึงความสนใจของน้องสาวออกจากยอดเงินในบัญชีด้วยคำสัญญาบางอย่าง มองดูเธอฮัมเพลงและะโโลดเต้นด้วยความสุข รอยยิ้มอ่อนโยนก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
แม้ดูเหมือนเธอจะตื่นเต้นเื่เงินมากกว่า แต่เขาก็รู้ว่าเธอมีความสุขอย่างแท้จริงกับการที่เขาปลุกพลังได้สำเร็จ
ไมเคิลหายใจเข้าลึกๆ และรวบรวมสติ ก่อนที่จะยกจานอาหารไปยังห้องของเขา
เขาผัดผ่อนมานานพอแล้ว ได้เวลาเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเื่ การตื่นรู้ เสียที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้