ผ่านไปหลายวันถังเหล่ยแทบจะไม่ได้ออกจากห้อง เขาอยู่ในโรงเตี๊ยมตลอดทั้งวัน นอกจากการทุ่มเทให้กับการบ่มเพาะเคล็ดวิชาัคชสารแล้ว เขาก็ได้ศึกษาวิธีการใช้กำไลข้อมือไปพร้อมๆ กัน
ถังเหล่ยยังตั้งชื่อให้กำไลวงนี้ว่า ‘กำไลเพลิงผลาญ’ สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงก็คือมันสามารถเชื่อมต่อกับจิตของผู้ใช้ได้ หลังจากที่มันได้ดูดซับพลังปราณในร่างของถังเหล่ยไปหลายครั้ง ทำให้ในเวลานี้เขาสามารถใช้จิตควบคุมเปลวเพลิงจากกำไลได้
หลังจากที่ถังเหล่ยดูดซับพลังในแก่นอสูรระดับสามไปสองเม็ด เขาก็ััได้ว่าพลังในร่างกายของเขากลับมาเต็มเปี่ยมอีกครั้ง และยังััได้ถึงโอกาสในการทะลวงระดับอีกด้วย
ความเร็วในการทะลวงระดับของถังเหล่ยถือว่ารวดเร็วมาก หากเทียบกับผู้ฝึกตนคนอื่นๆ
โดยปกติแล้วการทะลวงระดับเร็วเกินไปจะมีผลเสียในภายหลัง แต่สำหรับถังเหล่ยกลับไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด อาจเป็เพราะฐานการบ่มเพาะิญญายุทธ์และการฝึกฝนร่างกายของเขา!
พักหลังถังเหล่ยไม่ได้เอาแต่บ่มเพาะเพียงอย่างเดียว ในเวลาเดียวกันยังหาข่าวในเมืองจิ่วหั่วไปด้วย คนในโรงเตี๊ยมล้วนเป็พวกปากมากทั้งสิ้น สิ่งที่สำคัญก็คือเขาเป็คนใจกว้าง จึงทำให้คนเ่าั้ต่างอยากจะเข้าหาเขา และทุกครั้งที่เขาออกจากห้อง คนภายในโรงเตี๊ยมจะเบนความสนใจมาที่เขา แต่ก็มีบางคนที่ไม่ได้เดินเข้าหาถังเหล่ย แต่ก็ยังกล่าวอวดรู้อยู่ที่โต๊ะของตนเอง
บางครั้งพวกเขาจะพูดคุยกันเกี่ยวกับเื่ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเมืองจิ่วหั่ว แม้ถังเหล่ยจะแกล้งเมินเหมือนไม่ได้สนใจ แต่จริงๆ แล้วเขากำลังรวบรวมข่าวสารในเมืองจิ่วหั่วเงียบๆ
ในขณะนี้เชื้อพระวงศ์ของจักรวรรดิซือฉีมีอ๋องสองคนที่มีอำนาจสูงสุด คือตี้เหยียนกับตี้เลี่ย ทั้งสองคนเป็ศัตรูกันและชัดเจนว่าพวกเขาทั้งสองไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ การค้าขายในเมืองจิ่วหั่วส่วนใหญ่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของอ๋องทั้งสอง
ในเวลาเดียวกันถังเหล่ยยังได้ยินข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ทีู่เาซวงเฟิงอีกด้วย แม้ว่าตัวเขาจะออกจากูเามาหลายวันแล้วก็ตาม
หลังจากที่ถังเหล่ยออกจากูเาซวงเฟิง ตี้เหยียนกับตี้เลี่ยก็ได้นำกองทัพเข้าไปปิดล้อมูเาเอาไว้ แต่ยังไม่ทันได้เข้าไปภายในูเาก็มีทูตจาก์นำคำสั่งของาาตงมาเสียก่อน!
ทันทีที่ถังเหล่ยได้ยินเื่นี้ ในดวงตาก็เผยจิตสังหารเยือกเย็นออกมา ในอนาคตเขาจะต้องสังหาราาตงแห่งจักรวรรดิลอยฟ้าอวิ๋นซ่างให้ได้
แก้แค้นส่วนตัวกับาาตง!
หลังจากนั้นถังเหล่ยจึงออกจากโรงเตี๊ยม เขาเดินตามเส้นทางผ่านฝูงชนไปตามถนนอย่างที่บริกรบอก หลังจากนั้นไม่นานในที่สุดก็มาถึงโรงประมูลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองจิ่วหั่ว โรงประมูลเทียนจิ่ว เดิมทีเถ้าแก่โรงประมูลแห่งนี้ก็คือตี้เหยียน
ถังเหล่ยกวาดสายตามองรอบด้าน ในโรงประมูลมีผู้คนเยอะแยะมากมาย แน่นอนว่าผู้คนส่วนใหญ่เป็ผู้ฝึกตน ด้านข้างโรงประมูลมีเสาขนาดใหญ่สีแดงเพลิงสี่ต้นค้ำยันโรงประมูลเอาไว้
ในขณะที่ถังเหล่ยกำลังกวาดสายตาไปรอบๆ เพื่อตรวจสอบ ทันใดนั้นก็มีเสียงไม่เป็มิตรดังมาจากด้านหลัง
“เด็กที่ไม่มีศิลาิญญาแม้แต่ก้อนเดียวจะมาที่โรงประมูลเพื่ออะไร? ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก!”
ถังเหล่ยเผยสายตาเ็าทันทีเมื่อหันหน้ากลับไป เขาก็เจอกับชายหนุ่มปากมากในโรงเตี๊ยมเมื่อไม่กี่วันก่อน สายตาที่อีกฝ่ายจ้องมองมายังเขาล้วนมีแต่ความเย้ยหยัน
“มีปัญหาอะไรหรือเ้าหนู? เ้าผยองมากไม่ใช่หรือ? เหตุใดเ้าจึงยืนตัวแข็งไม่คิดจะกล่าวอะไรบ้างเลยหรือ? คิดว่าตัวเองมีแก่นอสูรแล้วจะเหนือกว่าผู้อื่นอย่างนั้นหรือ?”
หลิวกว่างเห็นถังเหล่ยยืนสงบนิ่ง จึงคิดว่าอีกฝ่ายใกลัว อย่างไรก็ตามระดับพลังของอีกฝ่ายก็เทียบกับเขาไม่ได้ เขาคาดเดาเอาไว้ว่าเพียงแค่สองกระบวนท่าก็สามารถจัดการถังเหล่ยได้แล้ว
“ไปที่ใดก็มีสุนัขตามมาเห่าหอน ข้าได้ยินมาว่าเ้าคือศิษย์จากนิกายเสิ่นอวี่ ดูท่านิกายของพวกเ้าจะเลี้ยงสุนัขไว้เพื่อเห่าคนโดยเฉพาะ!” ถังเหล่ยกล่าวอย่างเ็า ภายในใจของเขาไม่ได้หวาดกลัวอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่ไม่้าต่อปากต่อคำด้วยเท่านั้น
ในขณะนี้ถังเหล่ยอยู่ในจักรวรรดิซือฉี เขาพยายามไม่ก่อเื่ให้เป็จุดสนใจของผู้อื่น แต่ไม่ได้แปลว่าเขาจะปล่อยให้คนมารังแกได้ โดยเฉพาะคนของนิกายเสิ่นอวี่!
“วันนี้ข้าจะทำให้เ้ารู้จักที่ต่ำที่สูงและสิ่งที่เ้าต้องจำใส่สมองก็คือ หากผู้ใดกล้ามีเื่กับคนของนิกายเสิ่นอวี่ก็จงตระหนักไว้ว่าวันนี้ของปีหน้าคือวันครบรอบวันตายของมัน!”
ใบหน้าของหลิวกว่างก็บิดเบี้ยวด้วยความโกรธขึ้นมาทันที เดิมทีเขาไม่ได้ตั้งใจจะก่อเื่ เนื่องจากพี่ใหญ่หวังเจี๋ยได้ตักเตือนเขาไว้แล้ว และยังกำชับอีกว่าให้พยายามถ่อมตัวที่สุด แม้ว่าเขาจะเป็ศิษย์ของนิกายเสิ่นอวี่แต่ถึงอย่างไรที่นี่ก็ไม่ใช่จักรวรรดิเทียนอวี่ ถ้าเกิดเื่ขึ้นมาจะไม่มีใครสามารถช่วยได้
แต่ทุกครั้งที่ถังเหล่ยเอ่ยปาก เขาจะพาดพิงถึงนิกายเสิ่นอวี่ไปด้วย หลิวกว่างจะอดกลั้นความโกรธภายในใจได้อย่างไร?
ในขณะนี้ระยะห่างของทั้งสองมีไม่มาก ทันทีที่หลิวกว่างกล่าวจบ เขาก็ลงมือกับถังเหล่ยทันที มือขวาของเขาเผยกรงเล็บออกมาตะปบไปที่ศีรษะของถังเหล่ยราวกับสายฟ้า หลิวกว่างคิดจะจัดการถังเหล่ยในกระบวนท่าเดียวเท่านั้น
สิ่งที่หลิวกว่างคาดเดาเอาไว้ก็คือหากไม่สามารถสังหารถังเหล่ยได้ในกระบวนท่าเดียว อย่างน้อยผลกระทบที่อีกฝ่ายได้รับก็น่าจะเพียงพอที่จะทำให้อีกฝ่ายจดจำไปตลอดชีวิตได้ แต่ถังเหล่ยคาดเดาเอาไว้แล้วว่าหลิวกว่างจะไม่สามารถอดกลั้นความโกรธภายในใจได้และจะลงมือก่อนอย่างแน่นอน
ในขณะที่หลิวกว่างโจมตีเข้ามา พลังปราณในร่างกายของถังเหล่ยก็ถูกกระตุ้นให้พร้อมใช้งานแล้ว เขาเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยทำให้กรงเล็บของหลิวกว่างไม่สามารถคว้าโดนศีรษะของเขาได้
สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ทำให้หลิวกว่างตกตะลึง เขาเป็ยอดฝีมือระดับยอดยุทธ์ขั้นหนึ่ง การโจมตีอย่างกะทันหันกลับไม่สามารถััได้แม้แต่ร่างกายของอีกฝ่าย และที่สำคัญถังเหล่ยยังไม่ทะลวงระดับผู้ทรงยุทธ์ด้วยซ้ำ หลิวกว่างคิดจะโจมตีอีกครั้ง แต่ถังเหล่ยจะให้โอกาสอีกฝ่ายได้อย่างไร?
ในขณะที่หลิวกว่างกำลังจะดึงมือขวากลับไปเพื่อทำการโจมตีอีกครั้ง ทันใดนั้นถังเหล่ยก็จับข้อมือของเขาเอาไว้
“รนหาที่ตาย!”
หลิวกว่างเผยรอยยิ้มออกมาในขณะที่ถังเหล่ยเข้าประชิดตัวของเขา ในเวลาเดียวกันหลิวกว่างก็ััได้ถึงพลังมหาศาลสายหนึ่งไหลผ่านข้อมือของตน โชคดีที่หลิวกว่างดึงพลังปราณไว้ที่ข้อมือได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นข้อมือของเขาจะต้องถูกถังเหล่ยบีบจนแหลกละเอียดอย่างแน่นอน
แม้ว่าพลังการโจมตีของถังเหล่ยจะทำให้หลิวกว่างต้องตกตะลึง แต่ในขณะนี้เขาไม่มีเวลาให้คิดเกี่ยวกับพลังของอีกฝ่าย มีดสั้นเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเขา จากนั้นก็พุ่งไปที่อกของถังเหล่ยอย่างรวดเร็ว
ิญญายุทธ์ของยอดฝีมือระดับยอดยุทธ์นั้นมีสติปัญญาแล้ว ถึงแม้จะเป็เพียงมีดสั้นเล่มหนึ่งแต่ก็ได้เชื่อมจิตกับหลิวกว่างแล้ว ทั้งยังสามารถสื่อสารกับหลิวกว่างได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตามิญญายุทธ์อาวุธไม่สามารถเทียบกับิญญายุทธ์สัตว์ร้ายได้ แต่ข้อได้เปรียบของิญญายุทธ์ประเภทนี้ก็คือมีพลังการโจมตีมากกว่าิญญายุทธ์สัตว์ร้าย
แม้ว่ามีดสั้นของหลิวกว่างจะมีความรวดเร็วมากเพียงใด แต่ถังเหล่ยก็ได้เตรียมตัวรับมือการตอบโต้ของอีกฝ่ายไว้อยู่แล้ว
ถังเหล่ยดคลื่อนไหวคล่องแคล่วราวกับเป็อสรพิษเขาบิดตัวไปด้านข้างทันที ลมหายใจต่อมาเขาบิดร่างกายอีกครั้งเท้าขวาตวัดเตะไปที่ท้องของหลิวกว่างเต็มๆ
ปัง!
ทันใดนั้นร่างของหลิวกว่างก็กระเด็นไปด้านหลังหลายสิบวา พร้อมกับใบหน้าที่ซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด
“โจมตีได้ดี”
เสียงจากผู้คนที่ยืนอยู่ด้านข้างดังขึ้นทันทีที่ถังเหล่ยกับหลิวกว่างต่อสู้กัน รอบด้านก็มีผู้คนล้อมวงเข้ามาเรื่อยๆ แม้ในเขตพื้นที่ของโรงประมูลมีกฎห้ามลงมือ แต่ในเวลานี้สายเกินไปแล้ว
ฉากสุดท้ายที่ถังเหล่ยโจมตีใส่ผู้ฝึกตนระดับยอดยุทธ์จนกระเด็นออกไป ทำให้ผู้คนที่ยืนชมอยู่รอบด้านต่างพากันตกตะลึง พวกเขาแทบไม่อยากเชื่อสายตาว่าการโจมตีในครั้งนี้คือการโจมตีของผู้ฝึกตนระดับชำนาญยุทธ์
“เขาคือคุณชายจากตระกูลใดกัน เหตุใดจึงเก่งกาจถึงเพียงนี้ หรือว่าเป็เชื้อพระวงศ์?”
“คงไม่ใช่อย่างที่เ้าคิด เชื้อพระวงศ์คงไม่มาโรงประมูลด้วยตัวเอง คาดว่าคงเป็คุณชายจากตระกูลใหญ่”
“ยอดยุทธ์ผู้นี้ก็ไร้ฝีมือเกินไป ถึงกับถูกผู้ชำนาญยุทธ์คนหนึ่งจัดการ น่าขายหน้านัก!”
เสียงของผู้คนรอบด้านกำลังถกเถียงกันอย่างต่อเนื่อง ในขณะนี้สถานการณ์ทำให้ผู้คนที่ยืนล้อมรอบอยู่คิดว่าหลิวกว่างเป็เพียงแค่คนไร้น้ำยาเท่านั้น
“ยังจะสู้อีกหรือ?” ใบหน้าของถังเหล่ยเย้ยหยันอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ก้มลงมองหลิวกว่างที่คลานอยู่บนพื้น
“ข้าจะฆ่าเ้า!” หลิวกว่างกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน ในเวลาเดียวกันก็มีเืไหลออกมาจากมุมปากของเขา
หากเขาอยู่ในระดับต่ำกว่ายอดยุทธ์ การโจมตีเมื่อครู่ของถังเหล่ยคงทำลายิญญายุทธ์ของเขาไปแล้ว
“หยุด! ใครกันที่กล้าลงมือในโรงประมูล!”
ก่อนที่หลิวกว่างจะพุ่งตัวโจมตีอีกครั้ง ก็มีทหารกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากด้านในโรงประมูล หลังจากนั้นทหารกลุ่มนี้ก็ได้ล้อมถังเหล่ยกับหลิวกว่างเอาไว้
จากนั้นก็ปรากฏร่างชายวัยกลางคนสวมชุดสีฟ้าทองผู้หนึ่งเดินออกมาพร้อมกับใบหน้าที่บิดเบี้ยว ที่นี่คือโรงประมูลของตี้เหยียน พวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีคนกล้าลงมือที่โรงประมูลแห่งนี้!
……