ในเวลาต่อมา ทุกอย่างกลับเงียบสงบ หลังจากฮองเฮาทรงประทานรางวัลให้เหล่าคุณหนูทั้งหลายแล้ว ก็มิได้มีการเคลื่อนไหวใดๆ ไม่ต้องกล่าวถึงชายาเอกองค์ชาย แม้แต่ชายารองก็มิได้แต่งตั้งใคร หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิก็มิได้แตกต่าง ทุกอย่างยังคงเป็ปรกติราวกับว่างานเลี้ยงชมบุปผาในครานั้นเป็เพียงงานเลี้ยงธรรมดางานหนึ่งเท่านั้น
ดังนั้นตำหนักหลังของฉู่อ๋อง เยี่ยนอ๋องและเซวียนอ๋องจึงยังไม่มีนายหญิงอย่างเป็ทางการ แต่ย่อมมิได้หมายความว่าเรือนชั้นในของพวกเขาจะปราศจากหญิงงาม อนุบ่าว แต่ในจำนวนนี้กล่าวกันว่าในเรือนชั้นในของเซวียนอ๋องนับว่ามีอนุรับใช้มากที่สุด
กลับมาได้เพียงไม่นานก็มีหญิงสาวตบเท้าเข้าจวนเป็ทิวแถว แม้จักรพรรดิจงเหวินตี้จะกริ้วเพียงใดก็ไม่มีหนทางจัดการกับเขาได้ เริ่มแรกก็ส่งคนไปอบรมสั่งสอน ต่อมาแม้แต่การอบรมสั่งสอนก็ถูกยกเลิกไป ปล่อยให้เขาเหิมเกริมเอาตามแต่ใจ แต่การที่เขาเป็เช่นนี้ กลับทำให้ฮองเฮาและซูกุ้ยเฟยนึกพึงพอพระทัยอยู่เงียบๆ ค่อยๆ คลายความกังวลและการระวังป้องกันไปโดยไม่รู้ตัว
ดังนั้นตำหนักของเซวียนอ๋องเฟิงเจวี๋ยหร่านจึงเป็ตำหนักที่หรูหราฟุ้งเฟ้อเป็ที่สุด มักจะมีของกำนัลจากในวังประทานมาให้อยู่เรื่อย ไม่ฮองเฮาพระราชทานเครื่องเรือนจากไม้หนานมู่ทองคำมาชุดใหญ่ ก็ซูกุ้ยเฟยส่งคนนำอักษรภาพลายพู่กันล้ำค่ามามอบให้ ทุกสิ่งล้วนแสดงให้เห็นว่าโปรดปรานเฟิงเจวี๋ยหร่านเป็อย่างยิ่ง
คิดแต่จะลวงล่อให้เขาสำราญกับการกินดื่มเท่านั้น
เรือนจิ่นเวย จวนเซวียนอ๋อง
องค์ชายรูปงามดวงตาเป็ประกายพราวระยับดั่งวารีฤดูสารท แววตาโอหังเอาแต่ใจกวาดมองรูปภาพปึกหนาที่ขันทีนำมาให้ ขณะที่นั่งเอกเขนกอย่างเกียจคร้านอยู่บนตั่ง มือหนึ่งเด็ดองุ่นโยนเข้าปากทีละเม็ด คล้ายค่อยๆ ดึงความเกียจคร้านทีละสายมารวมอยู่บนใบหน้าทรงเสน่ห์เย้ายวนราวกับปีศาจ
“ภาพเหล่านี้ล้วนเป็สตรีที่ฮองเฮาทรงสรรหามาให้เปิ่นหวางหรือ” น้ำเสียงประหนึ่งคนเกียจคร้านแฝงความรู้สึกรำคาญอยู่หลายส่วน
สายลมพัดม้วนรูปภาพที่อยู่ในมือของขันทีพะเยิบขึ้น เห็นได้ชัดว่าแต่ละแผ่นเป็รูปใบหน้าของโฉมงามที่มีความงามแตกต่างกันไป ทั้งงามสง่า จิ้มลิ้มพริ้มเพรา งดงามอ่อนโยน บริสุทธิ์ไร้เดียงสา...
“มีทั้งหมดสิบแปดนางพ่ะย่ะค่ะ แต่ละนางล้วนเป็ธิดาของขุนนางใหญ่ขั้นสามขึ้นไป รูปงามเฉลียวฉลาด มีสง่าราศีกิริยามารยาทดีงาม ฮองเฮาทรงตรัสว่า หากท่านอ๋องชมชอบก็เลือกไว้สักสองสามคนก็ได้ ไม่ว่าจะโปรดให้เป็ชายาเอกหรือชายารอง ฮองเฮาก็ทรงพร้อมจะสนับสนุนพ่ะย่ะค่ะ”
ขันทีส่งม้วนรูปภาพมาให้เซวียนอ๋อง ทั้งยังกางรูปภาพออกทอดพระเนตรทีละภาพอย่างเอาอกเอาใจ และกล่าวแนะนำอย่างขันแข็ง
“ท่านอ๋องทรงทอดพระเนตรแม่นางผู้นี้สิพ่ะย่ะค่ะ นี่เป็แม่นางที่งดงามที่สุดในบรรดาสาวงามทั้งสิบแปด บ่าววางภาพของนางไว้บนสุด ทรงทอดพระเนตรให้ละเอียดสิพ่ะย่ะค่ะ ช่างเป็โฉมสะคราญที่มีความงามล้ำเลิศ แม้แต่พระสนมในวังหลวงยังมีเพียงไม่กี่พระองค์ที่งดงามทัดเทียมนางได้”
สาวงามในภาพงดงามไม่มีที่เปรียบ เรือนผมมุ่นเป็ทรงเมฆา สวมอาภรณ์แพรเนื้อนุ่มปักลายดอกโบตั๋น กระโปรงสีชมพูยาวกรอมพื้นพลิ้วไหว คลุมไหล่ด้วยแพรโปร่งสีอ่อน ดวงตาหวานหยาดเยิ้ม งดงามอ่อนช้อย เป็ยอดหญิงงามล้ำประดุจหยก สายตาของเฟิงเจวี๋ยหร่านเลื่อนไปบนรูปภาพ เพ่งมองโฉมงามอย่างพินิจ ริมฝีปากหยักยกเป็มุมงดงาม
ขันทียิ้มอย่างลำพองใจ นี่เป็หญิงงามที่ฮองเฮาทรงหมายมั่นเป็พิเศษ ฮองเฮาทรงวางแผนเอาชนะใจเซวียนอ๋องด้วยหญิงงามที่กล่าวได้ว่างดงามพริ้มเพรา โฉมงามเช่นนี้บุรษไหนจะตัดใจลง สิบส่วนเป็ไปได้ถึงเก้าส่วนที่เซวียนอ๋องจะทรงเลือกคุณหนูผู้นี้ แม้ว่าคุณหนูคนอื่นๆ จะงดงามเช่นกัน แต่ไม่อาจเปรียบได้กับคุณหนูผู้นี้ เมื่อเห็นคุณหนูผู้นี้แล้วค่อยไปดูคนอื่นๆ ไม่ว่าบุรุษคนไหนก็ย่อมเลือกนางเป็ชายาเอกแน่นอน
นั่นคือยอดพธูที่งดงามเลื่องชื่อที่สุดของเมืองหลวงเชียวนะ!
“หญิงงามผู้นี้มาจากสกุลใด หน้าตาไม่เลว...” รอยยิ้มที่คล้ายว่าคร้านจะยิ้มดูสอดรับกับรูปโฉมที่งดงามไร้ที่ติ มุมปากที่หยักยกขึ้นบางๆ มีเสน่ห์เย้ายวนใจอย่างยิ่ง ชวนให้คนใจสั่น ขันทีรีบเลื่อนสายตาขึ้นมาเพื่อกล่าวต่อ แต่พอเงยศีรษะขึ้นมองเห็นใบหน้าหล่อเหลาก็ชะงักงัน แม้ว่าจะเห็นคนงามในวังหลวงจนชินตา แต่ก็ยังถูกรูปโฉมของเขาดึงดูดจนมองตาค้าง ไร้วาจาไปชั่วขณะ
“บังอาจ กล้าจ้องมองท่านอ๋องโดยตรงเช่นนี้เชียวหรือ” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของคนผู้หนึ่งดังขึ้น
“ฮึ!” เสียงเย็นแค่นออกมาอย่างดุดันร้ายกาจ ยังไม่ทันที่ขันทีผู้นั้นจะเอ่ยคำใด ร่างของเขาก็ถูกฝ่ามือหนึ่งกระแทกอย่างแรง ในช่องอกร้อนวูบ กระอักโลหิตพุ่งออกมา พ่นลงบนใบหน้าของหญิงงามปานบุปผาในรูปภาพ้าสุด ใบหน้างามเพริศพริ้งพลันอาบย้อมด้วยโลหิตแดงฉาน ดูแล้วน่าสยดสยองขึ้นหลายส่วน
“ท่านอ๋อง ไว้ชีวิตด้วย โปรดไว้ชีวิตด้วยเถิด” เมื่อเห็นแววตาเย็นะเืขององครักษ์ด้านข้างที่มองตนเองอยู่ แล้วมองไปยังร่างของชายหนุ่มสูงสง่าในอาภรณ์หรูที่อยู่บนบัลลังก์สูง มุมปากหยักยกขึ้นอย่างร้ายกาจ ยังมีสิ่งใดไม่กระจ่างอีกเล่า ในอกพลันหดรัด หวาดกลัวจนหน้าซีดเผือด คุกเข่าตัวสั่นงันงกโขกศีรษะร้องขอชีวิตไม่หยุด อารามร้อนใจโขกศีรษะแรงเกินไป เพียงชั่วพริบตาโลหิตจากหน้าผากก็ไหลอาบลงมาย้อมเข้าั์ตาจนพร่าเลือน
“เปิ่นหวางหน้าตาหล่อเหลามากเพียงนั้นเชียวหรือ” เฟิงเจวี๋ยหร่านยิ้มอ่อนโยนอย่างน่าประหลาด น้ำเสียงและวาจาไม่มีโทสะแม้แต่น้อย ดวงตายังคงเจิดจ้าสง่างามอย่างยิ่ง
“บ่าวไม่กล้า บ่าวไม่กล้า” ยามนี้ขันทีจะกล้าพูดอะไรได้ ได้แต่โขกศีรษะไม่หยุด จนศีรษะแตกเือาบใบหน้ายังไม่กล้ามากวาจาแม้แต่ประโยคเดียว
ล่วงเกินเซวียนอ๋องไปแล้วจะกล้ากล่าวคำใดได้อีกเล่า
“หรือเ้าคิดว่าเปิ่นหวางรูปไม่งาม” เสียงถอนหายใจหนักตามมาแฝงความเฉื่อยชาอยู่หลายส่วน
“มะ... มะ... ไม่ ไม่ ไม่ใช่ ท่านอ๋องรูปงามล้ำเลิศไม่มีที่เปรียบ ไม่มีผู้ใดเทียบได้เลยพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีละล่ำละลัก โขกศีรษะจนหัวหมุนไปหมดแล้ว
“ไม่มีใครเทียบได้จริงหรือ”
“ยะ... ย่อมเป็เช่นนั้นจริงพ่ะย่ะค่ะ” บัดนี้ไม่ว่าเฟิงเจวี๋ยหร่านพูดสิ่งใด เขาก็ย่อมคล้อยตามสิ่งนั้น
“เมื่อไม่มีใครเปรียบได้ สตรีขี้ริ้วขี้เหร่เหล่านี้เ้าหยิบมาให้เปิ่นหวางดูได้อย่างไร คิดจะหยามน้ำหน้าเปิ่นหวางใช่หรือไม่ เฟิงเยวี่ยจับเขาโยนออกไปให้เปิ่นหวาง ดูสตรีในรูปนี้ แบบนี้ยังเรียกว่าหญิงงามได้อีกหรือ ควรจะเป็สตรีปีศาจเสียมากกว่า ทำให้เปิ่นหวางใกลัวหมดแล้ว เอาไปๆ เอาไปให้พ้น” เฟิงเจวี๋ยหร่านมุ่นคิ้วสะบัดแขนเสื้อปัดม้วนภาพเ่าั้ออกไปอย่างรังเกียจ สีหน้าเต็มไปด้วยความขยะแขยง
“พ่ะย่ะค่ะ” เฟิงเยวี่ยที่รับใช้อยู่ข้างกายก็ไม่เกรงใจใช้มือหนึ่งหิ้วขันทีผู้นั้นขึ้นมา อีกมือหยิบม้วนภาพบนโต๊ะแล้วโยนออกไปอย่างแรง
“ไปกราบทูลฮองเฮาด้วยว่า เปิ่นหวางขอบพระทัยที่ทรงเมตตา แต่ 'โฉมงามปีศาจ' แบบนี้เปิ่นหวางสุดจะกลืนลงจริงๆ เปิ่นหวางเป็คนขี้กลัว ดีร้ายอาจใหวาดผวาจนถึงแก่ชีวิตได้” เสียงของเฟิงเจวี๋ยหร่านลอยออกมาจากในห้อง แม้ว่าจะออกมาไกลแล้ว ทว่าน้ำเสียงแต่ละถ้อยคำยังดังก้องมาถึงข้างหูอย่างชัดเจน
“พ่ะย่ะค่ะๆ บ่าวน้อมรับคำสั่ง” ขันทีหวาดกลัวจนิญญาแทบออกจากร่างอยู่แล้ว ยามนี้จะกล้ากล่าวสิ่งใดอีก แค่เอาชีวิตรอดมาได้ก็ดีมากแล้ว การที่เขาเผลอมองเซวียนอ๋องผู้มีอารมณ์แปรปรวนแล้วยังมีชีวิตรอดอยู่ได้ ก็อธิบายได้ว่าเซวียนอ๋องทรงไว้หน้าฮองเฮาแล้ว มิเช่นนั้นด้วยท่าทางของเขาเมื่อครู่ไหนเลยจะมีชีวิตรอดอยู่ได้
เมื่อถูกเฟิงเยวี่ยโยนออกมานอกตำหนัก ขันทีก็รีบเผ่นแน่บ แต่วิ่งออกมาได้ไม่กี่ก้าวพลันนึกขึ้นได้ รีบหันกลับไปเก็บภาพวาดที่เลอะเทอะเปรอะเปื้อนเ่าั้ขึ้นมาแล้ว แต่กลับสะดุดล้มไปชนกับหินรูปสิงห์ที่ตั้งอยู่ด้านข้าง องครักษ์ที่อยู่ในจวนอ๋องต่างพากันหัวเราะลั่น
ภายในตำหนักของฮองเฮา
“นี่คือคำตอบที่เ้านำกลับมาหรือ” ฮองเฮามือสั่นชี้ไปที่รูปภาพแล้วเอ่ยถามด้วยโทสะ
รูปภาพเปื้อนโลหิตจนมองไม่เห็นความงดงามของสตรีในรูปแม้แต่น้อย มีแต่รอยด่างของน้ำหมึกที่ผสมผสานกับสีเื ไม่เพียงแต่ไม่งาม ยังให้ความรู้สึกน่าสะพรึงกลัวเหมือนผีร้าย ทำให้ฮองเฮากริ้วจนแทบกระอักโลหิต
“ฮองเฮาอย่าเพิ่งทรงร้อนพระทัย เซวียนอ๋องอาจมีเจตนาทำเื่ให้กลายเป็เช่นนี้” หลิวกงกงเห็นขันทีหวาดกลัวจนหน้าซีดตัวสั่นจนจะกลายเป็โคลนเหลว ก็อดถอนใจอยู่ในอกไม่ได้ หากไม่เห็นแก่ที่ไม่กี่วันก่อนขันทีน้อยผู้นี้รู้จักนอบน้อมนำแหวนอัญมณีสีเขียวมรกตมากำนัลให้ตนเอง ก็ไม่คิดจะแยแสตัวโง่งมผู้นี้เสียเท่าไร “ฮองเฮาทรงเห็นว่าอย่างองค์ชายจะทรงตกพระทัยหวาดผวาจริงๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“เพราะเหตุใดเซวียนอ๋องจึงทำรูปเลอะเทอะจนกลายเป็แบบนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ชอบหลานสาวของเปิ่นกง ก็ไม่จำเป็ต้องทำเช่นนี้ หลานสาวของเปิ่นกงมิใช่ว่าแต่งไม่ออกเสียหน่อย” ฮองเฮาตรัสถามอย่างเกรี้ยวกราด ไม่ใช่ว่าพระนางอวยให้หลานสาวตนเอง แต่อย่างที่ใครๆ ก็กล่าวไว้ว่าเด็กสาวผู้นี้เป็หญิงงามอันดับหนึ่งในเมืองหลวง และเป็ธิดาที่งดงามที่สุดในจวนติ้งกั๋วกงตระกูลฝั่งมารดาของพระนาง
หญิงงามแบบนี้เดิมทีฮองเฮาก็ไม่ทรงอยากสละให้เฟิงเจวี๋ยหร่าน
แต่ฮองเฮาก็ไม่มีแผนการให้หลิงเฟิงเยียนเข้าวังถวายตัวในเวลานี้ หากในสกุลหนึ่งจะมีชายาเข้ามานั่งครองตำแหน่งสูงได้เพียงคนเดียวเท่านั้น และตนเองก็เป็ถึงฮองเฮาแล้ว หากยังมีสตรีจากตระกูลเดียวกันเข้ามาอีก อาจทำให้จักรพรรดิทรงรู้สึกว่าติ้งกั๋วกงมีอำนาจล้นฟ้า อาจเกิดความหวาดระแวงได้ เสียหญิงงามไปเปล่าๆ คนหนึ่งไม่ว่า ยังอาจนำความคลางแคลงพระทัยมาให้ฝ่าาอีกด้วย
หลิงเฟิงเยียนเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แต่ในเหย้าเรือนมาโดยตลอด ภายนอกต่างเล่าลือถึงกิตติศัพท์ความงามของนางไปทั่ว แต่น้อยคนนักที่จะได้เห็นรูปโฉมของนางจริงๆ ครานี้เพราะจักรพรรดิจงเหวินตี้ทรงปรารภว่าอยากหาชายาที่งามพร้อมให้เฟิงเจวี๋ยหร่าน ตนเองก็คิดอยากจะดึงเขาเข้ามาเป็พวก ดังนั้นจึงยอมตัดใจมอบหญิงงามในอุ้งมือให้ ไหนเลยจะคิดว่ากลับถูกหยามิ่ศักดิ์ศรีเยี่ยงนี้ แล้วจะรักษาความสุขุมเยือกเย็นและความอ่อนโยนที่มีมาตลอดไว้ได้อย่างไร
ฮองเฮากริ้วจัด ผลที่ตามมาย่อมร้ายแรง
แม้ว่าเฟิงเจวี๋ยหร่านจะเป็พระโอรสคนโปรดของจักรพรรดิจงเหวินตี้ ก็ไม่อาจมีพฤติกรรมโอหังเช่นนี้ได้ มองข้ามความหวังดีของพระราชมารดา ทั้งยังแสดงพฤติกรรมเพื่อฉีกพระพักตร์ด้วยการใช้โลหิตสกปรกมาสาดใส่รูปภาพหลานสาวของพระนาง นี่เป็การหยามิ่ต่อฮองเฮา หยามิ่ต่อจวนติ้งกั๋วกง ทำให้ฮองเฮาผู้สูงศักดิ์ต้องเสียพระพักตร์ การกระทำอันจองหองไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเช่นนี้ ฮองเฮาจะทรงอดทนได้อย่างไร
“เด็กๆ ไปเชิญฝ่าามา ให้พระองค์ทรงทอดพระเนตรผลงานขององค์ชายแปดด้วยพระองค์เอง ว่าเขาปฏิบัติอย่างไรต่อความหวังดีของพระมารดาเช่นข้าผู้นี้ไว้บ้าง”
พระหัตถ์ยึดจับที่วางพระกรบนพระที่นั่งหงส์ไว้แน่น ขบเขี้ยวดังกรอดๆ แม้ว่าจะหมายมาดดึงเฟิงเจวี๋ยหร่านมาเป็พวก แต่พระนางก็ไม่ยอมให้เขาท้าทายอำนาจของตนเองเช่นกัน
ตอนนี้พระนางอยู่ใต้บุคคลเพียงผู้เดียว คนอื่นๆ ล้วนต้องอยู่ภายใต้อำนาจของพระนางทั้งสิ้น!
ต่อไปตำแหน่งของพระนางก็ยิ่งอยู่เหนือทุกคน ไม่ว่าใครล้วนต้องก้มศีรษะให้ พระนางจะต้องเป็ไทเฮา และเป็ไทเฮาที่มีอำนาจศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริงด้วย
“ฮองเฮาทรงพระทัยเย็นไว้ก่อน ควรจะถามความให้รู้แจ้งก่อนดีหรือไม่ อีกประเดี๋ยวหากฝ่าาทรงคิดปกป้องเซวียนอ๋อง พระองค์จะได้มีหลักฐานออกมายืนยันเช่นไรเล่า”
หลิวกงกงเห็นท่าทางกริ้วจัดของฮองเฮาก็รีบเอ่ยปากทัดทาน จักรพรรดิจงเหวินตี้ทรงโปรดปรานเซวียนอ๋องยิ่งนัก ทั่วทั้งวังหลวงล้วนทราบดี หากสถานการณ์ไม่ชัดเจน ถูกเซวียนอ๋องจับพิรุธได้ ถึงเวลาก็เลิกคิดที่จะให้บทเรียนกับเซวียนอ๋องไปได้เลย
ฮองเฮาก็ทรงตระหนักว่าเื่นี้พระนางเองก็ใจร้อนเกินไป ใบหน้าที่กริ้วจัดจนเขียวคล้ำก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง นางไม่อยากจะคิดบัญชีกับเฟิงเจวี๋ยหร่านโดยตรง แต่้าฉวยโอกาสนี้ให้จักรพรรดิทรงสั่งสอนเฟิงเจวี๋ยหร่าน ส่วนตนเองก็สมควรจะแสดงความจริงใจในเวลาที่เหมาะสม ให้เฟิงเจวี๋ยหร่านรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจอันกว้างขวางของตนเองและยืนอยู่ฝั่งเดียวกับพระนาง นี่ต่างหากคือเป้าหมายที่ฮองเฮา้าอย่างแท้จริง
ทรงถอนหายใจยาว สายตาจ้องไปยังขันทีน้อยที่อยู่เบื้องหน้า กล่าวเสียงเย็น “เซวียนอ๋องไปเอาโลหิตสกปรกเหล่านี้มาจากไหน”
แม้ว่าจะไม่พึงพอใจสตรีในภาพอย่างไร ก็ไม่จำเป็จำต้องทำให้เปรอะเปื้อนโลหิตเช่นนี้ นี่เป็เื่ที่ฮองเฮาทรงยอมรับไม่ได้เป็ที่สุด พระนางไม่คิดว่าจะมีผู้ใดไม่พึงใจหลานสาวของตน สาวงามที่มีรูปโฉมล้ำเลิศเช่นนี้ บุรุษที่ไหนเห็นแล้วจะไม่หวั่นไหวได้ เช่นนั้นเฟิงเจวี๋ยหร่านย่อมจงใจทำให้ภาพวาดกลายเป็เช่นนี้แน่ เป็การฉีกหน้าพระนางชัดๆ!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้