“พี่เฟิง ตอนนี้เราควรทำอย่างไรดีขอรับ?”
ไป๋จื่อเยว่กระซิบถาม
มู่เฟิงที่กำลังซ่อนตัวอยู่หลังโขดหินและจ้องมองไปยังงูเหลือมไฟที่กำลังกลืนกินร่างกำยำของชายฉกรรจ์อยู่นั้น ไม่นานเขาก็กล่าวขึ้นว่า “ตอนนี้เ้านั่นกำลังกินอาหาร ฉะนั้นมันจะลดความระวังตัวมากกว่ายามปกติ ข้าจะคิดหาวิธีทำให้มันตาบอดจะได้จัดการกับมันได้ง่ายขึ้น”
ไป๋จื่อเยว่และมู่ขวงต่างก็พยักหน้า จากนั้นมู่เฟิงก็คลานไปตามพื้น ขยับตัวเข้าใกล้งูเหลือมไฟทีละน้อยๆ อย่างเงียบเชียบ
พวกเขาอยู่ห่างจากงูเหลือมไฟราวยี่สิบเมตร ซึ่งจากระยะห่างนี้ดรรชนีนิ้วและทักษะพลังปราณของมู่เฟิงไม่สามารถทำอะไรงูเหลือมไฟได้
การโจมตีของเขาจะได้ผลก็ต่อเมื่ออยู่ในรัศมีสิบเมตรเท่านั้น
ร่างของงูเหลือมไฟมีความหนาเท่ากับเอวของมนุษย์ที่โตเต็มวัยแล้ว ดังนั้นการกลืนอาหารที่มีรูปร่างขนาดใหญ่เช่นมนุษย์ที่มีขนาดเท่าๆ กันจึงเป็ไปอย่างเชื่องช้า ปากขนาดใหญ่ของมันกำลังขยับ ในขณะที่เขี้ยวของมันก็ทำการลากร่างขนาดใหญ่ของชายฉกรรจ์เข้าไปทีละน้อย
หากเป็พญางูเหลือมที่เขาเคยพบบนเทือกเขาหนานหลิง เกรงว่ามันคงสามารถกลืนร่างมนุษย์เข้าไปได้ในอึกเดียว แต่งูเหลือมไฟตัวนี้ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
ระหว่างนั้นงูเหลือมไฟไม่ทันสังเกตเห็นเลยว่ากำลังมีเงาร่างหนึ่งคืบคลานเข้ามาใกล้มันอย่างเชื่องช้า แม้ประสาทรับรู้กลิ่นของงูเหลือมไฟจะว่องไวเป็พิเศษ แต่กลิ่นอายกำมะถันที่ปกคลุมภายในหุบเขาอัคคีอย่างหนาแน่นแห่งนี้ก็สามารถกลบกลิ่นอายของมู่เฟิงได้อย่างมิดชิด
สิบห้าเมตร สิบสี่เมตร สิบสามเมตร...
มู่เฟิงค่อยๆ เข้าใกล้งูเหลือมไฟที่กำลังกินอาหารอย่างเงียบเชียบ ขณะที่งูเหลือมไฟกำลังกลืนร่างของชายฉกรรจ์เข้าไป ฉับพลันนั้นดวงตาที่ทอประกายเย็นะเืของมันก็หันไปมองทางโขดหิน
พรึ่บ!
มู่เฟิงพลันกระโจนร่างขึ้น เขารวบรวมพลังปราณไปยังดรรชนีนิ้วทั้งสองและตวัดนิ้วไปยังดวงตาของงูเหลือมไฟในทันที
ฉึก! ฉึก!
ทันใดนั้นลำแสงอันทรงพลังก็ปรากฏพุ่งออกมาจากดรรชนีนิ้วทั้งสอง ลำแสงพลังดรรชนีอันแข็งแกร่งทะลวงผ่านห้วงอากาศและแทงเข้าไปยังดวงตาของงูเหลือมไฟอย่างรวดเร็ว
แต่งูเหลือมไฟได้เอียงหัวของมันเล็กน้อย ทำให้มีลำแสงดรรชนีสายหนึ่งพุ่งเข้าไปยังดวงตาของมันอย่างจัง ในขณะที่ลำแสงดรรชนีอีกสายหนึ่งพลาดเป้าและแทงลงไปบนเกล็ดของมันจนปรากฎรูโหว่แทน
“ฟ่อ...”
เมื่อดวงตาได้รับความเ็ปอย่างรุนแรง งูเหลือมไฟก็คำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว จากนั้นสายตาอันเย็นะเืที่เหลือเพียงข้างเดียวของมันก็มองไปยังมู่เฟิงในทันที
มันอ้าปากกว้างและคายร่างชายฉกรรจ์ที่มันกำลังกินเข้าไปออกมา จากนั้นร่างขนาดใหญ่ของงูเหลือมไฟก็พุ่งทะยานเข้าหามู่เฟิงพร้อมกับอ้าปากกว้างหวังจะกัดอีกฝ่าย
มู่เฟิงถอยกรูดออกไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับหลบหลีกปากของงูเหลือมไฟที่พุ่งเข้ามาอย่างว่องไวไปด้วย แต่ทันใดนั้นเอง แสงสีขาวก็พุ่งออกมาจากแขนเสื้อของมู่เฟิง ร่างของมันพลันขยายใหญ่ขึ้น กลายเป็งูเหลือมสีขาวที่มีความยาวกว่าสิบเมตรกลางอากาศ มันพุ่งตัวเข้ากัดงูเหลือมไฟในทันที
เสี่ยวเทียนพุ่งตัวออกมาจากแขนเสื้อของมู่เฟิง หลังจากที่มันขยายตัวใหญ่ขึ้น มันก็พุ่งตัวเข้าไปกัดคอของงูเหลือมไฟในทันที ส่วนร่างกายขอมันก็พันรอบร่างงูเหลือมไฟตัวนั้นเอาไว้อย่างแ่า
งูเหลือมไฟจะทราบได้อย่างไรว่าจะมีงูเหลือมอีกตัวปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันแบบนี้ หลังจากถูกกัดเข้าที่คอมันก็ยังพยายามดิ้นรนไม่หยุด ตอนนี้ร่างของมันถูกร่างของเสี่ยวเทียนรัดพันเอาไว้อย่างหนาแน่น ร่างของงูเหลือมั์ทั้งสองตัวเกี่ยวกระหวัดกันไปมา ในขณะที่ปากก็กัดอีกฝ่ายไม่ยอมปล่อย
พิษของเสี่ยวเทียนนั้นไม่ได้มีอำนาจเหนือทุกสิ่ง ดูเหมือนว่างูเหลือมไฟตัวนี้จะต้านทานพิษของมันได้เป็อย่างดี ทำให้อีกฝ่ายไม่ได้รับผลกระทบใดแม้จะถูกฉีดพิษเข้าไปแล้วก็ตาม
มู่ขวงและไป๋จื่อเยว่รีบวิ่งเข้ามาพร้อมกัน พวกเขาต่างจ้องมองงูเหลือมทั้งสองตัวที่กำลังปลุกปล้ำต่อสู้กันอย่างดุเดือด ดวงตาของเด็กหนุ่มทั้งสองต่างก็เบิกกว้างด้วยความใ
“มัวทำอะไรอยู่ รีบสังหารมันเร็วเข้า!”
มู่เฟิงเป็กังวลว่าเสี่ยวเทียนจะเสียเปรียบ ดังนั้นเขาจึงตวาดออกมาเสียงดัง จากนั้นคนทั้งสามก็พุ่งตัวกระโจนร่างเข้าหางูเหลือมไฟพร้อมกับดาบและกระบี่ในมือ
ร่างของงูเหลือมไฟกำลังต่อสู้พัวพันกับเสี่ยวเทียน ดังนั้นมันจึงไม่สามารถสลัดอีกฝ่ายออกมารับมือกับพวกมู่เฟิงได้ มู่ขวงฟาดฟันดาบลงไปบนร่างของงูเหลือมไฟอย่างรุนแรง แต่ก็ทำได้เพียงแค่สร้างรอยกระแทกตื้นๆ เอาไว้บนเกล็ดของมันเท่านั้น ไม่สามารถสร้างความเสียหายอะไรให้มันได้มากมายนัก
ส่วนกระบี่ของไป๋จื่อเยว่นั้นเจาะทะลวงไปบนร่างของงูเหลือมไฟเต็มแรง แต่เกล็ดของมันก็สะท้อนแรงนั้นกลับมา
“โจมตีท้องของมัน!”
มู่เฟิงคำรามออกมาพร้อมกับแทงดาบลงไปอย่างดุดัน ดาบของเขาแทงลงไปบนผิวท้องอันอ่อนนุ่มที่ไร้ซึ่งเกล็ดงูในทันที
ฉึก!
คราวนี้ดาบของมู่เฟิงแทงทะลวงเข้าที่ท้องของงูเหลือมไฟได้สำเร็จ เืสดๆ อันร้อนผ่าวสาดกระเซ็นออกมา ในขณะที่เสี่ยวเทียนก็กัดมันไม่ยอมปล่อย
มู่ขวงและไป๋จื่อเยว่เปลี่ยนมาโจมตีท้องของมันอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่มู่เฟิงเองก็ใช้ดาบจ้วงแทงไปยังท้องของมันอย่างต่อเนื่อง จนเืของงูเหลือมไฟสาดกระเซ็นไปทั่วร่างกายของเขา
ร่างของงูเหลือมไฟที่กำลังต่อสู้พัวพันกับเสี่ยวเทียนเริ่มจะหมดแรง มันเริ่มสูญเสียพละกำลังในการต่อสู้ กระทั่งแรงดิ้นรนก็ยังอ่อนลง จนสุดท้ายมู่เฟิงก็แทงดาบลงบนหัวของมัน ทำให้งูเหลือมไฟต้องจบชีวิตลงในที่สุด
ห่างออกไปหลายร้อยเมตรมีเงาร่างหนึ่งกำลังแอบมองฉากนี้จากระยะไกล ก่อนจะจากไปอย่างเงียบเชียบ
งูเหลือมไฟความยาวสิบกว่าเมตรนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ไม่นานเสี่ยวเทียนก็คายร่างของงูเหลือมไฟตัวนี้ออก บนตัวของมันมีาแจำนวนมากจากการถูกงูเหลือมไฟกัด
“เสี่ยวเทียนเ้าทำได้ดีมาก ครั้งนี้เ้าช่วยข้าได้เยอะมากทีเดียว”
มู่เฟิงลูบศีรษะขนาดใหญ่ของเสี่ยวเทียน ขณะยิ้มและกล่าวขึ้น
เสี่ยวเทียนส่งเสียงครางตอบรับสองครั้ง ก่อนขยับร่างไปเลียแก้มของมู่เฟิง มู่เฟิงยกดาบขึ้นและเดินตรงไปยังท้องของงูเหลือมไฟ เด็กหนุ่มใช้คมดาบกรีดลงไปบนหน้าท้องของมันจนปรากฏปากแผลขนาดใหญ่ จากนั้นเขาก็หยิบเอาถุงน้ำดีขนาดเท่ากำปั้นทารกออกมา
มู่เฟิงโยนถุงน้ำดีของงูเหลือมไฟให้กับเสี่ยวเทียน โดยเสี่ยวเทียนก็อ้าปากรับและกลืนมันลงไปทันที ส่วนมู่ขวงได้ทำการแยกส่วนหัวของมันออก ก่อนจะขุดเอาผลึกอสูรสีแดงออกมา
จากนั้นมู่เฟิงก็ทำการตัดชิ้นเนื้อของงูเหลือมไฟออกเป็สองสามชิ้น เขานำหยกเทพชูร่าออกมาเพื่อดูดซับพลังเืและแก่นโลหิตของงูเหลือมไฟ ไม่นานยาโลหิตขั้นสองก็ถูกควบแน่นออกมาสี่เม็ด
มู่เฟิงแบ่งยาโลหิตให้คนละหนึ่งเม็ดตามจำนวนที่พอดีกัน จากนั้นเขาก็มองไปยังผลิญญาสีแดงที่อยู่ตรงกลางแอ่งหินหนืด
เมื่องูเหลือมไฟซึ่งเป็อสูรร้ายผู้พิทักษ์ถูกสังหารไปแล้ว ผลิญญาสีแดงก็ต้องตกเป็ของพวกเขา
พวกมู่เฟิงโยนร่างอันแห้งเหี่ยวของงูเหลือมไฟลงไปบนแอ่งหินหนืด จากนั้นร่างของมันก็ลอยขึ้นเหนือหินหนืดกลายเป็สะพานงูที่นำไปสู่โขดหินตรงกลางให้กับพวกเขา
มู่เฟิงะโลงไปบนร่างไร้ิญญาของงูเหลือมไฟ จากนั้นเขาก็ะโต่อไปอีกเล็กน้อยไม่นานก็สามารถไปถึงโขดหินตรงกลางได้อย่างง่ายดาย
เมื่อมองไปยังผลสีแดงทั้งหกผลบนต้นไม้ผลิญญาสีแดง มู่เฟิงก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างตื่นเต้น จากนั้นเขารีบนำกล่องไม้ที่บรรจุสมุนไพรออกมา และหยิบผลิญญาใส่ลงไปในกล่องไม้ทีละลูก
หลังจากมู่เฟิงเก็บผลิญญาสีแดงเสร็จสิ้น เขาก็ข้ามสะพานงูกลับมาทันที
“ฮ่าๆ ๆ ๆ สุดท้ายผลิญญาสีแดงนี้ก็ตกเป็ของพวกเรา ส่วนพวกที่้าจะแย่งชิงมันกลับต้องพบกับจุดจบ”
มู่ขวงมองไปยังศพไร้หัวที่งูเหลือมไฟคายออกมา ก่อนจะยิ้มเยาะ
“การมาหุบเขาอัคคีคราวนี้ถือว่าไม่เสียเปล่า ในเมื่อได้ผลิญญาสีแดงมาครอง เท่านี้คงเพียงพอให้ข้าใช้ฝึกพลังปราณได้แล้ว”
มู่เฟิงหัวเราะร่าอย่างพึงพอใจ
“พี่เฟิง เรายังต้องตามหาหญ้าเพลิงอัคนีอีกหรือไม่?”
มู่ขวงเอ่ยถาม
“ไม่ต้องแล้ว เรากลับกันเถอะ”
เด็กหนุ่มทั้งสามคนเก็บข้าวของและเตรียมจะจากไป
“ไปรึ พวกเ้าคิดจะไปที่ใดกันล่ะ?”
ทันใดนั้นก็ปรากฏเสียงหนึ่งดังขึ้นจากระยะไกล เพียงไม่นานกลุ่มคนมากกว่าสิบคนก็พุ่งตัวเข้ามาจากระยะไกลด้วยความเร็วสูง พวกเขาพุ่งมายังตำแหน่งของมู่เฟิงอย่างรวดเร็ว
กลุ่มคนเหล่านี้ล้วนเป็ทหารรับจ้างในชุดเกราะหนังสีดำ พวกเขามีจำนวนสิบสี่คน โดยวรยุทธ์ของพวกเขาแต่ละคนล้วนไม่ธรรมดา ทุกคนล้วนเป็ยอดฝีมือระดับจื่อฝู่
หนึ่งในนั้นคือชายหนุ่มร่างสูงโปร่งและมีใบหน้าหล่อเหลา โดยคนผู้นี้ยืนอยู่ตรงกลางของกลุ่ม
ทันทีที่คนกลุ่มนี้มาถึง พวกเขาก็กระจายตัวและโอบล้อมพวกมู่เฟิงเอาไว้ในทันที
ชายหนุ่มมองไปยังศพบนพื้นและซากงูเหลือมไฟในแอ่งหินหนืด สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความประหลาดใจ
“หัวหน้า งูเหลือมไฟถูกพวกเขาสามคนสังหาร และก็เป็พวกเขาที่เก็บผลิญญาสีแดงไป”
ชายคางแหลมในชุดสีดำกล่าวรายงานต่อหน้าชายหนุ่มผู้นั้นด้วยท่าทางนอบน้อม
พวกมู่เฟิงกวาดตามองกลุ่มคนที่เข้ามาห้อมล้อมพวกเขาเอาไว้ ใบหน้าของพวกเขามืดครึ้มลงในทันที จากการแต่งกายของอีกฝ่าย เห็นได้ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามมาจากกลุ่มทหารรับจ้างบางกลุ่ม
ในตอนที่พวกเขากำลังสังหารงูเหลือมไฟ ทหารรับจ้างกลุ่มนี้ก็อยู่ไม่ไกลนัก และชายคางแหลมผู้นั้นคงทำหน้าที่สอดแนมในบริเวณใกล้เคียง ทำให้อีกฝ่ายมาเห็นฉากที่พวกเขาสามคนกำลังสังหารงูเหลือมไฟเข้าพอดี
มู่เฟิงคาดไม่ถึงเลยว่าจะยังมีภัยร้ายคืบคลานมาจากด้านหลังอีก!