บอกตามตรง อวี๋มู่เพิ่งเคยเห็นเฟิงอวี้เป็แบบนี้ครั้งแรก
สิ่งแรกที่แวบเขามาในหัวของเขาคือ : เ้าเด็กบ้านี่กำลังบ้าคลั่งอะไรกัน?
แต่จากจุดยืนของพวกประสาท เขาก็พอเข้าใจได้บ้าง
หากเทียบกันระหว่างเฟิงอวี้กับหย่งอวี้แล้ว เฟิงอวี้จะดูเหมือนเด็กเสียมากกว่า
เขาชอบฟังนิทาน มีนิสัยบุ่มบ่าม ดีใจง่าย แต่ก็โกรธง่าย บางทีเขาก็สามารถเป็เด็กดีได้ แต่บางครั้งก็เป็สุนัขได้เหมือนกัน
แม้ว่าเขาจะจัดอยู่ในด้านชั่วร้าย แต่ความเป็จริงก็ยังหวังให้คนอื่นเฝ้ามอง ยอมรับ และชื่นชอบในตัวตนของตัวเอง
ดูแล้วช่างน่าสงสาร…
อวี๋มู่ถอนหายใจ ในขณะนั้น เขารู้สึกว่าเฟิงอวี้ก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น
เขาทาบมือไว้กับมือของเฟิงอวี้ที่บีบคอเขาอยู่ พลางสบตาเขา แล้วเอ่ย “ใต้เท้าเฟิงอวี้ ครั้งนี้ข้าพูดเื่จริง ความจริงแล้วในสายตาข้า ท่านกับหย่งอวี้ก็คือคนคนเดียวกัน เขาไม่ใช่โพธิสัตว์ และท่านก็ไม่ใช่ปีศาจร้าย พวกท่านเป็เพียงคนธรรมดาทั่วไปที่อาศัยอยู่ร่างเดียวกันก็เท่านั้น”
อวี๋มู่มองไปรอบๆ เพื่อสำรวจชั้นสิบแปดที่มืดมิด แล้วเอ่ย “ข้าหวังว่าพวกท่านจะสามารถเป็คนธรรมดาแล้วออกจากที่นี่ไปได้ แล้วไปใช้ชีวิตธรรมดาอย่างมีความสุข”
เฟิงอวี้ใเล็กน้อย เขาจ้องอวี๋มู่เขม็ง พลางสำรวจเขา ลมหายใจที่ไม่สงบก็เริ่มนิ่งลงมา เมื่อแน่ใจว่าอวี๋มู่ไม่ได้พูดโกหก ั์ตาคู่นั้นของเขาก็แปรเปลี่ยนกลับเป็สีดำ
ไฟโกรธเมื่อครู่ที่ะเิออกมา ราวกับว่าหายไปอย่างน่าอัศจรรย์เพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำของอวี๋มู่
แม้ว่าอวี๋มู่จะไม่ได้ปฏิเสธการมีตัวตนของหย่งอวี้ แล้วเข้าข้างเฟิงอวี้ทั้งหมด
แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธการมีตัวตนของเฟิงอวี้เช่นกัน โดยเขาเลือกที่จะรับรู้และยอมรับในตัวตนของเฟิงอวี้
และที่สำคัญที่สุดคือ เขารู้ดี
ว่าสิ่งที่อวี๋มู่พูดมาทั้งหมดนั้นคือเื่จริง
คนคนนี้กำลังคิดในมุมมองของตัวเขา
และนี่ก็เป็ครั้งแรกที่มีคนคิดในมุมมองของพวกเขา
เฟิงอวี้ผ่อนแรงที่มือลง พลางเม้มริมฝีปากบาง แล้วขบริมฝีปากล่างจนเืออก จากนั้นก็ขยับเข้ามาตรงหน้าอวี๋มู่โดยกะทันหัน ก่อนจะจูบเขาหนึ่งที แล้วเอ่ย “ข้าเชื่อคำพูดเ้า”
“แต่ข้าก็ยังไม่พอใจ” เขาเอียงศีรษะ แล้วเอ่ยต่อ “ข้าอยากให้เ้ายิ้มให้ข้าเหมือนตอนกลางวันแบบนั้น”
เขากล่าวอย่างจริงจัง “ข้าชอบเ้ายิ้มแบบนั้น มันดูสวยมาก”
อวี๋มู่กระแอม
ทำไมจู่ๆ ก็รู้สึกว่าเด็กนี่ก็อ่อนหวานเป็เหมือนกัน
ในใจของเขาก็เริ่มเข้าใจเฟิงอวี้ขึ้นมาบ้างแล้ว สีหน้าจึงผ่อนคลายลง ส่วนรอยยิ้มก็ไม่ได้ตึงและเปลี่ยนเป็ธรรมชาติมากขึ้น
แล้วเขาก็พบว่าคะแนนความประทับใจของเฟิงอวี้ค่อยๆ เพิ่มขึ้นและไม่นานนักก็เพิ่มเป็หนึ่งดวงครึ่ง
เขาดีใจและยิ่งรู้สึกว่าเฟิงอวี้น่ารักขึ้นมา ถึงขั้นที่อยากจะยื่นมือออกไปลูบหัวโล้นๆ นั้นของเขา
“ต่อไปเ้าต้องยิ้มให้ข้าบ่อยๆ นะ” เฟิงอวี้อิ่มเอมใจ แต่ยังไม่วายขู่เขา “ห้ามทำตาเป็ประกายให้หย่งอวี้ด้วย! เขาเป็พวกสมองตายด้าน ไม่มีทางอยากร่วมรักกับเ้าแน่! ”
กล่าวจบ เขาก็คว้ามือของอวี๋มู่ขึ้นมาจูบหนึ่งที แล้วเอ่ย “ดังนั้น ถ้าจะหา ให้มาหาข้า เ้าเป็ิญญาพิศวาส ปราณิญญาของข้าดีกับเ้าใช่ไหมล่ะ? อยากได้เท่าไร ข้าให้เ้าได้ เพียงพอแน่นอน”
“…”
ดูสิ ที่เขาพูดนี่ภาษาคนแน่หรือ! มันใช่ภาษาคนหรือ!
เขาต้องตาบอดไปแล้วแน่ๆ ที่รู้สึกว่าเฟิงอวี้นั้นน่ารัก!
อวี๋มู่รู้สึกว่าตัวเองหน้าหนาไม่เพียงพอที่จะเกร็งท่าทางแบบนี้ต่อไป เขารู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งหน้า
[ฮี่ๆ เฟิงอวี้นี่ช่างได้ใจจริงๆ โฮสต์ ใจคุณเต้นผิดจังหวะไปหมดแล้วครับ] ระบบได้จังหวะก็กล่าวยั่วเขา [แบบนี้ แบบนี้ยังกล้าเรียกตัวเองว่าชายทั้งแท่งอยู่หรือครับ?]
อวี๋มู่ : …นายไปเลย อย่าพูดบ้าๆ
[โอโย๊ะโย๋ พอถูกจี้จุดก็เริ่มรู้สึกไปไม่เป็แล้วละสิ!]
อวี๋มู่ : …
ที่เฟิงอวี้บอกว่าเพียงพอ ก็เพียงพอจริงๆ นั่นละ ของสิ่งนั้นเปรอะเปื้อนไปทั้งตัวของอวี๋มู่ แถมอีกฝ่ายยังแกล้งปลดปล่อยใส่ตรงหน้าอกเขา แล้วหัวเราะออกมาอย่างใสซื่อ “เท่านี้ บนตัวเ้าก็จะมีแต่กลิ่นของข้า”
อวี๋มู่รู้สึกขนลุกไปทั้งร่าง เขาดีใจที่เฟิงอวี้ยังมีความเป็มนุษย์อยู่บ้าง ไม่ได้ใส่ของสิ่งนั้นเข้ามาในปากของเขาโดยตรง มิเช่นนั้นคงรู้สึกว่าทัศนคติด้านโลก ด้านผู้คน และด้านคุณค่าของเขาคงแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดีแล้วในคืนนี้
*
หลังจากกลับมา อวี๋มู่ก็นอนพักอยู่มุมหนึ่งในชั้นสาม แล้วเริ่มจัดแจงความคิด
แม้ว่าเขาจะเอาเฟิงอวี้อยู่ และรู้ว่าในตอนจบหย่งอวี้จะยังมีโอกาสออกมา เห็นชัดว่าไม่ได้ถูกกำจัดไปจนหมดสิ้น
ทว่าพอคิดถึงนักบวชน้อยที่มองดูทิวทัศน์ข้างนอกแล้วถูกกระตุ้นจนร้องไห้นั้น จะถูกปราบปราม จวบจนนาทีสุดท้ายถึงมีโอกาสได้ดูโลกภายนอก เขาก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ
มีทางไหนที่จะช่วยให้ทั้งสองคนอยู่รอดและหนีออกจากที่นี่ได้โดยไม่ถูกคนจับได้บ้างนะ?
เขาถามระบบ : ระบบ นายเคยบอกว่าพวกเขาสามารถผสานรวมกันได้ ถ้าอย่างนั้นฉันต้องทำอย่างไรถึงจะทำให้พวกเขาผสานกันได้ล่ะ?
ทั้งสองคนนั้นมีนิสัยต่างกันสุดขั้ว อีกทั้งเฟิงอวี้ก็ดูเหมือนจะต่อต้านหย่งอวี้ถึงขีดสุด ไม่มีทางยอมรับว่าทั้งสองคนคือร่างเดียวกัน นี่มันยากจริงๆ
[เื่นี้ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ] ระบบเอ่ย [ทว่าโฮสต์ครับ ผมสามารถบอกความคิดเห็นส่วนตัวได้นะครับ]
[ผมรู้สึกว่าปัญหาอยู่ที่หย่งอวี้]
หืม? อวี๋มู่ไม่คิดว่าระบบจะพูดแบบนี้
จากที่เขาดู ปัญหาน่าจะอยู่ที่เฟิงอวี้ เพราะวันๆ เห็นแต่เ้าบ้านี่เอาแต่กางกรงเล็บ แยกเขี้ยว และลั่นวาจาจะฆ่าคนที่เกลียดชังตัวเองทั้งหมด ฟังไปก็รู้สึกใ
อวี๋มู่ : ทำไมล่ะ? ไหนลองพูดมาสิ
ระบบแยกแยะให้เขาฟัง [จากที่ผมดู การที่เฟิงอวี้ต้องปิดบังการมีตัวตนของตัวเองกับหย่งอวี้ในตอนนี้ ก็เพราะว่าหย่งอวี้ไม่ยอมรับว่าในตัวเองมีปีศาจร้ายอยู่ด้วย]
[เขารู้สึกว่าการไม่ยอมรับ ก็เท่ากับว่าตัวเองบริสุทธิ์ และสามารถทำให้ทุกคนเข้าใจและชอบเขาได้ ดังนั้นเขาจึงใช้วิธีนี้ล้างสมองตัวเอง ซึ่งถ้าเป็แบบนี้ต่อไป พวกเขาทั้งสองคงไม่มีวันผสานรวมกันได้แน่นอน]
ระบบเอ่ยต่อ [ไม่มีใครไม่มีจุดด้อย มีดีย่อมมีชั่ว เพราะว่าหย่งอวี้ไม่ยอมรับเฟิงอวี้ จึงทำให้เฟิงอวี้นับวันยิ่งชั่วร้ายและเกลียดชังหย่งอวี้ และนับวันก็ยิ่งเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ จนนำไปสู่หนทางดับสูญ]
อวี๋มู่กะพริบตา : …ระบบ พูดจริงนะ นายไม่ไปเขียนนิยาย นับว่าเป็การสูญเสียครั้งใหญ่ของโลกนิยายออนไลน์จริงๆ
[โอ๊ย โฮสต์ก็! อย่าว่ากันแบบนี่สิ!]
อวี๋มู่ : …ระบบ นายยังจำได้หรือเปล่าว่าตัวเองเป็เด็กผู้ชายนะ?
[...]
อวี๋มู่ปากก็บ่นระบบไป แต่พอคิดอย่างละเอียดแล้วเขาก็เชื่อ
หากเปลี่ยนเป็คนปกติทั่วไปเจอสถานการณ์เดียวกันกับหย่งอวี้ คงไม่มีใครสงบนิ่งเหมือนเขาขนาดนั้น อีกทั้งยังไม่โกรธแค้นชิงชัง
ถ้าอย่างนั้นก็มีความเป็ไปได้แค่อย่างเดียว
เขาเอาอารมณ์ด้านนี้ส่งต่อให้กับเฟิงอวี้ แล้วแยกตัวเองเป็สองส่วน
ขอเพียงข้าไม่คิดถึง ข้าก็จะบริสุทธิ์และมีเมตตา แล้วข้าก็จะได้รับการยอมรับจากผู้คน
เขาแน่วแน่กับความเชื่อนี้ ซึ่งเฟิงอวี้เองก็รับรู้ได้ ดังนั้นจึงยิ่งเกลียดเขาเข้าไปอีก
วงจรอุบาทว์นี้ เห็นทีต้องคิดหาวิธีทำลายเสียแล้ว
ขอเพียงให้หย่งอวี้รับรู้ว่าตัวเองก็สามารถร้องขอหรือโกรธแค้นให้กับความไม่เที่ยงธรรมได้ เขาสามารถแสดงความไม่พอใจออกมาได้ เพราะไม่มีใครสมบูรณ์แบบ และไม่มีความเมตตาที่ไร้เดียงสาบริสุทธิ์ เช่นนี้พวกเขาก็น่าจะมีความเป็ไปได้ที่จะผสานรวมกัน
ทว่าคิดก็ส่วนคิด แล้วต้องไปแก้ปมในใจของหย่งอวี้อย่างไรนั้น คงต้องรอให้อวี๋มู่ไปวิเคราะห์
เขาพลิกตัว แล้วหลับตาลง ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะไปพูดคุยเปิดใจกับหย่งอวี้ วันนี้เหนื่อยมากแล้ว คงต้องนอนก่อน
-----------------------------------------------------------------------------------------------------