หมากขาวเพิ่งจะวางลง
หมากดำไล่บี้ขึ้นมาทันที ก่อนหน้านี้เป็การกลืนกินอย่างเงียบๆ ตอนนี้แต่ละก้าวล้วนเหี้ยมโหดกดดัน
เฟิ่งเฉี่ยนได้แต่กลับมาแก้สถานการณ์
ทว่าหมากดำไม่เปิดโอกาสให้นางได้หายใจหายคอ แต่ละก้าวบีบคั้นดุดัน
หมากขาวได้แต่ถอยร่น!
ยังเดินหมากไม่ถึง่ท้ายกระดาน หมากขาวก็ถูกสังหารไม่มีเหลือ เฟิ่งเฉี่ยนมองกระดานหมากด้วยสีหน้าดำคล้ำโดยไม่กระพริบตา นางครุ่นคิดเนิ่นนาน สุดท้ายยอมรับความพ่ายแพ้!
“ข้าแพ้แล้ว”
นางทอดถอนใจ ดูแล้วหากคิดจะเอาชนะหมากกระดานนี้ด้วย 《ตำราทักษะการเดินหมากล้อม》คงเป็ไปไม่ได้ ศิลปะการเดินหมากห่างกันมากเกินไป
ที่นางไม่รู้ก็คือ ที่จริงแล้วศิลปะการเดินหมากของนางนับว่าสูงมากแล้ว เพียงแต่คู่ต่อสู้ที่นางเผชิญหน้าอยู่นั้นฝีมือแข็งแกร่งเกินไป พ่ายแพ้ให้แก่เขาถือเป็เื่ธรรมดาสามัญ
เซวียนหยวนเช่อมองประเมินนางเงียบๆ เขาลอบประหลาดใจ ศิลปะการเดินหมากของเขานั้นสูงยิ่ง หลายปีมานี้แทบจะไม่มีคู่ต่อสู้ ผู้ที่สามารถบีบให้เขาใช้กลยุทธ์เจดีย์สามเหลี่ยมได้นอกจากอาจารย์ศิลปะการเดินหมากของเขาแล้ว นางเป็คนที่สอง เห็นได้ว่าศิลปะการเดินหมากของนางอยู่ในขั้นยอดเยี่ยมเช่นกัน!
ก่อนหน้านี้เห็นนางลอบชี้แนะไท่จื่อน้อย การเดินหมากหลายก้าวนั้นเดินได้อย่างล้ำเลิศและอัศจรรย์ ทำให้เขาเกิดความสนใจ ดังนั้นจึงเสนอความเห็นให้นางเดินหมาก ปรากฏว่านางไม่ทำให้เขาผิดหวัง วิธีการเดินหมากพิสดาร นำมาซึ่งความประหลาดใจและยินดีแก่เขามากมาย
นางพ่ายแพ้ นั่นเป็เื่ธรรมดา!
ทว่าระหว่างทางนั้นนางได้ท้าทายความปรารถนาที่จะสังหารบนกระดานหมากของเขา หมากกระดานนี้เขาเดินอย่างสูสี
เขาลุกขึ้นเตรียมจะจากไป
เฟิ่งเฉี่ยนพลันจับแขนของเขาเอาไว้ “ช้าก่อน! เล่นอีกสักกระดาน!”
เซวียนหยวนเช่อตอบด้วยสีหน้าแยกแยะอารมณ์ไม่ออก “เจิ้นยังมีราชกิจต้องไปสะสาง ไม่มีเวลา”
เฟิ่งเฉี่ยนจับแขนของเขาเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย “อีกกระดานเดียวก็พอ! กระดานสุดท้าย! เมื่อสักครู่ข้าประมาทเกินไป ครั้งนี้ข้าจะต้องชนะได้แน่!”
เซวียนหยวนเช่อถลึงตาใส่นาง
เฟิ่งเฉี่ยนชูนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว แล้วกระพริบตาปริบๆ ใส่เขา “ข้ารับรอง กระดานสุดท้ายจริงๆ!”
เซวียนหยวนเช่อเหล่ตามองนางครู่หนึ่ง ในที่สุดก็นั่งลง
“กระดานสุดท้าย!”
หมากกระดานที่สองเริ่มขึ้น
ครั้งนี้ เฟิ่งเฉี่ยนใช้หมากดำเดินก่อน
“ตาท่าน!” นางเดินหมากไปพร้อมกับพูดอย่างมั่นใจ “ครั้งนี้ข้าจะตั้งใจเดินหมากกับท่าน”
เซวียนหยวนเช่อไม่แยแส เขาวางหมากขาวลงไป
หมากดำตอบโต้กลับ
มองออกว่าครั้งนี้เฟิ่งเฉี่ยนจริงจัง การเดินหมากทุกก้าวนางล้วนใคร่ครวญอยู่นาน เพื่อป้องกันกับดักของเซวียนหยวนเช่อ ทว่านางเดินหมากไปเรื่อยๆ แล้วพลันรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง ครั้งนี้เซวียนหยวนเช่อไม่คิดจะปิดบังอำพรางใดๆ เขาวางกลยุทธ์เจดีย์สามเหลี่ยมออกมาอย่างโจ่งแจ้ง มาตรว่าข้า้าให้เ้ารู้ว่าข้าใช้กลยุทธ์อะไร แต่เ้าก็ยังคงตีฝ่าออกมาไม่ได้อยู่ดี เป็การท้าทายนางโต้งๆ!
เฟิ่งเฉี่ยนรู้สึกฉิวจนจมูกเบี้ยว
อวดดีเกินไปแล้ว!
ไม่เห็นนางอยู่ในสายตาจริงๆ!
แต่ที่เศร้าก็คือ นางตีฝ่ากลยุทธ์นี้ออกไปไม่ได้จริงๆ!
ไท่จื่อน้อยมองสถานการณ์บนกระดาน เสียงออดอ้อนของเด็กน้อยดังขึ้นว่า “เสด็จแม่ ท่านกำลังจะแพ้อีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เฟิ่งเฉี่ยนแทบกระอักออกมาเป็เื ลูกเอ๋ย เ้าอย่าพูดตรงเกินไปได้หรือไม่ ไว้หน้าเสด็จแม่บ้าง!
“ข้าสู้ตายกับท่านแล้ว!”
แปะ!
หมากดำตัวหนึ่งถูกวางลงไป
เซวียนหยวนเช่อวางหมากลงไปอีกตัวหนึ่งอย่างไม่อนาทรร้อนใจ “การต่อสู้เฮือกสุดท้าย!”
“ไฉนจึงเป็กลยุทธ์นี้อีก หน้าไม่อาย! หน้าไม่อายเกินไปแล้ว!”
เฟิ่งเฉี่ยนสู้กลับไปได้เพียงก้าวเดียว!
ปรากฏว่าถูกเซวียนหยวนเช่อตอบโต้ด้วยกลยุทธ์เดิม!
เฟิ่งเฉี่ยนแทบคลั่ง!
“ต่ำช้า!”
“ไร้ยางอาย!”
“ร้ายกาจ!”
“เลวทราม!”
หลังจากเวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไป ผลแพ้ชนะปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน!
เฟิ่งเฉี่ยนฟุบลงบนกระดานหมาก จิตใจของนางบอบช้ำแสนสาหัส กลยุทธ์เจดีย์สามเหลี่ยมอีกแล้วหรือ นางพ่ายแพ้ให้กับกลยุทธ์เจดีย์สามเหลี่ยมนี้อีกแล้ว!
นางไม่ยินยอมถอดใจ!
เซวียนหยวนเช่อตวัดสายตามองนางปราดหนึ่ง มุมปากยกขึ้นยิ้ม “พอได้แล้ว เ้าเอาชนะเจิ้นไม่ได้หรอก ถอดใจเถิด!”
เพิ่งจะลุกขึ้น เฟิ่งเฉี่ยนก็โถมกายเข้ามากอดแขนของเขา “อย่าไป เล่นอีกกระดานหนึ่ง!”
มีนางกำนัลประคองถาดน้ำชาเข้ามาเห็นภาพนี้เข้าถึงกับใจนสะดุ้งโหยง เห็นเพียงร่างของฮองเฮาแทบจะแนบติดไปกับแขนของฝ่าา คนที่ไม่รู้ยังเข้าใจว่าฮองเฮาออดอ้อนให้ฝ่าาแสดงความรักเสียอีก!
น่าอายเกินไปแล้ว!
เซวียนหยวนเช่อถูกการกระทำเหนือคาดของนางทำให้ตะลึงงันเช่นกัน ััอ่อนนุ่มส่งผ่านแขนของเขา ปลายจมูกได้กลิ่นหอมอ่อนๆ น่าหลงใหลเฉพาะตัวจากนาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางเพิ่งจะชำระกายมา กลิ่นหอมจากเรือนกายที่แผ่กระจายออกมานั้นยากแก่การต้านทานยิ่งยวด จิตใจของเขาหวั่นไหวอย่างประหลาด
เห็นเขาไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ เฟิ่งเฉี่ยนรีบกระพริบตาใส่บุตรชาย ขอกำลังเสริม
ไท่จื่อน้อยรับสารทันที เขาะโลงมาจากตั่งเข้ากอดแขนอีกข้างของเซวียนหยวนเช่อแล้วโยกไปมา “เสด็จพ่อ เล่นอีกกระดานหนึ่งเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
เฟิ่งเฉี่ยนพยักหน้าแรงๆ “ข้ารับรอง ครั้งนี้เป็กระดานสุดท้ายจริงๆ”
เซวียนหยวนเช่อก้มหน้าลงมองสองแม่ลูกด้วยท่าทีหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ทว่าในใจของเขากลับไม่ต่อต้านท่าทีติดพันของสองแม่ลูก ในทางตรงข้ามก้นบึ้งจิตใจของเขาพลันรู้สึกถึงความอบอุ่น เติมเต็มแทบล้นออกมาอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“ก็ได้ กระดานสุดท้ายนะ!” เขาพูด
“ทรงพระเจริญ!”
“ทรงพระเจริญ!”
สองแม่ลูกทำราวกับชนะการเดินหมาก แปะมือทั้งสองข้างด้วยกันอย่างเบิกบานใจ
เซวียนหยวนเช่อยกยิ้มมุมปาก ความสุขของพวกเขาส่งผ่านมายังตัวเองอย่างประหลาด
ทว่าความจริงได้พิสูจน์แล้วว่า คำพูดของสตรีนั้นเชื่อไม่ได้ นี่ไม่ใช่การเดินหมากกระดานสุดท้ายเด็ดขาด!
“ข้าประมาทอีกแล้ว! กระดานนี้ไม่นับ! พวกเราเล่นอีกกระดานหนึ่ง!”
“ฝ่าา ข้าคิดกลยุทธ์ใหม่ออกแล้ว เชื่อว่าครั้งนี้จะฝ่ากลยุทธ์เจดีย์สามเหลี่ยมของท่านได้แน่นอน!”
“ฝ่าา ข้าคิดกลยุทธ์ใหม่ออกอีกแล้ว...”
“ฝ่าา เล่นอีกกระดานหนึ่งเถิด! กระดานสุดท้ายแล้วจริงๆ!”
“ฝ่าา ท่านเท่มาก!”
“ฝ่าา...”
เสียงของฮองเฮาดังออกมาจากด้านในตำหนักบรรทมเป็พักๆ ทำให้ผู้ที่ทำหน้าที่เฝ้าอยู่ด้านนอกคิดไปต่างๆ นานา
เหนียงเหนียง จริยธรรมของท่านหล่นหายเสียแล้ว!
ที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือ ฝ่าาถึงกับอดทนอดกลั้นต่อฮองเฮาครั้งแล้วครั้งเล่า เดินหมากเป็เพื่อนนางั้แ่ฟ้าสว่างจนฟ้ามืด กระทั่งมีขุนนางใหญ่หลายท่านขอเข้าเฝ้าก็ยังถูกขวางไว้ด้านนอก
เื่นี้สำหรับฮ่องเต้ที่มีวิรยะอุตสาหะต่องานราชกิจแล้ว นับว่าเป็การแหกกฎครั้งแรก!
เฟิงหยิ่งประสานสายตากับลั่วหยิ่งด้วยความประหลาดใจ
“เกิดอะไรขึ้น ฝ่าากับฮองเฮาคืนดีกันแล้วหรือ”
ลั่วหยิ่งส่งสายตาประหลาดให้กับเขา “ฮองเฮาของพวกเรามิใช่คนธรรมดา เ้าดูเอาเถิด วังหลวงของพวกเรายิ่งคึกคักแล้ว”
เฟิงหยิ่งยังคิดจะถามอีก ทว่าประตูตำหนักบรรทมพลันถูกผลักเปิดออกมา เซวียนหยวนเช่อเดินออกมาจากด้านใน
เฟิงหยิ่งและลั่วหยิ่งถอยมายืนด้านข้าง “ฝ่าา”
“กลับห้องทรงพระอักษร”
มองฮ่องเต้เดินออกไปไกล เฟิงหยิ่งและลั่วหยิ่งสบตากันปราดหนึ่ง หากพวกเขาไม่ได้ดูผิดละก็ ดูเหมือนฝ่าาจะเดินออกมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม อีกทั้งมีท่าทางอารมณ์ดีอย่างที่สุด
ประหลาดแท้!
ลั่วหยิ่งรีบเดินตามไป
ภายในตำหนักบรรทม เฟิ่งเฉี่ยนนอนแผ่ลงบนตั่งราวกับปลาตาย หมดอาลัยตายอยาก
เดินหมากไปเจ็ดกระดาน นางแพ้ทั้งเจ็ดกระดาน
ขายหน้าผู้คนจริงๆ!
นางบอบช้ำภายในอย่างหนัก
ไท่จื่อน้อยปลอบโยนนางอยู่ด้านข้าง “เสด็จแม่ อย่าได้เสียใจไปเลย แพ้ชนะเป็เื่ธรรมดา ก็แค่แพ้เจ็ดกระดาน ไม่เห็นจะมีอะไรเลยพ่ะย่ะค่ะ”
เฟิ่งเฉี่ยนเกือบกระอักเื “ลูกเอ๋ย เ้าอย่าได้สาดเกลือลงบนาแของเสด็จแม่ได้หรือไม่”
ไท่จื่อน้อยหัวเราะแหะๆ ดวงตาโค้งลงเป็จันทร์เสี้ยว “เช่นนั้นเย่เอ๋อร์นวดขาให้เสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ!”
ร่างเล็กๆ นั้นปีนไปที่ข้างขาของนาง กำปั้นเล็กๆ ทุบลงบนขาของนาง ไม่เจ็บไม่คัน ทว่ากลับดังสะท้อนเข้าไปถึงหัวใจของนาง ส่งผลให้ใจของนางอ่อนยวบ
แขนของนางกางออก โอบเขาเข้ามาในอ้อมแขน นางโอบเขาไว้พร้อมกับจี้เอวเขา
“ตอนนี้เสด็จแม่้าหนุ่มน้อยคนหนึ่งมาอุ่นเตียง ดูแล้วเป็เ้านี่แหละ!”
ไท่จื่อน้อยถูกหยอกล้อจนหัวเราะออกมา “เสด็จแม่ จั๊กจี้! จั๊กจี้!”