"เสด็จย่าช่วยนางได้หรือไม่?" รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าของอวี้อ๋องทำให้คนไม่อาจตัดใจปฏิเสธได้
ไทเฮาทรงทำพระพักตร์คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม นั่งพิงไปบนเก้าอี้ "น้อยครั้งนักที่จะเห็นจ้านเอ๋อร์ใจอ่อนเช่นนี้"
อวี้อ๋องชำเลืองมองแขนที่ถูกห่อจนเป็บ๊ะจ่าง แล้วมองอาภรณ์ที่สกปรกจนแทบรับไม่ได้ของตน ก่อนจะกางมือออกใบหน้าเผยรอยยิ้ม "อย่างไรเสียนางก็เป็เพียงเด็กน้อย ข้าเป็พี่ชายที่แสนดี เสด็จย่าก็ควรเป็ไทเฮาผู้เปี่ยมไปด้วยพระเมตตาถึงจะถูก ไยต้องไปถือสากับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งด้วยเล่า นางยิ่งโง่งมอยู่ด้วย หากไม่ช่วย กลับไปคงต้องถูกลงโทษ"
คำกล่าวเช่นนี้ใครเล่าจะเชื่อ "นางทำผิด มิควรลงโทษหรือ? อีกอย่าง พี่ชายที่แสนดี? จ้านเอ๋อร์ไปเรียนรู้วิธีคุยโวโอ้อวดจากแม่หนูน้อยคนนั้นมารึ?"
อวี้อ๋องยิ้มน้อยๆ "แต่นี่โทษนางไม่ได้ ข้าอยากช่วยนางเอง หากนางต้องถูกลงโทษเพราะข้า ข้าคงรู้สึกละอายใจ"
เป็พี่ชายที่ดีมากจริงๆ แต่ไทเฮากลับไม่ทรงเชื่อ
"เมื่อเ้ายืนกรานเช่นนี้ ข้าก็จะช่วยสักครั้งแล้วกัน" ไทเฮาทรงลุกขึ้น ท้ายที่สุดก็มิอาจต้านทาน "จิตใจดีงาม" ราวกับจิตพุทธะของอวี้อ๋องได้
ทั้งสองออกมาจากห้อง เฉียวเยว่ยืนออยู่ข้างกายซูซานหลาง หยาดน้ำตายังคงเปรอะบนใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความวิตกกังวล พอเห็นอวี้อ๋องออกมา นางก็วิ่งเข้าไปหาทันที ไทเฮาตกพระทัยจนขวัญหนีดีฝ่อ นึกว่านางอาจวิ่งชน เพียงแต่ยังไม่ทันเรียกใคร สาวน้อยหุ่นจ้ำม่ำก็หยุดวิ่งเอง
"ท่านพี่อวี้อ๋อง แขนของท่านหักใช่หรือไม่?" นางดึงเสื้อของตนเอง แววตากระสับกระส่าย
อวี้อ๋องเลิกคิ้วก้มลงไปเช็ดน้ำตาบนใบหน้าให้นาง ทอยิ้มน้อยๆ แล้วพูดว่า "ใช่ แขนของข้าหักแล้ว ดังนั้นจะทำอย่างไรดีเล่า? ตีเ้าสักทีดีหรือไม่?"
"ดีเ้าค่ะ" เฉียวเยว่ตอบทันควัน เสียงดังกังวาน แล้วกระดกก้นน้อยๆ ของตนเองให้อวี้อ๋อง "ไม่เป็ไร ตีเลย ข้าเนื้อหนา"
ทุกคน "..."
ชั่วพริบตานั้น ไทเฮารู้สึกว่าถึงแม้อวี้อ๋องจะไม่ขอความเมตตา พระนางก็จะไม่ลงโทษเด็กน้อยคนนี้
ช่างเป็เด็กที่น่ารักไร้เดียงสาจริงๆ ไม่เหมือนลุงกับบิดาของนางแม้แต่น้อย
นางโก่งตัวโค้งหดศีรษะคล้ายกับลูกเต่า "ท่านพี่อวี้อ๋อง ไม่เป็ไร ตีข้าแรงๆ เลย ใครใช้ให้ข้าอ้วนเกินไป เป็ข้าไม่ดีเอง ทับจนท่านแขนหัก ข้าแย่ที่สุด ข้าเป็กระต่ายนิสัยไม่ดี"
เด็กหญิงตัวน้อยเสียใจอย่างมาก เริ่มเป็ฝ่ายขอรับการลงโทษเสียเอง
ซูซานหลางอึดอัดใจจะตายอยู่แล้ว เขาไม่ควรพูดว่าจะตีก้นนางบ่อยเกินไปจนกลายเป็ความชิน ถึงแม้การลงโทษจะเป็สิ่งที่สมควร แต่ถึงอย่างไรก็เป็เด็กผู้หญิง จะลงโทษตีที่อื่นก็ได้ ตีก้นเช่นนี้น่ากระอักกระอ่วนใจยิ่ง
ใจจริงเขาอยากเอ่ยถ้อยคำบางประการ แต่เวลานี้เ้าตัวเล็กของเขาก็พูดออกไปหมดแล้ว เขาจะพูดสิ่งใดได้อีกเล่า ได้แต่ต้องอดทน
เขารู้สึกได้ถึงความกังวลของอาอิ่ง จึงกุมมือนางเงียบๆ
อวี้อ๋องหันไปมอง แล้วหยิกแก้มเ้าเนื้อของนาง หลังจากนั้นก็เอ่ยว่า "ข้าเป็คนอ่อนโยน ไม่ค่อยชินกับการตีเด็ก ไม่ตีเฉียวเยว่แล้วกัน อืม... แต่อยากกินขนมสักหน่อย"
เฉียวเยว่เข้าใจสิ่งที่เขา้า "ท่านอยากกินขนมอันใด ข้าจะไปหยิบให้" แม่นางน้อยวิ่งไปข้างจานขนม นางหยุดฝีเท้า เอี้ยวศีรษะกลับไปถามว่า "แขนของท่านหัก สามารถกินได้หรือ?"
อวี้อ๋องเลิกคิ้วทอยิ้มเล็กน้อย แล้วถามเสียงเบา "เ้านึกว่าข้าจะใช้แขนข้างที่หักกินขนมหรืออย่างไร"
เฉียวเยว่ส่ายศีรษะอย่างแรง เปียน้อยๆ ถูกสะบัดจนคลายออก นางสะบัดผมของตนเองไปด้านหลัง แต่ยังคงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง "ความหมายของข้าคือเป็ของแสลงห้ามกินหรือไม่?"
เด็กน้อยแต่รู้มากทีเดียว
อาจเป็เพราะรู้สึกว่าอวี้อ๋องผู้นี้ไม่ค่อยน่าเชื่อถือ แต่อาจจะไม่ได้พูดความจริง เด็กหญิงตัวน้อยจึงหันไปทางไทเฮา แล้วถามว่า "ไทเฮาเพคะ ท่านพี่อวี้อ๋องสามารถรับประทานได้หรือไม่"
แล้วหันไปมองขนมสองสามอย่างในจาน ก่อนจะหันกลับมา "นี่น่าจะเป็ขนมกุ้ยฮวา มีใส่น้ำตาล แล้วก็น่าจะใส่นมด้วย"
ทุกคน "..."
อวี้อ๋องหัวเราะขบขัน "ข้าให้เ้าบอกส่วนผสมกับข้ารึ?"
เฉียวเยว่ส่ายหน้ายิก สะบัดจนผมยุ่งยิ่งกว่าเดิม ดูคล้ายกับคนสติฟั่นเฟือน
อวี้อ๋องรู้สึกจนปัญญา "อย่าสะบัด หัวเ้าจะเป็รังนกอยู่แล้ว"
เฉียวเยว่รีบผงกศีรษะ ทำสีหน้าเคร่งขรึม
"ท่านใส่อะไรบ้างข้าหารู้ไม่ แต่กลัวว่าท่านกินของเหล่านี้แล้วจะไม่ดีต่อสุขภาพ ท่านพี่อวี้อ๋อง ข้าทำให้ท่านาเ็ ข้าต้องดูแลท่านอย่างดี ข้าเป็สาวใช้ให้ท่านก็ได้ ข้าจะช่วยท่านสระผม ช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้า ช่วยอาบน้ำให้ แล้วก็ช่วย..."
อวี้อ๋องกระแอมกระไอ พลางชำเลืองไปที่ซูซานหลางสองสามีภรรยา ดูเหมือนว่าทั้งสองแทบจะเป็ลมกันอยู่แล้ว
มาตรองดูอย่างละเอียด การเลี้ยงเด็กแก่นแก้วสักคนไม่ใช่เื่ง่าย ถึงจะเห็นว่าเชื่อฟังและเข้าใจเหตุผล แต่ถ้ารู้มากเกินไป ก็สมควรถูกตี
เพื่อป้องกันมิให้สาวน้อยกลับไปแล้วถูกตีจนกลายเป็กระต่ายหยอดน้ำข้าวต้ม เขาจึงเอ่ยขึ้นด้วยความหวังดี "มา มาหาพี่ชายตรงนี้"
เฉียวเยว่ตอบอื้อ แล้ววิ่งเข้าไปพร้อมกับรอยยิ้ม "พี่ชาย้าสิ่งใด สั่งข้ามาได้เลย ข้าทำได้ทุกอย่าง และทำได้ดีมากด้วย"
อวี้อ๋องทอยิ้มอ่อนจาง ทั่วร่างราวกับมีแสงจันทร์เปล่งประกาย ดูแตกต่างไปจากปรกติ
ดวงหน้าดั่งมีมนต์สะกดให้คนเคลิบเคลิ้มหลงใหล
"พี่ชายมิ้าสิ่งใดเลย จะหวีผม สวมอาภรณ์ อาบน้ำ ล้วนไม่้า ยายหนูน้อย เ้าเองก็ยังทำไม่เป็ใช่หรือไม่?"
เื่นี้เฉียวเยว่มิอาจยอมรับ เหตุใดนางจะทำไม่เป็!
นางโตแล้ว หากยังทำสิ่งเหล่านี้ไม่เป็ ก็ปัญญาอ่อนแล้วกระมัง
"ข้าทำเป็!" นางตอบเสียงดัง
คนอุตส่าห์ส่งเก้าอี้ให้ยังไม่ยอมลง
อวี้อ๋องไม่แปลกใจที่นางจะแสดงท่าทีเช่นนี้ เขาหยิกพวงแก้มยุ้ยของนาง เอ่ยว่า "ข้าบอกว่าเ้าไม่เป็ เ้าก็ต้องไม่เป็ ได้ยินหรือไม่"
"อื้อ" ให้ตายเถอะ ชายหนุ่มผู้นี้ไม่ปรกติจริงๆ
อวี้อ๋องยิ้มน้อยๆ อย่างพึงพอใจ "เด็กน้อย เ้าไม่ต้องวิตก ท่านพี่อวี้อ๋องไม่โทษเ้า เ้ามีเวลามาเที่ยวเล่นบ้างก็พอแล้ว พี่ชายอยู่คนเดียวในจวน ไม่รู้จะทำอะไร มีเด็กน้อยมาหาบ่อยๆ ข้าก็รู้สึกเบิกบานใจ เช่นนี้ก็ดีมากแล้ว อย่างอื่นไม่จำเป็จริงๆ"
"ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน หากท่านพ่อท่านแม่ไม่ให้ข้าออกมา ข้าก็จะร้องไห้ เื่นี้ข้ามีประสบการณ์"
อวี้อ๋องทำสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มตอบ "อ้อ..." หางเสียงลากยาว "เ้ามีประสบการณ์ด้วย ดูท่าจะก่อเื่บ่อยสินะ"
เฉียวเยว่พยักหน้าอย่างสัตย์ซื่อ
อวี้อ๋องจูงมือของนาง หันมากล่าวกับซูซานหลาง "คุณชายสามสกุลซู แม้ว่าครานี้นางจะทับข้าจนแขนหัก แต่ข้าก็หาโกรธเคืองไม่ เื่นี้ข้าเองก็ต้องรับผิดชอบเหมือนกัน มิอาจกล่าวโทษนางทั้งหมด เด็กยังเล็กไม่รู้ความ ข้าไม่เอาโทษ พวกท่านก็อย่าตำหนินางได้หรือไม่?"
ซูซานหลางไม่นึกเลยว่าอวี้อ๋องจะเป็คนคุยง่ายถึงเพียงนี้ และยังดูเหมือนจะเอ็นดูกระต่ายอ้วนตัวน้อยของตนเองอีกด้วย
แม้ถ้อยคำเหล่านี้จะมีความหมายแฝงอยู่ แต่เวลานี้เขาทำได้แค่เพียงรับน้ำใจจากผู้อื่น และต้องยอมรับความเป็จริงที่ว่า หากไม่มีผู้อื่นกระต่ายอ้วนตัวน้อยของตนก็ต้องาเ็
"สร้างความเดือดร้อนให้กับอวี้อ๋อง กระหม่อมหวั่นใจยิ่งนัก"
อวี้อ๋องยิ้มอ่อนๆ ดูเป็ชายหนุ่มที่สุภาพอ่อนโยน ไม่มีความน่ากลัวแม้แต่กระผีกริ้น
"ข้าไม่โทษนาง เสด็จย่าก็ไม่โทษนาง เด็กตัวเล็กจ้อย ทั้งยังน่ารักมากราวกับผลไคซินกั่ว [1] พวกเราไหนเลยจะทำโทษนางลงคอ"
นิ้วมือของเขาเลื่อนไปบนใบหน้าของนางแล้วหยิกหนึ่งที เฉียวเยว่เอียงคอ "ดูเหมือนว่าท่านจะชอบหยิกแก้มของข้ามาก"
นี่มิใช่การตัดพ้อต่อว่า แต่เป็การชี้ให้เห็น
"ก็เหมือนที่เ้าชอบเกาเสื้อผ้าของตนเองกระมัง" อวี้อ๋องนึกดู ก่อนตอบกลับด้วยท่าทางจริงจัง
"อ้อ ชินมือ" เฉียวเยว่เข้าใจทันที
"ใช่ เป็ความชินมือ" อวี้อ๋องพยักหน้าน้อยๆ
"ข้ายังเล็กอยู่ไม่เป็ไร แต่ท่านโตแล้ว ไม่ควรหยิกผู้อื่นตามอำเภอใจ มิเช่นนั้นอาจถูกคนรังเกียจได้ แต่ข้าไม่รังเกียจท่านพี่อวี้อ๋อง ท่านเป็พี่ชายที่ดีที่สุดในใต้หล้า เสด็จพี่รัชทายาท ท่านว่าจริงหรือไม่?"
รัชทายาทซึ่งยืนอยู่ข้างพระวรกายไทเฮาอยู่ตลอดหัวเราะออกมา ก่อนพยักหน้า "ถูกต้อง ญาติผู้พี่ดีมาก และเอ็นดูเฉียวเยว่มากด้วย"
เฉียวเยว่น่ารักน่าเอ็นดู แม้แต่ท่านพี่อวี้อ๋องที่มักเฉยชาอยู่เสมอยังชอบนาง รัชทายาทก็รู้สึกสบายใจ
"ญาติผู้พี่ไม่ตำหนิเฉียวเยว่ เฉียวเยว่ก็อย่าโทษตนเองอีกเลย" เขาไม่อยากเห็นเด็กน้อยโศกเศร้า
เฉียวเยว่มองแขนของอวี้อ๋องอย่างหวั่นวิตก แล้วเป่าแรงๆ สองที ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาว่า "ไม่เจ็บ ไม่เจ็บ เป่าฟู่ๆ ความเจ็บก็จะบินหนีไปแล้ว"
อวี้อ๋องมองนาง เฉียวเยว่เปลี่ยนไปอีกมุม แล้วเป่าต่อ "ไม่เจ็บ ไม่เจ็บ"
ริมฝีปากของเขาโค้งขึ้น ลูบศีรษะของเฉียวเยว่อย่างอ่อนโยน "แตงน้อยแสนหวาน เป็ห่วงข้ามากเลยหรือ?"
เฉียวเยว่พยักหน้า
"ข้ากลัวว่าพอตกกลางคืนท่านจะแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มของตนเอง"
อวี้อ๋องหัวเราะลั่น "เ้านี่มีเื่วิตกเยอะจริงๆ เฉียวเยว่หนอ..." เขามองผมเปียกับเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงของนาง ห่วงทองที่คล้องอยู่บนคอก็บิดเบี้ยวตอนลื่นหกล้ม ดูหมดสภาพจริงๆ
"แต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่เคยช่วยคนเปล่าๆ เมื่อช่วยแล้วก็ต้องหาอะไรชดเชยกลับมาบ้าง ดังนั้นเฉียวเยว่ติดค้างน้ำใจข้าหนึ่งหน ต่อไปต้องใช้คืนให้แก่ข้า เมื่อรู้ว่าตนเองต้องใช้คืน เ้ายังจะเป่าอยู่อีกหรือ ไม่คิดว่าข้าน่ารังเกียจหรือไร?"
สีหน้าของเขาฉายแววคลุมเครือ
"ไม่เสียหน่อย ถึงแม้ต้องชดใช้ ข้าก็ยังเป็ห่วงท่านอยู่ดี หากไม่มีท่านพี่อวี้อ๋อง คนที่ต้องแขนหักก็คงเป็ข้า ท่านพ่อสอนว่า คนเราไม่ควรไร้มโนธรรม ต่อให้ท่านพี่อวี้อ๋องบอกว่าให้ข้าชดใช้คืนภายหลัง ข้าก็ยินดีเ้าค่ะ"
เฉียวเยว่พยายามนึกถึงวิธีการพูดเพื่อตอบแทนบุญคุณของคนโบราณ "ท่านพี่อวี้อ๋อง ข้าไร้สิ่งใดตอบแทน มีเพียงแต่ร่างกายเท่านั้น ให้ข้าเป็ภรรยาของท่านดีหรือไม่?"
เฉียวเยว่รู้สึกเศร้าใจจริงๆ เพราะเื่นี้ตนเองมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่นางยังเล็ก อย่างไรก็สามารถถ่วงเวลาไปได้สิบกว่าปี เพียงมีฐานะนี้ค้ำจุน ก็อาจช่วยให้ปัญหาอื่นลดน้อยลง บิดาของนางก็ไม่ต้องเป็กังวลด้วย
เฉียวเยว่รู้สึกว่าแผนการของตนเองช่างดียิ่ง
แต่พอสิ้นคำกล่าวนี้ รอบด้านก็เงียบสนิท ราวกับว่าถ้ามีเข็มตกสักเล่มก็คงจะได้ยินกันทั่ว
"ข้าจะเป็ภรรยาของท่านเพื่อตอบแทนบุญคุณ ท่านเป็ผู้มีพระคุณช่วยชีวิตข้า"
อวี้อ๋องพิจารณากระต่ายอ้วนตัวน้อยั้แ่หัวจรดเท้า ก่อนยกยิ้มเล็กน้อย "เ้าคิดจะแต่งเป็ภรรยาของข้ารึ?"
เฉียวเยว่พยักหน้าอย่างแรง "ใช่สิ ท่านพอใจหรือไม่?"
นางประสานมือ รู้สึกว่าตนเองช่างเป็สาวน้อยที่มีจิตใจดีงามจริงๆ
อวี้อ๋องพิจารณาเฉียวเยว่ต่อ แล้วค่อยเอ่ยช้าๆ "เฉียวเยว่..."
"เ้าค่ะ"
อวี้อ๋องเอื้อมมือเข้ามาบีบใบหน้าดวงน้อยของนาง "เ้าฝันไปเถอะ"
...
[1] ไคซินกั่ว คือถั่วพิสตาชิโอเป็ถั่วเปลือกแข็งชนิดหนึ่ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้