น้ำเสียงของเหยาเชียนเชียนเต็มไปด้วยความเสียดาย ส่งผลให้ท่าทางของแมวดำจริงจังมากขึ้น
เดิมทีเขาคิดว่านางไม่มีเจตนาอื่นใด แต่ดูเหมือนว่ายามนี้...
“ได้ยินมาว่าปะการังหยกโลหิตชิ้นนั้นใหญ่ขนาดนี้เลย!”
เหยาเชียนเชียนวาดมือเป็วงกลมวงหนึ่ง นางถอนใจและกล่าวว่า “ข้าคิดว่าชิงผิงอ๋องจะต้องคว้าชัยชนะมาอย่างแน่นอน ข้าคิดไว้แล้วว่าจะวางปะการังชิ้นนั้นไว้ที่ใด แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่าจะเกิดเื่แบบนั้นขึ้น คราวนี้จบสิ้นแล้ว ไม่มีโอกาสได้เห็นกับตาด้วยซ้ำ”
ปะการังหยกโลหิต?
แมวดำชะงักไปชั่วครู่ คลับคล้ายคลับคลาว่าจะได้ยินเกี่ยวกับของชิ้นนี้ที่จะมอบเป็รางวัลให้แก่ผู้ชนะ เหตุผลที่สตรีผู้นี้ทอดถอนใจด้วยความเสียดายอย่างอาลัยอาวรณ์เป็เพราะของสิ่งนี้หรือ?
“ต้องโทษมือสังหารพวกนั้น รอให้การแข่งขันสิ้นสุดก่อนแล้วค่อยลงมือไม่ได้หรืออย่างไร ทำเอาข้าใหมด ยามที่ได้ยินว่าปะการังมีปัญหา โอ๊ะ! ไม่ใช่สิ ยามที่ได้ยินว่าเกิดเื่กับชิงผิงอ๋อง ข้าก็รีบบุกเข้าไปทันที”
ผลสรุปคือไม่สามารถสานฝันตัวเองในการเห็นปะการังนั้นกับตาได้ เหยาเชียนเชียนลูบหัวแมวดำแ่เบา ไม่รู้ว่าฮ่องเต้จะยินยอมมอบมันเป็ของรางวัลในครั้งต่อไปอีกหรือไม่ นางจะได้โน้มน้าวให้ชิงผิงอ๋องไปนำมาให้ได้
แมวดำสะบัดหัวแต่ก็สลัดมือข้างบนนั้นไม่หลุด ในใจรู้สึกร้องไม่ได้ยิ้มไม่ออกขึ้นมาไม่น้อย
เ้ามั่นใจว่าเปิ่นหวังจะคว้าชัยชนะมาได้อย่างแน่นอนเช่นนี้ เพียงแค่ปะการังชิ้นหนึ่งคุ้มค่าให้เ้าทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเลยหรือ หากข่าวแพร่ออกไปให้คนนอกได้ยินเข้า จวนอ๋องของเปิ่นหวังจะลำบากอย่างไร
“แม้ว่าจะไม่มีปะการังหยกโลหิต แต่แค่เ้ามาหาข้าได้ ข้าก็ดีใจแล้ว”
เหยาเชียนเชียนอุ้มแมวดำขึ้นมา ถือโอกาสที่แมวดำไม่ทันระวังตัวจูบที่หน้าผากมันหนึ่งที ทำให้แมวดำชะงักไปชั่วครู่ หลังจากนั้นจึงส่งกรงเล็บดันนางออกไป มันดิ้นรนพยายามะโลงจากเตียง และมองไปทางเหยาเชียนเชียนด้วยสายตาลุกเป็ไฟ
“เ้าจะไปอีกแล้วหรือ?” นางถามอย่างเสียดาย “จูบแล้วก็ไป ต่อให้เป็คนก็ไม่ได้เขินอายเช่นเ้า”
แมวดำไม่สนใจคำหยอกล้อของนาง พลันหมุนตัวหายออกจากห้องไปในพริบตา
เหยาเชียนเชียนชะเง้อมองอย่างเสียดาย จากนั้นนางก็กลับลงไปนอนอีกครั้ง รอให้แผลดีขึ้นสักหน่อยแล้วค่อยไปถามชิงผิงอ๋องว่านางขอเ้าแมวดำได้หรือไม่
ผ่านไปไม่นาน ในขณะที่เหยาเชียนเชียนกำลังคิดหาคนมาช่วยประคองลงจากเตียงอย่างเบื่อหน่าย สาวใช้าุโคนหนึ่งก็เดินเข้ามาจากข้างนอก และกล่าวอย่างดีอกดีใจว่าท่านอ๋องมีของรางวัลมอบแด่นาง
ยามที่เขาถามเมื่อเช้าวันนี้ นางยังคิดว่าชิงผิงอ๋องเพียงแค่พูดไปส่งเดชเท่านั้น เหยาเชียนเชียนพลันมีชีวิตชีวาขึ้นมา และเรียกให้พวกเขายกของเข้ามาให้หมด
นอกเหนือจากเครื่องประดับเงินทอง สิ่งที่สะดุดตาที่สุดเห็นจะเป็ปะการังสีแดงขนาดใหญ่ชิ้นนั้น เมื่ออยู่ภายใต้แสงสว่างก็ยิ่งส่องแสงแวววับอย่างเห็นได้ชัด
เหยาเชียนเชียนพยายามลงจากเตียงเพื่อเข้าไปดูใกล้ๆ สาวใช้าุโช่วยประคองนางไว้อย่างระมัดระวัง นางค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ปะการังทีละน้อย
ส่วนบนสุดยังประดับตกแต่งด้วยหยก จะกล่าวว่าของชิ้นนี้มีมูลค่ามหาศาลก็ไม่เกินจริงนัก
“นี่คือหยกโลหิตหรือ?” นางรำพึงรำพันถาม
“ทูลหวังเฟย นี่ไม่ใช่หยกโลหิตแต่เป็ทับทิมทั้งชิ้นเพคะ ในโลกมีเพียงปะการังหินชิ้นนี้เพียงชิ้นเดียว และท่านอ๋องก็มอบแด่หวังเฟย เห็นได้ว่าพระองค์ทรงรักหวังเฟยจากใจจริงเพคะ”
เมื่อเปรียบเทียบทั้งสองอย่างแล้ว เหยาเชียนเชียนคิดว่าปะการังชิ้นนี้มีมูลค่ามากกว่าเล็กน้อย และด้วยเพราะนางไม่เคยเห็นปะการังหยกโลหิตชิ้นนั้น ก็ไม่แน่ว่าจะสวยงามกว่าชิ้นนี้
“นำสิ่งนี้ไปวางไว้ในเรือน จากนั้นย้ายเก้าอี้เอนนอนไปวางตรงนั้น ภายในห้องอบอ้าวมาก ข้าอยากพักผ่อนข้างนอกสักหน่อย”
นางชี้ไม้ชี้มือสั่งบ่าวรับใช้อย่างตื่นเต้น ให้นำปะการังซึ่งแกะสลักมาจากทับทิมชิ้นนั้นย้ายไปวางไว้ในเรือนของนาง จากนั้นก็ย้ายเก้าอี้เอนนอนไปไว้ในมุมที่ร่มเย็น พร้อมทั้งจัดเตรียมผลไม้และของว่าง และนางก็ชื่นชมของล้ำค่าชิ้นนี้อย่างเพลิดเพลิน
“สวยงามยิ่งนัก” นางกล่าวอย่างซาบซึ้ง “เมื่อแสงแดดส่องลงมาคล้ายกับว่าสิ่งนี้กำลังเปล่งแสง”
อัญมณีชิ้นนี้โปร่งใสมาก อาจเป็เพราะรูปร่างตามธรรมชาติที่แปลกประหลาด เมื่อมอบให้ช่างฝีมือประณีตจึงทำให้กลายเป็ปะการังชิ้นหนึ่งได้ ครั้นนำมันมาวางไว้ในเรือนเล็ก เหยาเชียนเชียนคิดว่าทั้งเรือนของนางถูกยกระดับขึ้นมาด้วย
“จริงสิ อาเหยียนเล่า” นางถามสาวรับใช้ข้างตัว “เรียกอาเหยียนมาดูด้วยกันสิ”
“เมื่อวานเสี่ยวซื่อจื่อไม่ค่อยสบาย จนถึงยามนี้ยังลุกไม่ได้เพคะ”
อาเหยียนไม่สบาย?
เหยาเชียนเชียนพลันไร้ซึ่งความคิดอยากเล่น นางเรียกคนให้มาช่วยประคองนางลุกขึ้น หมายจะไปเยี่ยมเด็กน้อยสักหน่อย
การเคลื่อนไหวของนางเชื่องช้า ทันทีที่มาถึงประตูเรือนก็เห็นร่างคุ้นเคยเดินผ่านไป
“นั่นคือ...แม่นางหลิงเอ๋อร์?”
เป็แม่นางงดงามผู้นั้นที่เกือบถูกกลั่นแกล้ง ซึ่งนางและอาเหยียนเคยพบเมื่อครั้งที่ออกไปข้างนอก
“นางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
เหยาเชียนเชียนพึมพำแ่เบา นางสะกิดถามสาวใช้ที่ประคองอยู่ข้างกาย “แม่นางหลิงเอ๋อร์แห่งหอเพียวเซียงเคยมาที่จวนอ๋องมาก่อนหรือ?”
สาวใช้มองเหยาเชียนเชียนอย่างลำบากใจเล็กน้อย พลางคิดในใจว่าที่หวังเฟยถามเช่นนี้เป็เพราะหึงหวงหรือ นางจึงกล่าวอย่างสัตย์จริงว่าท่านอ๋องเคยไปที่หอเพียวเซียง แต่นางไม่เคยเห็นเขาพาแม่นางคนใดกลับมาที่จวนอ๋อง
“หวังเฟยทำใจให้สบายเถิดเพคะ บ่าวก็เพิ่งเคยเห็นมีแม่นางมาที่นี่เป็ครั้งแรกเช่นกัน แม้ท่านอ๋องจะเคยไปเมื่อก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่เคยพาผู้ใดกลับมาด้วย ครั้งนี้...ครั้งนี้อาจจะมีการเตรียมการอย่างอื่นกระมัง”
เหยาเชียนเชียนยิ้มให้นางอย่างไม่มีนัยอื่นใด สาวใช้ผู้นี้เพิ่งมีอายุเพียงสิบห้าสิบหกปีเท่านั้น นางยังเด็กอยู่ คงไม่เข้าใจเื่ธรรมดาสามัญเหล่านี้
เหยาเชียนเชียนเพิ่งคิดได้หลังจากนั้น ยามที่นางมาที่นี่ใน่แรกและถูกชิงผิงอ๋องคุมขังไว้ นางได้ยินว่าอีกฝ่ายเสด็จไปหอเพียวเซียง ดูเหมือนว่าที่นั่นจะมีคนที่ชิงผิงอ๋องคะนึงหาไม่ลืมเลือนอยู่
“ไม่เป็ไร เราไปดูอาเหยียนกันเถิด ไม่รบกวนท่านอ๋อง”
เขามอบสมบัติให้นางมากมายเพียงนี้ หากนางไม่รู้กาลเทศะ เช่นนั้นก็คงโง่เขลาเกินไป
เมื่อถึงเรือนของอาเหยียน เหยาเชียนเชียนต้องขยับไปข้างเตียงถึงจะเห็นได้ชัดเจนว่าเขานอนหลับอย่างไม่สงบ คล้ายกับไม่สบายตัว เด็กน้อยขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูท่าว่าจะฝันร้ายอยู่ด้วย
“เ้าออกไปก่อนเถิด” เหยาเชียนเชียนกล่าวกับสาวใช้เสียงเบา
นางค่อยๆ นั่งลงข้างเตียงของอาเหยียน และช่วยซับเหงื่อให้เขาอย่างสงสาร
“หืม ท่านแม่?”
อาเหยียนค่อยๆ ลืมตาขึ้น เหยาเชียนเชียนจึงเอ่ยบอกเขาเบาๆ ว่า “แม่ทำเ้าตื่น อาเหยียนนอนต่อเถิด”
ไม่นอนแล้ว อาเหยียนขยี้ตาเล็กน้อยและยันกายลุกขึ้น เป็ครั้งแรกที่เขามองไปยังแผลบน่เอวของนาง เขาใช้ศีรษะถูไถที่หน้าอกของนางเบาๆ
“ท่านแม่รับปากอาเหยียนว่าจะไม่าเ็อีก แต่ท่านแม่ทำไม่ได้”
ใช่ เหยาเชียนเชียนจูบเขาอย่างรู้สึกผิด แผนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทัน ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่านางจะประสบเื่เช่นนี้ ยามนี้นางทำได้เพียงกล่าวขอโทษอาเหยียน
“แต่ท่านแม่ก็ทำเพื่อท่านพ่อ อาเหยียนรู้”
อาเหยียนน้อยที่ปวดใจนั่งอยู่บนเตียง ท่านพ่อบอกตลอดว่าท่านไม่ใช่คนดี ทว่าครั้งนี้เขาต้องทำให้ท่านพ่อดูดีในสายตาของท่านแม่ให้ได้
เมื่อวานเขาเ็ปตลอดทั้งวัน คิดว่าท่านแม่ต้องทรมานมากกว่านั้นเป็แน่ หากเป็เช่นนี้แล้วท่านพ่อยังไม่ยอมสงสารท่านแม่อีกเขาก็จะโกรธท่านพ่อแล้ว
“อาเหยียนจะไปที่ใดหรือ?”
เหยาเชียนเชียนเห็นเขาจัดระเบียบอาภรณ์ให้เรียบร้อยอย่างคล่องแคล่วก็ถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“ไปหาท่านพ่อขอรับ” อาเหยียนน้อยมองนางอย่างแน่วแน่ “ท่านแม่าเ็ ตามหลักท่านพ่อควรจะมาเยี่ยม”
ห้ามไปนะ!
เหยาเชียนเชียนขวางอาเหยียนไว้ พลางกล่าวกับเขาว่าชิงผิงอ๋องได้ส่งสมบัติมาให้นางไม่น้อย ซึ่งมันล้ำค่ามาก หากอาเหยียนไม่เชื่อสามารถไปดูได้
ที่สำคัญที่สุด เหยาเชียนเชียนลอบคร่ำครวญในใจ ท่านพ่อของเ้าเพิ่งเรียกพี่สาวคนสวยเข้าไป หากไปเข้าพบยามนี้ เกรงว่าทั้งสี่คนคงจะกระอักกระอ่วนกันหมด
“ถึงกระนั้นสิ่งของเ่าั้ก็ไม่สามารถเทียบได้กับความจริงใจของท่านแม่”
อาเหยียนน้อยแน่วแน่เหลือเกิน สำหรับเขา วิธีของท่านพ่ออย่างการมอบของขวัญให้ตามใจชอบ เหมือนกับการให้รางวัลแก่คนต่ำต้อยในอดีต ทว่าท่านแม่ไม่เหมือนผู้อื่น ท่านพ่อต้องมาขอบคุณต่อหน้าถึงจะถูก
จะได้ถือโอกาสนี้ให้ท่านพ่อได้ขอโทษท่านแม่ด้วย เขาเข้าใจท่านแม่ผิดมาโดยตลอดและไม่ยอมเชื่ออาเหยียน ครั้งนี้เขาน่าจะเห็นได้ชัดเจนแล้ว
“อาเหยียนรอก่อน!”
เหยาเชียนเชียนมองร่างเล็กนั้นวิ่งออกไป นางทั้งรีบทั้งลนลาน ด้วยกลัวว่าหากทำให้ชิงผิงอ๋องเสียหน้า เขาจะไม่ให้อาเหยียนมาอยู่กับนางอีก
อีกทั้งอาเหยียนยังเด็กนัก ทั้งใจของเขานึกถึงแต่นาง หากเขาเห็นชิงผิงอ๋องอยู่กับสตรีอื่น เขาคงกักเก็บความโกรธไว้ไม่ได้แน่
“รีบพยุงข้าไปเร็วเข้า!”
เหยาเชียนเชียนร้องเรียกคน หวังเพียงว่าสถานการณ์จะไม่ย่ำแย่จนเกินไป
ทางด้านซั่งกวนหลิงนึกถึงคนที่นางเพิ่งเห็นเมื่อครู่ขึ้นมาได้ คนผู้นั้นคือเหยาเชียนเชียน นางชะงักฝีเท้า ดูท่าว่าข่าวจะเป็จริง
เมื่อวานมีมือสังหารบุกรุกเข้าไปในเขตล่าสัตว์ และชายาชิงผิงอ๋องได้รับาเ็จากการช่วยเหลือองค์ชายสาม ทว่านางกลับกล่าวด้วยน้ำเสียงอันแน่วแน่ ช่วยท่านอ๋องชำระล้างความผิด ก็ถือว่ามีความสามารถอยู่หลายส่วน
“เื่จดหมาย เ้าทำได้ดีมาก” เป่ยเหลียนโม่กล่าวเสียงเรียบ “วันหน้าต้องระวังมากขึ้น พี่สามของเปิ่นหวังผู้นี้คิดละเอียดรอบคอบ หากไม่ระวังแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้เขาเคลือบแคลงใจได้ หากเ้าเปิดเผยตัวตนขึ้นมา เช่นนั้นเปิ่นหวังจะทิ้งเ้าเสีย เข้าใจหรือไม่?”
ซั่งกวนหลิงพยักหน้ารับทราบ นางได้รับความช่วยเหลือจากชิงผิงอ๋องมาตลอดหลายปี จากนั้นมาจึงยินยอมติดตามเขาด้วยความสมัครใจ ชีวิตนี้ของนางเป็ของเขา และหัวใจก็เป็ของเขาเช่นเดียวกัน
“ได้ทำประโยชน์แก่ท่านอ๋องเป็ความปรารถนาเดียวชั่วชีวิตของหลิงเอ๋อร์ ไม่ว่าอนาคตจะเป็อย่างไร หลิงเอ๋อร์ก็ยินยอมรับความลำบาก และจะไม่เสียใจภายหลังแน่นอนเพคะ”
นางรักบุรุษผู้นี้จนแทบเรียกได้ว่าคลั่งไคล้ นางรู้ตัวว่าไม่สามารถยืนเคียงข้างเขาได้อย่างชอบด้วยเหตุผล แต่อย่างน้อยนางก็ยังมีประโยชน์สำหรับเขา นางอาจจะไม่สามารถเป็หวังเฟยของเขาได้ แต่นางสามารถเป็สตรีที่อยู่เคียงข้างเขาได้นานที่สุดอย่างแน่นอน
“หลิงเอ๋อร์ขอเพียงได้เคียงข้างท่านอ๋องตลอดไป หากเมื่อใดที่ท่านอ๋องนึกถึงหลิงเอ๋อร์ขึ้นมา และสามารถมองมาที่หลิงเอ๋อร์ได้สักครั้ง เพียงเท่านั้นหลิงเอ๋อร์ก็พอใจแล้วเพคะ”
“เสี่ยวซื่อจื่อ เข้าไปไม่ได้นะเพคะ...”
เป่ยเหลียนโม่ยังไม่ทันเอื้อนเอ่ยคำใดก็ได้ยินเสียงดังมาจากนอกประตู เมื่อหันไปมองก็เห็นเสี่ยวซื่อจื่อเดินตึงตังเข้ามาตามคาด เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ระเบียบที่เคยสอนเ้าในวันก่อนลืมไปหมดสิ้นแล้วหรือ ถึงได้บุกเข้ามาในห้องหนังสือของพ่อตามอำเภอใจเช่นนี้”
เดิมทีเขาอยากช่วยคลี่คลายความสัมพันธ์ให้ท่านแม่และท่านพ่อ แต่ไม่คิดเลยว่าเมื่อเข้ามาแล้วจะเห็นคนนอกอยู่ด้วย เขาเคยพบสตรีผู้นี้ครั้งหนึ่ง อาเหยียนน้อยวิ่งไปกอดผู้เป็บิดาจากด้านหน้า สายตาซ่อนความระวังตัวไว้ไม่น้อย
“ถวายบังคมเสี่ยวซื่อจื่อเพคะ” ซั่งกวนหลิงคารวะด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ครั้งก่อนหลิงเอ๋อร์โชคดีได้พบซื่อจื่อและหวังเฟย ไม่คิดว่าวันนี้จะมีวาสนาได้พบอีกครั้ง”
อาเหยียนมองผู้เป็พ่อเล็กน้อยราวกับ้าจะมองให้ทะลุไปถึงหัวใจของเขา
“วิ่งมาทำไม เหตุใดถึงไม่นอนพักผ่อนเล่า”
เป่ยเหลียนโม่อุ้มเด็กน้อยขึ้นมา ท่าทางเอาใจใส่นั้นทำให้ซั่งกวนหลิงหลงใหลเขามากกว่าเดิม บุรุษผู้ซึ่งทรงพลังและรูปงามเหนือคนทั่วไปผู้นี้ เขามักจะเ็าต่อหน้าผู้อื่น แต่กลับอบอุ่นกับเสี่ยวซื่อจื่อยิ่งนัก
หากความอบอุ่นนั้นสามารถแบ่งมาให้นางแม้เพียงน้อยนิด ถึงแม้จะต้องตายก็คุ้มค่าแล้ว
“ท่านแม่าเ็เพราะท่านพ่อ ท่านพ่อควรไปเยี่ยมนะขอรับ”
อาเหยียนกอดคอเป่ยเหลียนโม่และเขย่าเบาๆ คล้ายกับกำลังออดอ้อนและเล่นลูกไม้บางอย่าง
“พ่อไปเยี่ยมมาแล้ว และยังมอบสมบัติให้ท่านแม่ไปไม่น้อย อาเหยียนไม่รู้หรือ?”
เป่ยเหลียนโม่กล่าวเจือรอยยิ้ม ในท่าทางไร้ซึ่งความรำคาญหรือความใจร้อนแทรกอยู่แม้แต่น้อย ทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในสายตาของซั่งกวนหลิง ทำให้นางไม่อาจละสายตาไปได้เลย
“หลิงเอ๋อร์ได้ยินเื่นี้มาเช่นกัน หวังเฟยได้รับาเ็เพราะองค์ชายสาม แม้จะกล่าวว่าสามารถขจัดข้อสงสัยในตัวท่านอ๋องได้ แต่หากคิดเื่นี้อย่างละเอียด สุดท้ายก็ยังไม่เหมาะอยู่ดี” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หากเป็หลิงเอ๋อร์จะใช้อีกวิธีหนึ่ง ท่านอ๋องอยากฟังหรือไม่เพคะ?”
“ไม่อยากฟัง”
