สามวันต่อมาโจวอวี้หลันและลั่วจินหยางก็นำโจวอี้เฉินออกจากวังหลวงมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านชนบทที่ด้านนอกวังหลวงทันที
เส้นทางที่พวกเขาผ่านนั้น มีต้นไม้ล้อมรอบ ยามนี้อากาศอุ่นขึ้นบ้างแล้ว หิมะจึงดูบางเบาลงไปไม่หนาตามากเท่าใดนัก สายลมเย็นพัดผ่านเข้ามาในรถม้าเป็ระยะ โจวอวี้หลันยื่นมือไปเปิดผ้าม่านเพื่อดูบรรยากาศโดยรอบ นางเงยหน้าไปสบตากับลั่วจินหยางที่หันมามองนางเข้าพอดี เขาส่งยิ้มให้นางเล็กน้อย ใจของนางกระตุกไหววูบหนึ่ง ก่อนจะรีบหลบสายตาเขาและปล่อยม่านรถม้าลง และหันกลับมามองโจวอี้เฉินที่นอนหลับอยู่ภายในรถม้าแทน
ระยะทางค่อนข้างไกลไม่น้อย ระหว่างทางขบวนรถม้าหยุดพักอยู่หลายครา โจวอวี้หลันเกรงว่าการเดินทางจะล่าช้า จึงสั่งให้รถม้าออกเดินทางต่อทันที
จวบจนเข้าสู่เขตป่าใหญ่ จู่ ๆ ก็มีเหล่านักฆ่าชุดดำพุ่งทะยานเข้ามาสังหารเหล่าทหารอย่างรวดเร็ว ลั่วจินหยางที่เห็นเช่นนั้นก็หรี่ตามองเหล่านักฆ่าคราหนึ่ง ก่อนจะรีบพุ่งทะยานเข้าไปต่อสู้กับพวกมันอย่างไม่รอช้า
โจวอวี้หลันรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ จู่ ๆ รถม้าก็หยุดกะทันหันเช่นนี้ย่อมมิใช่เื่ดีแน่
เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงยื่นมือไปเปิดผ้าม่านออกเพื่อมองดูสถานการณ์ทันที แต่ทว่าเมื่อนางยื่นใบหน้าออกไปก็มองเห็นปลายดาบแหลมคมที่กำลังพุ่งเข้ามาในรถม้าของนาง
ลั่วจินหยางที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบใช้ดาบของตนมาสกัดดาบของนักฆ่าผู้นั้นเอาไว้ได้ทันท่วงที ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด
"องค์หญิง มีนักฆ่าพ่ะย่ะค่ะ!!!"
โจวอวี้หลันที่ได้ยินเช่นนั้นดวงตาคู่สวยก็ทอประกายเย็นเยียบ ไม่ต้องบอกนางก็รู้ว่าเป็ฝีมือของผู้ใด มีเพียงผู้เดียวที่เร่งวันเร่งคืนอยากสังหารนางกับอาเฉิน
เซียวฮองเฮา!
สตรีสารเลวนางนั้นคงจะอดใจรอไม่ไหวแล้วสินะ!!!
"รองแม่ทัพลั่ว พวกมันมีกันเท่าใด"
"หลายสิบนายพ่ะย่ะค่ะ ฝีมือยอดเยี่ยมไม่เบา อีกทั้งยังสังหารทหารของเราไปไม่น้อยแล้ว"
"หึ!!! เ้าคอยอารักขาอาเฉินไว้ ข้าจะไปต่อสู้กับพวกมันเอง"
"องค์หญิง!!!"
ลั่วจินหยางยังมิทันได้เอ่ยคำทัดทานใดใด โจวอวี้หลันก็พุ่งทะยานออกมาจากรถม้าพร้อมกับกระบี่อ่อนคู่ใจ นางโผทะยานเข้าไปต่อสู้กับเหล่านักฆ่าทันที
ฝีมือของโจวอวี้หลันไม่เป็สองรองผู้ใด แม้นางจะเป็สตรีแต่กลับเก่งกาจชำนาญการต่อสู้เช่นเดียวกับมารดาผู้ล่วงลับ กระบี่อ่อนของนางพลิ้วไหวไปตามเรือนกายที่เคลื่อนไหว ทุก ๆ ที่ที่นางพาดผ่านย่อมมีคนตายนับไม่ถ้วน
ภาพตรงหน้าฝังลึกลงไปในจิตใจของลั่วจินหยาง เขาปรายตามองเหล่านักฆ่าด้วยแววตาอำมหิต
เหล่านักฆ่าเริ่มตื่นตระหนกแล้ว เดิมทีสถานการณ์เป็พวกเขาได้เปรียบ แต่ยามนี้กลับไม่ง่ายเสียแล้ว ประมือกันมาเป็เวลาราวหนึ่งเค่อ แต่ทว่ายังมิอาจหาทางสังหารองค์รัชทายาทได้เลยแม้แต่น้อย
ท้ายที่สุดพวกมันก็ยอมล่าถอยออกไปก่อน โจวอวี้หลันสบถออกมาอย่างหัวเสีย เดิมทีนางคิดจะจับพวกมันสักคนมาเค้นหาตัวบงการแต่กลับจับไม่ได้แม้แต่คนเดียว
น่าเจ็บใจนัก!!!
ยิ่งได้มองเห็นเหล่าทหารคุ้มกันที่ล้มตายไปเกือบหมด ใจของนางก็ยิ่งบีบรัด
สถานการณ์เริ่มตึงเครียดทุกขณะ
"รองแม่ทัพลั่ว เราต้องรีบออกเดินทาง ข้าเกรงว่าจะมีพวกมันดักรอซุ่มโจมตีพวกเราอีก"
"องค์หญิง ยามนี้ท้องฟ้าใกล้มืดค่ำลงแล้ว เราควรหาที่พักก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ"
"ไม่ได้!!! ที่นี่ไม่ปลอดภัย ข้าจะต้องพาอาเฉินไปพบกับท่านหมอเทวดาโดยเร็วที่สุด"
ลั่วจินหยางถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะครุ่นคิดบางอย่าง เขามองไปโดยรอบอย่างระแวดระวัง ยามนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว เหล่าทหารก็เหลือเพียงไม่กี่สิบนายเท่านั้น หากยังรั้งรอไม่ทำสิ่งใดเสียทีย่อมไม่ปลอดภัยเป็แน่
โจวอี้เฉินเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าทั้งหมด ใจของเขาคับแค้นเป็ยิ่งนัก อยากจะฉีกทึ้งเซียวฮองเฮาออกมาเป็ชิ้น ๆ แต่ทว่าเขาในยามนี้มิอาจทำสิ่งใดได้ แม้แต่จะพยายามหาทางช่วยสหายสนิทและพี่หญิงก็ยังทำไม่ได้แม้แต่น้อย
ลั่วจินหยางที่นึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหันไปเอ่ยกับโจวอวี้หลัน
"ทูลองค์หญิง กระหม่อมจำได้ว่า มีน้องสาวร่วมมารดาผู้หนึ่งเดินทางมารักษาตัวที่หมู่บ้านชนบทใกล้ ๆ ละแวกนี้ หากองค์หญิงมิรังเกียจ กระหม่อมจะพาพระองค์ไปพักที่นั่นก่อน"
โจวอวี้หลันมองลั่วจินหยางคราหนึ่ง ในใจนางคิดไม่ตก แต่ยามนี้สถานการณ์บีบคั้นทำให้มิอาจเลือกสิ่งใดได้มากนัก
"เช่นนั้นก็นำทางไปเถิด"
"พ่ะย่ะค่ะ"
ด้านลั่วหนิงฮวานั้น ยามนี้นางกำลังสั่งให้จางสงและลูกน้องคนอื่น ๆ ช่วยกันฝังสุราเอาไว้ที่ใต้ต้นไม้รอบ ๆ เรือน นี่เป็สุราที่นางหมักขึ้นมาเองกับมือ สุราบางชนิดใช้เวลาหมักเพียงเดือนเดียว บางชนิดใช้เวลาราวหนึ่งปีจึงจะมีรสชาติที่ดีเยี่ยม
แน่นอนว่าลั่วหนิงฮวาสั่งให้จางสงไปกว้านซื้อสุราทั่วทั้งตลาดมาให้นางลองชิมดู จางสงที่มองดูลั่วหนิงฮวายกสุราขึ้นดื่มราวกับยกน้ำชาก็รู้สึกเลื่อมใสไม่น้อย
เขาเป็บุรุษยังคอแข็งไม่เท่าลูกพี่เลย
เมื่อรู้รสชาติแล้ว นางจึงลงมือหมักสุราเองกับมือทันที
เมื่อสามวันก่อน หลัวเฟิงตกลงทำการค้ากับนาง เขายอมให้นางนำสุราชั้นดีมาวางขายในโรงพนันของเขาได้ หากสุราของนางรสชาติดี แน่นอนว่าจะสามารถดึงดูดแเื่มาที่โรงพนันของเขาได้ อีกทั้งยังจะทำเงินมหาศาลให้กับเขาอีกด้วย
เมื่อเจรจาการค้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในวันเดียวกันนั้น นางก็ให้แม่นมหยางไปแจ้งแก่ทางการว่าพบศพศพหนึ่งที่ใต้ต้นดอกเหมย โดยให้การว่าพวกนางกำลังจะไปขุดดินเพื่อหาเหยื่อมาตกปลา แต่กลับพบศพใต้ต้นไม้ จึงรีบมาแจ้งต่อทางการ เ้าหน้าที่มิได้ใส่ใจไต่ถามเอาความกับนางมากนักด้วยเพราะเห็นว่าเป็สตรี อีกอย่างนางก็ให้พวกจางสงไปหลบซ่อนตัวก่อนเ้าหน้าที่จะมาถึงก่อนหน้าแล้ว
นายอำเภอของที่นี่เป็ผู้เถรตรงที่เพิ่งย้ายมาประจำการ เขาใช้เวลาตรวจสอบศพอยู่หลายวันจนสามารถหาเบาะแสที่มาของศพได้ ท้ายที่สุดผีสาวตนนั้นก็ได้กลับบ้านไปหามารดาสมดังที่ใจของนางปรารถนา
ก่อนจะจากไปนางยังบอกที่ซ่อนเงินทองของมีค่าให้แก่ลั่วหนิงฮวาอีกด้วย แต่ลั่วหนิงฮวากลับสั่งให้จางสงลักลอบตามขบวนขนส่งศพไปยังบ้านเกิดของผีสาวนางนั้น และมอบทรัพย์สมบัติมีค่านี้ให้แก่มารดาของผีสาวตนนั้นเสีย
นางมิใช่คนเห็นแก่สมบัติจนหน้ามืดตามัวแม้ว่านางจะชอบเงินมากก็ตาม
"หนิงเอ๋อร์!!!"
ในขณะที่ลั่วหนิงฮวากำลังวุ่นวายกับการสั่งให้คนฝังสุราลงดิน นางก็ได้ยินเสียงใครบางคนะโเรียกชื่อของนาง เมื่อหันไปมองจึงได้พบกับบุรุษผู้หนึ่งที่มีใบหน้าหล่อเหลาแต่ติดที่ผิวคล้ำไปเสียหน่อย
ในความทรงจำของร่างเดิมบอกกับนางว่าเขาคือ ลั่วจินหยางพี่ชายร่วมมารดาเดียวกันของนาง
แล้วนั่นผู้ใดกันที่ติดตามลั่วจินหยางมาด้วย
หรือว่าจะเป็ ผี?