หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งโตวโตวก็ยังไม่ทราบว่าคำพูดของหานโม่หมายความว่าเช่นไร แต่หานโม่บอกให้มันรอมันก็จะรออย่างตั้งใจ อย่างไรก็ตามใน่ระหว่างวันที่หลบซ่อนตัว มันหลับไปเป็เวลานาน เช่นนั้นคืนนี้ก็คงนอนไม่สามารถนอนหลับได้แล้ว ดังนั้นมันจึงเลียนแบบท่าทางของหานโม่ โดยการจิบชาคำแล้วก็กินขนมคำด้วยท่าทางที่สบายใจมาก
หานโม่หลับตาลง หลังจากนั้นเพียงไม่นานก็ผล็อยหลับไป
่เวลายามค่ำคืนมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ ขนมทั้งสองจานของโตวโตวหมดลงแล้ว ส่วนชาร้อนๆ ก็สูญเสียอุณหภูมิไปแล้วเช่นกัน ทันใดนั้นเองยามค่ำคืนที่ควรจะเงียบสงบก็เริ่มมีเค้าลางของความวุ่นวายขึ้นมาแล้ว
โดยความวุ่นวายนี้ แน่นอนว่าต้องผู้ที่มีประสาทััได้ไวเท่านั้นจึงจะสามารถรับความรู้สึกเช่นนี้ได้
หานโม่ลืมตาขึ้นมาอย่างสงบนิ่ง โตวโตวเองก็บินมาอยู่ข้างเตียงหานโม่เงียบๆ มันกำลังจะปลุกนางให้ตื่น
เมื่อเห็นว่าผู้เป็เ้านายรู้สึกตัวแล้ว โตวโตวจึงสื่อสารกับหานโม่ผ่านทางความคิด “นายท่าน มีคนมากมายกำลังเข้ามาใกล้พวกเราขอรับ”
น้ำเสียงของโตวโตวไม่มีความกังวลเลยแม้แต่นิดเดียว กลับกันมันเต็มไปด้วยความยินดีปรีดาอยู่เล็กน้อยในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
หานโม่มองไปยังโตวโตว นางมองเห็นความตื่นเต้นที่ห้ามไม่ได้อยู่ภายในดวงตากลมเล็กคู่นั้น ทันใดนั้นก็เงี่ยหูฟังเสียงด้านนอกอย่างตั้งใจทันที
ดูเหมือนว่าเ้านกตัวนี้คงจะเบื่อที่โดนขังในตอนกลางวันจริงๆ พอมาตอนนี้ช่างดูคึกคักอย่างยิ่ง
หานโม่ลุกขึ้นจากเตียงอย่างเงียบๆ นางขยับตัวราวกับว่ากำลังสวมใส่สิ่งที่ช่วยป้องกันเสียงอยู่ทำให้ทุกการเคลื่อนไหวปราศจากเสียงโดยสมบูรณ์
นางยัดหมอนไปไว้ใต้ผ้าห่มที่อยู่บนเตียง หานโม่โบกมือส่งสัญญาณให้โตวโตวไปซ่อนตัว ในขณะที่นางก็ดีดตัวขึ้นไปอยู่บนคานห้อง
ตึก ตึก ตึก……
เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังมาจากทั้งใกล้และไกล หานโม่ที่เกาะอยู่บนคานห้องขดตัวให้เล็กลงยิ่งกว่าเดิม ใน่เวลากลางคืนนั้นเป็การยากที่จะมองเห็นได้ เมื่อรวมกับหานโม่ที่ชอบสวมใส่เสื้อผ้าสีดำด้วยแล้ว ไม่ว่าใครมองมาก็คงยากที่จะบอกได้ว่ามีใครคนหนึ่งกำลังซ่อนอยู่บนคานห้อง
คนเ่าั้ใช้ประโยชน์จากวิชาตัวเบา แม้จะรู้สึกว่าห่างไกลแต่ด้วยฝีมืออันชำนาญเพียงไม่กี่ลมหายใจก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูเรือนของหานโม่แล้ว
ไม่รู้ว่าพวกนั้นมั่นใจในฝีมือของตัวเองมากหรือมั่นใจในความแข็งแกร่งของพรรคพวกตนเองกันแน่ หลังจากที่คนสองสามคนมาถึงหน้าประตู พวกเขาไม่ได้แม้แต่เป่าฝุ่นควันสลบเข้าห้องเหมือนลงมือในยามปกติด้วยี้เีเกินกว่าจะทำ จึงใช้เพียงใบมีดแงะประตูห้องแล้วผลักประตูเดินเข้ามา
หานโม่ที่หมอบอยู่บนคานห้อง สามารถมองเห็นจำนวนคนและการเคลื่อนไหวต่างๆ ได้ชัดเจน
ซึ่งความกล้าหาญของพวกเขานั้นไม่ได้น่าแปลกใจ เพราะความสามารถของพวกเขานั้นคู่ควรกับความกล้าหาญนี้จริงๆ
ทันทีที่ประตูเปิดออกก็มีคนหลายคนเดินตรงเข้ามาที่เตียงทันทีโดยที่ไม่พูดไม่จาเลยแม้แต่คำเดียว ทันใดนั้นกระบี่หลายเล่มก็ฟาดฟันลงไปตรงส่วนที่นูนอยู่บนเตียงทันที
โดยการกระทำพวกนี้นั้นเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน และพวกเขาต่างก็ลงมือได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ว่าหากผู้ที่อยู่บนเตียงจะตื่นขึ้นมาตอนที่ได้ยินเสียงเปิดประตู ก็คงคาดไม่ถึงแน่ว่าผู้ที่บุกรุกเข้ามาจะเคลื่อนที่มาอยู่ข้างเตียงได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้แน่
แผนการของพวกเขาสามารถเรียกได้ว่าอาภรณ์์ไร้ตะเข็บ [1] แม้กระทั่ง่ระยะเวลาในการลงมือก็ล้วนคำนวณไว้โดยไม่ให้มีการคลาดเคลื่อนเลยแม้แต่น้อย
แต่สิ่งเดียวที่พวกเขาคิดผิดไปนั่นก็คือหานโม่ไม่ได้นอนอยู่บนเตียง
ซึ่งบนโลกนี้จะมีคนอยู่ประเภทหนึ่งที่ประสาทััการได้ยินแตกต่างจากคนทั่วไป!
“ไม่มีคน!” เมื่อรู้สึกว่าผ้าห่มนั้นมีความผิดปกติ ชายชุดดำหนึ่งในนั้นก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็ว จึงะโบอกเหล่าพี่น้องแล้วกำลังล่าถอยออกไป
แต่อย่างไรก็ตาม ความเร็วของพวกเขายังคงช้าเกินไป
หานโม่ที่ซ่อนตัวอยู่บนคานห้องะโลงมาอยู่เื้ัพวกเขาอย่างเงียบเชียบ ในขณะที่ชายชุดดำกำลังจะเปล่งเสียงพูด นิ้วมือเรียวทั้งห้าก็กางออกแล้วคว้าเข้าที่คอของชายชุดดำด้วยความรวดเร็วดุจสายฟ้า
"อั๊ก......"
เสียงของชายชุดดำที่ลอดออกมาจากลำคอมีเสียงร้องสั้นๆ เพียงเสียงเดียว ในไม่ช้าก็ถูกเสียงกระดูกที่แตกออกเป็เสี่ยงกลบหายไป
เมื่อชายชุดดำคนอื่นๆ ได้เห็นภาพนี้ พวกเขาต่างก็ใไปชั่วขณะหนึ่ง
อย่างไรเสียพวกเขาล้วนเป็กลุ่มนักฆ่าที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ถึงแม้ว่าจะเห็นพี่น้องของตนเองตกตายไปต่อหน้า พวกเขาก็แค่ใไปชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น ในไม่กี่วินาทีต่อมาร่างกายของพวกเขาก็เล็งกระบี่ไปที่หานโม่ตามสัญชาตญาณทันที
ทว่าอย่างไรก็ตามหานโม่เองก็สวมชุดสีดำเช่นกันและใบหน้าทั้งหมดก็หลบซ่อนอยู่ด้านหลังหัวของชายชุดดำที่เพิ่งตายไป ชายชุดดำคนอื่นๆ สามารถรับรู้ได้เพียงแค่ว่าเวลานี้มีคนตายไปเท่านั้น แต่พวกมันไม่รู้ว่าผู้ที่ทำการสังหารกำลังหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหนกันแน่
ชายชุดดำไม่หันมามองกันเลยแม้แต่น้อย พวกมันกวัดแกว่งอาวุธตามที่คิดแทงโดนชายชุดดำที่ตายไป
ฟั่บ ฟั่บ ฟั่บ เมื่อได้ยินเสียงกระบี่ฟันเข้าไปในเนื้อ หานโม่ได้เตรียมพร้อมมาตั้งนานแล้ว จึงผลักร่างชายชุดดำที่ตายนั้นไปด้านหน้า จนกระบี่ของนักฆ่าที่เหลือจมหายเข้าไปในร่างของชายชุดดำทั้งหมด
เมื่อเหล่านักฆ่าเห็นว่ามันผิดปกติจึงรีบทิ้งกระบี่ไป แล้วชักมีดสั้นข้างเอวออกมาแทน
ภายในห้องอันมืดมิด แสงจันทร์ลางเลือนจากด้านนอกส่องกระทบคมมีดจนเป็ประกาย เห็นได้ชัดว่านักฆ่าเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนวรยุทธ์มาอย่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก แต่ผู้ที่ส่งพวกเขามาคงไม่ได้คาดคิดว่าวรยุทธ์ของหานโม่นั้นก็ก้าวหน้าไปมากเช่นกัน ดังนั้นถึงแม้ว่านักฆ่าที่ส่งมาจะมีฝีมือที่เก่งกาจมากเพียงใด แต่ความเป็จริงก็คือหานโม่ไม่ได้ใช้พลังยุทธ์เลยั้แ่เริ่ม
หานโม่ตั้งเป้าที่จะใช้โอกาสจัดการกับพวกเขาโดยไม่พลังยุทธ์แม้แต่หยดเดียว
แม้ว่าการฝึกฝนของนางในตอนนี้จะค่อยๆ ก้าวหน้าแม้จะเป็่ระยะเวลาสั้นๆ แต่สำหรับตระกูลหาน การก้าวหน้าเพียงเท่านี้ของนางไม่อาจกลายเป็เงื่อนไขที่ทำให้ตระกูลหานยอมรับตัวนางอีกครั้งได้ ในทางตรงกันข้ามสิ่งนี้อาจกลายเป็เครื่องย้ำเตือนตระกูลหานให้รีบกำจัดนางโดยเร็ว
คนตระกูลหานไม่อาจปล่อยให้นางได้เติบโตอย่างแข็งแกร่งเป็แน่ พวกเขาอาจจะหาทางบังคับนางให้บอกวิธีการฝึกวรยุทธ์อย่างแน่นอน ดังนั้นเมื่อใดที่นางเติบโตอย่างสมบูรณ์มันก็จะกลายเป็สิ่งที่ยิ่งใหญ่จนตระกูลหานไม่อาจสั่นคลอนได้ นางจึงจะจำเป็ต้องปกป้องตัวเองให้ดี!
ทั้งสองฝ่ายต่างต่อสู้กันไปมานับสิบกระบวนท่า ในฐานะที่เคยเป็ราชินีนักฆ่ารับจ้างแล้ว ทุกๆ การเคลื่อนไหวไม่จำเป็ต้องมาหวนรำลึกเลย ร่างกายของหานโม่สามารถตอบสนองได้อย่างเป็ธรรมชาติและนักฆ่าพวกนั้นถึงแม้ว่าจะมีฝีมือที่ไม่เลว แต่ว่าในยุคที่ให้ความสำคัญกับการฝึกฝนวรยุทธ์ ท่วงท่าของพวกเขาสามารถกล่าวได้ว่ามันล้ำหน้ากว่าผู้ที่ฝึกฝนวรยุทธ์ในหมู่เดียวกันอยู่มาก แต่หากเป็การต่อสู้ที่ไม่ต้องพึ่งพาวรยุทธ์แล้ว กระบวนท่าของพวกเขาในสายตาของหานโม่ก็เพียงแค่นั้นไม่ได้มีอะไรพิเศษ
การโจมตีที่มีข้อบกพร่องมากมายเช่นนี้มีไว้ให้หานโม่ใช้ฝึกซ้อมเท่านั้น ซึ่งหานโม่ก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ขาข้างหนึ่งถีบเข้าไปที่กลางท้องของนักฆ่าคนหนึ่ง หานโม่ยื่นนิ้วมือทั้งห้าออกไปจับลำคอทันที แล้วก็สามารถจัดการพวกนักฆ่าได้อย่างรวดเร็ว
การตายของเพื่อนคนหนึ่งทำให้นักฆ่าที่เหลือต่างหวาดกลัว อีกทำให้ท่วงท่าการโจมตีของพวกเขายิ่งดุเดือดรุนแรงมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าเป็วิธีการต่อสู้ของคนที่กำลังสิ้นหวังแล้ว
ประกายแห่งความดูถูกอยู่ในดวงตาของหานโม่ ด้วยหนึ่งต่อสามก็ไม่ได้เป็การต่อสู้ที่ยากลำบากอะไรนัก แล้วนับประสาอะไรกับหนึ่งต่อสองกัน
ระยะเวลาเพียงไม่นานหานโม่ก็กำจัดได้อีกคนหนึ่ง จนตอนสุดท้ายเหลือเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ดวงตาของนางเป็ประกาย แต่ก็ตัดสินใจที่จะแสร้งทำท่าว่ากำลังจะพ่ายแพ้ เมื่อชายชุดดำที่บนร่างกายมีาแทั่วทั้งร่างเห็นว่าหานโม่เริ่มซวนเซราวกับว่ากำลังจะล้มลง เช่นนั้นความหวังของการมีชีวิตอยู่จึงมีมากกว่าความพึงพอใจจากทำภารกิจสำเร็จอย่างเห็นได้ชัด เขาหันหลังให้กับหานโม่แล้วถีบตัวไปทางประตูห้องราวกับนกนางแอ่นกำลังจะโผบิน
ในตอนที่ชายคนนั้นหมุนตัวหันกลับไป หานโม่ก็กลับมาทรงตัวได้แล้ว ดวงตามองตามหลังชายคนนั้นที่กำลังวิ่งออกไป พลันรอยยิ้มก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของหานโม่
ในที่สุดโตวโตวก็บินออกมาจากหลังประตู มันมาเกาะอยู่บนไหล่ของหานโม่ด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
หานโม่เอ่ยถามขึ้นมาทันทีว่า "เ้าเป็อะไรหรือ?"
โตวโตวเงยหน้าทำมุมสี่สิบห้าองศามองไปบนท้องฟ้าสีดำสนิท พลางถอนหายใจเล็กน้อย "โอ้ บางครั้งนายท่านก็แข็งแกร่งเกินไป มันจึงทำให้สัตว์เทพผู้พิทักษ์อย่างข้านั้นเศร้าใจเล็กน้อย"
........................................................................
เชิงอรรถ
[1] อาภรณ์์ไร้ตะเข็บ หมายถึง สำนวนเปรียบเทียบถึงเหตุการณ์ที่เรียบร้อยราบรื่นรอบด้าน ไร้ปัญหาอุปสรรคหรือข้อตำหนิใดๆ
