หลัวจิ่งจับร่างผอมเล็กผู้นั้นได้ ณ จุดสิ้นสุดตรอกอย่างรวดเร็ว
แต่เมื่อค้นทั่วทั้งกายเขาแล้วกลับไม่พบวี่แววกระเป๋าเงินของเจินจูเลย
ตอนวิ่งหนีเขาคงโยนทิ้งไปที่ใดที่หนึ่งแน่
หลัวจิ่งอยู่ในกองทัพมาสามปี เคยเห็นวิธีการสอบสวนทรมานคนมานับไม่ถ้วน
เขาแค่นเสียงเย็นหนึ่งเสียง และยื่นมือออกไปตบที่จุดบนร่าง [1] ของเขาอยู่สองสามที
คนผู้นั้นเริ่มร้องโหยหวนครวญครางอย่างเ็ปทรมานขึ้น และไม่นานก็สารภาพออกมา
หลัวจิ่งคลายจุดของเขาออก เขานำทางหลัวจิ่งเดินไปสถานที่ลับตาคนแห่งหนึ่ง แล้วล้วงเข้าไปในตะกร้าไม้ถักผุพังหนึ่งใบหลังจากนั้นยื่นกระเป๋าเงินสีอ่อนส่งให้
เมื่อเปิดกระเป๋าใบเล็กออกดู เห็นอัญมณีประมาณเจ็ดแปดเม็ดมีสีสันต่างกันไป ทั้งหมดสะท้อนแสงระยิบระยับอยู่ด้านใน
หลัวจิ่งนำกระเป๋าเงินใบเล็กใส่เข้าในหน้าอก จากนั้นคว้าแขนขวาของคนผู้นั้นไว้ และบีบบนข้อมือขวาของเขาหนึ่งที
เพื่อเป็การลงโทษเ้าหัวขโมย จึงทำการหักนิ้วกลางของเขาทิ้ง
และบีบกระดูกข้อมือเขาจนแหลกละเอียด ต่อให้วันข้างหน้ารักษาหายแล้ว ก็ไม่สามารถทำเื่ขโมยเช่นนี้ได้อีกต่อไป
หลัวจิ่งเดินออกจากตรอกท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนของคนผู้นั้น
“ยังไม่กลับมาเลย…”
ภายในโรงเตี๊ยมฝูเซิง ทันทีที่เสียงเฉียบขาดของชายหนุ่มดังขึ้น
ใบหน้าหลัวจิ่งฉาบไปด้วยสีดำทะมึน หัวใจของเขาเต้นกระหน่ำขึ้นอย่างระงับไว้ไม่ได้ สมองสับสนมึนงงขึ้นในชั่วพริบตา ลมหายใจเปลี่ยนไปจนติดขัด
ทำไมนางยังไม่กลับมา? เวลาห่างจากที่เขาไปจับขโมยอย่างน้อยก็เป็เวลาหนึ่งเค่อกว่าแล้ว
เย็นย่ำเพียงนี้จะออกไปที่ไหนไกลได้ นางไม่มีทางเดินเตร่ไปทั่วด้วยตัวคนเดียวแน่
หัวใจของเขาเต้นอย่างรุนแรง เขาบังคับให้ตัวเองใจเย็นลง
“พี่ชายยู่เซิง ท่านพี่ข้าไม่ใช่ว่าออกไปกับท่านหรือ?”
ผิงอันอาบน้ำให้เสี่ยวเฮยกับเสี่ยวฮุยจนสะอาด ขณะที่คิดว่าหลังล้างหน้าแปรงฟันแล้วจะขึ้นไปพักผ่อนบนเตียง เพราะวันนี้เขาขี่ม้ามาทั้งวัน ่ขาอ่อนทั้งสองข้างล้วนถูกสีจนเกิดความเจ็บขึ้นแปลบๆ อยู่บ้าง
หลัวจิ่งเรียกหลัวสือซานเข้ามา
เล่าเื่ที่เกิดบนถนนเมื่อสักครู่ให้พวกเขาฟัง “เจินจูต้องพบเื่อะไรเข้าแน่ ให้คนค้นละแวกใกล้เคียงก่อนหนึ่งรอบ”
บนใบหน้าของเขาปรากฏความเย็นเยียบเคร่งขรึมขึ้น เผยให้เห็นความรู้สึกกระหายเืที่แฝงเร้นไว้ในขณะอยู่ท่ามกลางสนามรบออกมา ทำให้คนที่ได้เห็นหวาดกลัวยิ่งนัก
“พี่ชายยู่เซิง ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไปก่อน พวกเราพาเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวฮุยไปด้วย เมื่อไปถึงสถานที่เกิดเหตุก็ให้พวกมันช่วยหาสักหน่อย” ผิงอันรีบออกความเห็น
“พวกมัน... จะไหวหรือ?” หลัวจิ่งตะลึง ลืมคิดถึงพวกมันไปเลย
“ได้อยู่แล้ว ท่านพี่เคยว่าไว้ จมูกของพวกมันไม่แย่ไปกว่าเสี่ยวหวงเลยนะ” ความรู้สึกในการได้กลิ่นของพวกมันเยี่ยมยิ่งกว่าแมวและหนูทั่วไปเป็อย่างมาก ความสามารถในการแยกแยะทิศทางก็เหนือกว่าด้วยเช่นกัน ท่านพี่เคยบอกเขาว่าเมื่อใดก็ตามที่หานางไม่พบ ให้พวกเสี่ยวเฮยหรือเสี่ยวฮุยนำทางได้เลย
ในใจหลัวจิ่งสงบลงบ้าง เื่เจินจูถูกจับตัวไปไม่เหมาะประกาศเผยแพร่ สำหรับชื่อเสียงของนางแล้วย่อมเป็ผลเสีย หากสามารถช่วยคนกลับมาได้อย่างเงียบๆ จะเป็การดีที่สุด
ผิงอันกลับห้องไปอุ้มเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวฮุยมา ขณะที่เดินไปตามทางก็ได้เล่าเื่ที่เกิดขึ้นให้พวกมันฟังไปด้วย
หลัวจิ่งนำทางพวกเขามาถึงบนถนนที่เกิดเื่ขึ้น
ยามนี้ร้านค้าละแวกใกล้เคียงเริ่มทยอยกันปิดประตูลง แสงบริเวณโดยรอบเห็นได้ชัดว่ามืดลงไปมาก
เสี่ยวเฮยกับเสี่ยวฮุยะโลงไปบนพื้น เดินวนอยู่บริเวณใกล้ๆ หนึ่งรอบ และวิ่งกลับมาแทบจะเป็เวลาพร้อมกัน
“ตามพวกมันไป”
หลัวจิ่ง ผิงอันและหลัวสือซานตามไปอย่างฉับไว
ย้อนกลับมาถึงหัวโค้งแห่งหนึ่ง พวกมันหยุดลงสักพักและเดินวนอยู่สองรอบ เสี่ยวฮุยร้องขึ้นสองเสียง “จี๊ดๆ” น่าเสียดายไม่มีคนเข้าใจความหมายของมัน
หลังจากนั้นพวกมันเริ่มวิ่งออกไปอีกด้านหนึ่งของถนน ด้วยความรวดเร็วเพียงเวลาไม่กี่ลมหายใจก็วิ่งออกไปไกลมาก สามคนที่ตามอยู่ข้างหลังของพวกมัน พยายามปลุกพละกำลังขึ้นมาเกินร้อย รีบตามไปด้วยความเร็วสุดกำลัง
ถนนในความมืดมิด ไม่มีร่องรอยของผู้คนสัญจรให้ได้เห็นเลยแม้แต่คนเดียว
พวกเขาตามเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวฮุยมาตลอดทาง เดินๆ พักๆ สุดท้ายหยุดลงตรงด้านหลังกำแพงลานที่พักแห่งหนึ่ง ที่นั่นเป็ประตูไม้สีแดงเข้ม
“เหมียว” เสี่ยวเฮยพุ่งเข้าไปด้านในร้องขึ้นหนึ่งเสียง
“ท่านพี่อยู่ด้านใน?” ผิงอันหอบหายใจเบาๆ เสี่ยวเฮยกับเสี่ยวฮุยเคลื่อนไหวเร็วเกินไป ผิงอันใช้แรงกำลังจนสุดจึงสามารถตามทันได้
“จี๊ดๆ” เสี่ยวฮุยก็ร้องขึ้นสองเสียง
หลัวจิ่งกับหลัวสือซานมองหน้ากันอยู่สองที
“คุณชาย พวกเราเข้าไปดูสักหน่อย แม่นางหูเป็แม่นางตัวเล็กบอบบาง ต้องถูกคนจับตัวไปแน่ หากปล่อยเวลานานไปเกรงว่าจะไม่เป็ผลดีกับนางสักเท่าไรขอรับ” หลัวสือซานตักเตือนอย่างคลุมเครือ สตรีที่ถูกจับไปมักไม่มีอะไรมากไปกว่าการถูกคนพึงใจในความงาม ยิ่งเวลาที่ถูกจับตัวไปนานเท่าไรก็ยิ่งไม่เป็ผลดีกับนางมากเท่านั้น
หลัวจิ่งโมโหจนสีหน้าเขียวคล้ำ ในดวงตาปรากฏความกรุ่นโกรธกระหายเื โทษที่เขาสะเพร่าเกินไป ถูกแผนล่อเสือออกห่างูเา [2] ของคนทำให้ติดกับเข้า หากเจินจูเกิดอะไรขึ้น เขาจะทำให้มันได้เสียใจที่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้เลยทีเดียว
เสี่ยวเฮยจ้องพวกเขาอย่างหงุดหงิดใจปราดหนึ่ง แล้วตัดสินใจข้ามกำแพงเข้าไปเอง เสี่ยวฮุยจึงรีบตามไปติดๆ
“ไป... เข้าไป ทุกคนระวังตัวด้วย” ในเมื่อกล้าปล้นคนไปกลางถนนอย่างไม่เกรงกลัว น่าจะต้องมีบุคคลหนุนหลังแน่ ไม่ว่าจะเป็ในที่ลับหรือที่แจ้งต้องไม่ขาดลูกน้องที่มีฝีมือไปแน่นอน
เงาคนทั้งสามข้ามสันกำแพงเข้าไป
...เจินจูฟื้นขึ้นมา ไม่ได้เปิดเปลือกตาขึ้นในทันที
นางจำได้กระจ่างแจ้งว่าถูกคนจู่โจมจนหมดสติ รวดเร็วเสียจนกระทั่งไม่ทันให้นางได้พิจารณาเลยว่าควรหลบเข้าในมิติช่องว่างดีหรือไม่
ตอนนี้นางถึงได้รู้แล้วว่า ที่แท้การมิติช่องว่างก็ไม่ได้รับประกันว่าจะมีชีวิตที่ปลอดภัยได้เพียงนั้น
คนที่มีวรยุทธ์แข็งแกร่งสูงส่ง ชั่วพริบตาเดียวก็สามารถเอาชนะนางได้ โดยที่นางไร้ความสามารถทำการตอบโต้อื่นใดได้เลย
มีเสียงสนทนาเบาบางแว่วเข้าหูนาง ราวกับแว่วมาจากที่ไกลออกไปเล็กน้อย บริเวณใกล้เคียงไม่มีเสียงลมหายใจอื่น แต่นางก็ยังหยิบขวดไม้ใบเล็กที่บรรจุผงม่านถัวหลัวออกมาจากมิติช่องว่างอย่างระมัดระวัง
เปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ กวาดมองสภาพแวดล้อมรอบกายปราดหนึ่งด้วยความรวดเร็ว
ภายในห้องที่อยู่เป็ห้องหนึ่งข้างห้องโถงใหญ่ เครื่องเรือนโอ่อ่าฟุ้งเฟ้อจัดวางอย่างงดงาม เครื่องเรือนไม้หนานมู่ทั้งชุดแกะสลักลวดลายหงส์ ผ้าม่านลายดอกจื่อหลัวหลัน [3] และดอกถานฮวา [4] บนตะขอทองเนื้อดีแขวนหยกฉลุลายสีแดงสดไว้
บนโต๊ะไม่ไกลออกไปเท่าไรมีกระถางธูปัไร้เขาเลี่ยมทองแกะสลักอย่างประณีตวางเด่นอยู่ มีควันจางๆ หนึ่งสายกำลังลอยขึ้นเป็เกลียว ภายในห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมกรุ่น
บนกายคลุมไว้ด้วยผ้านวมที่ทำจากผ้าต่วนสีเหลืองผลซิ่งลวดลายดอกกล้วยไม้ นางลูบคลำบนร่างกายตัวเอง... ยังดีที่สวมเสื้อผ้าอยู่ครบ
ภายในห้องไม่มีคน คงคิดไม่ถึงว่านางจะฟื้นขึ้นมารวดเร็วเพียงนี้
นางพลิกผ้านวมออกตรวจสอบ บนกายยังสวมเสื้อผ้าของตัวเองอยู่ นางผ่อนลมหายใจโล่งอก สารเลวนัก เป็ไอ้ชั่วตัวไหนกันที่กล้าจับคนมาจากบนถนนเช่นนี้
เสียงสนทนาบางเบาแว่วเข้าหู นางลงจากเตียงไม่แม้แต่จะสวมรองเท้า แล้วย่องอย่างเงียบเชียบไปใกล้ทางแหล่งที่มาของเสียง
“คุณชายสาม เสื้อผ้าที่สวมบนกายของแม่นางผู้นั้นเป็ผ้าไหมซูโจวที่ออกมาใหม่ในปีนี้ ไม่เพียงราคาไม่เบาเท่านั้นนะเ้าคะ แต่ยังมีสีสันที่ต่อให้มีเงินก็ซื้อมาไม่ได้อีกด้วย ทำไมท่านถึงไม่ตรวจสอบความเป็มาสักหน่อยก่อนจับคนมาล่ะเ้าคะ?” เสียงสตรีแหบต่ำกล่าวขึ้น
“หึๆ ข้าเกิดความสนใจขึ้นมาชั่วขณะ เห็นนางเดินอยู่บนถนนเข้าพอดี เ้าน่ะไม่เห็น นางแย้มยิ้มพราวเสน่ห์อยู่ภายใต้แสงจากโคมไฟ ช่างงดงามมากยิ่งนัก พี่ใหญ่ ไม่ใช่ว่าอยากมอบสาวงามไปให้เบื้องบนมาตลอดหรือ นางต้องทำให้บุรุษมากมายหลงใหลได้แน่” ในน้ำเสียงของชายอ่อนวัยแฝงไว้ด้วยความประจบยินดีขึ้น
“แม่นางผู้นั้นงดงามมากนั่นก็ใช่ แต่เกรงว่าจะเป็คุณหนูของนายท่านขุนนางที่มีตำแหน่งสูงมีอำนาจมากที่ไหนเข้าน่ะสิ หากมีการสืบสวนขึ้นมา นั่นไม่ใช่เื่ล้อเล่นเลยนะเ้าคะ” สตรีผู้นั้นกล่าวด้วยความเป็กังวล
“ไม่เป็ไร ฐานะสูงศักดิ์แล้วอย่างไร ชายผู้นั้นข้าให้คนที่ทำงานฉับไวและแข็งแกร่งเบี่ยงเบนความสนใจเขาไปแล้ว คนที่ทำงานฉับไวและแข็งแกร่งผู้นั้นก็ให้คนไปเก็บกวาดเรียบร้อย จะไม่มีผู้ใดรู้ว่าเป็การลงมือของพวกเรา และไม่มีทางสาวมาถึงเราได้แน่”
ชายผู้นั้นหัวเราะอย่างไม่สนใจ พยานบุคคลและพยานสิ่งของล้วนไม่มี ผู้ใดจะรู้ ว่าคนงามถูกเขาจับตัวมา
“เ้าอย่าเพิ่งสนใจสิ่งเหล่านี้ รอให้สาวงามผู้นั้นฟื้นขึ้นมาแล้ว ค่อยส่งนางไปให้ทางพี่ใหญ่ หากนางไม่ยินยอมก็เก็บไว้ให้ข้าอุ่นเตียงเสีย หึๆ คนงามที่บอบบางน่าทะนุถนอมเช่นนี้ ข้าก็ทำใจมอบให้ผู้อื่นไม่ได้เช่นกัน”
“เ้าค่ะ”
นางถูกคนจับตัวมาจริงดังคาด เจินจูขมวดคิ้วแน่น หลบฟังรายละเอียดอยู่หลังประตู นางสวมผ้าฝ้ายบางๆ ย่ำอยู่บนพื้นเย็น ทว่าไม่มีความรู้สึกถึงความเย็นเยียบเลยแม้แต่น้อย
มารดามันเถอะ สภาพสังคมภายนอกเลวร้ายจริงๆ หน้าตางดงามนิดหน่อยก็ล้วนกลายเป็ความผิดพลาดเสียแล้ว
คุณชายสามอะไรผู้นี้เป็ไอ้ชั่วบ้าตัณหาออกมาจากที่ใดกัน มองนางแวบเดียวก็กล้าตรงเข้ามาจับตัวคนเสียได้ หลัวจิ่งน่าจะค้นพบความผิดปกติแล้วกระมัง จะถูกเขาโกรธแย่เลยไหมนี่
คิดถึงใบหน้าอึมครึมของเขาขึ้น เจินจูอดเบะปากไม่ได้ เขาไม่ใช่ว่าออกไปอยู่ข้างนอกมาหลายปีหรือ แผนล่อเสือออกห่างูเาเช่นนี้กลับมองไม่ออกเสียนี่ เฮ้อ... จะว่าไปแล้วก็ต้องโทษนาง หากในกระเป๋าใบเล็กนั่นมีเพียงเงินเล็กน้อย หลัวจิ่งคงไม่มีทางออกห่างไปจากนางแล้วไปจับนักล้วงกระเป๋านั่น
ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีนะ?
นางกัดริมฝีปากล่างครุ่นคิด
เสียงด้านนอกแว่วเข้ามาติดต่อกันเป็ระยะๆ
“ไม่ใช่บอกว่าสาวงามที่โปรดปรานในจวนเบื้องบนคนผู้นั้นป่วยหรอกหรือ พอดีเลย ถือโอกาส่ที่ตำแหน่งสาวงามว่างอยู่ ก็มอบคนงามคนใหม่ไป เมื่อสาวงามคนใหม่ได้รับความโปรดปราน ขณะที่รอรางวัลปูนบำเหน็จความชอบ ตำแหน่งของพวกเราก็จะน้ำขึ้นเรือย่อมสูงไปด้วย ฮ่าๆ”
“เกรงว่าสาวงามจะไม่ให้ความร่วมมือน่ะสิเ้าคะ”
“เหอะ นางจะกล้าไม่ให้ความร่วมมือหรือ สาวงามหยดย้อยผู้หนึ่ง หากหยิบยกอุบายอะไรออกมาข่มขู่ก็คงเชื่อฟังแต่โดยดีแล้ว หากเตือนดีๆ ไม่ฟังจำต้องให้บังคับจึงจะฟัง เช่นนั้นก็ให้นางได้ชิมรสชาติของเก้าเก้าสะบั้นอารมณ์ปลดปล่อย [5] สักหน่อย”
“เ้าค่ะ”
เก้าเก้าสะบั้นอารมณ์ปลดปล่อย? นั่นเป็พิษที่สร้างความเสียหายอย่างไร? มารดาเถอะ นางเข้ามาในกลุ่มชาวยุทธ์โเี้ที่ไหนเข้านี่ มีการใช้ยาพิษควบคุมคนด้วย
ขนอ่อนตามร่างกายเจินจูตั้งชัน นางเริ่มพิจารณาบริเวณโดยรอบขึ้นทันที ทางที่ดีที่สุดถือโอกาสตอนที่ความระมัดระวังตัวของพวกเขาต่ำ หาสถานที่หลบสักหน่อย ไม่รู้ว่าพวกหลัวจิ่งจะค้นพบที่นี่ได้ตอนไหน นางต้องคิดวางแผนด้วยตัวเองก่อนแล้ว
“คุณชายสามเ้าคะ คุณชายใหญ่ก็อยู่ในจวนเช่นกัน ต้องบอกให้คุณชายใหญ่ทราบสักหน่อยไหมเ้าคะ?”
“รีบอะไรกัน พรุ่งนี้ค่อยบอก ผิวพรรณบนใบหน้าสาวงามผู้นั้นนุ่มลื่นเสียยิ่งกว่าเปลือกไข่ไก่ที่แกะแล้วเสียอีก เกรงว่าเนื้อนุ่มบนร่างกายจะทำให้คนเคลิบเคลิ้มได้มากยิ่งกว่า เช่นนั้นให้คุณชายอย่างข้าเสพสุขสักคืนก่อนแล้วกัน ฮ่าๆ”
“คุณชายสาม เช่นนี้ไม่ได้นะเ้าคะ”
“กลัวอะไร ข้ารู้น่า ขอแค่ส่วนพรหมจารีของนางไม่เสียหายก็พอแล้ว”
คนที่แอบฟังอยู่หลังประตูเกือบแข็งทื่อมือไม้อ่อน ไอ้ชั่วบ้าตัณหานั่นฉวยโอกาสตอนที่นางไม่มีสติลูบคลำนางงั้นหรือ?
เจินจูลูบใบหน้าตัวเองและลูบไปตามปกเสื้อ ััไปตามร่างกายว่ามีส่วนใดเกิดความผิดปกติไม่เหมาะสมหรือไม่
ขณะที่กำลังใช้มือคลำไปทั่ว ทางด้านนั้นก็มีเสียงความเคลื่อนไหวแว่วเข้ามา
“เ้าออกไปก่อนเถอะ ข้าจะไปดูว่าสาวงามฟื้นแล้วหรือยัง”
“เ้าค่ะ”
เสียงฝีเท้าดังขึ้น
เจินจูใจนตัวสั่น มารดาเถอะ ทำอย่างไรดี? หลบเข้ามิติช่องว่างไปเลยดีไหม? หรือะโวิ่งหนีออกทางหน้าต่าง? หรือแกล้งหลับไปเสียเลยดี?
นางก้าวเท้าพุ่งไปข้างเตียง หิ้วรองเท้าขึ้นแล้วไปหลบอยู่หลังโครงเตียงไม้หนานมู่ กลั้นลมหายใจเงียบเชียบไม่กล้าขยับตัวเลยแม้แต่นิดเดียว
ประตูห้องถูกคนผลักเปิดออก ชายหนุ่มผู้หนึ่งบนกายสวมชุดคลุมยาวสีน้ำเงินสดใสมีลวดลายเล็กน้อยเดินเข้ามาอย่างผ่อนคลาย
“เอ๋? คนงามฟื้นแล้วหรือ?” ชายผู้นั้นมองไปบนเตียง ในกองผ้าห่มอันยุ่งเหยิง ไร้เงาคนอยู่
ทว่าเขาไม่ได้รีบร้อน หญิงสาวอ่อนแอไร้วรยุทธ์ผู้หนึ่ง ฟื้นขึ้นมาแล้วจะหนีไปไหนได้
“ฮ่าๆ น่าสนใจยิ่งนัก”
เขานั่งอยู่ข้างโต๊ะทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส รินชาใส่ถ้วยให้ตัวเองอย่างเนือยๆ
ลมหายใจที่อยู่ด้านหลังโครงเตียงทั้งเบาทั้งผ่อนออกมาช้าเป็อย่างมาก หากไม่ตั้งใจเพ่งฟังให้ดี ไม่แน่ว่าอาจทำให้นางตบตาไปได้จริงๆ
“คนสวย เ้าเหนื่อยแล้วกระมัง มาพักสักหน่อยสิ แต่ไหนแต่ไรมาคุณชายเช่นข้ารักหยกถนอมบุปผา ไม่ล่วงเกินหญิงงามหรอก” เขาะโกล่อมไปทางหลังเตียงอย่างสนุกสนาน
มือของเจินจูกุมขวดไม้ใบเล็กไว้แน่น ฝาขวดได้หมุนไปยังทิศทางที่มีรูแล้ว ขอแค่เขากล้าเข้ามาก็รอดูได้เลย
ชายหนึ่งเดียวในห้องรออยู่นาน เมื่อไม่มีคนตอบกลับจึงเกิดความหงุดหงิดใจพุ่งพรวดขึ้น
“ให้โอกาสแล้วไม่เอา อีกเดี๋ยวข้าจะหมดความอดทนแล้วนะ ผิวละเอียดเนื้อนุ่มบนเรือนร่างของเ้าอาจต้องได้รับโทษเสียล่ะ”
ยังคงไม่มีเสียงการตอบรับ
“เหอะ!” เขายืนขึ้นทันที สาวเท้าก้าวใหญ่ไปทางหลังแท่นเตียง
เชิงอรรถ
[1] จุดบนร่าง คือ ประสาทจุดสำคัญตามร่างกายที่ใช้สำหรับฝังเข็ม
[2] แผนล่อเสือออกห่างูเา หมายถึง วางแผนให้ฝ่ายตรงข้ามออกไปจากสถานที่อยู่เดิมหรือตำแหน่งที่มีประโยชน์ เพื่ออำนวยให้ฝ่ายของตัวเองโจมตีศัตรูให้พ่ายแพ้ได้ (คล้ายล่อเสือออกจากถ้ำ)
[3] จื่อหลัวหลัน คือ ดอกไวโอเล็ต
[4] ดอกถานฮวา เป็ดอกของต้นไม้เตี้ยที่มีสีเขียวตลอดปี ดอกใหญ่สีขาวจะบานในตอนกลางคืน ่ระยะเวลาบานจะสั้นมาก เป็ต้นไม้ที่ปลูกไว้ชมเพื่อความสวยงาม
[5] เก้าเก้าสะบั้นอารมณ์ปลดปล่อย คือ พิษที่มีฤทธิ์ทำให้คนไม่ได้สติ นับจากวันที่โดนพิษไปภายในเวลา 81 วัน (มาจาก 9*9 = 81) จะจมอยู่กับความเ็ปทรมานอย่างมาก เมื่อครบ 81 วัน อาจตายไปโดยที่ไม่อาจสืบทราบสาเหตุได้