ซูหรงหรงมองไปที่ด้านหน้าอย่างหวาดระแวงสิ่งที่เห็นเป็อย่างแรกคือรองเท้าบูตของทหาร เมื่อมองไล่ขึ้นมาเธอก็เห็นขาอันเรียวยาวและเมื่อมองขึ้นมาจนสุดเธอก็เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของจ้านอี้หยาง
พระแม่มารีช่วยลูกด้วย
ซูหรงหรงถอนหายใจหนึ่งครั้ง เธอพยายามจะหาที่หลบแต่ทว่ากระเป๋าสะพายหลังของเธอมันก็ชนเข้ากับที่นั่ง จนโทรศัพท์ของเธอกลิ้งตกพื้น
จ้านอี้หยาง? ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?
เธอเบิกตากว้างจ้องมองไปที่ใบหน้าของจ้านอี้หยาง
“สายสาม...ผ่านทางไปกองทัพนายอย่างนั้นเหรอ? หรือว่า...นายมาผิดทาง?”
คนขับรถที่ยืนอยู่ด้านหลังของจ้านอี้หยางเกือบจะหลุดหัวเราะออกมาสาวน้อยคนนี้ เอ่อ ไม่สิ ปฏิกิริยาตอบกลับของคุณหญิงจ้าน ช่างจะ...น่ารัก
ใบหน้าของจ้านอี้หยางเหมือนจะยิ่งมืดมัวขึ้นเขาดึงตัวของซูหรงหรงให้ลูกขึ้นยืน
“ไปกับฉัน!”
“อ๊ายๆ...”
ซูหรงหรงต้องออกแรงวิ่งถึงจะเดินตามทันจ้านอี้หยาง
“จ้านอี้หยาง นายทำอะไรของนายการรังแกผู้หญิงของคนทั้งประเทศไม่ใช่หน้าที่ของทหารอย่างนายเสียหน่อย”
จ้านอี้หยางพาตัวซูหรงหรงเข้ามาในลิฟต์ของสถานีรถไฟ เขาถอนหายใจเย็นเฉียบก่อนจะจ้องตาเธอเขม็ง
“ผู้หญิงของคนทั้งประเทศ? ต้องให้ฉันออกปากเตือนเธอไหมว่าตอนนี้เธอคือคุณหญิงจ้าน ภรรยาของฉัน หืม?”
“…”
ซูหรงหรงจ้องหน้าเขาอย่างตกตะลึงภายในดวงตาเบิกกว้างนั้นครึ่งหนึ่งเต็มไปด้วยความสับสน ส่วนอีกครึ่งคือหวาดกลัว
จ้านอี้หยางโมโหแล้ว ถ้าจะพูดให้ถูก โมโหจนถึงขีดสุด
สถานการณ์ตอนนี้เหมือนกับว่าเขาเป็ดั่งหมาป่าที่กำลังจะจับเ้ากระต่ายน้อยกินลงท้อง
แต่ว่านะ เธอเพียงแค่ไม่ฟังคำสั่งเขาแล้วก็หนีกลับบ้านจะต้องโกรธขนาดนี้เลยเหรอ?
เธอเอียงหัว ยิ่งมองหน้าเขาเธอก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้เขาโกรธเป็ฟืนเป็ไฟขนาดนี้กันท่าทีของเขาตอนนี้ช่างเหมือนเด็กที่หัวรั้นโง่เขลา
จ้านอี้หยางอยากจะหยิกซูหรงหรงให้ตาย เป็แบบนี้แทบทุกครั้งเวลาที่เขาโมโห เธอมักจะไม่รู้เสมอว่าเขาโมโหเื่อะไร สายตาที่เขามองมาราวกับว่าเขาเป็คนไม่มีเหตุผล
อะไรทำให้เธอซื่อบื้อได้ขนาดนี้กัน?
“ตึง”
ลิฟต์เดินทางมาถึงจุดหมายจ้านอี้หยางนำเสื้อคลุมตัวนอกของเธอออกมาคลุมไว้บนหัวของเธอก่อนจะกดหัวเธอต่ำลงเพื่อไม่ให้ใครจำเธอได้ ก่อนจะพาตัวเธอออกไป
ซูหรงหรงรู้สึกราวกับว่าเธอเป็นักโทษเธอร้องออกมาด้วยความอึดอัด
“อ้านอี้อ๋างงงง....”
“หุบปาก”
จ้านอี้หยางเอ่ยเสียงต่ำให้เพียงเขาและเธอเท่านั้นที่ได้ยิน
“ออกไปได้แล้วฉันจะคิดบัญชีกับเธอ”
ซูหรงหรงเบะปากไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก
หลังจากที่ออกจากสถานีรถไฟใต้ดินพวกเขาเดินมาฝั่งตรงกันข้ามกับลิฟต์พอดีเจอเข้ากับกลุ่มเด็กที่ใส่เครื่องแบบนักเรียนอยู่กลุ่มหนึ่งหนึ่งในกลุ่มนักเรียนนั้นรีบสะกิดเพื่อนให้มองมาที่จ้านอี้หยาง
“ดูเร็ว คุณพี่ทหารสุดหล่อ”
“อาๆๆ รีบถ่ายรูปเร็ว รีบแชร์ลงในเว่ยป๋อคุณพี่ชายทหารที่หล่อที่สุดและมีคนหลงรักมากที่สุด”
เมื่อได้ฟัง จ้านอี้หยางขมวดคิ้วเขาส่งสายตาเย็นะเืไปที่เหล่านักเรียนวัยเยาว์เ่าั้เหล่านักเรียนพากันหันหน้าหนี มีเพียงลมเท่านั้นที่พัดผ่านระหว่างพวกเขาใบหน้าที่ดุดันของจ้านอี้หยางส่งผลทำให้ไม่มีใครกล้าถ่ายรูปเขาเลยสักคน
ก็แบบนี้แหละ ทหารมักจะหล่อแต่โหด โหดจนทำให้คนกลัว
ซูหรงหรงที่โดนกดหัวต่ำลงกระตุกแขนเสื้อของจ้านอี้หยาง
“แม้ฉันจะมองไม่เห็นนาย แต่ฉันรู้นะว่านายกำลังทำหน้าแบบไหนอย่าไปทำให้คนอื่นใเลย พวกเขาก็แค่ถูกเสน่ห์ของนายดึงดูดเท่านั้น”
จ้านอี้หยางส่งเสียงเ็ากลับมาหาเธอ
“หุบปากซะคนที่ฉันจะทำให้กลัวคนถัดไปก็คือเธอ”
ซูหรงหรงพยายามจะเงยหน้ามองจ้านอี้หยางเธอเบะปากก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยความไร้เดียงสา
“ฉัน...ฉันก็แค่ไม่ฟังคำพูดของนายเท่านั้นเลิกข่มเหงฉันได้แล้วน่า”
จ้านอี้หยางหลุดหัวเราะอย่างเ็า
“เธอเป็คนแรกที่ไม่รู้จักรักษาชีวิตของตัวเองไว้โดยการไม่ฟังคำพูดของฉันไม่ข่มเธอแล้วจะให้ไปข่มใคร หืม?”
ซูหรงหรงหดไหล่เล็กลง ก้มหน้านิ่ง จ้านอี้หยางชนะแล้ว
เมื่อออกจากสถานีรถไฟใต้ดินจ้านอี้หยางไม่พูดพร่ำทำเพลงก็โยนซูหรงหรงเข้าไปนั่งประจำที่นั่งข้างคนขับ ในขณะเดียวกันเขาออกคำสั่งให้คนขับรถของเขาก็ลากกระเป๋าเดินทางออกมา
“นายหาทางไปพบฉันที่ชานเมือง”
เขาไม่อยากที่จะสั่งสอนภรรยาของตนเองต่อหน้าคนอื่น
“ครับ ท่าน ผบ.”
คนขับรถวางกระเป๋าของซูหรงหรงที่ด้านหลังเสร็จแล้วก็วิ่งออกไปจ้านอี้หยางเองก็นั่งประจำตรงที่คนขับ เขาสตาร์ตรถก่อนจะขับออกไปด้วยความเร็ว
รถของทหารที่จอดอยู่ข้างถนนนี้ไม่มีรถคันไหนกล้าเข้าใกล้และคงไม่มีใครกล้าขโมย
ซูหรงหรงคิด ก็คงเหมือนกับหน้าของจ้านอี้หยางตอนนี้เธอไม่กล้าที่จะไปกระตุ้นอารมณ์ใดๆ ของเขา เพราะแรงอำมหิตที่แผ่ออกมาช่างรุนแรงเสียจริง
เกิดความเงียบงันขึ้นภายในรถซูหรงหรงชำเลืองมองคนที่ไม่แม้แต่จะส่งหางตามามองหน้าเธอสุดท้ายเธอก็ไม่กล้าเปิดปากพูด
รถแล่นมาจนถึงชานเมืองโดยที่ไม่มีรถคันไหนขับสวนมาเลยสักคันจ้านอี้หยางจอดรถบริเวณริมถนน เขานั่งเฉยๆ บนที่นั่งคนขับ ไม่แม้แต่จะกระดิกตัวหรือเปิดปากพูดราวกับซูหรงหรงกำลังนั่งอยู่กับรูปปั้นที่ใส่เครื่องแบบทหารอย่างไรอย่างนั้น
“จ้านอี้หยาง...”
ซูหรงหรงเอ่ยพร้อมกับใช้ความกล้ากระตุกที่ข้อมือของเขาแล้วเอ่ยด้วยเสียงหวาน
“...นายโกรธอย่างนั้นเหรอ?”
จ้านอี้หยางหันมามอง อารมณ์ของเขาเหมือนกับก้อนเมฆที่กำลังตั้งเค้าเป็พายุพาท้องฟ้ามืดมนไปหมด
“ฉันยังแสดงออกไม่พอใช่มั้ย?”
ซูหรงหรงหดตัวแล้วหดตัวอีกบนที่นั่งของเธอก่อนจะพยักหน้า
“แสดงออกพอแล้ว”
แสดงออกพอแล้ว แล้วยังจะมาถามเขาจ้านอี้หยางรู้สึกอยากจะหยิกเธอให้ตายเสียจริงๆ
“จ้านอี้หยาง”
ซูหรงหรงสำรวจอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของเขาเสียงเธอทั้งเบาทั้งอ่อนหวาน
“ฉันแค่อยากกลับบ้านเฉยๆ นาย...นายไม่จำเป็ต้องโกรธแล้ว”
“ไม่จำเป็?”
จ้านอี้หยางหัวเราะเสียงเย็น
“ซูหรงหรง ฉันเคยเตือนเธอแล้วไม่ใช่เหรอหากฉันไม่อนุญาตเธอห้ามกลับบ้าน หืม?”
ซูหรงหรงเบะปาก ท่าทางไม่พอใจเท่าไร
“แต่ว่าฉันอยากกลับบ้านนี่นา...ตกลงนายมีเหตุผลอะไรไม่อยากให้ฉันกลับบ้านกันแน่? เพราะฉันหลอกนายว่าทำกับข้าวไม่เป็อย่างนั้นเหรอ? ขี้น้อยใจ!...ไหนๆ ก็พูดแล้ว ฉันเป็ภรรยาของนายนะคนที่ควรจะมีอิสระก็คือฉัน ทำไมนายถึงไม่ให้ฉันกลับบ้าน?”
เมื่อพูดจบ เธอส่งสีหน้าไม่พอใจปนประท้วงเล็กๆ ไปที่จ้านอี้หยาง
จ้านอี้หยางกัดฟัน ดีเหลือเกินยัยกระต่ายน้อยเริ่มเล่นแง่กับเขาแล้ว
เขาจ้องมองไปที่ซูหรงหรง ตอนแรกคิดจะพูดกับเธอว่าเพราะพวกเขาเพิ่งแต่งงานกันได้เพียงสองวันการที่ภรรยาอยู่ๆ ก็กลับบ้านอาจจะทำให้พ่อแม่ฝั่งภรรยาเข้าใจผิดได้ แต่ในเมื่อซูหรงหรงเอ่ยออกมาแบบนี้
“จ้านอี้หยาง นายใจร้อนเกินไป ฉันไม่ชอบผู้ชายใจร้อนฉันคิดว่าพวกเราคงไม่มีวิธีที่จะอยู่ร่วมกันได้หรอก”
เมื่อพูดจบซูหรงหรงก็ก้มหน้าลง เธอพูดออกไปหมดแล้วแต่เธอกลับไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าจ้านอี้หยางตอนตอบ
จ้านอี้หยางหรี่ตาลง
“แล้วไง?”
เขาจ้องมาที่ซูหรงหรง รออย่างใจจดใจจ่อให้เธอตอบคำถาม
มีเพียงจ้านอี้หยางเท่านั้นที่รู้ดีว่า ความโกรธภายในใจของเขามันใกล้จะะเิออกมาแล้ว
กล้าพูดว่าไม่ชอบเขา ยัยกระต่ายน้อยอยากโดนถลกหนังนักใช่ไหม!
“เพราะฉะนั้น...”
ซูหรงหรงครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้ามองเขาแม้เสียงเธอจะเบาแต่มันกลับดูหนักแน่น
“เพราะฉะนั้นฉันอยากกลับบ้าน ฉันไม่อยากอยู่กับนาย!”
“ซูหรงหรง!”
จ้านอี้หยางตะคอกเสียงเย็น ขณะนี้บรรยากาศภายในรถราวกับกระแสน้ำเย็นของไซบีเรียไหลผ่านข้ามชายแดนมาอย่างไรอย่างนั้น
ซูหรงหรงราวกับถูกแข็งซัดที่หน้า เธอจ้องไปที่จ้านอี้หยาง
วินาทีต่อมา คางของเธอก็ถูกจ้านอี้หยางล็อกไว้ จ้านอี้หยาง้าที่จะกลืนกินทั้งฟันที่กัดแน่นและปากที่เม้มอยู่ของเธอ
“ไม่อยากอยู่กับฉันอย่างนั้นเหรอ? ดีมาก!”
จากนั้น ริมฝีปากของเธอก็ถูกเขา...
รสจูบที่รุนแรงดังพายุพัด ทั้งหนักหน่วงทั้งน่าสงสารริมฝีปากสีชมพูของเธอถูกบดขยี้ ราวกับว่าตอนนี้จ้านอี้หยางกำลังขโมยลมหายใจของเธออย่างไรอย่างนั้น
ซูหรงหรงมองด้วยความโง่เขลาและตกตะลึงก่อนจะนึกได้ว่าเธอจะต้องป้องกันแต่เหมือนกับว่าจ้านอี้หยางจะรู้ล่วงหน้า เขารีบล็อกตัวเธอไว้ เขาออกแรงจนเธอไม่สามารถตอบโต้เขาได้ราวกับว่าเขา้าจะกลืนกินตัวเธอเข้าไปในตัวเขาอย่างไรอย่างนั้นเธอทำได้เพียงใช้ฟันบนฟันล่างประกบกันเพื่อป้องกัน
จ้านอี้หยางขมวดคิ้ว ความไม่พอใจที่ส่งไปนั้นยิ่งรุนแรงขึ้นจนซูหรงหรงงยอมที่จะเปิดฟันออกเขารีบดุนดันลิ้นเข้ารุกล้ำพื้นที่ในโพรงปากของเธอ
“อุ๊บ...จ้านอี้หยาง....”
ซูหรงหรงหายใจอย่างติดขัดแต่เธอก็ยังสามารถเรียกชื่อเขาออกมาได้ แต่ริมฝีปากของเธอก็ถูกเขายึดไปอีกครั้ง
เขาไม่เปิดโอกาสให้เธอพูด และไม่เปิดโอกาสให้เธอตีตัวออก
ซูหรงหรงถูกเขารัดจนแน่น เธอหายใจอย่างยากลำบากและสูญเปล่าประสาทััที่ปลายลิ้นเริ่มมึนงงสับสน บริเวณที่โดนเขาจับเองก็เริ่มรู้สึกเ็ป
เขามันคนเผด็จการ!
ความเ็ปทางกายกระตุ้นความเ็ปไปจนถึงหัวใจดวงตาของเธอเริ่มร้อนผ่าวของเหลวที่เรียกว่าน้ำตาไหลออกจากดวงตาผ่านลงไปที่แก้ม...
จ้านอี้หยางรู้สึกได้ถึงความเย็นของหยดน้ำก่อนรับรู้รสเค็มจากััที่ริมฝีปาก...น้ำตา?
เขาตะลึงงัน ก่อนจะคลายััจากซูหรงหรงอย่างนุ่มนวลเขาได้เห็นใบหน้าที่เปรอะไปด้วยน้ำตาของเธอ น้ำใสๆ ไหลจากดวงตาเธอเป็สาย
แต่ไหนแต่ไรมาเขามักเกลียดที่จะเห็นคนร้องไห้การร้องไห้ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาใดๆ แต่ยังแสดงออกมาถึงความอ่อนแอของตนเองเขาเกลียดการร้องไห้แบบนี้
แต่ตอนนี้เขากลับพบว่า ที่ผ่านมาสิ่งที่เขาเกลียดที่สุดคือน้ำตาของซูหรงหรง
น้ำตาสีใสไหลมาเป็ทางบนแก้มสีขาวบัดนี้ดวงตาสุกวาวสดใสของเธอถูกแทนที่ด้วยน้ำตาไปจนหมดราวกับร่างกายของเธอกำลังประท้วงเขา ริมฝีปากชมพูระเรื่อของเธอตอนนี้บวมแดงสายตาจับจ้องมาที่เขาอย่างน่าสงสาร ยัยกระต่ายน้อยตอนนี้กำลังตื่นใกลัวคน
และคนที่ทำให้เขากลัวก็คือ...เขา
เป็ครั้งแรกที่เขารู้สึกเกลียดตัวเองเมื่อได้ฟังเธอพูดว่าจะไปจากเขา ปฏิกิริยาแรกของเขาคือไม่อยากจะเชื่อและไม่อยากจะยอมรับ
เมื่อซูหรงหรงได้พ่นคำเ่าั้ออกมาเขายิ่งรู้สึกไม่เป็ตัวของตัวเอง
“จ้านอี้หยาง”
ซูหรงหรงสูดจมูกฟืด เธอปาดน้ำตาออกจากตา
“นายมันเผด็จการ ฉันจะกลับบ้าน!”
เมื่อพูดจบเธอก็เอื้อมมือจะเปิดประตูรถแต่น่าเสียดายที่จ้านอี้หยางเร็วกว่าเธอหนึ่งก้าว ทันทีที่เห็น เขารีบล็อกประตูรถเขาไม่อยากจะออกไปแสดงละคร ‘หากเธอหนีฉันจะไล่ตาม’ที่ด้านนอกถนนนั้น
ซูหรงหรงหลุดใบหน้าที่ ‘ดุร้าย’
“เปิดประตูเดี๋ยวนี้ ปล่อยฉันลงรถ”
จ้านอี้หยางมองออกไปทั้งสองฝั่งถนนล้วนมีแต่ต้นไม้ใบหญ้า
“ถ้าฉันเปิดประตูรถ เธอคิดว่าเธอจะหาทางกลับได้อย่างนั้นเหรอ”
ซูหรงหรงเชิดหน้าขึ้น
“ฉันยอมหลงทาง!”
หลงทางเสียยังดีกว่าการได้อยู่กับจอมเผด็จการอย่างจ้านอี้หยางเขามักจะเป็อย่างนี้เสมอ พอแกล้งเธอเสร็จ เขาถึงจะใช้เหตุผลมองเธอ เมื่อทุกสิ่งผ่านไปแล้วเขาก็ยังคงรู้สึกว่าการได้แกล้งเธอเป็เื่ที่ถูกต้อง