ไท่ไท่สามบันดาลโทสะ เฉียวเยว่รู้สึกกลัวมาก แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร สองสามวันมานี้นางจึงทำตัวดีเป็พิเศษ แต่ไท่ไท่สามยังคงไม่มีรอยยิ้มให้นาง
ชีวิตก่อนเฉียวเยว่เป็เด็กกำพร้า นางไม่รู้ว่าตนเองทำผิดอะไรถึงถูกพ่อแม้ทิ้งขว้าง แต่ตอนเด็กๆ ก็เสียใจมาก มักคิดว่าหากตนเองทำตัวดีอีกหน่อย อีกแค่เพียงนิดเดียวก็จะไม่ถูกทิ้ง
หลังข้ามภพมา นางกลายเป็อีกคนหนึ่งที่มีชีวิตแตกต่างไปจากเดิม อยู่ที่นี่นางไม่ใช่เด็กกำพร้า แต่เป็คุณหนูเฉียวที่ได้รับความรักอย่างเปี่ยมล้นมายาวนาน จนนางเกือบลืมเื่ราวต่างๆ ในชาติภพก่อนไปแล้ว
ทว่าสีหน้าเ็าที่เกิดขึ้นกะทันหันของมารดาครานี้ ทำให้เฉียวเยว่เกิดความกลัว นางกลัวการถูกทอดทิ้ง และไม่อยากถูกทิ้งอีก แม้รู้ว่านี่คือสิ่งที่แทบจะเป็ไปไม่ได้ แต่นางควบคุมความหวาดวิตกและตื่นกลัวของตนเองไม่ได้จริงๆ
สองสามวันมานี้ไท่ไท่สามไม่สนใจนางเลย หัวใจของนางก็ยิ่งว้าวุ่นสับสน กลายเป็คนซึมเศร้าไม่สดชื่น
"เฉียวเฉียว" ฉีอันเห็นพี่สาวเหม่อลอยก็ดึงมือของนางมากุม "เฉียวเฉียว เ้าเป็อะไร?"
อาจเป็เพราะพวกเขามีความสัมพันธ์เป็ฝาแฝด ฉีอันจึงัักับความหวาดวิตกของเฉียวเยว่ได้อย่างชัดเจน
"เ้ากลัวใช่หรือไม่?" เขาถาม
เฉียวเยว่ขยำชายเสื้อของตนเองแต่ไม่ตอบ
ฉีอันกอดเฉียวเยว่ "อย่ากลัว อย่ากลัว เฉียวเฉียวไม่ต้องกลัวว่าท่านแม่จะไม่้า ท่านแม่แค่โมโห ไม่ช้านางก็หายแล้ว"
จู่ๆ ฉีอันเกิดรู้ความขึ้นมากะทันหัน นี่คือสิ่งที่เฉียวเยว่เองก็คาดไม่ถึง ที่ผ่านมาส่วนใหญ่นางล้วนเป็คนชี้นำฉีอัน และเป็นางที่คอยเกลี้ยกล่อมพะเน้าพะนอเขา แต่ตอนนี้น้องชายกลับกลายเป็เหมือนเด็กที่โตแล้วในชั่วพริบตา
"ฉีอัน ท่านแม่จะไม่สนใจข้าอีกแล้วใช่หรือเปล่า?" นางถามอย่างจริงจัง
เฉียวเยว่พูดจบก็น้ำตาร่วงเผาะ
ฉีอันเห็นแล้วก็ยิ่งลนลานทำอะไรไม่ถูก "เฉียวเฉียวอย่าร้อง เฉียวเฉียวอย่าร้อง ใครไม่้าเ้า แต่ข้าไม่มีทางไม่้า ต่อไปข้าไม่ใช่น้องชายแล้ว ข้าจะเป็พี่ชายให้เฉียวเฉียวเอง ข้าจะเป็พี่ใหญ่คอยปกป้องเ้า เฉียวเฉียวอย่าร้องไห้เลยนะ"
เฉียวเยว่รู้สึกว่าตนเองช่างไร้ค่า ทั้งที่เป็ผู้ใหญ่แท้ๆ แต่กลับควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่ได้ ราวกับเป็เด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังหลงทาง
นางขบริมฝีปาก "ข้าไม่ร้อง แต่ข้ากังวลมาก ข้าวิตกมากจริงๆ นะ"
ฉีอันตบๆ แผ่นหลังของนางพลางปลอบประโลม "เฉียวเฉียวไม่ร้อง ข้าจะไปหาท่านแม่ ข้าจะไปตามท่านแม่มา..."
เขาวิ่งออกไปจากห้องราวกับเหาะโดยไม่สนใจว่าข้างนอกจะยังหนาวเย็นอยู่ และตนเองก็สวมเพียงเสื้อธรรมดาตัวเดียวจนกระทั่งไปถึงห้องโถง
ไท่ไท่สามกำลังทำบัญชีของเรือนสามได้ยินเสียงฝีเท้าก็เอ่ยถาม "เ้ามาได้อย่างไร?"
ฉีอันตาแดง มือเล็กจ้อยเกาตามเสื้อผ้าท่าเดียวกับที่เฉียวเยว่ชอบทำ
"ท่านแม่ ท่านให้อภัยเฉียวเฉียวได้หรือไม่ นางรู้ความผิดของตนเองแล้ว นางกลัวมากว่าจะถูกทิ้ง ท่านอย่าโกรธอีกเลย ให้อภัยนางได้หรือไม่ขอรับ นางร้องไห้น่าสงสารมาก"
ฉีอันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ท่านแม่ ท่านแม่..."
ไท่ไท่สามเห็นฉีอันละล้าละลังจนเป็แบบนี้ในใจก็อ่อนยวบลงมา "เฉียวเยว่เป็อย่างไร?"
ฉีอันรีบลากมารดาไปห้องหนังสือ "เฉียวเยว่ร้องไห้อยู่ที่ห้องหนังสือ นางหวาดวิตกมาหลายวันแล้ว กลัวว่าจะถูกทิ้ง"
ไท่ไท่สามตกตะลึง นางย่อมมองเห็นว่าเฉียวเยว่เศร้าซึมมาหลายวัน นึกว่านางกลัวเพราะตระหนักในความผิดของตนเอง แต่ไม่คิดว่าเด็กจะคิดเตลิดไปเป็อย่างอื่น
"ไป แม่จะตามเ้าไปดู" นางกล่าว
ขณะนี้เฉียวเยว่ยังร้องไห้อยู่ในห้องหนังสือ นางเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงควบคุมตนเองไม่ได้
"เฉียวเฉียว"
ไท่ไท่สามเห็นบุตรสาวที่มักแข็งแกร่งอยู่เสมอกลายเป็มนุษย์น้ำตา ก็ดึงนางเข้ามากอดในอ้อมแขน "์ นี่เป็อันใดไป ไฉนเ้าถึงร้องไห้ขนาดนี้ คนดี ไม่ร้อง ไม่ร้อง..."
พอได้ัักับความอ่อนโยนของมารดาที่หายไปนาน เฉียวเยว่ก็ร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิม สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร "ข้าจะเป็เด็กดี ข้าจะไม่พูดส่งเดชว่าจะแต่งงานกับผู้อื่นอีกแล้ว ข้าจะไม่ออกไปเที่ยวกับท่านพี่จ้านอีก ท่านแม่อย่าโกรธข้า อย่าทิ้งข้าได้หรือไม่ ฮึกๆ"
ไท่ไท่สามกอดนางพลางปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงเนิบเบา
"แม่จะทิ้งเ้าลงคอได้อย่างไร เ้ายังเล็กแค่นี้ แม่ทิ้งเ้าไม่เท่ากับคร่าชีวิตตนเองเลยหรือ? เฉียวเฉียวไม่ร้องนะ เห็นหรือไม่น้องชายเ้าใกลัวหมดแล้ว อย่าร้องอีกเลย เ้ารู้สำนึกความผิดก็ดีแล้ว แม่มิได้โกรธเ้าจริงๆ เด็กดี เด็กดี" ไท่ไท่สามกอดบุตรสาวแล้วก็อดไม่ได้ร้องไห้ตามไปด้วย "ที่แม่ต้องเข้มงวดกับเ้าเื่นี้เพราะไม่อยากให้เ้าเดินตามรอยเก่าที่แม่พลาดพลั้งไป มิใช่ทุกคนที่จะโชคดีเหมือนอย่างแม่"
เฉียวเยว่สะอึกสะอื้น ไม่ค่อยเข้าใจนัก
"ท่านแม่ ต่อไปข้าจะไม่ทำเช่นนี้อีก ข้าจะไม่เป็เด็กเอาแต่ใจไร้เหตุผลอีกแล้ว"
ไท่ไท่สามกล่าวพลางลูบศีรษะของนาง "ใช่ว่าแม่จะห้ามไม่ให้เ้าออกไปไหน แต่เื่แต่งงานจะพูดซี้ซั้วไม่ได้ ตอนนั้นที่ครอบครัวจัดการให้แม่ต้องหมั้นหมายกับท่านลุงิ่ของเ้า ก็เพราะคำพูดล้อเล่นของแม่เอง หลังจากนั้นก็เกิดเื่ราวต่างๆ ตามมา เมื่อเอ่ยถึงล้วนมีแต่น้ำตา แม่ไม่อยากให้เฉียวเยว่เดินซ้ำรอยเดิมของแม่ เฉียวเยว่ต้องจดจำไว้ เื่เช่นนี้สตรีมิอาจเอามาพูดล้อเล่นตามอำเภอใจ"
เฉียวเยว่พยักหน้าอย่างแรง "ข้าทราบแล้วเ้าค่ะ ท่านแม่อย่าโกรธข้าเลย ข้าจะเชื่อฟัง ต่อไปข้าจะไม่พูดเช่นนี้กับพี่จ้านอีก เพราะเขาทำท่ารังเกียจข้า ข้าถึงพูดล้อเล่นไปเยี่ยงนั้น ท่านก็เห็น ข้ามิเคยล้อเล่นเช่นนี้กับเสด็จพี่รัชทายาทหรือพี่จื้อรุ่ย และต่อไปจะไม่มีอีกแล้ว ท่านแม่เชื่อข้านะ ข้าขอรับรอง ข้าสาบาน"
เฉียวเยว่ชูสองนิ้วขึ้นมา แต่พอนึกแล้วก็เปลี่ยนเป็สามนิ้ว "ข้าขอสาบาน..."
ไท่ไท่สามรีบกุมมือน้อยๆ ของบุตรสาวเอาไว้
"ไม่ต้องสาบาน แม่เชื่อเฉียวเยว่ เฉียวเยว่เข้าใจแม่ก็พอแล้ว"
"เข้าใจ ข้าเข้าใจ" เฉียวเยว่ตอบเสียงดัง
ไท่ไท่สามพยักหน้า นางจับมือบุตรทั้งสองข้างละคน "พวกเ้าสองพี่น้องเป็น้ำหนึ่งใจเดียวกัน แม่มีความสุขมาก แต่เฉียวเยว่ เ้าไม่ใช่เด็กผู้ชาย ด้วยเหตุนี้จะพูดเหลวไหลไม่ได้"
ไท่ไท่สามกำชับซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะกลัวว่าบุตรสาวจะเป็เหมือนตนเอง แม้ว่านางจะไม่ได้ทำ แต่ยากจะรับประกันได้ว่าคนอื่นในครอบครัวจะไม่คิด หรือหากอวี้อ๋องเองเกิดคิดมาก ครานี้ต้องแย่แน่นอน
นึกมาถึงตรงนี้ นางก็ถอนหายใจ "พวกเ้าต้องเชื่อฟัง แม่ถึงจะวางใจ"
เฉียวเยว่พยักหน้าอย่างหนักแน่น "เ้าค่ะ ข้าทราบแล้ว"
ไท่ไท่สามกล่าวอีกว่า "อวี้อ๋องเป็คนคลุมเครือเอาแน่เอานอนไม่ได้ ยากจะคาดคะเน แม่ไม่ได้ห้ามคบหาติดต่อกับเขา แต่ต้องมีขอบเขตในการคบหาสมาคม เฉียวเยว่เข้าใจหรือไม่?"
"เข้าใจเ้าค่ะ" นางถอนหายใจ "ข้าเข้าใจแล้ว"
"เฉียวเยว่เฉลียวฉลาดที่สุด" ในที่สุดใบหน้าของไท่ไท่สามก็เผยรอยยิ้มออกมา
ความขัดแย้งเล็กน้อยในเรือนสามผู้อื่นไม่รู้ และไท่ไท่สามก็จะไม่ให้คนภายนอกรู้ด้วย แต่คนภายนอกไม่รู้ มิได้หมายความว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะไม่รู้ ทุกเื่ที่เกิดขึ้นในจวนไม่มีสิ่งใดเล็ดลอดสายตานางไปได้
แต่ที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายคือครานี้นางไม่ตำหนิไท่ไท่สาม ตรงข้ามกลับคิดว่านางทำถูกต้องแล้ว เคราะห์ดีที่เฉียวเยว่ยังเด็ก หากโตกว่านี้อีกหน่อย เกรงว่าจะเกิดปัญหาใหญ่ตามมาแน่นอน
ต้องควบคุมเฉียวเยว่ั้แ่ยังเล็ก จะได้ไม่สร้างปัญหาใหญ่ในภายภาคหน้า
"อย่างไรเสียเด็กๆ ก็ต้องเติบโต ใครจะสามารถไร้เดียงสาได้ชั่วชีวิตกันเล่า" ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเสียงเบา
ท่านโหวแค่นเสียงหึ ไม่พอใจกับเื่เหล่านี้อย่างมาก
"นางชอบเอาความคิดของตนเองไปตัดสินบุตร เฉียวเยว่ของข้าดีเช่นนี้ ใครจะไม่ชอบ ใครจะใจดำทำร้ายนางได้ลงคอ อย่างว่าอะไร แม้แต่าุโอย่างพวกเราก็จะไม่หมั้นหมายให้เฉียวเยว่โดยง่าย หรือต่อให้กำหนดหมั้นหมายให้แล้วอย่างไร? เฉียวเยว่ของข้าดีที่สุด หากนางไม่พอใจ ต่อให้ข้าต้องสละหน้าแก่ๆ ดวงนี้ก็จะไม่ให้เฉียวเยว่แต่งงานกับคนที่นางไม่ชอบเป็อันขาด อีกอย่าง ยังมีลุงของนางอีกคน เขาจะยอมหรือ? ข้าเห็นอยู่ ฉีจือโจวเด็กคนนี้ช่างดียิ่ง"
บุตรของตนเองสามคน เขายังไม่ถูกใจใครสักคน หากถามว่าเขาชอบใจใครที่สุด ก็คงเป็ฉีจือโจวโดยไม่ต้องสงสัย
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก "ผู้อื่นจะดีเช่นไรก็ไม่เกี่ยวข้องกับท่าน ท่านระมัดระวังการกระทำของตนเองดีกว่า"
ท่านโหวผู้เฒ่าถอนหายใจ "ทำไมเขาถึงไม่ต้องตาเยียนหรันหนอ หากเขาแต่งงานกับเยียนหรัน ก็เท่ากับเป็บุตรของข้าแล้ว แต่เพราะเขายืนกรานหนักแน่นที่จะไม่แต่ง ข้าถึงชื่นชมเขายิ่งกว่าเดิม ความจริงใจที่เขามีต่อภรรยาที่ตายไปแล้วตะวันจันทราล้วนเป็พยาน"
คนเ็าเช่นนั้นกลับมีความรักที่ลึกซึ้ง ชวนให้คนคาดไม่ถึงจริงๆ
เอ่ยถึงบุตรสาว ฮูหยินผู้เฒ่าก็นิ่งไปสักพัก ก่อนเอ่ยว่า "เยียนหรันเป็คนอาภัพ ไม่นึกเลยว่าสกุลเฉิงจะไร้ยางอายถึงเพียงนี้ ต้องโทษข้าที่ตอนนั้นไม่ตรวจสอบให้ดี รีบให้บุตรสาวแต่งออกเร็วเกินไป ผลสุดท้ายเยียนหรันถึงต้องตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้"
สีหน้าของท่านโหวผู้เฒ่าบึ้งตึงขึ้นมา
"ข้าคุยกับเ้าบัดซบเฉิงกวานอิงนั่นแล้ว และติดต่อกับนายท่านของสกุลเฉิงแล้วด้วย เมื่อมารดาของเฉิงกวานอิงกล้าใช้เล่ห์กลกับพวกเรา ก็ควรรู้ว่าคนวางอุบายต้องมีจุดจบเช่นไร"
สีหน้าของเขาเยียบเย็นขึ้นเรื่อยๆ "จวนซู่เฉิงโหวของข้าไม่เคยปล่อยให้ใครมากดขี่ข่มเหงได้"
หากไม่ให้หมอหลวงมาตรวจเฉิงกวานอิง พวกเขาก็นึกไม่ถึงว่าบุตรเขยคนนี้จะมีปัญหาจริงๆ
เมื่อครั้งเป็หนุ่มน้อยเขาเคยได้รับาเ็ ไม่อาจมีบุตรเป็ของตนเอง จึงต้องปิดบังเื่นี้เอาไว้ไม่เอ่ยความจริง แต่เมื่อถึงเวลาสำคัญกลับสาดน้ำโคลนไปที่ภรรยา
เื่นี้นายท่านสกุลเฉิงไม่รู้เื่แม้แต่น้อย แต่เฉิงกวานอิงกับมารดาเขารู้อยู่แก่ใจ
โดยเฉพาะมารดาของเฉิงกวานอิง ถึงกับคิดจะเอาเื่ที่ไม่มีบุตรมาข่มเหงสะใภ้ มันน่าแค้นใจนัก
"หากเยียนหรันยินดี ข้าจะสะบั้นชื่อเสียงสกุลเฉิงของพวกเขาให้แหลกลาญ แล้วให้นางหย่าสามีเสีย ข้าไม่เชื่อว่าสตรีจวนซู่เฉิงโหวจะแต่งไม่ออก"
ท่านโหวผู้เฒ่าพูดอย่างคับแค้นใจ
ฮูหยินผู้เฒ่ากุมมือของเขาพลางปลอบประโลม "ท่าควรรู้ เยียนหรันไม่ยินดี เป็ตายร้ายดีอย่างไรนางก็ไม่พูด นางไม่อยากให้ผู้อื่นหัวเราะขบขัน เด็กคนนี้หัวแข็งมาั้แ่เล็ก พวกเราอาจรู้สึกว่าการหย่าคือหนทางที่ดีที่สุด แต่นางไม่ยอมรับหรอก ความคิดของเยียนหรันคือหลังการสอบเคอจวี่ครานี้เสร็จสิ้น นางจะแยกครอบครัวทันที ต่อไปพวกเขาจะมาอยู่เมืองหลวง มีนางกับเฉิงกวานอิงสองคน คนอื่นๆ ข้างกายเฉิงกวานอิงให้ขับไล่ไปให้หมด ส่วนมารดาไร้มโนธรรมของเฉิงกวานอิงผู้นั้นนางไม่อยากพบหน้าแม้แต่ชั่วขณะเดียว"
"คนผู้นี้แม้แต่บุตรของตนเองก็ยังมีไม่ได้ นางคิดอะไรอยู่กันแน่ นาง... เฮ่อ เด็กคนนี้ไม่ทำให้คนหมดห่วงได้เลยจริงๆ"
"จะวิตกหรือไม่วิตกอย่างไรก็เป็บุตรสาวของเรา นางไม่ยอมเสียอย่าง ยังมีวิธีไหนอีกหรือ?" ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าว
ทั้งสองต่างถอนหายใจอยู่เงียบๆ ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยอีกว่า "เพราะชีวิตของสตรีไม่ง่าย ครานี้ข้าถึงไม่ไปก้าวก่ายที่สะใภ้สามอบรมสั่งสอนเฉียวเยว่ เข้มงวดเสียแต่ตอนนี้ดีกว่าต้องเสียเปรียบในภายหน้า"
ท่านโหวผู้เฒ่านิ่งไปสักพัก ก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม "เ้านึกว่าเฉียวเยว่เป็เยียนหรันหรือไร เฉียวเยว่ไม่ใช่คนที่ยอมให้ตนเองเสียเปรียบ ส่วนเยียนหรัน... นางโง่แล้วก็ดันทุรังเกินไป"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้