“ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ เพราะพี่สะใภ้ก็ไม่แน่ใจเช่นกัน ไว้ถึงเวลาแล้วเ้าจะรู้เอง จริงสิ ที่ตามเ้ากลับมาเพราะมีเื่อยากให้ช่วย”
หลังจากเจียงหงป๋อช่วยพันแผลให้นางเสร็จ หลินหวั่นชิวหยิบขวดกระเบื้องจากข้างหมอนออกมาให้เขา
สิ่งที่บรรจุอยู่ภายในคือน้ำผสมยา หลินหวั่นชิวไม่ได้ให้จ้าวหงฮวาดื่มทั้งหมด เก็บไว้กับตัวเล็กน้อย
“เ้าเอากลับไปให้ท่านอาจารย์เ้าช่วยตรวจสอบให้ทีว่าคือกระไร หากท่านอาจารย์เ้ารู้คำตอบก็ถามให้ทีเถิดว่ายาชนิดนี้ขายในตลาดเท่าไร?”
เจียงหงป๋อเปิดขวดแล้วดม มันเหมือนจะไม่มีกลิ่นกระไร แต่หากตั้งใจดมให้ดีจะพบว่ามีกลิ่นจางๆ ส่วนเป็กลิ่นกระไรนั้น…เขายังแยกไม่ออก
“ระวังด้วย ห้ามทานลงท้องเด็ดขาด” หลินหวั่นชิวกำชับ “จริงสิ ข้าเตรียมอาหารไว้ให้อาจารย์เ้าด้วย ฝากเอากลับไปด้วยนะ”
หมอฉู่เป็นักกิน จะให้เขาช่วยเหลือก็ต้องแสดงท่าทีให้เห็นก่อน
“อื้ม เช่นนั้นข้ากลับล่ะขอรับ” เจียงหงป๋อลุกขึ้นบอกลา เขารู้ว่าน้ำในขวดกระเบื้องน่าจะเกี่ยวข้องกับเื่ที่พี่สะใภ้โดนรังแก
ถ้าเช่นนั้น เขาไม่อยากชักช้าแม้แต่ลมหายใจเดียว
“ใส่เสื้อคลุมก่อนค่อยกลับ!” หลินหวั่นชิวะโใส่แผ่นหลังเขา “ตู้เสื้อผ้าในห้องเ้ามี”
“รู้แล้วขอรับพี่สะใภ้” ดวงตาเจียงหงป๋อมีประกายระยิบระยับ เขาไปที่ห้องตัวเองอย่างเชื่อฟัง เปิดตู้เสื้อผ้านำเสื้อคลุมออกมาใส่
เสื้อคลุมตัวนี้เป็ของใหม่
ในใจเจียงหงป๋อเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ เขาอธิบายความรู้สึกนี้ไม่ถูกแต่ชอบมาก
เขานึกถึงตอนที่พันผ้าให้หลินหวั่นชิวเมื่อครู่ ตอนที่ขนตานางตวัดผ่านฝ่ามือเขา
มันคันยุบยิบ
ราวกับถูกขนนกปัด
ไม่รู้เหตุใด แค่นึกถึงพี่สะใภ้ ใบหน้าเขาก็ร้อนผะผ่าว
กว่าเด็กหนุ่มที่เพิ่งรู้จักอารมณ์รักจะกลับถึงบ้านหมอฉู่ ท้องฟ้าก็มืดเสียแล้ว
“ท่านอาจารย์พักผ่อนหรือยัง?” เจียงหงป๋อเดินไปทางเรือนพักของหมอฉู่ทันทีที่ลงจากรถม้า
“ท่านหมอเพิ่งล้างหน้า เตรียมตัวพักผ่อนแล้วเ้าค่ะ” หญิงรับใช้ที่ปรนนิบัติหมอฉู่ตอบ
เจียงหงป๋อพยักหน้า มอบกล่องอาหารให้นาง “วันพรุ่งค่อยอุ่นให้ท่านอาจารย์ทาน”
“มันคือกระไร เหตุใดต้องรอถึงวันพรุ่ง?” หมอฉู่ได้ยินเสียงคนคุยกันด้านนอกก็ผลักรถเข็นออกมา
เห็นหญิงรับใช้ถือกล่องอาหารสีแดงก็เอื้อมมือไปคว้า
แต่เจียงหงป๋อเอาตัวมาบัง “กลางคืนทานเยอะระวังอาหารจะไม่ย่อย หากท่านอาจารย์ดื้อดึงที่จะทานตอนนี้ เช่นนั้นข้าจะบอกพี่สะใภ้ว่าอย่าส่งอาหารมาอีก ต่อให้ท่านไปที่บ้านก็ไม่ต้องเข้าครัวทำอาหารให้ท่านด้วยตนเองขอรับ”
หมอฉู่โมโหกับท่าทีเ็าของเด็กหนุ่มจนต้องตบเข่า “เ้ามันศิษย์อกตัญญู ปัดโธ่ ไม่รู้กระไรดลใจให้ข้ารับเ้าเป็ศิษย์”
“ท่านอาจารย์ไม่ได้ถูกกระไรดลใจทั้งสิ้น แต่ท่านเห็นแก่ของที่พี่สะใภ้ข้ามอบให้ต่างหากเล่าขอรับ” เจียงหงป๋อหลุบตาพูดอย่างสงบ ไม่ไว้หน้าหมอฉู่แม้แต่น้อย ทำเอาหญิงรับใช้ที่อยู่ด้านข้างหลุดหัวเราะ
ในที่สุดบุรุษเฒ่าผู้ดื้อรั้นบ้านพวกนางก็มีคนต่อกรด้วยแล้ว
หญิงรับใช้ถือกล่องอาหารจากไป ไม่สนใจว่าหมอฉู่จะกินหรือไม่
ต้องยอมรับว่านายน้อยรองบ้านเจียงคนนี้ไม่ธรรมดา ย้ายมาอยู่บ้านฉู่ั้แ่อายุแค่นี้แต่กลับเข้าใจนิสัยเหล่าเหยียได้อย่างทะลุปรุโปร่งเช่นนี้ ทำให้ทุกคนในบ้านเชื่อฟังคำสั่งเขาภายในไม่กี่เดือน เหล่าเหยียกลายเป็แค่เ้านายในนาม
ภายนอกเหล่าเหยียดูเหมือนไม่พอใจนายน้อยบ้านเจียง แต่ความจริงแล้วเขาชอบใจมาก
“เ้า…เ้า…” หมอฉู่ชี้หน้าเจียงหงป๋อโมโหจนเครากระพือ
เจียงหงป๋อเดินไปผลักรถเข็นเขากลับเข้าห้อง
“ข้ามีเื่จะให้ท่านช่วย ท่านทราบหรือไม่ว่ายาในขวดใบนี้คือสิ่งใด?” เจียงหงป๋อนำขวดกระเบื้องออกมามอบให้หมอฉู่จากอกเสื้อ
หมอฉู่เบะปาก “เหอะ บอกให้ข้าดูข้าก็ต้องดูหรือ เช่นนี้ข้าจะเอาศักดิ์ศรีไปไว้ที่ใดเล่า?”
“ไม่ดูก็ไม่เป็ไร เดิมทีพี่สะใภ้ข้าบอกว่า…”
“บอกว่ากระไร?” หมอฉู่เริ่มสนใจ คิดในใจว่าภรรยาตัวน้อยคนนั้นทำของอร่อยให้กินอีกแล้วใช่หรือไม่…
เขาอดกลืนน้ำลายไม่ได้
เจียงหงป๋อไม่ตอบ ถามกลับว่า “ท่านจะไม่ช่วยดูไม่ใช่หรือ?”
“ดู ผู้ใดบอกเล่าว่าไม่ดู เอามา!” หมอฉู่กลับคำทันที แย่งขวดจากมือเจียงหงป๋อแล้วดม จากนั้นสีหน้าเขาก็ต้องเคร่งเครียดทันที แววตามีความจริงจังเช่นกัน
เขาเทน้ำลงบนฝ่ามือเล็กน้อยแล้วยกขึ้นดมอีกครั้ง แลบลิ้นแตะดู หลับตาลิ้มรสด้วยความตั้งใจ
“เ้าเอายาน้ำนี้มาจากที่ใด?” หมอฉู่ลืมตาถามเจียงหงป๋ออย่างจริงจัง
เจียงหงป๋อไม่ได้ตอบคำถามหมอฉู่ ถามกลับไปแทนว่า “มีปัญหาหรือ? ยาน้ำนี้มีขายทั่วไปหรือไม่? ราคาเท่าไร?”
หมอฉู่ตอบเสียงเย็น “น้ำขวดนี้มีชุนเจียวผสม ไม่มีขายในหมู่คนทั่วไป”
ไม่มีขายในหมู่คนทั่วไป
สีหน้าเจียงหงป๋อจมลง เข้าใจความหมายของหมอฉู่ทันที
หมอฉู่จ้องเจียงหงป๋อ “ข้าจะถามอีกครั้ง เ้าเอายานี้มาจากที่ใด?”
“ชุนเจียว หรือก็คือยาปลุกกำหนัด ไม่ว่าบุรุษหรือสตรี หากทานลงไปแล้วต้องร่วมประเวณีกันเท่านั้นจึงจะขจัดฤทธิ์ยา หากไม่ร่วมประเวณี เช่นนั้นฤทธิ์ยาจะคงอยู่ในร่างกาย เจุ์หรือสัตว์ก็เกิดความใคร่ไปหมด”
เห็นเจียงหงป๋อไม่ตอบ หมอฉู่ค่อยๆ อธิบายสรรพคุณและที่มาของยาตัวนี้ “ชุนเจียวมีต้นกำเนิดจากหุบเขาแพทย์พิษ วันหน้าเมื่อเ้าได้เรียนวิชาพิษ อาจารย์จะสอนให้”
“หมายความว่า ยานี้มาจากราชวงศ์…หรืออย่างน้อยก็ตระกูลขุนนาง” เจียงหงป๋อเข้าใจแล้ว
หมอฉู่ไม่ตอบ
ถือว่ายอมรับโดยปริยาย
เจียงหงป๋อคำนับให้หมอฉู่ “ท่านอาจารย์…หากข้าขอขีดเส้นแบ่งระหว่างเราตอนนี้ยังทันหรือไม่ขอรับ?”
แม้เขาจะไม่ได้ตอบคำถามหมอฉู่ แต่การกระทำกลับตอบทุกอย่าง
หมอฉู่พูดว่า “อาจารย์จะไม่บอกผู้ใดเื่นี้ เ้าเป็ศิษย์ของข้า วันหน้าต้องช่วยฝังศพให้ข้า ตอนนี้คิดจะหนีเช่นนั้นหรือ…สายไปแล้ว!”
เขามีลูกชาย มิเช่นนั้นจะเอาหลานสาวมาจากที่ใด?
แต่พ่อลูกแตกหักกันไปนานแล้วก็เท่านั้น แต่ถึงจะแตกหักก็ใช่ว่าจะไม่มีคนทำพิธีศพให้
เจียงหงป๋อไม่พูดกระไรเช่นกัน คุกเข่าคำนับศีรษะให้หมอฉู่สามครั้ง
หมอฉู่มองเขาแล้วถอนหายใจ “แม้ข้าจะสอนวิชาพิษให้ศิษย์อกตัญญูสองคนนั้นแค่ไม่กี่ตำรับ แต่ชุนเจียวก็เป็หนึ่งในนั้น สองคนนี้ คนหนึ่งเป็คนของเถียนกุ้ยเฟย คนหนึ่งเป็บ่าวของอ๋องเฉิง อาจารย์ช่วยเ้าได้เท่านี้”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้