ในอุทยานดอกไม้ มวลผกาบานสะพรั่งประชันกัน อวลกลิ่นบุปผาหอมอยู่ในอากาศ
หลิงมู่เอ๋อร์มองชายเบื้องหน้าในอาภรณ์ประณีต ที่ลดความทึ่มทื่อลง และเพิ่มความเฉียบคมเข้ามา กาลเวลาได้เพิ่มลายเส้นอันหนักหน่วงลงบนร่างของเขาอีกสาย เขายิ่งดูร้ายกาจกว่าแต่ก่อนแล้ว ทว่านางกลับรับรู้ได้ถึงความประหม่าของเขา ยังมีความไม่มั่นใจในสายตาของเขาที่มองนาง คิดว่า คงกังวลว่าเื่เมื่อคืนจะทำให้นางโกรธ
หลิงมู่เอ๋อร์หลุดหัวเราะออกมา เมื่อคืน ก็แค่ปีศาจสุราตัวหนึ่งนอนอยู่บนเตียงที่เดิมควรเป็นางนอน นางเพียงฟุบหลับอยู่ข้างกายเขาครู่หนึ่งเท่านั้น มิได้มีเื่ซับซ้อนอะไรมากนัก นาง หลิงมู่เอ๋อร์ เป็ผู้ที่จะได้รับผลกระทบอย่างง่ายดายเช่นนั้นหรือ? แม้จะมีสิ่งใดเล่าลือออกมา นางก็ไม่เกรงกลัวทั้งสิ้น เขาดูถูกความสามารถในการยอมรับเื่ราวของนางเกินไปแล้ว
“วันนั้นข้าได้ยินท่านลุงบนถนนกล่าวว่า เวลานี้ท่านเป็ผู้บัญชาการของหน่วยองครักษ์หลวง ดูท่าต่อไปข้าอยู่ในเมืองหลวงก็ต้องรบกวนให้พี่ใหญ่ปกป้องอีกแล้ว” หลิงมู่เอ๋อร์มองซั่งกวนเซ่าเฉินอย่างยิ้มแย้ม เห็นเพียงหางตาของเขาปรากฏรอยยิ้มอันอ่อนโยนขึ้นมา เนื่องจากคำพูดนี้ของนาง บรรยากาศแข็งเกร็งระหว่างคนทั้งสอง ได้ถูกคำพูดนี้ทำให้ทลายลงแล้ว หลิงมู่เอ๋อร์พลันถอนใจออกมาอย่างโล่งอก
นางไม่ชินกับการรักษาไมตรีรักใคร่คลุมเครือกับผู้อื่น พวกเขายังคงรักษาความสัมพันธ์เช่นเดิมไว้ดีกว่า
“ตอนนี้เ้ามีแผนการใด?” สายตาของซั่งกวนเซ่าเฉินหนักแน่น มองใบหน้าดวงน้อยที่อยู่เบื้องหน้า “มีสิ่งใดที่ข้าช่วยเ้าได้?”
“ยามนี้ข้าเปิดโรงหมอแห่งหนึ่ง ทั้งยังย้ายเหลาอาหารสกุลหลิงมาอยู่ที่นี่ด้วย ใต้พระบาทของโอรส์นี้ เดิมก็เป็สถานที่ของเหล่าขุนนางและผู้สูงศักดิ์ วันหลังเื่ที่ต้องรบกวนพี่ใหญ่ยังมีอีกมาก วันนี้ท่านมีเวลาว่างหรือไม่? หากว่าง ข้าพาท่านกลับดูที่บ้าน ไม่เช่นนั้น แม้แต่ประตูบ้านของพวกเราเปิดอยู่ทางทิศใดท่านก็ไม่ทราบแล้ว”
“อืม…เช่นนั้นก็ดี เ้ารออยู่ที่นี่ชั่วครู่ ข้าจะไปเปลี่ยนเสื้อซักชุด” เมื่อครู่พึ่งลุกจากเตียงมา บนร่างยังคงสวมชุดของเมื่อคืน กลิ่นสุรายังไม่จางหายไป ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยกลิ่นสุรา หากให้คนสกุลหลิงเห็นเขาในสภาพนี้ กลัวจะคิดว่าเขากลายเป็พวกที่รู้จักแต่ดื่มกิน แท้ที่จริงแล้ว หากมิใช่เพราะท่านในวังผู้นั้นเชื้อเชิญ ทั้งเขายังไม่อาจปฏิเสธ สถานการณ์เช่นนี้เป็เื่ต้องห้ามที่สุดของเขา นาง…ที่เห็นเขาเป็เช่นนี้ จะรังเกียจเขาหรือไม่?
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่รู้ถึงความกังวลในใจของซั่งกวนเซ่าเฉิน นางปล่อยให้ซั่งกวนเซ่าเฉินไปเปลี่ยนเสื้อผ้า นางรอเขาอยู่ในศาลาพักร้อน
ในยามที่ซั่งกวนเซ่าเฉินจากไปอย่างรีบเร่งนั้น เงาร่างอีกสายหนึ่งก็กลับไปยังเรือนด้านหลังอย่างรวดเร็ว คนผู้นั้นแนบเข้าที่ข้างหูของอวิ๋นซื่อเล่าเื่ราวรอบหนึ่ง เมื่ออวิ๋นซื่อได้ฟังดวงตาก็สว่างไสว ใบหน้าที่งดงามเย้ายวนนั้นเผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมา นางแย้มปากกล่าวว่า “เปิ่นฟูเหรินได้กล่าวไว้ก่อนแล้วว่า ดวงนกหงหลวน[1]ของเฉินเอ๋อร์เคลื่อนไหวแล้ว แม่นางหลิงผู้นี้สำหรับเขาแล้วมีความพิเศษดังคาด”
“ฟูเหริน เช่นนั้นจะถือโอกาสตีเหล็กในยามที่ยังร้อนหรือไม่เ้าคะ” สาวใช้ขั้นหนึ่งที่อยู่ด้านข้างปิดปากหัวเราะ
“ไม่อาจบีบบังคับอย่างกระชั้นชิดเกินไปนัก” อวิ๋นซื่อโบกมือ “ปล่อยให้พวกเขาลองคบหากันไปก่อน เด็กวัยรุ่นสมัยนี้กลัวคนแก่บังคับพวกเขาที่สุด”
เงาร่างสูงใหญ่กำยำร่างหนึ่งเดินเข้ามา บุรุษผู้นั้นอายุราวสี่สิบปี รูปโฉมหล่อเหลางามสง่า ราวกับภาพวาดโบราณอันงดงามภาพหนึ่ง ดวงตาคู่นั้นเลิกขึ้นเบา ๆ ครั้งหนึ่ง ยิ้มอย่างเบิกบานว่า “ฟูเหรินกำลังเป็แม่สื่อให้หลานชายของเ้าอีกแล้วหรือ นี่เป็คุณหนูคนที่เท่าใดของปีนี้เล่า”
“คารวะท่านโหว” สาวใช้ในห้องเมื่อเห็นบุรุษผู้นั้นเดินเข้ามา ก็รีบยอบกายลง จากนั้นถอยออกไป ก่อนจากไปยังได้ปิดประตูห้องให้พวกเขาด้วย
เป็ที่ทราบกันดีว่าหนิงกั๋วโหวรักใคร่ภรรยา หลายสิบปีมาแล้วไม่รับอนุ เรือนหลังมีเพียงภริยาหลวงผู้เดียวเท่านั้น สองสามีภรรยามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอย่างมาก ไม่เคยมีปากเสียงกันมาก่อน กับผู้หญิงที่พยายามปีนขึ้นเตียง หนิงกั๋วโหวยิ่งปฏิบัติอย่างเด็ดขาด โยนให้เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีร่างกายดั่งหมีประดุจเสือ หญิงสาวแต่ละนางที่มีจิตคิดอาจเอื้อม ล้วนถูกทรมานจนอยู่มิสู้ตาย
นับจากบัดนั้น ก็ไม่มีผู้ใดกล้าทำให้หนิงกั๋วโหวต้องขมวดคิ้วอีก คนทั่วไปต่างก็เข้าใจหลักเหตุผลที่ว่า หนิงกั๋วโหวไม่เคยเด็ดดอกไม้ป่าเบื้องนอกมาก่อน ในใจมีเพียงดอกโบตั๋นอันหยาดเยิ้มดอกนั้น ผู้ที่เคยพบฟูเหรินของหนิงกั๋วโหวล้วนเข้าใจถึงการตัดสินใจของเขา เนื่องจากมีดอกโบตั๋นที่งดงามเจิดจรัสเช่นนี้อยู่ สตรีนางอื่นจึงดูอ่อนด้อยราวผักกาดขาวไป
อวิ๋นซื่อปล่อยให้เขากอด พิงอยู่ในอ้อมกอดของเขากล่าวว่า “อะไรเรียกว่า “อีกแล้ว” เล่า เฉินเอ๋อร์อายุขนาดนี้แล้วยังไม่คิดแต่งงาน ข้าจะร้อนใจมิได้หรือ?”
“ย่อมได้แน่นอน ฟูเหรินคิดทำอย่างไรก็ย่อมได้ ทว่าอย่าได้บีบบังคับมากจนเกินไป บุตรหลานย่อมมีวาสนาของตน” หนิงกั๋วโหวมองสตรีที่ออกเรือนแล้วในอ้อมกอดของตนอย่างลุ่มหลง อุ้มนางมุ่งไปทางเตียงนอน อวิ๋นซื่อหัวเราะจนตัวสั่น หนิงกั๋วโหวมองใบหน้าที่งดงามดุจดอกท้อ ฝีเท้าก็เร่งร้อนยิ่งขึ้น “ฟูเหริน ลูกชายผู้นั้นของเ้าไม่ยอมแต่งงานมาตลอด ความหวังที่พวกเราจะได้อุ้มหลานชาย ใน่เวลาสั้น ๆ ดูจะไม่อาจสมหวังได้ ไม่สู้ เ้าคลอดให้เปิ่นโหวอีกสักคน จะอย่างไรก็เป็เด็ก ลูกชายหรือหลานชายก็เหมือนกัน”
อวิ๋นซื่อเขินอาย เ้าสัตว์ร้ายตัวนี้เพื่อนางไว้เพียงผู้เดียว นับจากคลอดหนานกงอี้จือก็ไม่ยอมให้นางตั้งครรภ์อีก หลายปีมานี้ นางดื่มยามาโดยตลอด บัดนี้ ้าให้นางคลอดแล้ว? นางไม่เชื่อดอก นี่เป็เพียงข้ออ้างที่เขาจะหาความสำราญในยามกลางวันแสก ๆ เท่านั้น พวกเขาเป็สามีภรรยากันมาหลายสิบปี นางจะยังไม่เข้าใจความในใจของเขาอีกหรือ?
“ท่านแม่…” หนานกงอี้จือผลักประตูเข้ามา ประตูดังเอี๊ยดครั้งหนึ่งก็เปิดออก ส่วนคนในห้องต่างก็รักษาท่วงท่าถูกผลักล้มและกำลังคร่อมทับไว้
ใบหน้าอันหล่อเหลาของหนานกงอี้จือสั่นไหว รู้สึกว่าบั้นท้ายของตนเจ็บขึ้นมากะทันหัน จะต้องเป็อาการที่หลงเหลือจากครั้งก่อนที่ถูกบิดาของเขาตีจนลายเป็แน่
ดวงตาดุจดั่งหมาป่าของบุรุษบนเตียงถลึงใส่เขาอย่างเหี้ยมโหด ในดวงตามีความดุร้ายจากความหิวโหยที่มากเกินไป สตรีเอนพิงอยู่ในอ้อมกอดของบุรุษ เผยผิวสีชมพูอ่อนละมุนออกมา แม้ว่า ชายตรงหน้าจะเป็บุตรชายของตน แต่เมื่อเห็นตนในสภาพที่ไม่เรียบร้อยเช่นนี้ อวิ๋นซื่อก็รู้สึกเขินอายอยู่บ้าง
“ดูพอหรือยัง?” เสียงเย็นะเืของหนิงกั๋วโหวดังมา “นี่เป็ภรรยาของข้า หากอยากดูผู้หญิง ข้าพากลับมาแต่งกับเ้าสักสองสามคน?”
หนานกงอี้จือสั่นสะท้านด้วยความหนาวเหน็บ รีบโบกมือ “ไม่ไม่ไม่ ท่านยังคงค่อย ๆ ลิ้มรสเถิด! ข้ามิได้เร่งร้อนเช่นท่าน นั่น เอ่อ ข้าไม่รบกวนแล้ว”
ในตอนที่หนานกงอี้จือเผ่นหนีไปยังไม่ลืมปิดประตูให้คนทั้งสอง หลังจากออกห่างจากภาพนั้น เขาจึงได้ตบหน้าอก “หลายสิบปีแล้วยังคงเป็เช่นนี้ เป็บุรุษเป็ดังเช่นเขาช่างน่าสงสารเสียจริง ช่างเถอะ ข้ายังคงไปจัดการเองดีกว่า เดิมก็ไม่อยากแต่งกับผู้หญิงคนนั้นอยู่แล้ว ถือโอกาสไปถอนหมั้นเสียเลย”
หนิงกั๋วโหวจะอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า ที่หนานกงอี้จือบุกเข้ามากะทันหันก็เพราะคิดจะพูดเื่การถอนหมั้น และก็เป็เพราะพวกเขาสามีภรรยากำลังแสดงความรักต่อกัน ในตอนที่ออกจากห้องจึงได้ยินว่า เขาทำให้บ้านภรรยาในอนาคตโมโห ทั้งยังทำให้ภรรยาในอนาคตโกรธจนหนีออกจากบ้านไปด้วย ภายหลังก็เป็เื่ของการไล่ตามภรรยาอย่างิญญาหลุดลอยแล้ว วันเวลาข้างหน้าสำหรับหนิงกั๋วโหวแล้ว ก็คือความทรมาน
หนิงกั๋วโหวในยามนี้ไม่รู้ถึงสิ่งที่บุตรชายผู้รนหาที่ตายของเขากำลังจะกระทำ ทว่าแม้จะรู้ คิดว่าคงไม่ทำการขัดขวาง สำหรับบุตรชายเพียงคนเดียวผู้นี้ พวกเขาสองสามีภรรยาต่างเลี้ยงดูอย่างปล่อยให้เรียนรู้ด้วยตนเอง นี่ก็เป็เหตุผลที่ทำให้หนานกงอี้จืออิจฉาญาติผู้พี่ของตน หนิงกั๋วโหวและอวิ๋นซื่อต่างก็รักถนอมซั่งกวนเซ่าเฉิน ในทางกลับกัน มักไม่พอใจบุตรชายแท้ ๆ อย่างเขาในเื่ต่าง ๆ
ที่จริงแล้วมีคำกล่าวที่ว่า ยิ่งรักมากก็ยิ่งตำหนิมาก เป็เพราะเขาเป็บุตรชายแท้ ๆ ของพวกเขา พวกเขาจึงมีข้อเรียกร้องต่อเขามากไปด้วย นี่มิได้หมายความว่าความรักที่พวกเขามีต่อซั่งกวนเซ่าเฉินเป็เื่เท็จ แต่เป็เพราะซั่งกวนเซ่าเฉินสูญเสียบิดามารดาไปั้แ่ยังเด็ก มักอยู่อย่างโดดเดี่ยวเสมอ พวกเขาเห็นแล้วก็ยากที่จะไม่รู้สึกสงสารเพิ่มอีกหลายส่วน แน่นอนว่าย่อมรักทะนุถนอมอย่างมาก
บ้านสกุลหลิง หลิงมู่เอ๋อร์พาซั่งกวนเซ่าเฉินที่จัดการความเรียบร้อยแล้วกลับมา ในยามที่ซั่งกวนเซ่าเฉินปรากฏกายอยู่เบื้องหน้าทุกคน ทุกคนต่างก็ต้อนรับเขาอย่างกระตือรือร้น
สายตาของซั่งกวนเซ่าเฉินหยุดอยู่ที่ป้าเฉิน ป้าเฉินก็มองเขาเงียบ ๆ เช่นกัน จากมุมของหลิงมู่เอ๋อร์สามารถมองเห็นประกายแหลมคมในดวงตาของเฉินท่านป้าเฉินได้อย่างชัดเจน ใบหน้าเ็าและแข็งกระด้างของซั่งกวนเซ่าเฉินปรากฏความสงสัยครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา เพียงตั้งใจพูดคุยเื่เก่ากับคนสกุลหลิง
คนอื่นมิได้สังเกตเห็น แต่หลิงมู่เอ๋อร์กลับเห็นอย่างชัดเจน ดูไปแล้ว ซั่งกวนเซ่าเฉินรู้ถึงฐานะของท่านป้าเฉิน
ในยามที่หลิงมู่เอ๋อร์ผ่านข้างกายของท่านป้าเฉิน ก็มองนางอย่างซับซ้อนครั้งหนึ่ง ป้าเฉินยังคงเป็เช่นเดิม ควรทำสิ่งใดก็ทำสิ่งนั้น มิได้เผยความผิดปกติใดออกมาแม้เพียงเศษเสี้ยว
“สาวน้อย มีความสามารถไม่น้อยเลย แม้แต่คนเช่นผู้บัญชาการองครักษ์หลวงก็รู้จัก” ป้าเฉินพูดกับหลิงมูเอ๋อร์อย่างหยอกล้อ
หลิงมู่เอ๋อร์ทางหนึ่งดื่มชา ทางหนึ่งกล่าวอย่างสงบนิ่งว่า “เพียงรู้จักกันเท่านั้น น่าจะไม่สนิทสนมเท่าความสัมพันธ์ระหว่างท่านป้ากับเขา”
“เหอะ…เด็กน้อยเช่นเ้าช่างระวังตัวเหลือเกิน วางใจเถอะ ข้ามิได้มีเจตนาร้ายต่อพวกเ้า” ป้าเฉินหัวเราะ “บ้านของเ้าเงียบสงบเหลือเกิน ไม่มีการแก่งแย่งชิงดี และก็ไม่มีการวางแผนให้ร้ายผู้อื่น ข้าอยู่ที่นี่สบายใจเหลือเกิน รอจนข้าอยากจากไป จะต้องจากไปอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นย่อมไม่ให้พวกเ้าต้องเสียเปรียบแน่”
หลิงมู่เอ๋อร์ยิ้มบาง “ในเมื่อท่านป้าอยู่บ้านข้าแล้วสบายใจ ก็ควรทราบว่าคนในครอบครัวของข้าไม่ให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้ พวกเราชอบชีวิตความเป็อยู่ที่สงบเรียบง่ายมากกว่า ไม่้าให้คนมารบกวน ท่านป้าแค่ดูก็รู้ว่าเป็ผู้ที่มีเื่ราว สิ่งที่ท่านต้องทำหลังจากไป คือการไม่รบกวนการดำเนินชีวิตที่สงบสุขของพวกเรา ให้พวกเราได้ใช้ชีวิตอย่างสบายใจ เช่นนี้ ก็จะเป็การตอบแทนที่ดีที่สุดที่ท่านป้ามอบให้ครอบครัวของพวกเราแล้ว”
ป้าเฉินมองหญิงสาวเบื้องหน้า นางเฉลียวฉลาด มีเมตตา ให้ความสำคัญกับมิตรภาพและความสัมพันธ์ หญิงสาวเช่นนี้ข้างกายนางขาดแคลนเป็ที่สุด น่าเสียดายที่นางไม่มีความทะเยอทะยานเช่นกัน
ไม่ นางมีความทะเยอทะยาน นาง้ากลายเป็แพทย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในแผ่นดิน ทั้งยังเป็แพทย์หญิงอีกด้วย หญิงสาวผู้หนึ่งคิดเดินบนทางสายนี้ยากลำบากเพียงใด ทว่า นางกลับบุกไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเล ความมุ่งมั่นเช่นนี้แม้แต่ผู้ชายก็สู้ไม่ได้ ไม่แปลกที่จะเข้าตาเ้าเด็กผู้นั้น หากนางเป็บุรุษ ก็จะชื่นชอบสตรีเยี่ยงนี้เช่นกัน
ป้าเฉินคิดถึงการตักเตือนในสายตาของเ้าหนุ่มผู้นั้น เหอะ! เ้าลูกกระต่าย ถึงกลับกล้าเตือนนางเพราะหญิงนางหนึ่ง วันหลังมีเื่ให้เ้าต้องทนรับอย่างแน่นอน
หยางซื่อทำอาหารเต็มโต๊ะอย่างกระตือรือร้น หลิงต้าจื้อ หยางต้าหนิว และถังซื่อต่างแย่งกันคีบอาหารให้ซั่งกวนเซ่าเฉิน หลิงมู่เอ๋อร์มองคนรอบกาย จากนั้นก็มองซั่งกวนเซ่าเฉินที่มีสีหน้าผ่อนคลาย ก็สะกิดแขนของหลิงจือเซวียน “พี่ชาย พวกเราสองคนใช่ลูกแท้ ๆ หรือไม่?”
หลิงจือเซวียนหัวเราะเบา ๆ ว่า “ย่อมต้องเป็ลูกแท้ ๆ อย่างแน่นอน เพียงแต่ว่า…ให้ความสนิทสนมกับบุตรเขยในอนาคตเสียหน่อยก็ไม่มีสิ่งใดเสียหายมิใช่หรือ!”
“พี่ชาย” หลิงจือเซวียนพูดเสียงเบามาก มีเพียงพวกเขาสองคนที่ได้ยิน ทว่ากำลังภายในของซั่งกวนเซ่าเฉินสูงส่งเป็อย่างมาก ระยะใกล้เช่นนี้ยังคงสามารถได้ยินได้ เมื่อคิดว่า ซั่งกวนเซ่าเฉินใช้สายตาประหลาดมองตน หลิงมู่เอ๋อร์ก็รู้สึกแปลก ๆ นางเหลือบมองชายที่อยู่เบื้องหน้าอย่างระมัดระวัง พอดีกับที่เห็นเขาเงยหน้ามองมา หลิงมู่เอ๋อร์แก้มแดงระเรื่อ ถลึงตาใส่หลิงจือเซวียนอย่างดุดันครั้งหนึ่ง แล้วจึงก้มหน้ากินอาหารในชามของตนต่อไป
[1] นกหงหลวน เป็นก์สีชาดในตำนาน สื่อถึงงานมงคล เป็นิมิตหมายในการแต่งงาน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้