บทที่50 เรือนสี่ประสาน
หลังจากชิงโม่ผ่าตัดใส่ขาเทียมเหล็กให้กับนายพลเย่เฉินเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอก็กลับมาที่เรือนสี่ประสานที่ท่านนายพลเซี่ยจงมอบให้เธอเป็ค่าตอบแทนที่เธอรักษาลูกสาวของเขาทันทีที่มาถึงเธอก็เอาของตกแต่งบ้านออกมาจัดการตกแต่งตามที่เธอชอบทันที
เรือนสี่ประสานหรือ “ซื่อเหอย่วน” ที่หยางชิงโม่ได้รับมอบจากท่านนายพลเซี่ยจงนั้น ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง พื้นที่โดยรอบเงียบสงบ ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่และดอกไม้นานาพันธุ์ กำแพงสูงสีขาวโพลนล้อมรอบตัวบ้าน มองดูสง่างามและน่าเกรงขาม ประตูไม้แกะสลักลวดลายวิจิตรประณีตเป็ทางเข้าหลัก บานประตูใหญ่เปิดออกเผยให้เห็นลานกว้างที่ปูด้วยหินอ่อน ตรงกลางลานมีน้ำพุหินอ่อนรูปปลาคาร์ฟพ่นน้ำอย่างสง่างาม
ตัวบ้านมีสองชั้น โครงสร้างเป็ไม้ หลังคามุงกระเบื้องสีเทาเข้ม สถาปัตยกรรมผสมผสานความคลาสสิกแบบจีนเข้ากับความทันสมัยแบบตะวันตกได้อย่างลงตัว หน้าต่างบ้านเป็แบบบานเกล็ดสีขาว ข้างหน้าต่างมีกระถางต้นไม้ประดับเรียงราย
ภายในบ้านแบ่งออกเป็ห้องต่างๆ มากมาย แต่ละห้องตกแต่งอย่างสวยงามด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้โบราณ ผ้าไหมชั้นดี และแจกันโบราณ สะท้อนให้เห็นถึงรสนิยมอันสูงส่งของเ้าของบ้าน
ห้องนอนของหยางชิงโม่ตั้งอยู่ชั้นสอง ตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความอบอุ่น เตียงนอนไม้ใหญ่ ผ้าปูที่นอนสีขาวนวล โต๊ะเครื่องแป้งไม้แกะสลัก และหน้าต่างบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นสวนด้านนอกได้ ช่วยให้เธอกลับมารู้สึกผ่อนคลายหลังจากผ่านเหตุการณ์อันตึงเครียดมา
เรือนสี่ประสานถือเป็สัญลักษณ์ของโชคลาภและความมั่งคั่ง เชื่อกันว่าบ้านเรือนแบบนี้จะนำพาความสุข ความเจริญรุ่งเรือง และความร่ำรวยมาสู่ผู้อยู่อาศัย
โดยรวมแล้ว เรือนสี่ประสานหลังนี้เปรียบเสมือน์บนดิน เงียบสงบ สวยงาม และเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ หยางชิงโม่รู้สึกขอบคุณท่านนายพลเซี่ยจงที่มอบบ้านหลังนี้ให้เธอ และเธอก็ตั้งใจที่จะดูแลรักษาบ้านหลังนี้ให้ดีที่สุด
เรือนสี่ประสานที่ท่านนายพลเซี่ยจงมอบให้เธอมานั้นมี 2 หลังซึ่งห่างกันไม่มากหากขับรถก็ประมาณ 30 นาที
อีกหนึ่งหลังนั้นตัวบ้านแบ่งออกเป็สี่ปีก ประกอบด้วยเรือนฝั่งเหนือ เรือนฝั่งใต้ เรือนฝั่งตะวันออก และเรือนฝั่งตะวันตก แต่ละเรือนเชื่อมต่อกันด้วยโถงกลางกว้างขวาง ตกแต่งด้วยโคมไฟระย้าคริสตัล สะท้อนแสงประกายงดงาม พื้นโถงปูด้วยหินอ่อนลวดลายธรรมชาติ ผนังประดับด้วยภาพวาดโบราณ บ่งบอกถึงรสนิยมอันสูงส่ง
หลังคาบ้านเป็ทรงจั่ว มุงด้วยกระเบื้องดินเผาสีน้ำตาลอ่อน ประดับด้วยเครื่องปั้นดินเผารูปัและนกฟินิกซ์ สื่อถึงความมั่งคั่งและอำนาจ บานหน้าต่างเป็ไม้แกะสลักลายดอกไม้ ประดับด้วยกระจกสีสันสดใส กรองแสงแดดอ่อนๆ ให้สาดส่องเข้ามาภายใน
สวนภายในบ้านร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ ดอกไม้หลากสีสันบานสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมอบอวล บ่อน้ำพุกลางสวนปล่อยสายน้ำไหลริน ดึงดูดฝูงนกน้อยมาเกาะกิ่งไม้ ร้องเพลงไพเราะเสนาะหู
โดยรวมแล้ว บ้านสี่ประสานเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ดึงดูด ผสมผสานความงดงามแบบโบราณเข้ากับความสะดวกสบายแบบสมัยใหม่ เป็สถานที่พักพิงที่เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจและสร้างครอบครัวจริงๆ
หยางชิงโม่รู้สึกผ่อนคลายมาก เธอเดินดูรอบๆ บ้าน 2-3 รอบเลยทีเดียว ต้องยอมรับว่าถ้าในยุคสมัยที่เธอจากมาการจะมีเรือนสี่ประสานในคือคุณจะต้องร่ำรวยมากจริงๆ ซึ่งเรือนสี่ประสานเป็ความใฝ่ฝันอันดับต้นๆในชีวิตของเธอในยุคนั้นก็ว่าได้ พอมาอยู่ที่นี้เธอกลับได้มันมาอย่างง่ายดายถึง 2 หลังด้วยกันจะไม่ให้เธอดีใจได้อย่างไร
ตอนนั้นท่านนายพลเซี่ยจง บอกว่าทางกองทัพยึดมาจากพวกต่อต้านหลายหลัง และอยู่ในหลายเมืองด้วยกัน ดังนั้นเธอคิดว่า....ฮาฮาฮา (คงอยากใช้เส้นของท่านนายพลเซี่ยจงอีกละสิ)
ใช่แล้วเธอจะซื้อเรือนสี่ประสานเพิ่มอีก ได้เท่าไหร่ก็เอาเท่านั้น ก็คนมันชอบมันหลงใหลนี้น่า ได้สนองความ้าในชีวิตที่นี้ก็ดีแล้ว ....
ตอนนี้เธออยู่ที่ปักกิ่งซึ่งไม่ไกลจากเซินเจิ้นมากนั้น ถ้าเธอเสร็จธุระความรับผิดชอบกับทางโรงพยาบาลทหารแล้ว เธอจะเลยไปดูที่ดินที่เซินเจิ้นเลย เพราะตอนนี้นโยบายเกี่ยวกับเขตอุตสาหกรรมใหม่น่าจะมีคนยื่นเื่เข้าไปแล้วละ เธอลงมือตอนนี้จะได้เปรียบกว่ารอให้โครงการอนุมัติแล้วถึงเข้าซื้อ เพราะถึงอย่างไรเธอก็รู้ว่า ตรงไหนที่บริษัท ไมโครซอฟ จะมาตั้งโรงงาน ตรงไหนที่บริษัทแอปเปิลจะมาสั่งผลิต I phone และบริษัทใหญ่ๆ อีกหลายแห่งที่จะเข้ามาเปิดโรงงานที่นั้นดังนั้น เธอไปจองก่อนละกัน..เธอจะลองถามท่านนายพลเซี่ยจงดูว่าพอจะมีเส้นสายให้เธอที่จะซื้อที่ในเซินเจิ้นไหม... (เอาอีกแล้วหรือ)
พูดได้ต้องทำได้ พรุ่งนี้หลังจากที่เธอเข้าตรวจอาการของท่านนายพลเย่เฉิน เธอจะเข้าไปพบท่านนายพลเซี่ยจงสักหน่อย
วันรุ่งขึ้นหลังจากที่เธอและเด็กๆ จิบกาแฟ ดื่มนมและทานอาหารเช้าภายในสวนแสนสวยของเธอที่เรือนสี่ประสานหลังที่สองเสร็จ
เธอได้บอกกำหนดการของเธอในวันนี้ให้นายทหารพลขับนายนั้นทราบ พอพวกเขาทานอาหารเรียบร้อยเธอก็ออกเดินทางไปที่โรงพยาบาลทหารที่อยู่ภายในกรมทหารทันที
“สวัสดีค่ะท่านนายพลเย่เฉิน สวัสดีค่ะคุณนายเย่” หยางชิงโม่เอ่ยทักทายเมื่อเธอไปถึงห้องพักฟื้นของนายพลเย่เฉิน
“ สวัสดีค่ะ คุณหมอหยาง เชิญ เชิญค่ะ” ภรรยานายพลเย่เฉินดวงตาเป็ประกายเหมือนเห็นพระโพธิสัตว์ เมื่อตอนที่เห็นหยางชิงโม่เดินเข้ามาในห้อง จะไม่ใช่ได้อย่างไรในเมื่อคุณหมอหยางชิงโม่คือผู้ดึงชีวิตของนายพลเย่เฉินกลับมา เธอนั้นรู้ดีที่สุดว่าเย่เฉินนั้นไม่อยากจะมีชีวิตอยู่มากแค่ไหน ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถที่จะทำให้เขาเปลี่ยนใจ ถ้าไม่ใช่คุณหมอหยางมาช่วยไว้ได้ทันป่านนี้เธอก็คงเป็หญิงม่ายสามีตายแล้วละ.
หยางชิงโม่เดินมาที่เตียงแล้วเริ่มการตรวจนายพลเย่เฉิน
“ วันนี้อาการเป็อย่างไรบ้างค่ะ เจ็บแผลมั้ย ปวดศีรษะมั้ย ตรงนี้ปวดมั้ย” เธอซักถามไปตามขั้นตอน…
เมื่อตรวจอาการของนายพลเย่เฉินเสร็จซึ่งการผ่าตัดไม่มีปัญหาใด เขาฟื้นตัวได้เร็วและดีมาก เธอคิดว่าไม่นานเขาจะเริ่มฝากการเดินได้แล้ว เธอมองเห็นสีหน้าที่มีความสุขของครอบครัวตระกูลเย่แล้วยิ้มออกมา
(ฮึ เธอเป็ใครละ..เธอคือหยางชิงโม่แพทย์อัฉจริยะจากอนาคตเชียวนะ แค่ผ่าตัดใส่ขาเทียมเป็เื่จิบๆ สำหรับเธอ ฮาฮาฮา…. มีความชมตัวเองของคุณหมอชิงโม่ด้วย เอ็นดูนาง)
เมื่อเสร็จการตรวจคนไข้ เธอขอเข้าพบนายพลเซี่ยจง ซึ่งนายทหารพลขับก็ขับรถพาเธอไปที่แผนกของท่านนายพลเซี่ยจงทันที..
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก ขออนุญาตครับผม แพทย์หญิงหยางชิงโม่้าที่จะเข้าพบท่านนายพลครับผม”
นายทหารหน้าห้อง รายงานท่านนายพลก่อนที่จะให้เธอเข้าไป
“เข้ามา เข้ามา คุณหมอ วันนี้อาการของท่านนายพลเย่เฉินเป็อย่างไรบ้าง” ท่านนายพลเซี่ยจงเอ่ยถามทันทีที่เห็นเธอเดินเข้าไปในห้อง
“อาการฟื้นตัวดีมากค่ะ ฉันคิดว่าอีกไม่นานน่าจะเริ่มฝึกการเดินด้วยขาเทียมได้แล้ว”
“ดี ดี ดี แบบนี้นายพลเย่เฉินจะต้องดีใจมากแน่นอน คุณหมอได้ช่วยไว้อีกหนึ่งชีวิตแล้วนะครับ” นายพลเซี่ยจงเอ่ยขึ้น เขาเองก็ดีใจที่นายพลเย่เฉินกำลังจะกลับมาเดินได้อีกครั้ง วีรบุรุษผู้เคยสง่างามคนนั้นจะกลับมาเดินได้อีกครั้ง เขาดีใจจริงๆ และที่สำคัญหยางชิงโม่ไม่ได้ช่วยแค่หนึ่งชีวิต แต่เป็สี่ชีวิตต่างหากทั้งครอบครัวของนายพลเย่เฉิน
“นั้นนะสิคะท่านนายพลเซี่ย ฉันช่วยได้อีกแล้วหนึ่งชีวิต” เธอส่งยิ้มตาหยี่ไปให้เขา ท่านนายพลเซี่ยมองรอยยิ้มนั้นแล้วรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที นี้มันรอยยิ้มของจิ้งจอกน้อยนี่น่า..คราวนี้เขาจะเสียอะไรอีกละ...เฮ้อ...
**จะได้ที่ดินแถวเซินเจิ้นแล้วนะ...
