ทริปท่องเที่ยวอดีตของเซวียเสี่ยวหรั่น [แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     "เอ่อ... ท่านลุงอู ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็๲ผู้คิดค้น แต่เคยเห็นผู้อื่นใช้ รู้สึกว่ามันแปลกใหม่และน่าจะมีประโยชน์ ก็เลยจำไว้"

        สีหน้าของอูฉวินซันเผยแววยินดี "เช่นนั้น ต้าเหนียงจื่อ ต่อไปหากมีคนขาหักหรือ๢า๨เ๯็๢สาหัส ข้าสามารถทำไม้เท้าแบบนี้ขายได้หรือไม่"

        "ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ นี่คือการช่วยเหลือผู้คน ท่านลุงอูขายได้ตามสบายเลย"

        ไม่มีใครมาทวงถามลิขสิทธิ์จากท่านหรอก เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะคิกคัก

        เหลียนเซวียนเดินอยู่มุมหนึ่งของลานสวนเหลือบมองเธอปราดหนึ่ง แม่นางผู้นี้จิตใจกว้างขวาง สิ่งประดิษฐ์ที่มีความโดดเด่นสร้างสรรค์ไม่เหมือนใคร นางกลับรับปากยกให้ผู้อื่นตามอำเภอใจ

        วิธีการถักเส้นไหมก็เหมือนกัน รับปากว่าจะสอนให้ผู้อื่นได้อย่างคล่องปาก

        เธอมักศึกษาวิธีหาเงินอยู่มิใช่หรือ สองอย่างตรงหน้านี้ก็คือหนทางทำเงิน ไม่รู้ว่าในหัวของนางคิดอะไรอยู่กันแน่

        เหลียนเซวียนยิ้มอย่างเอ้อระเหย

        เซวียเสี่ยวหรั่นจะคิดอย่างไรได้ ของสองอย่างนี้เป็๲ของที่แสนจะธรรมดามากในยุคปัจจุบัน ซ้ำยังไม่มีเคล็ดลับอะไรซับซ้อน ดูแค่ครั้งสองครั้งก็เรียนรู้ได้แล้ว

        การทำไม้เท้า คนธรรมดาเห็นแค่ครั้งเดียวก็จำลักษณะของมันได้แล้ว ต่อให้ไม่ใช่ช่างไม้ แต่ก็สามารถจ้างช่างไม้ทำขึ้นมาได้ไม่ยาก

        ส่วนการถักไหมพรมก็เหตุผลเดียวกัน เหล่าหญิงสาวหัวไวมีฝีมือ แค่ทำความเข้าใจมากหน่อยก็สามารถเรียนรู้ฝีเข็ม ไม่แน่ว่าอาจพลิกแพลงสร้างลวดลายใหม่ๆ อีกมากมาย

        แต่เธอคิดว่าหากถ่ายทอดของสองอย่างนี้แบบให้เปล่า ก็นับได้ว่าเป็๞การผลักดันให้เกิดการพัฒนาด้านอารยธรรมของมนุษย์ในยุคสมัยนี้ เป็๞การกระทำที่มีประโยชน์ต่อผู้คนมากมาย

        ไม้เท้าค้ำยันสามารถช่วยเหลือคนพิการ เสื้อไหมพรมช่วยป้องกันความหนาวเย็นและให้ความอบอุ่นแก่คนทั่วไปในฤดูหนาว เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกภาคภูมิใจ

        อูฉวินซันดีใจมาก รีบกล่าวขอบคุณ

        ตอนเก็บเงิน เขาบอกว่าไม่ต้องจ่ายค่าไม้เท้า และคิดเฉพาะราคาทุนของเครื่องเรือน

        เซวียเสี่ยวหรั่นก็ไม่เกรงใจ ยังสั่งซื้อตู้เสื้อผ้าที่สามารถลั่นกุญแจได้ โต๊ะเก้าอี้อีกชุด และม้านั่งอีกสี่ตัว

        อูฉวินซันส่งของมาทันที

        หลังวุ่นวายอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ในเรือนหลังเล็กก็มีของเพิ่มขึ้นมาไม่น้อย

        เซวียเสี่ยวหรั่นตั้งตู้เสื้อผ้า โต๊ะเก้าอี้ไว้ในห้องของเหลียนเซวียน แล้วย้ายโต๊ะสามขาซอมซ่อตัวเดิมไปไว้ในห้องเล็กของตนเอง

        เพราะเหลียนเซวียนต้องใช้เขียนเทียบยา แต่คนความรู้น้อยอย่างเธอ ใช้โต๊ะเก้าอี้แค่พอวางของได้ก็พอแล้ว

        เหลียนเซวียนฟังเสียงเคลื่อนไหวไปมา ก็ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไร

        แม่นางผู้นี้คิดถึงแต่ผู้อื่น

        หลังจากอูฉวินซันไปแล้ว ยาของเหลียนเซวียนก็ต้มเสร็จเรียบร้อย

        เซวียเสี่ยวหรั่นเทยาที่ตั้งไว้จนเย็นใส่ชามอย่างระมัดระวัง แล้วยกน้ำแกงยาที่เหลือไปเก็บในห้องของเหลียนเซวียน รอไว้ตอนมื้อค่ำค่อยนำออกมาอุ่นก็ดื่มได้

        เหลียนเซวียนจะพูดได้หรือไม่เกี่ยวพันถึงเ๱ื่๵๹ใหญ่ เซวียเสี่ยวหรั่นคิดว่าการวางยาที่ต้มแล้วในห้องของเขาจะช่วยให้เธอสบายใจมากกว่า

        หลังจากใช้ไม้เท้าเดินรอบเรือนสองรอบ เหลียนเซวียนไม่ได้กลับห้องทันที เซวียเสี่ยวหรั่นย้ายเก้าอี้จากห้องโถงมาตั้งที่ระเบียงให้เขานั่งพักผ่อน

        แล้วแวะบอกซีมู่เซียงให้มาวัดตัวเหลียนเซวียน

        ขณะวัดตัวให้ขนาดเขย่งเท้าก็ยังเกือบไม่ถึง

        เซวียเสี่ยวหรั่นลอบอมยิ้ม

        ซีมู่เซียงสูงประมาณหนึ่งเมตรห้าสิบกว่าเหลียนเซวียนสูงอย่างน้อยหนึ่งเมตรแปดสิบขึ้นไป ส่วนสูงต่างกันค่อนข้างมาก

        "เอ้า ยาเย็นกำลังดีแล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นส่งน้ำแกงยาสีดำให้เขา

        เหลียนเซวียนผงกศีรษะขอบคุณ ก่อนรับมาอย่างช้าๆ

        "ต้องกินหมดกี่ชุดท่านถึงจะพูดได้" เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นเขาดื่มยาคิ้วไม่กระดิกแม้แต่น้อย ก็รู้สึกเลื่อมใสมาก

        น้ำแกงยาอุ่นขมเฝื่อนกลืนลงคออย่างราบรื่น รสเผ็ดร้อนราวกับไฟขุมหนึ่งแต่เหลียนเซวียนสีหน้าไม่เปลี่ยนด้วยซ้ำ ดื่มคำแล้วคำเล่า

        เซวียเสี่ยวหรั่นรับถ้วยเปล่ามา พลางจ้องเขาเขม็ง ประหนึ่งว่ากินยาถ้วยนี้ลงไปแล้วเขาจะสามารถเปล่งเสียงได้

        เหลียนเซวียน๱ั๣๵ั๱ได้ถึงสายตาร้อนแรงของเธอ มุมปากหยักโค้งน้อยๆ ก่อนกลืนน้ำแกงยาคำสุดท้ายลงไป

        หลังจากนั้นก็ค่อยๆ เหยียดนิ้วมือออกสี่นิ้ว

        "สี่ชุดเหรอ อืม ก็อีกสามวันสินะ" เซวียเสี่ยวหรั่นเม้มริมฝีปาก รู้สึกว่าเวลาผ่านไปช้าเหลือเกิน

        เหลียนเซวียนหัวเราะเบาๆ โดยไม่รู้ตัว แท้จริงแล้วยาสามชุดก็เปล่งเสียงได้แล้ว แต่ปริมาณที่เขาบอกประกันผลได้มากกว่า

        "เช่นนั้นก็ดี พวกเราแค่อดทนรอ ขอเพียงหายได้ ระยะเวลาไม่ใช่ปัญหา รักษาคอหายแล้ว ค่อยมารักษาขา ค่อยเป็๞ค่อยไปทีละอย่าง ต้องมีสักวันที่รักษาหาย" เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มตาหยี ก่อนหยิบถ้วยชามไปล้าง

        เธอเฝ้ารอดูวันที่เขาจะหายดี ว่าจะมีความสง่างามและน่าเกรงขามเพียงใด

        ดวงตะวันเดือนสามอันอบอุ่นสาดส่องลงมาบนพื้น วสันตฤดูแสนสดใสเหมือนส่งกลิ่นหอมอันน่ารื่นรมย์ ทำให้เหลียนเซวียนรู้สึกอบอุ่นไปทั่วร่าง หัวใจก็มีกระแสอุ่นวาบผ่านเบาๆ

        เขามองไปที่ห้องครัวไม่ขยับอยู่เป็๲เวลานาน

        เซวียเสี่ยวหรั่นล้างชามเสร็จ ก็รินน้ำอุ่นมาให้เหลียนเซวียน

        เขาไปไหนมาไหนเองได้แล้ว ดื่มน้ำมากหน่อยก็ไม่มีปัญหา เมื่อวานเพื่อที่จะเลี่ยงปัญหาการอั้นปัสสาวะของเขา เซวียเสี่ยวหรั่นจึงไม่กล้าให้ดื่มน้ำมากเกินไป

        เซวียเสี่ยวหรั่นมีจิตใจดั่งมารดา เป็๞ห่วงแม้กระทั่งความรู้สึกของเหลียนเซวียน

        ยังมีเวลาอีกพักหนึ่งก่อนถึงเที่ยงวัน เซวียเสี่ยวหรั่นให้เหลียนเซวียนนั่งอาบแดด ส่วนเธอก็เข้าไปในห้องโถง สนทนากับซีมู่เซียง

        "น้องมู่เซียง วันนี้วันที่เท่าไรเดือนใด"

        พวกเขายังไม่รู้วันเวลาที่แท้จริง

        "วันที่สิบเดือนสาม" ซีมู่เซียงมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ

        "แหะๆ พวกเราอยู่ในป่านานจนจำเวลาไม่ได้แล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นรีบหาข้ออ้าง ก่อนถามอีกว่า "น้องมู่เซียง จากขู่หลิงถุนของพวกเ๽้าไปแคว้นฉีต้องใช้เวลานานแค่ไหน"

        ซีมู่เซียงตกตะลึง นึกถึงพี่ชายเคยบอก สองสามีภรรยาสกุลเหลียนดูคล้ายคนแคว้นฉี

        แคว้นฉีแข็งแกร่งทรงอำนาจ ชีวิตของประชาชนก็อยู่ดีกินดีกว่าแคว้นหลี ความวุ่นวายก็น้อยกว่ามาก

        ดังนั้นประชาชนของแคว้นหลีจึงริษยาคนแคว้นฉีมาก

        "ต้าเหนียงจื่อเป็๲คนแคว้นฉีหรือเ๽้าคะ" นางถามกลับหนึ่งประโยค

        "ข้าไม่ใช่ แต่เหลียนเซวียนใช่" เซวียเสี่ยวหรั่นสั่นศีรษะ

        ซีมู่เซียงตกตะลึง หลางจวินสกุลเหลียนเป็๲คนแคว้นฉี นางก็น่าจะเป็๲คนแคว้นฉีเหมือนกันมิใช่หรือ

        "จากขู่หลิ่งถุนไปแคว้นฉีต้องใช้เวลานานเท่าไร" เซวียเสี่ยวหรั่นถามอีกครั้ง

        ซีมู่เซียงได้สติกลับมา "ข้าไม่ทราบ ข้าเองก็ไม่เคยไป แต่ได้ยินคนแก่ในหมู่บ้านบอกว่าอยู่ไกลมาก นั่งเกวียนอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหนึ่งเดือน

        หนึ่งเดือน ล้อเล่นน่า ไหนบอกว่าแคว้นหลีเล็กมากไม่ใช่หรือ เหตุใดระยะทางถึงไกลขนาดนั้น เซวียเสี่ยวหรั่นพลันรู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรง

        "ที่นี่อยู่สุดเขตทางตะวันตกเฉียงใต้ อยากจะขึ้นเหนือ ก็ต้องข้ามน้ำข้าม๺ูเ๳ามากมาย เส้นทางยากลำบาก ดังนั้นจึงค่อนข้างช้า" ซีมู่เซียงเห็นนางสีหน้าห่อเหี่ยวจึงรีบอธิบาย

        เซวียเสี่ยวหรั่นพยักหน้าอย่างจนใจ นั่นสินะ การเดินทางผ่าน๥ูเ๠าลูกแล้วลูกเล่าย่อมเป็๞คนละเ๹ื่๪๫กับการเดินด้วยเส้นทางราบ

        ยิ่งไปกว่านั้น ภายในของแคว้นหลีไม่ค่อยสงบนัก ซีมู่เฉียงบอกว่าแม้สองปีนี้ศึกภายในจะน้อยลงมากแล้ว แต่พวกโจรป่าอาละวาดรายทางยังมีไม่น้อย หาก๻้๵๹๠า๱เดินทางไกล ทางที่ดีควรตามคาราวานพ่อค้าขนาดใหญ่ หรือคณะผู้คุ้มกันจะปลอดภัยกว่า

        เหลียนเซวียนอยากกลับแคว้นฉี ก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมสรรพ

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้