“มีผู้แข็งแกร่งขั้นสุดยอดประมือกันอยู่”
หลิวจงหยวนสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ
เ่ิูพยักหน้าบ้าง เขามองตรงไปทิศใต้
เรือเหาะที่เขาอยู่ในตอนนี้ หลังจากบินมาติดต่อกันถึงสี่ห้าวันก็ลุเข้าดินแดนของเผ่าปีศาจอย่างเต็มตัวแล้ว และสมรภูมิโรมรันยุทธการเดินทัพวายุว่องก็ได้เริ่มขึ้นนานแล้วที่ทุ่งน้ำแข็งทลายหิมะ ตอนนี้พวกเขาน่าจะกำลังเข้าห้ำหั่นกันอย่างรวดเร็ว ในสภาพการณ์ที่กัดไม่ปล่อย การคุมเชิงและเข่นฆ่ากันมาตลอดหลายสิบปี ทำให้ต่างฝ่ายต่างก็รู้แกวอีกฝ่ายดียิ่งกว่าอะไรทั้งหมด หากมีาที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพ่ายยับเยินไม่ และวันนี้ก็ถึงฤกษ์ยามที่ผู้แข็งแกร่งสูงสุดของทั้งสองฟากฝั่งจะประมือกันเสียที
เ่ิูไม่อาจล่วงรู้ ว่าแผนการของกองทัพมีความเป็มาเยี่ยงไรกันแน่
แต่ในเมื่อการต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้ว ก็หมายความว่าทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดี
ผู้แข็งแกร่งคนแรกที่แผ่ปณิธานวรยุทธ์ออกมา น่าจะเป็ผู้บัญชาการฝ่ายมนุษย์ของด่านโยวเยี่ยนคนใดสักคนหนึ่ง และปณิธานวรยุทธ์ที่มีกลิ่นคาวเืและไอดุร้ายครั้งที่สองนั่น หรือว่าจะเป็คนๆ นั้น?
คนๆ นั้นปรากฏตัวแล้วหรือ?
เ่ิูไตร่ตรองในใจ
ตอนนี้เอง...
“เอาล่ะ พวกเราควรเริ่มได้แล้ว” ท่านชายหลิวเอ่ยพลางม้วนเอาผ้าส่วนหน้าของอาภรณ์ขึ้นมาเหน็บไว้กับเอว ยืดกายตรงดิกราวกับหอก เขาก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว ยืนหยัดอยู่บนหัวเรือเหาะ ค่อยๆ ควบคุมลมหายใจราวกับจอมยุทธ์ควบคุมตัวเองยามออกศึกอย่างไรอย่างนั้น
มีทหารสวมเกราะย้ายเอาโต๊ะหนังสือสีน้ำเงินขนาดใหญ่เข้ามา บนนั้นมีม้วนหนังสัตว์สีขาวหิมะราวกับหยกปูไว้อยู่
เมื่อคลี่ม้วนหนังสัตว์นี้ออกก็พบกับความว่างเปล่าบนหน้ากระดาษ
ซิ่งเอ๋อร์เด็กหนังสือยืนอยู่หน้าโต๊ะน้ำเงิน เขาหยิบแท่นบดหมึกหมีบินผีเสื้อบุปผาออกมา ตามด้วยหมึกโลหิตัล้ำค่า และน้ำแข็งฟ้าลึกลับ
เขาใช้พลังความร้อนจากฝ่ามือละลายน้ำแข็งฟ้า หยดหมึกโลหิตัลงมาทีละหยดๆ จากนั้นวางไว้บนแท่นบดหมึก ใช้โลหะที่รูปร่างคล้ายกระบี่ขนาดย่อมเริ่มทำการบด กิริยาอันอ่อนโยนนั้นละลายหมึกโลหิตับนแท่นบดอย่างรวดเร็ว มองผ่านๆ อาจนึกว่าน้ำหมึกดำราวกับหยดเืปรากฏขึ้นทีละเม็ดๆ กลางอากาศเริ่มมีกลิ่นหอมประหลาดของหมึกฟุ้งตลบ มีอะไรบางอย่างที่ชวนให้คนสูดดมดีใจทุกครั้งไป
ซิ่งเอ๋อร์กิริยาอ่อนโยน แสดงออกมาอย่างสบายราวกับเต้นรำ ประหนึ่งแอบแฝงเส้นทางแห่ง์ไว้ก็ไม่ปาน
เ่ิูเพิ่งเคยเห็นคนทำการบดหมึกอันเป็หัวใจสำคัญ ได้สมบูรณ์แบบถึงเพียงนี้เป็ครั้งแรก
เรือเหาะหยุดนิ่งอย่างไร้สุ้มเสียง มันค่อยๆ ลอยลำออกจากกลีบเมฆ
ความสูงของเรือเหาะจากเบื้องล่างค่อยๆ ถดถอยลง
เมฆหมอกสีขาวเริ่มเบาบาง
เ่ิูทอดมองลงมา สู่เบื้องล่างที่ค่อยๆ ชัดเจนแก่สายตา
เขาอดชื่นชมในใจไม่ได้
แผ่นดินหิมะและน้ำแข็งอันไพศาล!
ถึงแม้ว่าแค่ดูจากนามอย่างทุ่งน้ำแข็งทลายหิมะก็พอจะจินตนาการออกว่าแผ่นดินใหญ่นี้ต้องเป็ที่ซึ่งปกคลุมด้วยความหนาวเหน็บแห่งหิมะและน้ำแข็งเป็แน่ ทว่าเมื่อได้มองที่ราบหิมะขาวอันโอฬารไร้สุดขอบแก่สายตา มองยอดเขาน้ำแข็งที่เรียงตัวสะเปะสะปะ เหมือนเทพเ้าไม่ทันระวังเผลอทำร่วงลงมา เห็นช่องโหว่ชั้นน้ำแข็งั์ราวกับัผงาดและอสรพิษเลื้อย เ่ิูยังรู้สึกกระแทกใจ โลกที่ประกอบขึ้นจากน้ำแข็งและหิมะล้วนๆ ช่างงดงามและน่าพิศวง ประหนึ่งดินแดนแห่งเซียน
เหมือนภพที่ถูกปกครองโดยหิมะและน้ำแข็ง
มิน่าเล่าเผ่าปีศาจที่นี่ถึงได้ชื่อว่าเผ่าปีศาจแดนหิมะ
“ทุกคนเตรียมตัว!”
หลิวจงหยวนโพล่งเสียงทุ้มต่ำ ให้ทหารใต้บังคับบัญชาตระเตรียมการ
เหล่าทหารที่ต้องมนตร์แห่งทัศนียภาพอันงดงามหลุดจากภวังค์ทันที
เ่ิูเองก็คืนสติแล้ว
เขารู้ ว่าโลกหิมะนี้แม้จะงามสักเพียงใด ก็งามได้เพียงมองไกลๆ หากใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้จริง ต้องเป็ประสบการณ์อันเลวร้ายอย่างแน่นอน เวลาที่ความหนาวะเืกัดกิน มันมากพอจะกระชากิญญาได้นับดวงไม่ถ้วน ไม่มีพืชพันธุ์ ไม่มีอาหาร ไม่รู้ว่าพวกปีศาจอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมเลวร้ายขนาดนี้ได้อย่างไร
มิน่าเล่า หลายปีมานี้เผ่าปีศาจถึงได้วาดฝันว่าจะมุ่งลงใต้สู่ด่านโยวเยี่ยน ยึดครองเอาหัวเมืองชายแดนของอาณาจักรเสวี่ย
ทุกอย่าง ล้วนเพื่อความอยู่รอดและแพร่เผ่าพันธุ์ทั้งสิ้น
ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่สองมือของท่านชายหลิวถือพู่กันสีแดงชาด
พู่กันสองด้ามนี้พิเศษมาก ทุกด้ามล้วนมีขนเล็กละเอียด สภาพน่าจะผ่านการใช้งานมานักต่อนัก ตัวพู่กันสลักอักษรขดเป็เกลียว ปลายพู่กันอิ่มเต็ม ไม่รู้ว่าใช้ขนของตัวอะไรรังสรรค์ขึ้นมา เมื่อจุ่มหมึกโลหิตัเสร็จแล้วยังเปล่งแสงอ่อนจางกระจาย ราวกับดาวคู่บนท้องฟ้ายามราตรี ชวนให้ต้องจ้องมองอย่างลุ่มหลง
ท่านชายหลิวขยับมือทั้งสองข้าง จรดปลายพู่กันลงบนม้วนกระดาษขาวราวหิมะนั้นไม่ขาดตอน
ลงพู่กันราวกับมีของ
เ่ิูมองโดยละเอียด เห็นแน่ชัดว่าสิ่งที่ท่านหลิวกำลังวาดอยู่ต้องเป็สภาพภูมิประเทศของทุ่งน้ำแข็งทลายหิมะด้านล่างแน่นอน
ทุกอย่างใต้เรือเหาะ ล้วนถูกวาดลงบนม้วนกระดาษจากสายตาของท่านหลิว
เขาจรดพู่กันวาดรวดเร็วมาก เพียงแค่กวาดตามองปราดเดียวก็วาดลงบนม้วนกระดาษได้เลย อีกทั้งยังไม่มีผิดพลาด ตวัดไม่กี่ครั้งก็วาดภาพในระยะหลายลี้ลงไปได้หมด เส้นสายลื่นไหลเป็ธรรมชาติ ชวนให้คนมองๆ แล้วราวกับภาพมีชีวิต เหมือนทัศนียภาพเบื้องล่างะโออกมาจากในม้วนกระดาษ ไม่ก็ฉายภาพจำลองต่อหน้าให้คนเห็นจะๆ ตา
ทักษะการวาดขั้นสุดยอด!
ใกล้เคียงปรมาจารย์
เ่ิูเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมท่านชายหลิวถึงได้รับมอบหมายให้มารับหน้าที่เสี่ยงภัย ตระเวนในใจกลางดินแดนของศัตรู
หากให้เขาเดินทั่วทั้งทุ่งน้ำแข็งของจริง มีหวังเผ่าปีศาจคงไม่เหลือที่ให้ไป หากหน้าที่นี้สำเร็จลุล่วง ทัพโยวเยี่ยนย่อมจะสามารถบุกทุ่งน้ำแข็งทลายหิมะนี้ได้เหมือนชี้นิ้ว ในอนาคตเมื่อออกศึกปะทะเผ่าปีศาจอีก ย่อมจะมีโอกาสชนะพุ่งสูงขึ้นอย่างแน่นอน
ตอนนี้เองที่เ่ิูคิดว่าหน้าที่ของเขา สำคัญชนิดที่ไม่ด้อยเลยแม้แต่นิดเดียว
เวลาไหลผ่านไปทีละนาทีๆ
ครึ่งชั่วยามต่อมา ม้วนกระดาษขาวหิมะบนโต๊ะหินสีน้ำเงินก็ถูกวาดจนเต็มเปี่ยม
น้ำหมึกโลหิตัแห้งเหือด
ท่านชายหลิวถอนใจยาวเหยียด ร่างกายมีไอร้อนเดือดปุด เห็นได้ชัดว่าการวาดภาพยาวนานถึงเพียงนี้ก็เป็เื่ที่ผลาญพลังใจมหาศาล
ทหารเกราะด้านข้างม้วนเอาม้วนกระดาษไปเก็บในเรือเหาะในทันใด
ม้วนกระดาษสีขาวอีกม้วนถูกนำมาปูไว้บนโต๊ะตัวเดิม
ซิ่งเอ๋อร์ก้มหน้าบดหมึกเหมือนถอดจิตทุกอย่างของตนลงไปในการบดหมึกไปแล้ว
ท่านชายหลิวควบคุมลมปราณ เมื่อสภาวะจิตเข้าสู่ภาวะปกติแล้วจึงเริ่มตวัดพู่กันวาดภาพด้วยมือทั้งสองข้างอีกครั้งหนึ่ง
สายตาของเ่ิูมองตรงไปยังท่านชายหลิว สังเกตสีหน้าท่าทางเขาตอนวาดภาพ สังเกตความเด็ดขาดในการลงพู่กันของเขา สังเกตความเป็ธรรมชาติเมื่อปลายพู่กันถูกแผ่นกระดาษ สังเกตความเลิศล้ำตอนลายเส้นประดุจอรรถรสแห่งบทกวี...ไม่รู้เพราะเหตุใด เ่ิูถึงรู้สึกว่าภายในใจเขานั้นเหมือนมีอะไรบางอย่างถูกกระทบอย่างจัง ราวปริศนาซ้อนปริศนา รู้สึกเหมือนจะนึกออกแต่ติดอยู่ที่ลิ้น ความรู้สึกที่ไม่อาจเข้าใจมันได้ถ่องแท้ กล่าวกันว่าเกาไม่ถูกที่คัน ทำให้คนหลับหูหลับตาเกาอย่างบ้าคลั่ง
อีกด้าน
หลิวจงหยวนเหลือบมองเ่ิู เขานิ่งแล้วก็ตะลึงอย่างไม่มีปี่ขลุ่ย
เขาพบว่าเ่ิูนิ่งเหมือนนักพรต กลิ่นอายรอบตัวยืนยาว ให้ความรู้สึกเป็ธรรมชาติและเอกภาพ
กลิ่นอายเช่นนี้ หลิวจงหยวนเคยเห็นแต่จากท่านแม่ทัพแห่งทัพหน้าหลิวสุยเฟิงและผู้แข็งแกร่งขั้นสุดยอดจำนวนน้อยเท่านั้น
และคราวนี้เ่ิูก็สีหน้าเปลี่ยนไม่ซ้ำแบบ ดั่งสาวกฟังคำสอน ได้ยินคำปราดเปรื่องแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนแปลง สีหน้าเฉกเช่นซาบซึ้งในรสหลักธรรม
“ท่านชายหลิวได้ฉายาเซียนภาพจากด่านโยวเยี่ยน แม้ไม่มีวรยุทธ์ แต่ทักษะวาดภาพนั้นกล่าวขวัญกันว่าเข้าขั้นลุถึงแก่น ได้ยินมาว่าเมื่อยามที่ท่านชายหลิววาดภาพนั้น ความคิดแห่งการกลับสู่ผืนดินทำให้แม้แต่ใต้เท้าลู่ที่เป็เทพาแห่งโยวเยี่ยนยังปลงอนิจจัง แต่น่าเสียดายที่คนธรรมดาไม่มีทางรู้สึกถึงกลิ่นอายเหล่านี้ เ้าเ่ิูนี่เพิ่งอายุเท่าไรกัน หรือว่าจะเข้าถึงกฎเกณฑ์แห่งธรรมะของธรรมชาติไปแล้ว?”
หลิวจงหยวนตระหนกในใจอย่างหนัก
เขาเพ่งสมาธิตอนท่านชายหลิววาดภาพเมื่อครู่แม้จะมีเก็บเกี่ยวประโยชน์ได้บ้าง แต่อย่างไรก็ไม่ถึงขั้นเกินความจริงเช่นเ่ิูแน่
“เ้าหนุ่มนี่ไม่ธรรมดา ไม่แน่ว่าในระยะยาว อาจกลายเป็สุดยอดของด่านโยวเยี่ยนก็ได้”
พอนึกถึงตรงนี้ หลิวจงหยวนก็ไตร่ตรอง พลันก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา เขาตัดสินใจว่าหลังจากนี้จะเข้าใกล้เ่ิูให้มากหน่อย อย่างน้อยหากตอนนี้เคยมีปฏิสัมพันธ์อันดีต่อกันไว้บ้าง วันข้างหน้าเมื่อเ่ิูเติบใหญ่ ย่อมต้องเป็คุณไม่ใช่โทษอย่างแน่นอน
เวลาไหลเวียนผ่าน
“ฟู่...”
ท่านชายหลิวถอนหายใจยาว
เขาหยุดพู่กันในที่สุด
ม้วนกระดาษแผ่นที่สองถูกวาดจนเสร็จ
เม็ดเหงื่อผุดจากหน้าผากของท่านชายหลิวเป็ดอกเห็ด
ตอนนี้จิตใจของเขาอ่อนเปลี้ยเล็กน้อย
ทหารเกราะเก็บม้วนกระดาษเข้าไปที่เก่า
กระดาษสีขาวแผ่นที่สามถูกปูอีกครั้ง
ท่านหลิวบิดข้อต่อและกระดูกครู่หนึ่ง ตอนจะยกพู่กันวาดภาพ เห็นเ่ิูทำท่ากึ่งไม่พอใจกึ่งโกรธ เดี๋ยวยินดีเดี๋ยวอาดูร กึ่งฟั่นเฟือนกึ่งคลุ้มคลั่ง สีหน้าหลุดลอยดั่งลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง จ่อมจมสู่ภาวะไร้สาเหตุ เขาอึ้งในใจอย่างห้ามไม่อยู่ นอกเหนือจากความประหลาดใจยังมีความคิดเื่อื่นโผล่ขึ้นมา
สิบกว่าปีก่อนหน้านี้ เคยมีคนๆ หนึ่งที่แสดงสีหน้าเช่นนี้ออกมาตอนเขาวาดภาพ ท่าทางเหมือนเบาปัญญาและมึนเมา...
คนๆ นั้นในตอนนั้น อายุน้อยเหมือนกัน หล่อเหลาวรยุทธ์เยี่ยมเช่นเดียวกัน กำลังโบยบินบนเวหาสูงลิบ
เสียดายนักที่คนผู้นั้น กลายเป็ผู้ทรยศอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรในตอนนี้
ใจเลื่อนลอยไป ท่านชายหลิวรู้สึกเหมือนเวลาหมุนเวียนกลับสู่ภาพวันวานอีกครา
ทั้งเื่และเครื่องแวดล้อมจะเหมือนกันเกินไปแล้วกระมัง
ตูม!
เสียงกัมปนาทจากพิภพดังมาจากเบื้องล่างเรือเหาะ
ทุกคนบนเรือเหาะใกันหมด
เ่ิูเองก็หลุดจากภวังค์ดิ่งลึกด้วยเช่นกัน
“เกิดอะไรขึ้น?”
เขามองหมู่ชนอย่างงุนงง
หลิวจงหยวนกลับเร่งฝีเท้าสู่แคมเรือ เพื่อก้มลงมองด้านล่าง
“ัหิมะพลิกกาย...ทุกคนระวัง ข้างล่างนี่คือถ้ำัหิมะ!” เพียงมองแวบเดียว หลิวจงหยวนก็หน้าเปลี่ยนสี เขาออกคำสั่งในบัดดล ให้ทหารทุกคนเตรียมตัวพร้อมต่อสู้ได้ตลอดเวลา
เหล่าทหารบนแผงเกราะเริ่มปฏิบัติการ
เ่ิูมายืนด้านแคมเรือแล้วทอดตามองลงไปบ้าง
เห็นเพียงทุ่งน้ำแข็งด้านล่างพองตัวขึ้นลงราวกับมหาสมุทรกู่เกลียวคลื่น เกล็ดน้ำแข็งและหมอกหิมะเดือดระอุ มองเห็นได้รางๆ ถึงสิ่งมีชีวิตขนาดมโหฬารตัวยาวพันกว่าเมตร คืบคลานอย่างคดเคี้ยวราวกับเทพัเกล็ดท่องไปในห้วงสมุทร ทุกที่ที่มันเหยียบย่าง ชั้นน้ำแข็งจะแตกละเอียด ยอดเขาน้ำแข็งถล่มทลาย พื้นแหลกเละอย่างกับของเหลว...
สัตว์ขนาดมโหฬารนั่นมีกายเนื้อขาวหิมะ มีเกล็ดประปราย มองดูแล้วน่ากลัวเป็ที่สุด มันไต่วุ่นไปทั่วชั้นน้ำแข็ง
“ที่นี่มีรังัหิมะอยู่งั้นหรือ? ัหิมะเป็สัตว์าที่กองพลสู่ทักษิณเลี้ยงไว้เป็หลักชนิดหนึ่ง เห็นทีเขตนี้น่าจะเป็ป้อมทหารซ่อนเร้นของเผ่าปีศาจแล้วล่ะ” ท่านชายหลิวชำเลืองมองพักหนึ่งก็เผยยิ้มบนใบหน้า “ดี ที่สุดก็ได้ประโยชน์บ้างแล้ว มา เอาพู่กันมา ข้าจะบันทึกลงไปให้หมด”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้