เดิมทีกูเฟยเยี่ยนมีความอ่อนเพลียมาก แต่ทันทีที่หลับตาลงก็นึกถึงลักษณะท่าทางจริงจังของนายก้อนน้ำแข็งเหม็น อีกทั้งยังนึกถึงนิสัยพาลดื้อรั้นไม่ยอมคนของเฉิงอี้เฟย หญิงสาวผู้ที่ไม่ค่อยมีเื่อะไรในใจถึงกับนอนไม่หลับเลยทีเดียว
วันรุ่งขึ้น
่เวลาที่กูเฟยเยี่ยนตื่นขึ้นมาจากนิทรา จวินจิ่วเฉินก็เข้าไปในพระราชวังแล้ว นางเป็เด็กดีรอคอยอยู่ที่ิเย่วจวี ทั้งรอข่าวทั้งพักฟื้นาแ
ยามบ่าย นางไม่ได้ยินข่าวคราวในพระราชวัง แต่กลับพบว่าอารองกับอาสะใภ้ของร่างเดิมมาเยี่ยมเยือน
แน่นอนว่าทั้งสองท่านนี้ไม่สามารถเข้ามาในจิ้งหวางฝู่ได้แม้แต่ครึ่งก้าว พวกเขาทำได้เพียงคอยอยู่ที่ประตูด้านหลัง ทหารหน้าประตูมารายงานเซี่ยเสี่ยวหม่าน เซี่ยเสี่ยวหม่านรังเกียจนัก ทว่าก็ยังคงมาแจ้งกูเฟยเยี่ยนอยู่ดี
กูเฟยเยี่ยนให้เซี่ยเสี่ยวหม่านปฏิเสธไปโดยไม่คิดแม้แต่นิด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคู่สามีภรรยาตระกูลกูที่ชอบประจบประแจงผู้มีอิทธิพลคงจะทราบว่าสถานการณ์ไม่ถูกต้องจึงได้ละทิ้งตระกูลฉีเพื่อมาประจบนาง นางไม่มีเวลาว่างที่จะคอยอยู่กับพวกเขา นางจะทดบัญชีของพวกเขาเอาไว้ก่อน เมื่อมีเวลาค่อยไปชำระความแค้นทีหลัง
เซี่ยเสี่ยวหม่านหลุดพูดออกมาอีกเื่ กูเฟยเยี่ยนจึงทราบเื่ราวที่นางวินิจฉัยยาในศาลพิจารณาคดีของศาลต้าหลี่ได้กระจายไปทั่วเมืองแล้ว ทว่าชื่อเสียงของนางก็ยังคงย่ำแย่มาก มีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่บอกว่านางคงจะไปเหยียบโดนความโชคดีและบังเอิญคุ้นเคยกับข้อมูลของลิ่วตันซางลู่เท่านั้น อีกทั้งยังมีคนจำนวนมากที่บอกว่าต่อให้นางมีฝีมือ แต่ก็เป็เพียงหญิงสาวใจง่าย แม้กระทั่งคนที่ชำนาญการในห้องยาสำนักหมอหลวงยังบอกอีกว่าหญิงสาวแบบนาง ต่อให้มีความสามารถ แต่จรรยาบรรณของสตรีก็ไม่ดีสักนิด
ใบหน้าของเซี่ยเสี่ยวหม่านยินดีไปกับความโชคร้ายของนาง “ไม่รักษาหลักจรรยาของสตรี สมน้ำหน้า! ”
เดิมทีกูเฟยเยี่ยน้าที่จะควักเงินส่วนตัวชดเชยจำนวนเงินครึ่งปีให้เซี่ยเสี่ยวหม่าน แต่เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้วนางจึงเชิดใส่เขาพลางตอบกลับไป “หลักจรรยาของสตรีมีค่าเท่ากับเงินกี่เดือนกัน? ”
เซี่ยเสี่ยวหม่านราวกับเด็กน้อยที่โกรธแล้วอยากจะตีใครสักคน ซึ่งในขณะเดียวกันทหารหน้าประตูก็ได้เข้ามาอีกครั้ง “เรียนหม่านกงกง รองแม่ทัพตระกูลฉีหลากหลายนายได้นำพาทหารมากลุ่มหนึ่ง โดยทั้งหมดล้วนคุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูใหญ่และช่วยร้องทุกข์ให้ตระกูลฉี ฝั่งหัวหน้ากล่าวเอาไว้ว่าหากไม่ได้พบกับจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยพวกเขาก็จะไม่ยอมลุกขึ้น! ”
กูเฟยเยี่ยนและเซี่ยเสี่ยวหม่านล้วนประหลาดใจ
ไม่จำเป็ต้องให้กูเฟยเยี่ยนได้เอ่ยอะไร เซี่ยเสี่ยวหม่านก็เข็นนางไปตามทางเดินเล็กเพื่อไปที่หน้าประตูใหญ่โดยเร็วที่สุด ทั้งสองคนแอบถ้ำมองอยู่ด้านข้างของประตูใหญ่ พวกเขาพบว่าด้านนอกมีคนคุกเข่าเป็แถวยาว เหล่ารองแม่ทัพที่นำขบวนมาต่างก็สวมใส่เครื่องแบบเสื้อเกราะที่มีสัญลักษณ์ตระกูลฉี ทางด้านเหล่าทหารล้วนสวมใส่เครื่องแบบทางการทหาร ไม่มีผู้ใดพกอาวุธมาสักคน ทางด้านของบริเวณโดยรอบถูกล้อมโดยประชาชนมานานแล้ว ผู้คนล้วนวิพากษ์วิจารณ์กัน
คนพวกนี้กล้ามาร้องทุกข์ให้ตระกูลฉีถึงหน้าประตูแสดงว่าคดีน่าจะมีความคืบหน้าแล้ว
กูเฟยเยี่ยนมีความคาดเดาในใจ แต่ก็ยังให้เซี่ยเสี่ยวหม่านไปสืบดูอีกที หลังจากที่เซี่ยเสี่ยวหม่านส่งคนเข้าไปขอคำแนะนำกับจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยแล้ว เขาก็ไปที่ศาลต้าหลี่ด้วยตนเอง
เซี่ยเสี่ยวหม่านนำความคืบหน้ากลับมาสองเื่ เื่แรกคืออู๋กงกงกับอาจารย์แพทย์เจี่ยนมีความเกี่ยวข้องกัน ทั้งสองคนล้วนเกี่ยวข้องกับคดีปล้นสะดมยาของเฉิงอี้เฟย เื่ที่สองคือขุนนางผู้ชันสูตรศพสังหรณ์ใจว่าอาจารย์แพทย์เจี่ยนอาจจะถูกสังหาร ไม่ใช่การฆ่าตัวตายเอง ตอนนี้กำลังตรวจสอบขั้นตอนสุดท้าย
เื่แรกกูเฟยเยี่ยนเข้าใจดี แต่เื่ที่สองทำให้นางรู้สึกประหลาดใจมาก นางคิดไม่ถึงว่าภายใต้สถานการณ์ที่มีพยานบุคคลสองคนให้การไปในทางเดียวกัน จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะทรงสามารถสงสัยถึงเื่ราวของอาจารย์แพทย์เจี่ยนและสามารถหาจุดน่าสงสัยเจอได้เร็วถึงเพียงนี้
เมื่อมีความคืบหน้าทั้งสองเื่นี้ ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดกองทัพตระกูลฉีจึงได้มาร้องทุกข์ ดูเหมือนว่าแม้พ่อลูกตระกูลฉีจะถูกกักขังไว้ภายในจวน แต่สายข่าวก็ยังรวดเร็วใช้ได้เลย
กลางดึกผู้ที่กลับมาจากพระราชวังไม่เพียงแต่นำคำมอบหมายของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยมา แต่ยังนำข่าวซุบซิบกลับมาอีกด้วย สำหรับเื่ราวของหน้าประตูนั้นจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยทรงมอบหมายมาเพียงแค่ว่า “ไม่ต้องสนใจ” ส่วนเื่ของข่าวซุบซิบนั้นมีมากมาย
ตัวอย่างเช่น องค์หญิงหวายหนิงถูกอวิ้นกุ้ยเฟยกักกันอย่างเข้มงวด นอกจากคนรับใช้แล้วแม้แต่เหล่าองค์หญิงและเหล่าองค์ชายก็มิอาจพบนางได้ เื่ต่อมาคือ เมื่อคืนนี้องค์ชายใหญ่กับอวิ้นกุ้ยเฟยรออยู่ที่หน้าห้องยาสำนักหมอหลวงทั้งคืน เช้าวันนี้่เวลาที่จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเข้าไป พวกเขาถึงได้ทราบเมื่อคืนนี้ฝ่าาทรงประทับที่ตำหนักบรรทม อีกเื่หนึ่งคือองค์ชายใหญ่รีบร้อนเสนอให้ขุนนางมากมายมารวมตัวหารือกันถึงเื่คดีย่าวซ่านจึงถูกฝ่าาด่ากราดซะเละเลย ฯลฯ
สองวันต่อมา ในที่สุดจวินจิ่วเฉินก็กลับมาที่จวน
อาการาเ็ของกูเฟยเยี่ยนหายดีเป็ปกติแล้ว ทันทีที่นางได้ยินข่าวว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเสด็จกลับมา นางก็วิ่งกระหืดกระหอบด้วยความดีใจไปที่ห้องบรรทมทันที แต่เมื่อยังวิ่งไปไม่ถึงหน้าประตูก็เห็นว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเดินออกมาจากห้องแล้ว
เขาเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ เปลี่ยนเป็ชุดลำลองสีเหลืองอ่อนค่อนไปทางขาว เส้นผมครึ่งหนึ่งถูกปิ่นหยกขาวปักเอาไว้ เมื่อเทียบกับชุดสีดำแล้วจะให้ความรู้สึกเ็าเป็พิเศษ อีกทั้งยังให้ความรู้สึกไม่กล้าเข้าใกล้เกินพันลี้อีกด้วย
กูเฟยเยี่ยนมีความรู้สึกไวต่อกลิ่นสมุนไพรเป็พิเศษ ระยะทางไม่นับว่าใกล้ ทว่านางก็ได้กลิ่นสมุนไพรอ่อนๆ บนร่างกายเขา นางทราบดีว่า่เวลาปกติที่พิษไอเย็นของเขาไม่ได้กำเริบเขาก็ชื่นชอบที่จะแช่น้ำสมุนไพรอยู่แล้ว
ทันทีที่จวินจิ่วเฉินออกมาจากประตูก็มองเห็นกูเฟยเยี่ยนแล้ว เพียงแต่ว่าเขาแสร้งทำเป็มองไม่เห็นและก้าวเดินออกไป
กูเฟยเยี่ยนลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะอ้อมไปอีกทางเพื่อรีบไปยังเส้นทางด้านหน้า เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะมานางจึงวิ่งออกมาพลันแสร้งทำเป็พบโดยบังเอิญ นางกล่าวด้วยความเคารพนอบน้อม “นู๋ปี้ น้อมคารวะเตี้ยนเซี่ย! ”
จวินจิ่วเฉินที่มองออกอย่างทะลุปรุโปร่งเอ่ยให้ลุกขึ้นได้ ทว่าเขาไม่หยุดเดินลง
แม้แต่คำพูดตีสนิทกูเฟยเยี่ยนก็ได้คิดเอาไว้แล้ว “่นี้เตี้ยนเซี่ยเป็อย่างไรบ้างเพคะ? แร่ศิลาโอสถมีฤทธิ์น้อยลงหรือไม่? ”
เห็นได้ชัดว่ามีสองคำถาม แต่จวินจิ่วเฉินตอบเพียงแค่คำถามหลัง “ไม่”
เขาขายาว ก้าวเดินได้รวดเร็ว กูเฟยเยี่ยนต้องก้าวไปสามก้าวเพื่อฝืนไล่ตามก้าวเดียวของเขาให้ทัน “เตี้ยนเซี่ย คดีของย่าวซ่านหากไม่ใช่เพราะพระองค์ นู๋ปี้เกรงว่าคงจะไม่มีชีวิตรอดและคงไม่มีโอกาสได้พิสูจน์ยาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของตนเอง”
หญิงสาวกล่าวพลางรีบแย่งขึ้นมาด้านหน้าและโน้มกายลง “นู๋ปี้รอพระองค์มานานแล้วและ้าจะมาแสดงความขอบคุณ”
อันที่จริงแล้วสิ่งที่กูเฟยเยี่ยน้าจะพูดคือ นางคุ้นเคยกับลิ่วตันซางลู่ที่เป็ของกลางจากคนร้ายมากกว่าศาสตราจารย์แพทย์ นางรอคอยมาสองวันแล้วเพื่อหวังว่าเขาจะพาไปช่วยเหลือตรวจสอบคดีที่ศาลต้าหลี่ น่าเสียดายที่นางไม่กล้าพูดออกมาตามตรง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จวินจิ่วเฉินจึงหยุดเดิน ชายหนุ่มมองไปที่มือทั้งสองข้างของหญิงสาว “ฟื้นตัวได้เร็วดี”
กูเฟยเยี่ยนยิ้มเจื่อน “เป็เพราะยาดีของไท่อีเพคะ”
จวินจิ่วเฉินพยักหน้าอย่างเห็นด้วยมากก่อนจะเอ่ยว่า “เ้าก็นับได้ว่าเป็คนของเปิ่นหวางครึ่งหนึ่ง พวกเขาปรักปรำเ้าเท่ากับว่ากำลังข่มเหงเปิ่นหวาง เื่แบบนี้เ้าไม่จำเป็ต้องแสดงความขอบคุณ”
นี่เป็ครั้งแรกที่กูเฟยเยี่ยนได้ยินจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเอ่ยออกมาอย่างยาวเหยียดเช่นนี้ นางรู้สึกว่าหัวข้อพูดคุยถูกเขาพูดจนไปถึงทางตันและไม่อาจพูดคุยต่อไปได้อีก นางจึงทำได้เพียงจำใจโน้มกายลง “เพคะ นู๋ปี้รับทราบ”
จวินจิ่วเฉินก้าวเท้าเดินผ่านหน้ากูเฟยเยี่ยนไป ใบหน้าเล็กจึงค่อยๆ ลู่ลง ทว่าจวินจิ่วเฉินที่ยังเดินไปได้ไม่ไกลก็ทิ้งคำพูดเอาไว้หนึ่งประโยค “ในเมื่อเ้าคุ้นเคยกับลิ่วตันซางลู่ เช่นนั้นก็ตามเปิ่นหวางไปสักครั้งแล้วกัน”
กูเฟยเยี่ยนที่ได้ยินเช่นนี้ถึงกับยิ้มแย้มมีชีวิตชีวาขึ้นมาราวกับว่าดอกไม้ได้เบ่งบานใหม่อีกครั้ง จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเป็ผู้ที่เข้าใจในสถานการณ์ได้ดี!
“เพคะ นู๋ปี้รับทราบ! ”
นางวิ่งไปด้วยความดีอกดีใจ ทว่าไม่กล้าแซงหน้าจวินจิ่วเฉินและไม่กล้าเดินเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับเขา เพียงแค่เดินตามแผ่นหลังของเขา นางรอการไต่สวนคดีครั้งที่สองมานานแล้ว วันนี้จะต้องมีฉากเด็ดในศาลต้าหลี่อย่างแน่นอน!
เมื่อกูเฟยเยี่ยนและจวินจิ่วเฉินมาถึงศาลต้าหลี่จึงพบว่าหน้าประตูใหญ่ของศาลต้าหลี่ล้วนถูกล้อมรอบไปด้วยผู้ชมที่มารอเพราะได้ยินข่าวคราว ภายในศาลพิจารณาคดีข้าราชการแต่ละระดับเข้าประจำที่ พ่อลูกตระกูลฉีก็มาถึงแล้วเช่นกัน สองคนนั้นคุกเข่าอยู่ภายในห้องโถง นางพบว่าท่านแม่ทัพใหญ่ฉีดูเหมือนจะแก่ขึ้นมากหลายปี ใบหน้าของชายชราซีดเผือด ในส่วนของฉีอวี้ที่เคยให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์มาโดยตลอด บัดนี้มีหนวดเคราขึ้นเต็มใบหน้า กระเซอะกระเซิงอย่างยิ่ง
เมื่อทุกคนเห็นว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยทรงพากูเฟยเยี่ยนมาเพียงคนเดียว ทุกคนจึงรู้สึกประหลาดใจ เพราะนี่เป็ครั้งแรกที่ทุกคนเห็นว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเสด็จออกมาด้านนอกโดยมีหญิงรับใช้อยู่ข้างกาย ไม่มีใครรับรู้ถึงความเป็จริง ทุกคนต่างก็คิดว่าเป็เพราะการกระทำของกูเฟยเยี่ยนในครั้งที่แล้วส่งผลให้จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยมองด้วยสายตาชื่นชม นางจึงถูกให้ความสำคัญ
วินาทีนั้นไม่ว่าจะเป็ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ภายในศาลพิจารณาคดีหรือจะเป็เหล่าประชาชนที่อยู่ด้านนอกล้วนเกิดความอิจฉา ริษยา และเกลียดแค้น โดยเฉพาะ…ผู้หญิง! ทางด้านของฉีอวี้ เขาแอบเงยหน้ามองไปทางกูเฟยเยี่ยน ภายในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจในภายหลัง…