หลินฟู่อินะโอยู่หลายครั้ง คุณชายท่านนี้จึงได้รู้สึกตัวว่าที่แท้เขาก็มัวแต่คิดจนเหม่อไป
ขนาดทำหน้านิ่วคิ้วขมวดดูเ็าแล้วก็ยังดูดี คนหล่อไม่ว่าอย่างไรก็หล่ออยู่วันยังค่ำ
หลินฟู่อินแตะหน้าตัวเองด้วยความอิจฉา ตอนนี้นางยังไม่โต แต่หน้าตาก็ไม่เลว หากโตไปก็คงจะหน้าตาดีประมาณนี้ใช่หรือไม่?
เด็กสาวเหม่อมองฟ้า
“หา?” หวงฝู่จินเห็นนางเรียกหลายครั้ง พอตอบรับแล้วก็ชะงักไปอีกรอบ รู้สึกงุนงงเล็กน้อย
นางจะพูดอะไรกับเขากันแน่ แล้วเหตุใดจึงเงยหน้ามองฟ้าอีกแล้ว
หวงฝู่จินมองไกลออกไป ภายใต้แสงจันทร์เย็นเยียบ เงาไม้สั่นไหว แมลงในฤดูใบไม้ร่วงส่งเสียงดังระงม สายลมเย็นเริ่มพัดแรง ทำให้เขาอยากส่งนางกลับ
“เมื่อครู่เ้าพูดอะไรกับข้า?” หวงฝู่จินถามนาง มองดวงตาดังผลซิ่งคลุมเครือคู่นั้นก็ยิ่งคิดว่าคิดถูกแล้วที่พานางออกมาเดินรับลม มองใบหน้าโง่งมของนางเช่นนี้ ลึกๆ ภายในหัวใจกระซิบบอกว่าเื่โลกภายนอกนั่นไม่สำคัญอีกแล้ว
“อ๊ะ!” เห็นดวงตาหงส์คู่นั้นมองนาง หลินฟูอินก็อดใไม่ได้ เกิดอะไรขึ้น?
หลินฟู่อินหนอหลินฟู่อิน เ้าไม่ใช่เด็กอายุสิบสี่สิบห้าเสียหน่อย ภายในคือผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วก็อย่าคิดเื่ที่ไม่ควรคิดจะดีกว่า
“อ๋อ ข้าจะถามท่าน สตรีทั่วไปในเป่ยหรงใช้ชาดทาปากหรือไม่ ท่านพอจะรู้หรือไม่?”
คำถามโง่งมอะไรกัน? โลกนี้สตรีที่ไม่รักความสวยความงามมีน้อย ขอเพียงมีเงินซื้อ ไม่ว่าใครก็คงซื้อชาดมาแต่งหน้าไม่ใช่หรือ?
สตรีของเป่ยหรงเองก็รักความงามไม่แพ้สตรีต้าเว่ย ทั้งยังงดงามยิ่งกว่าสตรีต้าเว่ยเสียอีก
เพราะสตรีเป่ยหรงต้องทำงานท่ามกลางลมและความหนาวเย็นตลอดปี ผิวพรรณจึงหยาบกร้านและแตกลายได้ง่าย หาก้ารักษาสภาพผิวและความงามเอาไว้ก็ต้องทาชาด หาไม่แล้วจะดูสูงวัยเป็อย่างยิ่ง
ใครจะอยากดูแก่กันเล่า?
ทว่าเขายังคงตั้งใจตอบนาง “สตรีเป่ยหรงชอบใช้ชาดมากกว่าสตรีต้าเว่ย เพราะลมและความเย็นในเป่ยหรงรุนแรงยิ่งนัก ผู้คนล้วนถูกสายลมและความหนาวเย็นทำร้าย ขอเพียงมีเงินสักหน่อยก็จะซื้อชาดที่ราคาถูกและใช้ง่ายมาใช้ จะชาดทาหน้าก็ดี ชาดอย่างอื่นก็ดี ส่วนพวกขุนนาง พ่อค้าและคนมีเงินต่างก็ใช้ชาดกันทุกคนทั้งบุรุษและสตรี”
อีกสิ่งที่เขาไม่ได้กล่าวคือสตรีเป่ยหรงช่างกระตือรือร้น หากหลงรักใครแล้วจะแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา เพื่อคว้าใจบุรุษที่หมายปองย่อมต้องแต่งตัวให้ดูดีขึ้น
“เช่นนั้นก็เข้าใจ สำหรับสตรีเป่ยหรงแล้วสิ่งที่จะขาดมิได้ก็คือชาดทาหน้าถูกหรือไม่? อีกทั้งบุรุษที่มีเงินเองก็ใช้ของสิ่งนี้เช่นเดียวกันถูกหรือไม่เ้าคะ?” หลินฟู่อินจับประเด็นได้ทันที
หวงฝู่จินพยักหน้า “ชาดทาหน้าใช้ทาได้ทั้งหน้าและมือ ราคาก็ไม่ได้แพงมากนัก คนส่วนใหญ่ซื้อตลับสองตลับให้ลูกสาว แต่โดยรวมแล้วชาวบ้านทั่วไปไม่อาจซื้อของราคานั้นได้”
เื่นี้หลินฟู่อินก็เข้าใจ กระทั่งในแคว้นร่ำรวยอย่างต้าเว่ยแห่งก็ยังมีคนจนมากมายที่ไม่อาจซื้อชาดทาหน้าได้ อย่างพี่น้องอาเฟินอาฟางนั่นอย่างไร
ยิ่งเป่ยหรงไม่ได้ร่ำรวยเหมือนต้าเว่ย คนจนมีมากยิ่งกว่า
เงินกินยังไม่มี จะเอาเงินจากไหนมาซื้อชาด?
แต่นางคิดถี่ถ้วนแล้ว ขอเพียงราคาไม่แพง ก็จะมีคนสามารถซื้อได้มากขึ้นใช่หรือไม่?
เห็นนางมุ่นคิ้วครุ่นคิดลึกซึ้ง หวงฝู่จินก็ประหลาดใจ เด็กคนนี้ถามอะไรกันแน่? หรือคิดจะส่งอะไรไปขายที่เป่ยหรง?
ลองคิดดูแล้ว แม้เป่ยหรงจะกว้างขวางและรกร้างอยู่มาก แต่ผู้คนก็ไม่ได้หวาดกลัวอดอยาก นิยมมีลูกมากๆ จะต้อนวัวต้อนแกะ ต้องใช้คนทั้งนั้น ดังนั้นชาวเป่ยหรงจึงไม่กลัวการถูกเกณฑ์ไปรบ
หากเด็กคนนี้คิดอยากค้าขายกับเป่ยหรงก็เป็หนทางหาเงินได้มากกว่าจริงๆ คนต้าเว่ยกลัวตายกว่ามาก มีพ่อค้าไม่กี่คนที่กล้าไปขายของถึงเป่ยหรง จะอยู่ที่เป่ยหรงนานก็เกรงจะโดนปล้นหากชาวบ้านรู้ว่ามีเงิน
สิ่งสำคัญที่สุดคือทั้งเป่ยหรงและต้าเว่ยคิดภาษีพ่อค้าของอีกประเทศสูงลิ่ว ดังนั้นพ่อค้าทั้งสองแคว้นจึงลังเลเื่การเข้าไปลงทุนทำธุรกิจในต่างเมือง
มีเพียงเมืองชิงเหลียนที่ทางต้าเว่ยยินยอมให้มีการค้าขายข้ามแดนกับเป่ยหรง
แต่ว่า…
หากเด็กคนนี้สนใจทำธุรกิจจริง เขาย่อมปกป้องนาง ภาษีและค่าธรรมเนียมหนักหน่วงเ่าั้ย่อมไม่กระทบนาง
ในเมื่อหวงฝู่จินคิดได้ หลินฟู่อินที่อยู่มาสองชีวิตย่อมคิดได้ ตัวเลือกของนาง นางทราบดีกว่าใคร
“คุณชาย ท่านไม่สนใจทำกิจการขายชาดบ้างหรือ?” สีหน้าของหลินฟู่อินเปลี่ยนในพริบตา มองใบหน้าหล่อเหลาด้วยรอยยิ้มราวกับเห็นเงินทองกองใหญ่อยู่บนหน้าเขา
เหตุใดจึงต้องดึงเขามาร่วมด้วย จะให้เขาร่วมมือจากนั้นก็แบ่งรายได้ด้วยกัน?
หวงฝู่จินถามเช่นนี้ ที่จริงหลินฟู่อินก็ไม่รู้ว่าอิ้งจือซวนใน่เวลานี้เรียกว่าอะไร นางรู้แต่ว่าเวลาที่ทำชาดทำสีผึ้ง ใส่ของสิ่งนี้เข้าไปจะช่วยทำให้เนื้อครีมมีความนุ่มนวลมากขึ้น
หวงฝู่จินประหลาดใจเมื่อนางกล่าวถึงบทบาทของอิ้งจือซวนเพื่อทำชาด แต่เขารู้จักสิ่งนี้อยู่
“หมายถึงแป้งน้ำตาล [1] หรือ?”
“แป้งน้ำตาล?” หลินฟู่อินขบขันเล็กน้อย ไม่นึกว่ายุคนี้จะเรียกอิ้งจือซวนว่าแป้งน้ำตาล
“ใช่แล้ว” หวงฝู่จินไม่ได้ยินเสียงประหลาดใจ อธิบายต่อ “เบากว่าน้ำตาลทรายขาว จึงเรียกกว่าแป้งน้ำตาล”
หลินฟู่อินลองคิดดูก็เห็นว่าเหมาะดีเหมือนกัน
“ท่านซื้อจำนวนมากได้หรือไม่?” นางถาม น้ำเสียงเป็กังวล
“ได้ แต่ข้า้าให้เ้ารับปากข้าอย่างหนึ่งเช่นกัน” ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองดวงตาหลินฟู่อินอย่างตรงไปตรงมา
หัวใจเด็กสาวสั่นสะท้าน ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้พูดเื่เงื่อนไข ตอนนี้ก็ไม่ได้พูดช้าเกินไป รอกระทั่งมั่นใจว่าสามารถหาอิ้งจือซวนได้แล้วจึงพูดขึ้นมา!
“ท่านพูดมาเถอะเ้าค่ะ”
อย่างไรก็ต้องปรับตัวไปตามสถานการณ์ นางจึงรับฟังเขาก่อน
หวงฝู่จินยกยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่โกงเ้าหรอก” เห็นสีหน้านางผ่อนคลายแล้วจึงนิ่งไปเล็กน้อย “ครั้งก่อนได้ยินเ้าพูดเรืองถั่ว ฝั่งข้าเองก็ส่งคนมากมายออกไปเก็บถั่วมาจำนวนมาก ทางเป่ยหรงส่วนใหญ่หนาวตลอดปี ตามวิธีที่เ้ากล่าว คนของข้าจึงเก็บถั่วปากอ้ากับต้นอ่อนถั่วเหลืองและต้นอ่อนถั่วเขียวมาขาย ยังไงก็ช่วยบอกสูตรอาหารสำหรับของพวกนี้ด้วยเถอะ”
หาก้าให้คนมีการศึกษาของเป่ยหรงยอมจ่ายเงิน ของก็ต้องสามารถนำไปทำอาหารให้อร่อยได้ หาไม่แล้วคนพวกนี้ไม่ซื้อแล้วใครจะซื้อ?
หลินฟู่อินเห็นเขาขอตำรับอาหาร ในใจก็คิดว่าง่ายเพียงนี้เชียวหรือ?
“เื่นี้ง่ายมาก ข้าจะกลับไปเขียนมาให้สักแปดถึงสิบอย่าง ไม่ต้องห่วงเ้าค่ะ” หลินฟู่อินรับคำในพริบตา
“ไม่มีซองแดงให้เ้าหรอกนะ” หวงฝู่จินว่า
“ไม่ได้้าซองแดงของท่านหรอกเ้าค่ะ” หลินฟู่อินเออออตามเขาไป
ในเมื่อเขาพูดแล้วว่าไม่มีเงินให้ นางก็ไม่โง่พอจะอ้าปากถามออกไป
“แต่แป้งน้ำตาลที่เ้า้านั่นข้าจะสั่งคนของข้าไปซื้อให้ ไม่ต้องใช้เงินเ้า” หวงฝู่จินเดินช้าลง รอกระทั่งนางตามทันแล้วจึงหันมาหา “เ้ากล่าวว่า้าคนร่วมกิจการ แต่เ้าทำเองได้”
ความหวังดีของหวงฝู่จินครั้งนี้ หลินฟู่อินกลับกังวล
จะได้อย่างไรเล่า?
นางคิดทำธุรกิจร่วมกับเขาเพื่อยืมมือเขาเปิดประตูสู่เป่ยหรง ถึงจะไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายมาจากไหนกันแน่ก็ตามที
“คุณชาย เื่นี้ข้าจริงใจจริงๆ อีกอย่าง ที่ข้าอยากร่วมกิจการกับท่านไม่ใช่ไม่พิจารณา ข้าวางแผนจะลงเงินและลงแรง คุณชายช่วยข้านำไปขายในเป่ยหรง” หลินฟู่อินกล่าวอย่างจริงใจ
หวงฝู่จินจึงได้ยิ้มบาง ในที่สุดนางก็พูดความจริง
ตามความคิดนาง เื่นี้ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย เขาก็ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธไม่ใช่หรือ?
เื่นี้เขาก็คิดแล้ว กิจการในมือเขาทั้งหลายนี้ยังไม่มีชาด ในเมื่อนางอยากทำ เช่นนั้นนับจากนี้ทุกร้านในหลายเมืองของเป่ยหรงก็จะขายชาดเช่นกัน
เมื่อนางทำออกมาแล้ว ก็ส่งตรงให้เขาเพื่อวางขายในร้านค้าที่มี
หลินฟู่อินวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียให้เขาฟัง จนในที่สุดก็ได้ยินว่า “เช่นนั้นก็ตามที่เ้าว่า ทำตามนี้เถอะ””
เมื่อทั้งสองตกลงร่วมมือกันแล้ว หลินฟู่อินก็รู้สึกว่าเขาสามารถช่วยได้มากจริงๆ ทำให้นางคิดขอบคุณพระโพธิสัตว์และทวยเทพอยู่ในใจ
หวงฝู่จินส่งหลินฟู่อินกลับบ้าน
เด็กสาวเขย่งเท้าแอบเดินเข้าบ้าน ทุกคนในบ้านต่างก็หลับไว พอนางใช้ผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำเย็นๆ เช็ดหัวเช็ดหน้าแล้วก็ล้มตัวลงนอนอย่างพอใจ
บางทีอาจเพราะแผนการทั้งหมดออกดอกออกผล หรืออาจเพราะนางเหนื่อยจากการเดินเล่นกับหวงฝู่จินภายใต้แสงจันทร์ยามค่ำคืน ครั้งนี้นางจึงหลับไปอย่างเป็สุข
เมื่อตื่นเช้าวันต่อมาก็ได้รับจดหมายที่หวงฝู่จินวางไว้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมหวีไม้อันหนึ่ง
จดหมายกล่าวว่า ‘แป้งน้ำตาล’ นั่นนำมาให้นางแล้ว วางเอาไว้ในลานบ้านของบ้านหลังใหม่ในเมืองที่นางเพิ่งซื้อไป
หลินฟู่อินจำได้ว่านางไม่เคยบอกเขาเื่นี้ไม่ใช่หรือ?
แต่ลองคิดๆ ดูก็เป็เื่ปกติ เดาว่าขอเพียงเขา้าก็คงให้พวกลูกน้องสืบได้หมดกระมัง?
เด็กสาวไม่คิดต่อ นางเก็บของแล้วบอกย่าหลี่ว่ามีเื่สำคัญทำให้ต้องเข้าไปอยู่ที่บ้านในเมืองหลายวันหน่อย ย่าหลี่กับแม่นมฉินจะได้ไม่ต้องเป็ห่วง
ย่าหลี่เป็ห่วงทันทีที่ได้ฟัง เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งไปอยู่คนเดียวในเมืองจะได้อย่างไร คนคิดจะตามไปด้วย แต่ก็ห่วงว่าแม่นมฉินคนเดียวจะรับมือทารกสองคนไม่ไหว
เพราะเสี่ยวเป่าเสี่ยวเป้ยที่อายุเกินสามเดือนเริ่มสร้างปัญหาได้แล้ว
จะนำตัวทารกไปยังบ้านในเมืองนี้ไม่น่าทำได้ เพราะเด็กๆ ยังต้องดื่มนมอยู่ หากเข้าเมืองไปแล้วก็ไม่รู้จะหาแม่นมที่เหมาะสมมาป้อนนมให้เด็กๆ ได้หรือไม่
ย่าหลี่คิดจะให้หลินเฟินติดตามไปด้วยแต่กลับโดนปฏิเสธ สิ่งที่นางจะทำนี้ต้องปิดไว้เป็ความลับ กระทั่งสองพี่น้องหลินเฟินหลินฟางตอนนี้ก็ยังบอกไม่ได้
ย่าหลี่เอาชนะหลินฟู่อินไม่ได้ สุดท้ายพอเตือนอยู่หลายคำก็ยอมปล่อยตัวเด็กสาวไป
หลินฟู่อินเดินทางมาถึงหน้าบ้านในเมือง หยิบกุญแจออกมาเปิดประตูก็เห็นเหล่าลิ่วพาสตรีร่างผอมสวมเสื้อคลุมสีดำเข้ามาในสวน
นางเจอเื่เช่นนี้มาหลายครั้งพอตัวจึงไม่ได้รีบร้อน โดยเฉพาะเมื่อเห็นอีกฝ่ายคือเหล่าลิ่ว
“คุณหนู ผู้นี้คือแม่นางเยว่ เก่งกาจเื่การผสมชาดและกลิ่นที่สุด นายท่านสั่งให้ข้าพานางมาหาคุณหนูขอรับ หากคุณหนูมีคำสั่งอะไร สามารถสั่งแม่นางเยว่ได้เลย!” เหล่าลิ่วอธิบายอย่างรวดเร็ว
แม่นางเยว่ค้อมกายคารวะหลินฟู่อินแล้วพูดเสียงเบา “คุณหนูสั่งการข้าได้เลยเ้าค่ะ”
คนที่หวงฝู่จินตั้งใจส่งมาจะเป็คนธรรมดาไปได้อย่างไร ในใจหลินฟู่อินชัดเจนว่าแม่นางเยว่ผู้นี้เกรงว่าจะมีเื้ัยิ่งใหญ่ไม่ธรรมดา
ของขวัญยิ่งใหญ่ถึงขั้นเป็ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องหอมเช่นนี้ หลินฟู่อินรีบยอบกายต่ำคารวะกลับทันที
แม่นางเยว่หัวเราะเบาๆ จากนั้นจึงเงยหน้ามองหลินฟู่อินอย่างละเอียด หลินฟู่อินยิ้มกลับ จูงมืออีกฝ่ายเข้าไปในบ้าน
บ้านหลังนี้ไม่มีคนอยู่มานานจึงมีอากาศค่อนข้างอับ แต่โชคดีว่าหลายวันก่อนนางเข้ามาทำความสะอาดไว้บ้างจึงดูสะอาดสะอ้านดี
คิดว่ามีแขกยิ่งใหญ่เช่นนี้ ซ้ำตัวนางเองก็้าดื่มชา ทว่ายามนี้อยู่เพียงลำพัง ไม่มีใครช่วยต้มน้ำชงชา ไม่สะดวกเอาเสียเลย
ดีที่เหล่าลิ่วทำตัวฉลาดอีกแล้ว รีบกล่าว “คุณหนู ข้าจะช่วยท่านกับแม่นางเยว่ต้มน้ำให้ขอรับ ส่วนทางนี้เป็ของว่างที่นายท่านให้นำมาให้ท่าน”
เห็นเหล่าลิ่วทำท่าหลอกล่อเช่นนี้ หลินฟู่อินก็แอบถอนใจ ต้องเป็คนผู้นั้นสั่งมาแน่ๆ รู้ว่าวันนี้นางจะมาอยู่ที่บ้านในเมืองแล้วไม่มีคนอื่นอยู่จึงได้ช่วยนางคิดแล้วจัดการให้
ทั้งยังได้ของขวัญล้ำค่าเช่นแม่นางเยว่มาอีกคนหนึ่ง
หลินฟู่อินกล่าวขอบคุณเหล่าลิ่วและนั่งคุยกับแม่นางเยว่ที่ยิ้มส่งสายตาสำรวจบ้านแล้วกล่าว “บ้านหลังดีมากจริงๆ ใหญ่โตสว่างไสว ข้าได้ยินว่าท่านซื้อที่นี่ด้วยเงินตัวเอง คุณหนูเป็ผู้มีความสามารถและสายตากว้างไกลจริงๆ”
พูดคุยกันหลายคำ ทั้งคู่ก็เข้าเื่ธุรกิจ
แม่นางเยว่ได้ยินจากปากเหล่าลิ่วั้แ่เช้าแล้วว่าหลินฟู่อิน้าอะไร ทีแรกนางตกตะลึง ทั้งยังรู้สึกดูถูกอยู่เล็กน้อย เด็กอายุสิบสามสิบสี่ปีคนหนึ่งจะทำอะไรได้?
กิจการขายชาดผลิตชาดนี้ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะพูดถึงได้ ต่อให้เ้ามีความสามารถก็ยังยากจะประสบผลสำเร็จหากไร้อาจารย์ดีๆ คอยชี้แนะ นายท่านเชื่อเด็กน้อยลงไปได้อย่างไร?
แม้จะคิดในใจ แต่แม่นางเยว่ไม่ได้แสดงออกไป ยิ่งไม่ต้องพูดออกมา ตัวตนของนางกับเหล่าลิ่ว นายท่านเชื่อใครมากกว่าย่อมรู้ดี นายท่านเรียกนางมาช่วยเหลือเด็กน้อยคนนี้ก็นับว่านางโชคดีเพียงใดแล้ว
ที่จริงนางวางแผนไว้แล้ว หากหลินฟู่อินทำไม่ได้จริงๆ นางก็จะลงมือเอง
เพียงแค่เตรียมชาดให้หลายชนิด เื่เหล่านี้ไม่ได้ยากเลย
แต่เมื่อได้ยินความคิดของหลินฟู่อิน ความคิดนางก็เปลี่ยนไป
นางไม่เคยได้ยินกรรมวิธีทำชาดตามที่หลินฟู่อินกล่าว กระทั่งในสถานที่ที่มีเสือซุ่มัซ่อนก็ยังไม่เคย
ทำให้นางต้องเปลี่ยนความเชื่อที่มีมายาวนาน…
เห็นแม่นางเยว่ไม่เชื่อ หลินฟู่อินก็ไม่ได้รำคาญไม่ได้เร่งร้อน อย่างไรก็ต้องลงมือทำก่อน เมื่อได้เห็นจึงจะเชื่อ
นางรู้ว่าอีกฝ่ายเป็คนของชายผู้นั้น ก็ไม่คิดจะปิดบังอีกฝ่ายอีก
เพราะขอแค่เขาอยากรู้ ต่อให้นางปิดบังจนมิดชิดแล้วอย่างไร?
นางอยากให้ชีวิตตัวเองเรียบง่ายเหมือนเวลาหยิบของออกจากกระเป๋านั่นแหละ
“คุณหนูหลิน กล่าวตามตรง ครอบครัวข้าเดิมทีทำงานอยู่กับฝ่ายแต่งกลิ่นให้ไฉ่จือไจ ช่วยไฉ่จือไจคิดค้นชาดชนิดใหม่ โลกนี้ไม่มีชาดชนิดใดที่ข้าทำไม่ได้ ขั้นตอนเหล่านี้ไม่ได้ทำเพียงหนึ่งหรือสองขั้น แต่วิธีที่คุณหนูกล่าวมานี้ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน และยังมีวัตถุดิบที่ท่าน้าใช้… ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าสามารถนำมาทำชาดได้! คุณหนูต้องระมัดระวังนะเ้าคะ!”
ที่จริงแม่นางเยว่เกรงว่าหลินฟู่อินจะไม่ทำตามขั้นตอนปกติในการเตรียมชาด เช่นนั้นอาจจะได้รับาเ็หรืออันตรายได้จึงเอ่ยเตือนออกมา
หลินฟู่อินทำเพียงยิ้มลึกลับ “ข้ารู้ว่าแม่นางเยว่ใจดี แต่เื่นี้ไม่ต้องห่วง ประเดี๋ยวเราจะได้เห็นกัน”
-----------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] แป้งน้ำตาล หมายถึง น้ำตาลไอซิ่ง (糖粉)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้