ครั้งนี้ฉินเฟิงเหมือนกับปลาในน้ำรูปร่างที่แข็งแกร่งและการเคลื่อนไหวของเขาพลิ้วไหวดั่งดอกไม้ลู่ลม
เขาวิ่งในฝูงชนอย่างรวดเร็วและเดินหน้าต่อยอย่างป่าเถื่อนทุกครั้งที่หมัดปะทะจะมีเสียงะเิเล็กน้อยพวกอันธพาลสิบคนในชุดดำไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉินเฟิงเพียงแค่เคลื่อนไหวไม่กี่ครั้งพวกมันทุกคนก็ลงไปกอง
“ไอ้หนูแกกำลังรนหาที่ตายที่กล้ามาวิ่งพล่านก่อปัญหาให้กับตระกูลอวี่ของเรา!” อวี่ฮั่วหลงะเิทันทีเขาแกว่งดาบฟันเข้าใส่ฉินเฟิง
ั้แ่ที่ฉินเฟิงแสดงวิชาหมัดกำลังภายนอกอันไร้ที่ติเขาก็บอกได้ว่าฉินเฟิงไม่ใช่คนธรรมดา และจากความแข็งแกร่งที่ปล่อยออกมาในตอนแรกอย่างน้อยเขาก็ต้องเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สองผู้ฝึกยุทธ์แบบนี้จะไม่สะทกสะท้านเมื่อโดนหมัดและเท้าของคนธรรมดา
ดาบเล่มนี้ทั่งบ้าคลั่งทรงอำนาจมันเปี่ยมไปด้วยพลัง ทำให้ฉินเฟิงระมัดระวังทันที
เขาไม่กล้าป้องกันดาบของอวี่ฮั่วหลงที่ฟันลงมาเขาใช้พลังทั้งหมดไปที่ขาและพุ่งถอยออกจากบ้านตระกูลอวี่อย่างรุนแรงและเข้าไปในสวนที่โล่ง
“ไอ้เด็กเปรต คิดจะหนีเรอะ? ในเมื่อแกมาที่นี่แล้วก็จงอยู่ที่นี่ตลอดกาลซะ”อวี่ฮั่วหลงแกว่งดาบของเขาและไล่ตาม
เทียบกับอวี่เหวินเสียงแล้วพ่อของเขาโหดร้ายกว่าอย่างเห็นได้ชัดครึ่งหนึ่งของเขตแดนตระกูลอวี่ได้ทำการยึดครองโดยอวี่ฮั่วหลงทุกการฟาดฟันของดาบในมือหมายถึงการฆ่า มันแตกต่างจากพวกวิชาที่เอาไว้โชว์อย่างสิ้นเชิง
ในความมืดมิดแสงสะท้อนของดาบและประกายความเยือกเย็นสว่างวาบขึ้นมาเป็ครั้งคราวนวมเหล็กและดาบปะทะกันครั้งแล้วครั้งเล่า ปล่อยเสียงแสบแก้วหูและสายลมที่แหวกอากาศคู่ต่อสู้สามารถวัดความสามารถของกันและกันผ่านการปะทะนี้
ขณะนี้อวี่ฮั่วหลงเป็ผู้ฝึกยุทธ์กำลังภายนอกขั้นห้าระดับสูงสุดเขากวัดแกว่งดาบเหล็กกล้าขนาดใหญ่ด้วยพละกำลัง 7 เท่าเขาบ้าระห่ำเหลือคณานับและเป็ไปไม่ได้ที่จะป้องกัน
ขณะนี้ฉินเฟิงอยู่ที่ขั้นสองบวกกับน้ำยาเพิ่มความแข็งแกร่งที่ดื่มก่อนหน้านี้และหมัดพยัคฆ์คำรนขั้นกลางเขาใช้พลังได้แค่ 6 เท่า แต่เขามีความเร็ว 1.6เท่าดังนั้นเขาจึงไวกว่าอวี่ฮั่วหลงและแก้ไขเื่พละกำลังที่ด้อยกว่า
ในตอนนี้ทั้งสองคนสู้กันโดยไม่รู้แพ้รู้ชนะ
การต่อสู้นี้รุนแรงอย่างมากในห้องรับรองของบ้านตระกูลอวี่ ใบหน้าของประมุขอวี่คล้ำลง เขามีใบหน้าหยั่งลึกและดวงตาส่องประกายแวววาวเขามองไปที่อวี่ติ่งเทียนและออกคำสั่ง “ติ่งเทียนออกไปช่วยพี่เ้ารับมือกับไอ้เด็กนั่นมันกล้าดีมาก่อความวุ่นวายในบ้านของเราได้อย่างไร? ฆ่ามัน!”
“ครับ ท่านพ่อ”
รอยแสยะยิ้มที่เกือบจะมองไม่เห็นฉายผ่านใบหน้าของอวี่ติ่งเทียนเขาค่อยๆ เดินไปข้างหลังของประมุขตระกูลอวี่ทันใดนั้นมีดที่ประกายแสงเยือกเย็นก็ปรากฏขึ้นในมือเขาแทงไปที่หลังส่วนล่างของประมุขตระกูลอวี่อย่างเต็มแรง
ฉึก!
ใบมีดฝังลงไปแต่อวี่ติ่งเทียนยังไม่มั่นใจ เขาจึงดึงมีดออกมาและแทงกลับเข้าไปใหม่ครั้งนี้เขาแทงไปที่หัวใจจากด้านหลังสีหน้าแปลกใจและโกรธเกรี้ยวแสดงผ่านใบหน้าของประมุขตระกูลอวี่เขาตายด้วยความคับข้องใจ
“ท่านพ่อ ท่านแก่เกินไปแล้ว ตายไปเสียจะดีกว่าท่านจะได้หลับอย่างสุขสบายตลอดทั้งวัน” หลังจากแทงพ่อของตัวเองจนถึงแก่ความตายแล้วสีหน้าของอวี่ติ่งเทียนก็เ็า “อย่าตำหนิผมเลย ใครบอกให้ท่านให้ของดีๆทุกอย่างแก่พี่และไอ้สัตว์ชั้นต่ำอวี่เหวินเสียง แต่กลับเมินลูกชายผมและผมกันล่ะ?”
“ตอนนี้ ์ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว พวกเขาส่งคนมาฆ่าอวี่เหวินเสียงผมจะหันหลังให้โชคชะตาได้อย่างไร? ผมจะฆ่าท่านพ่อก่อนแล้วผมจะให้ไอ้เด็กที่มาก่อปัญหานั่นกับพี่สู้กันผมจะแค่นั่งอยู่ที่นี่และรับผลประโยชน์โดยไม่ต้องกระดิกนิ้วแล้วทั้งตระกูลอวี่ก็จะตกเป็ของผม ฮ่าๆๆ ผมนี่อัจฉริยะจริงๆ!”
อวี่ติ่งเทียนนั่งบนบัลลังก์หัวเสือในห้องรับรองเขาลูบเก้าอี้ที่แกะสลักด้วยหยกอย่างตื่นเต้น ไม่นานก่อนหน้านี้ ทุกครั้งที่มีการประชุมกลุ่มเขามองพ่อที่นั่งอยู่บนบัลลังก์หัวเสือเขาสงสัยว่าเมื่อไรเขาจะสามารถนั่งบนนั้นและอำนาจของตระกูลอวี่
วันนี้ความปรารถนาของเขาเป็จริงแล้วตอนนี้อารมณ์ของอวี่ติ่งเทียนมีความสุขอย่างมาก
“พี่รอง เกิดอะไรขึ้นกับพ่อน่ะ? พะ...พี่ฆ่าพ่อเหรอ?”ประมุขตระกูลอวี่มีลูกชายสามคน และตอนนี้ลูกชายคนที่สาม อวี่ต้าสุ่ยเดินเข้ามาในห้องรับรอง เมื่อเขาเห็นฉากตรงหน้า เขาะโด้วยความใทันที
“น้องสามฉันฆ่าพ่อเอง จากนี้ไป ตระกูลอวี่จะเป็ของพี่รองจากนี้ไปก็จงติดตามฉัน และฉันจะรับประกันว่าแกจะได้อยู่ดีมีสุข” อวี่ต้าสุ่ยอายุ 25ในปีนี้ เขายังไม่ได้แต่งงานและมีลูก ในสายตาของอวี่ติ่งเทียนเขาไม่ได้เป็ภัยคุกคาม ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจให้ไอ้เด็กนี่ร่วมด้วย
“อวี่ติ่งเทียน แกบ้าไปแล้ว แกแม้กระทั่งฆ่าพ่องั้นเรอะ? แกมันไม่ต่างจากสัตว์เดรัจฉาน ฉันจะฆ่าแกเพื่อล้างแค้นให้พ่อ ฉันจะฆ่าแก!”อวี่ต้าสุ่ยพุ่งเข้าใส่อวี่ติ่งเทียนอย่างดุดัน
อวี่ติ่งเทียนนั่งบนบัลลังก์หัวเสืออย่างสงบนิ่งริมฝีปากของเขาโค้งเป็รอยยิ้มเ็า เขาจ่อปืนพกสีดำสนิทใส่น้องสามและเหนี่ยวไก“ปัง” ะุทะลุสมองของอวี่ต้าสุ่ย และอวี่ต้าสุ่ยก็หายไปจากโลกนี้อย่างสมบูรณ์
“ช่างเป็ทางเลือกที่โง่เง่าจริงๆ!” อวี่ติ่งเทียนเป่าปลายกระบอกปืน
“ตอนนี้เหลือแค่อวี่ฮั่วหลง ฉันจะให้มันสู้กับไอ้เด็กนั่นก่อน เมื่อทุกอย่างจบแล้วฉันจะออกมาเก็บกวาดพวกแกทุกคน ฮ่าๆๆ!”
...
ฉินเฟิงและอวี่ฮั่วหลงได้สู้กันอย่างสุดฝีมือหลังจากทดสอบกันและกันแล้ว พวกเขาทั้งคู่ก็เข้าใจจุดอ่อนและจุดแข็งของกันและกันครั้งนี้พวกเขาทุ่มสุดตัวเพื่อฆ่าอีกฝ่าย
ฮ่า!
อวี่ฮั่วหลงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวเขาพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง ดาบในมือของเขาส่องประกายใต้แสงจันทร์ “ตายซะไอ้เด็กเปรต!”
“นภาเปื้อนเื!”
ดาบในมือของอวี่ฮั่วหลงร่ายรำอย่างบ้าคลั่งมันกวัดแกว่งไปด้านซ้าย ด้านขวาและความเร็วก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในที่สุดมันก็ดูเหมือนกับว่าเขาถือพัดลวงตาอยู่
ในขณะเดียวกันอวี่ฮั่วหลงก็พุ่งทะยานขึ้นเหนือหัวของฉินเฟิงทันที เขาฟันลงข้างล่างด้วยดาบสร้างภาพติดตาที่ผสานกันเป็ดาบที่ยาวอย่างน้อยหนึ่งเมตรดาบพรั่งพรูลงข้างล่างดั่งน้ำตก มันถาโถมลงข้างล่างอย่างงดงามแม้ว่ามันจะอยู่ห่างจากฉินเฟิงหลายเมตร เขาก็ยังได้ยินเสียงรุนแรงตัดผ่านอากาศ
สีหน้าของฉินเฟิงหนักหน่วงมากเห็นได้ชัดว่าอวี่ฮั่วหลงกำลังใช้ท่าเผด็จศึก ตอนที่เขาปะทะแลกหมัดกับมันในตอนแรกฉินเฟิงรู้ว่าพละกำลังของมันน่าสะพรึงกลัวขนาดไหนการฟันที่รุนแรงนี้เกือบจะััฉินเฟิง เขาคิดว่าถ้าโดนมันเข้าไปคงจะปลิวแน่
เขายืนอยู่ที่เดิมและไม่ไหวติงเมื่อเขาเห็นคมดาบกำลังจะกระทบไหล่ของเขา เขาถอดเกราะับินออกทันทีในขณะเดียวกันเขาก็ใช้ลมปราณภายในทำให้ความเร็วถึงจุดสูงสุด
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไวมากจนตาของอวี่ฮั่วหลงหมุนเขามองเห็นตำแหน่งของฉินเฟิงไม่ชัดพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยความใ
ตอนที่เขาสู้กับฉินเฟิงตอนแรกอวี่ฮั่วหลงใความสามารถของฉินเฟิงครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าเขาไม่เห็นด้วยตาตัวเองเขาคงไม่เชื่อว่าจะมีเด็กอย่างฉินเฟิงที่มีฝีมือขนาดนี้ในเมืองทั้งสี่ของมณฑลยูนนาน
ความสามารถแบบนี้เพียงพอที่จะฆ่าลูกชายของเขาได้เขาเริ่มเชื่อคำพูดจาใหญ่โตและหยิ่งยโสของฉินเฟิงตอนที่มันมาถึงตอนแรกๆมันอาจจะเป็คนฆ่าลูกชายของเขาจริงๆ
ในภาพติดตานี้แสงสีเหลืองจางๆอยู่ๆ ก็ส่องประกายออกมา ถัดจากนั้นแสงก็เริ่มชัดเจนขึ้นและใกล้ขึ้นสายลมเย็นะเืแห่งความตายปกคลุมอวี่ฮั่วหลง ความกลัวได้เพิ่มพูนขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจ
ในที่สุดร่างของฉินเฟิงก็กลับมามองเห็นได้ชัดเขายืนอยู่ต่อหน้าอวี่ฮั่วหลงพร้อมกับกระบี่คมยาวที่มีแสงสีเหลืองจางๆใครจะรู้ว่ากระบี่เล่มนี้ปรากฏในมือของฉินเฟิงั้แ่เมื่อไร?
เขาใส่นวมเหล็กที่ส่องประกายความเยือกเย็นและถือกระบี่เจินกังที่มีแสงสีส้มอ่อนแค่อุปกรณ์แพรวพราวนี้อย่างเดียวก็พอที่จะทำให้อวี่ฮั่วหลงมึนงงได้แล้ว
เขาสู้กับฉินเฟิงมานานมากเขาได้สำรวจร่างกายของฉินเฟิงั้แ่หัวจรดเท้าแต่ก็ไม่ค้นพบว่าเขาซ่อนอาวุธอะไรไว้อย่างไรก็ตามกระบี่คมยาวนี้โผล่ในมือของฉินเฟิงจริงๆ นี่มันขัดกับหลักเหตุผลอวี่ฮั่วหลงคิดจนหัวแทบะเิก็ยังไม่เข้าใจ
“ฉันคิดว่าแกต่างหากที่ควรจะตายก่อน!” ฉินเฟิงไม่จำเป็ต้องอธิบายเพราะความตายได้เข้าปกคลุมอวี่ฮั่วหลงเรียบร้อยแล้ว
ฉินเฟิงฟันลงด้วยกระบี่มันดูเหมือนจะสามารถผ่าฟ้าดินได้
กระบี่ของฉินเฟิงเคลื่อนไหวเร็วมากทำให้อวี่ฮั่วหลงไม่มีโอกาสหลบอวี่ฮั่วหลงไม่แม้แต่จะรู้สึกถึงความเย็นะเืของกระบี่ที่เฉือนผ่านหน้าอกของเขาเขาเหม่อลอยหลายวินาทีก่อนที่จะรู้สึกว่าตัวเองโดนผ่าครึ่งั้แ่บนลงล่างความเจ็บที่เหมือนมีคนฉีกกระชากหัวใจและปอด
ฉัวะ!
ร่างของอวี่ฮั่วหลงะเิเขาถูกฟันขาดครึ่ง และเืก็ไหลย้อมหญ้าสีเขียว
กลุ่มอันธพาลของตระกูลอวี่ตกตะลึงั้แ่ที่อวี่ฮั่วหลงเข้าสู้กับฉินเฟิง คนพวกนั้นก็ไม่กล้าขยับพวกเขาทุกคนมีตาและบอกได้ว่านี่คือการต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือพวกเขาเป็แค่ปลาซิวปลาสร้อย แม้ว่าพวกเขาจะเข้าไปร่วมสู้ก็ทำได้แค่ขัดแข้งขัดขาอวี่ฮั่วหลงเท่านั้น
พวกเขาทุกคนรู้ความสามารถของอวี่ฮั่วหลงดีออกจะเกรงกลัวด้วยซ้ำ เขาคือผู้ฝึกยุทธ์อันดับหนึ่งของตระกูลอวี่และเป็ผู้ฝึกยุทธ์อันดับหนึ่งของเมืองจิ้นเฉิงตระกูลอวี่สามารถรักษาตำแหน่งผู้ปกครองอันดับหนึ่งของเมืองจิ้นเฉิงได้ก็เพราะการคงอยู่ของอวี่ฮั่วหลงเท่านั้นไม่มีใครกล้าหาเื่เขา
แต่วันนี้อวี่ฮั่วหลงที่ดูเหมือนสมมติเทพในใจของพวกเขาถูกเด็กหนุ่มฆ่าตายแล้วฉากที่ดุเดือดทำให้พวกเขามองฉินเฟิงเปลี่ยนไปความโกรธของพวกเขาที่มีต่อฉินเฟิงก่อนหน้านี้กลายเป็ความกลัวที่ไร้ที่สิ้นสุด
“ฉันจะพูดอีกครั้งเดียว ถ้าไม่ใช่คนของตระกูลอวี่ ก็ไสหัวไปซะในไม่ช้าแม้ว่าพวกแกจะอยากออกไป ฉันจะไม่ปล่อยพวกแกไว้แน่!”ฉินเฟิงถือกระบี่ยาวในมือและยืนอยู่บนพื้น เมื่อเขากล่าวคำพวกนี้อีกครั้งไม่มีใครกล้าถามหาความถูกต้อง
ตอนนี้มีอันธพาลเกือบร้อยที่ล้อมรอบสวนพวกเขามองหน้ากันและกัน สุดท้ายพวกเขาก็ตัดสินใจอย่างเป็เอกฉันท์พวกเขารีบออกไปทางประตูของบ้านตระกูลอวี่เพื่อเอาชีวิตรอดทันที
ใช่แล้ว...พวกเขากำลังวิ่งหนีสุดชีวิต
ปังปัง ปัง!
เมื่อเหล่าผู้คนเริ่มวิ่งหนีก็มีเสียงปืนดังออกมาจากด้านนอกอวี่ติ่งเทียนยืนอยู่ตรงทางเข้าของคฤหาสน์ตระกูลอวี่พร้อมกับคาบซิการ์อยู่ในปากปืนพกสีดำสนิทที่กลมกลืนในยามค่ำคืน เขาไม่แม้แต่จะมองและยิงสุ่มๆไปยังฝูงชนสามครั้ง
หลังจากเสียงปืนดังสามนัดมีสองคนล้มลงกับพื้น ต่อมาก็เป็เสียงหัวเราะหยิ่งยโสของอวี่ติ่งเทียน