“ดูเหมือนพี่น้องคู่นั้นจะอยู่ในที่ปลอดภัยชั่วคราวแล้ว...”
เ่ิูคลี่ยิ้ม
ถึงจะอยู่ไกลออกไปหลายสิบลี้ แต่เพียงแค่เขาคิดในใจเท่านั้น เื่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นบนถนนสายอุดรก็ปรากฏขึ้นในทะเลสำนึกของเขาชัดเจนยิ่ง ไม่ต่างกับเขายืนมองสถานการณ์อยู่ต่อหน้าเลย
นี่เองคือประโยชน์ของผู้พิทักษ์ทะลุปรุโปร่ง
เ่ิูพบความลับจากในท่วงทำนองยุคเทพมาร สามารถจุดไฟสว่างแก่หน้านั้นในท่วงทำนองของวิเศษได้ ดึงผู้พิทักษ์ทะลุปรุโปร่งออกมาหกชิ้น ส่งไปตำแหน่งใดก็ได้ตามใจ้า
และเขตของผู้พิทักษ์ทะลุปรุโปร่งที่เขาวางไว้นั้น ครอบคลุมหนึ่งลี้ต่อจากนี้ทั้งหมด เ่ิูสามารถมองเห็นได้อย่างเสรี ประหนึ่งไปยืนตระหง่านตัวโด่ๆ อยู่ ณ ที่นั้นจริงๆ รับรู้ได้ถึงทุกสิ่งทุกอย่างในที่นั้น
ผู้พิทักษ์ทะลุปรุโปร่งคุณประโยชน์เหมือนกับกระบวนอักขระสอดแนมชั้นสูง ทว่าการจะติดตั้งกระบวนอักขระสอดแนมสักที่หนึ่งต้องใช้ทั้งเวลาและเรี่ยวแรง แล้วยังวัตถุดิบสูงค่าอีกมากโข และการสร้างอักขระที่อุดมซึ่งนักยุทธ์ธรรมดาไม่อาจทำได้ และเ่ิูในตอนนี้หรือ อย่าถามให้เสียเวลาเลย
ทว่าการวางตำแหน่งผู้พิทักษ์ทะลุปรุโปร่งนั้นกลับง่ายดายกว่ามาก แค่ต้องใช้กำลังภายในส่วนหนึ่งกระตุ้นท่วงทำนองยุคเทพมารก็จะสามารถดึงมันออกมาจากหน้าของท่วงทำนองของวิเศษได้แล้ว จะติดตั้งไว้ที่ใดก็ย่อมได้ทั้งหมด
ซู่!
เสียงคลื่นั์ซัดเข้าใบหน้า
ใต้คลื่นน้ำนั้น มีสัตว์น้ำประหลาดร่างั์รูปร่างคล้ายปูแอบซ่อนอยู่ในวารีขุ่นมัว ทะยานขึ้นมาอย่างมุ่งร้าย
เ่ิูกระโจนขึ้นเบื้องฟ้า มือกำหอกไน่เหอดั่งฟ้าแลบ แทงหอกออกไปทะลุปูั์เป็รูโบ๋ พลังอักขระหลั่งออกมาจากซากปูสู่ภายในร่างกาย เติมเต็มปริมาณน้ำบริสุทธิ์แห่งพลังในโลกตันเถียน
“ความจริงแล้วสิ่งที่เข้ามาในสมรภูมินี้คือกายเนื้อหรือว่าิญญาเรากันแน่นะ?”
เ่ิูเดินลุยน้ำไปเรื่อยๆ พลางคิดเรื่อยๆ เช่นกัน
นี่เป็คราวแรกที่เขาเข้ามาในสมรภูมิหุบเขาปัดป้อง มีแต่ความรู้สึกประหลาดใจโดยเฉพาะหลังจากที่ถูกฆ่าแล้วจะฟื้นคืนชีพได้อีกสามครั้ง
นั่นทำให้เด็กหนุ่มแอบคิดว่าตัวตนเขาที่เข้ามา ณ ที่แห่งนี้หาใช่กายเนื้อจริงไม่ แต่เป็เพียงส่วนหนึ่งของจิติญญาหรือปณิธานเท่านั้น เข้ามาในกายที่มีอักขระเป็องค์ประกอบนี้ด้วยการรับรู้ของิญญาเท่านั้น และเื่น่าอัศจรรย์ก็คือ ร่างกายนี้เหมือนกับกายเนื้อจริงของเขาชนิดถอดแบบกันมา ได้รับาเ็ก็จะรู้สึกเจ็บ กระทั่งคนที่เข้ามาในสมรภูมินี้แล้วก็ยังแยกไม่ออก
ศาสตร์อักขระแห่งจักรพรรดิอักขระลัวซู่ ช่างลึกซึ้งหาใดเปรียบปานมิได้จริงๆ
“เซี่ยโหวอู่ตายไปรอบหนึ่งแล้ว ยังฟื้นคืนชีพเข้ามานำทัพไม่ได้อีกชั่วคราว ดังนั้นฝ่ายที่น่าจะถูกสังหารมากที่สุดตอนนี้คือฉินอู๋ซวง ถนนทิศพายัพ!”
เ่ิูย่ำเท้าต่อไปเรื่อยๆ
อยู่ในสมรภูมิหุบเขาปัดป้อง แม้จะเหาะไม่ได้เพราะกฎแห่งอักขระ ทว่าพลังของความแข็งแกร่งและความบริสุทธิ์ของกำลังภายในเด็กหนุ่ม ถึงจะเป็การโลดแล่นไปเรื่อยๆ ความเร็วก็ยังมากมาย ประหนึ่งลูกธนูยิงจากคันศร รุดสู่ถนนทิศพายัพ
...
...
“อักขระแช่แข็ง?”
สวี่เกอขมวดคิ้วน้อยๆ แสดงอาการใออกมา
บนสมรภูมิถนนสายพายัพ ศึกที่ดุเดือดกลับตัดขาดลงกลางคัน
ฉินอู๋ซวงเต็มไปด้วยาแ เืสดหลั่งไหลท่วมครึ่งกาย เขาหอบหายใจรุนแรง โลหิตหลั่งลงมาตามแนวแขน เปรอะเปื้อนดาบไร้ขอบเขตในมือ คราบเืแดงฉานเลาะตามร่องของตัวดาบ หยดติ๋งๆ สู่พื้นดิน...
และฝ่ายตรงข้าม สวี่เกอเพียงแค่ถูกตัดชายอาภรณ์ไปด้านหนึ่งเท่านั้น
อัจฉริยะปีหนึ่งของสำนักหงส์ฟ้าผู้นี้เป็ที่รู้จักโดยกว้างขวาง ผิวกายขาวดุจหยก ท่าท่างหมดจด กิริยาสง่างาม เกศาหนาเป็ระเบียบ หน้าแดงดั่งชาด ดวงตาดั่งดาราพร่างพราว เห็นได้ชัดว่าเป็ต่อ
ศึกเมื่อครู่นี้ แค่ใช้ตาก็มองเห็นแพ้ชนะแล้ว
เวลาคับขันนั้น ฉินอู๋ซวงได้หยิบแผ่นกระดาษคร่ำคร่าขึ้นมา เป็อักขระคุมขังที่หาได้ยากยิ่ง ควรจะเป็อักขระแช่แข็งแต่โบราณ เมื่อแสงแห่งอักขระส่องประกาย จักสามารถคุมขังกายเนื้อของฝ่ายตรงข้ามได้
“หุๆ...เลิกดิ้นรนเถอะน่า” ฉินอู๋ซวงเลิกหอบหายใจแล้วกระตุ้นกำลังภายในที่เหลือไม่มาก ดาบไร้ขอบเขตค่อยๆ โชติ่สว่างไสวขึ้นมา เขาเดินเข้ามาใกล้ทีละก้าว...ละก้าว “บังคับให้ข้าต้องใช้ไม้ตายสุดท้าย เท่านี้เ้าก็ควรพอใจได้แล้ว ศึกคราวนี้ ข้าเป็ฝ่ายชนะ”
สวี่เกอเลิกดิ้นรนในที่สุด เขายิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่นึกเลย ว่าเ้าจะมีของล้ำค่าแบบนี้อยู่ในมือ...”
“วางใจเถอะ ข้าจะให้เ้าตายไวๆ ไม่ลีลาทรมานใด” ฉินอู๋ซวงเสือกดาบออกไปเชื่องช้า อายดาบสามฉื่อเรืองแสงดั่งเงิน เสียดเข้าใกล้สวี่เกอทีละนิ้วๆ
สวี่เกอสีหน้าราบเรียบ ทำได้แม้กระทั่งส่งยิ้มบางเบาให้ “เสียดายนะ!”
ฉินอู๋ซวงชะงักมือเล็กน้อยแล้วถาม “เสียดายอะไร?”
“เสียดายที่อักขระแช่แข็งของเ้าดวงนี้ยังไม่สมบูรณ์ เป็แค่ของมีตำหนิเท่านั้น อีกอย่าง...” รอยยิ้มบนใบหน้าสวี่เกอเริ่มฉาดฉายขึ้นมาทุกวินาที “เ้าไม่ได้หลอมรวมและเข้าใจมันอย่างแท้จริง ด้วยเหตุนั้น...”
สุ้มเสียงยังไม่ทันจบดี
จันทร์เสี้ยวคดโค้งขนาดหนึ่งนิ้วดวงหนึ่งปรากฏกลางฝ่ามือสวี่เกอ
ไม่รู้ว่าคิดผิดไปหรือไม่ ทว่าเมื่อมันเผยโฉมออกมา แสงรอบด้านก็ดำมืดไปเสียหมด
ราวกับแสงจันทร์ฉาดฉาย
ประหนึ่งพระจันทร์เสี้ยวที่ล่องลอยอยู่บนเวหาของจริง ถูกสวี่เกอเก็บลงมาไว้ได้อย่างแ่เบา จันทร์เสี้ยวหมุนเวียน ภาพเปี่ยมเต็มด้วยความงามราวกับศิลปะที่เงียบสงัดและเปลี่ยนแปลงได้ร้อยแปด
“รอยจันทร์เพ็ญ จันทร์เพ็ญโค่นนภา!” สวี่เกอยกริมฝีปากขึ้นผะแ่ ก่อนะโเสียงเย็นในบัดดล
จันทร์เสี้ยวบนฝ่ามือพลันขยายขนาด ขยับเขยื้อนเล็กน้อย ภาพดั่งลวงตาเผยออกมา สิ่งที่โค่นอักขระแช่แข็งสีแดงสดนั้นกลายเป็ดาบจันทรายาวหนึ่งเมตร ส่องแสงวาววาม ความสุกสกาวชั่วขณะนั้นราวกับเมฆดำพรากเอาความงามแห่งดวงเดือนยามข้างขึ้นใหม่ไปเสีย
ติ๊ง!
อักขระแช่แข็งสีแดงแตกสลาย
สวี่เกอหลุดจากพันธนาการ
ราวกับเสือหลุดจากกรง
ฉินอู๋ซวงสีหน้าเปลี่ยนครั้งใหญ่ เป็ครั้งแรกที่เขาถอยหนี
ทว่าก็ไม่ทันเสียแล้ว
สวี่เกอสั่งจิตควบคุมจันทร์ดวงใหม่นั้นให้ปรี่เข้าสังหาร
“ยังจะไม่ใช่ศัตรูอีกหรือเปล่า?” ฉินอู๋ซวงหัวเราะขื่นขม เขาหลับตารอความตาย
ทันใดนั้นเอง
ฟิ้ว!
เสียงอากาศธาตุะเิดังก้องอยู่ข้างหู
จากนั้นเป็พลังอันแข็งแกร่งเบ็ดเสร็จยากจะจำกัดรูปกาย มาจากที่ใดไม่อาจทราบได้ ทว่าจากแดนไกลสู่เคียงใกล้ พลิกูเาคว่ำทะเลเข้ามา ประดุจเทือกเขาาถล่ม พลังเทียบเคียงได้กับฟ้าดินมลาย มหาสมุทรพลิกคว่ำยังไงยังงั้น
เสียงอุทานของสวี่เกอดังมาติดๆ
ฉินอู๋ซวงหยุดนิ่ง ตอนที่ลืมตาขึ้นมานั้นเอง เขากลับมองเห็นภาพที่ต่างออกไป
ไม่รู้ว่ายามใด ที่หอกยาวสีดำเสียบอยู่ข้างกายเขาไปหนึ่งเมตร สวี่เกอที่ทีแรกจะฆ่าเขาให้เหี้ยน กลับกำลังต่อกรอยู่กับร่างสีดำสนิทบนฟากฟ้า ราวกับสูญเสียสิทธิ์ในการควบคุมร่างกายตนเองไปอย่างน่าพิศวง ประหนึ่งเด็กหัดเดินถูกชนกระเด็นไม่มีผิด
หอกสีดำ?
เ่ิู?
แทบจะไม่ต้องใช้ความคิด ฉินอู๋ซวงก็ตรัสรู้แล้วว่าคนที่มาคือใคร
หอกสีดำยาวนั้น สำหรับเขาแล้วคุ้นเคยยิ่งกว่าอะไรดี เงาดำดั่งฝันร้ายนั่น โผล่ขึ้นมาในความฝันเขาไม่รู้กี่คืนต่อกี่คืน สามเดือนก่อนหน้านี้ เขาที่เข้าสำนักกวางขาวมาและยืนอยู่บนตำแหน่งสูงสุดของปีหนึ่ง ได้ถูกเ้าของหอกด้ามนี้ทำลายความรุ่งโรจน์ทั้งหมดที่เขามีอยู่ไม่เหลือชิ้นดีโดยไร้ซึ่งท่าทีเป็ศัตรู
อีกด้าน
“เ้าเองหรือ...” สวี่เกอลอยคว้าง อ้าปากอุทาน
เขาจำได้แล้ว เขาคนนี้ตกมาจากฟากฟ้าดั่งนักรบ์ กายสีดำที่เข้าประชิดข้างตัวเขาไม่ให้สุ้มให้เสียง คือบุรุษกวางขาวที่เขาพบในหอสมุดสาธารณะวันนั้นเอง
ศัตรูที่แท้จริง มาถึงแล้ว
ใจสวี่เกอบีบรัดเล็กน้อย
พลังจู่โจมที่น่ากลัว ทำให้เขารู้สึกอย่างชัดเจนว่า โคนกระดูกอกของตัวเองกำลังหัก...แค่ประมือทีเดียวก็ได้รับาเ็เข้าแล้ว สร้างใจใฝ่าให้เพิ่มพูนเป็บ้าเป็หลัง
“ถูกแล้ว ข้าเอง!”
เ่ิูตอบกลับเสียงดัง
หอกยาวอีกด้ามหนึ่งดุจัคลั่งพ้นทะเล ราวกับหิมะตกลงมากลบทับทั้งพื้นดินจนขาวโพลน
เคร้งๆๆๆ!
เสียงจู่โจมฉับพลันลั่นมา ราวกับเปลวอัคคีที่สาดกระเซ็นไปทั่วสี่ทิศ
พลังของสวี่เกอมากกว่าหลินนั่วและเจิ้งข่ายอย่างไม่ต้องสงสัย ถูก ‘ธงรบแผ่นดิน’ และ ‘โผัเกรี้ยว’ สองกระบวนท่าในสี่รูปแบบเทพราชันเกราะทองเข้าไปติดๆ กัน แล้วยังมีแรงตอกกลับมาได้อีก
ตู้ม!
หลังการปะทะรุนแรงครั้งแล้วครั้งเล่า สถานการณ์ก็เริ่มเปลี่ยนแปลง
จันทร์เสี้ยวบนมือสวี่เกอแหลกสลายเป็ผงหิมะขาวกระจายสู่ห้วงอากาศ
และหอกไน่เหอในมือเ่ิู บนใบมีดสีเงินอ่อนก็กระดำกระด่างด้วยรอยแผลใหญ่น้อยโบ๋เป็รูๆ เล็กเท่าถั่วเหลือง หอกแทบจะใช้การไม่ได้แล้ว
สองร่างโรยตัวสู่พสุธา
“โจมตีต่อเนื่องแข็งแกร่งนัก...ฮ่าๆ แข็งแกร่งจริงๆ...ที่ข้าตัดสินในวันนั้นถูกต้องแล้ว เ้าเป็คู่ต่อสู้ที่น่ากลัวมากไม่มีผิด” สวี่เกอกายยืดตรงดั่งหอก ไร้ซึ่งาแใด ใบหน้าประดับรอยยิ้ม
“เ้าเองก็แกร่งมาก...อย่างน้อยก็มากกว่าหลินนั่วแล้วก็เจิ้งข่ายหลายขุม” ปลายเท้าเ่ิูลอยขึ้นเล็กน้อย เอวมีาแ เนื้อหนังเปิดออกมา เืสดหลั่งทะลัก เป็จุดที่ถูกรอยพิมพ์จันทร์กระแทกจนแหลกร้าว เห็นทีแล้วคงต้องหัวซุกหัวซุนยิ่งกว่านี้
“เ้าประมือกับพวกเขาแล้วหรือ?” สวี่เกอชะงักงัน
เ่ิูพยักหน้า
“ถ้างั้นพวกเขา...” สวี่เกอยังอยากถามถึงผลชัยชนะ พอคิดกลับกันก็ส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “ไม่สิ ด้วยพลังของเ้า โอกาสที่พวกเขาจะฆ่าเ้าได้นั้นน้อยนัก รับมือกับการโจมตีของเ้าได้ยากแน่”
เ่ิูพยักหน้าอีกครั้ง
ตูม!
เสียงะเิดังลั่น
ต้นหอกไน่เหอะเิในที่สุด กลายเป็เศษเหล็กคมกริบกระจัดกระจายไปทั่ว
ต้นหอกได้ถูกพลังของรอยพิมพ์จันทร์สั่นะเืจนแหลกไปแล้ว แต่ยังไม่ทันจะสลาย เพียงแค่ถูกลมพัดบางเบาก็ค่อยๆ สั่นไหว สุดท้ายก็ะเิแตกหักอย่างที่เห็น
เ่ิูปรากฏแววเสียดายในั์ตา
ถึงหอกไน่เหอจะงุ่มง่าม ทว่าสำหรับเขาแล้วมันเหมาะมือเป็ที่สุด เสียดายนักที่ผ่านศึกคราวนี้แล้วพังไปครึ่งหนึ่ง
ไกลออกไป
ฉินอู๋ซวงเดินถอยกลับทีละก้าวๆ อย่างเชื่องช้า
สภาพการณ์ตรงหน้าไม่ได้น่าแปลกตาอะไรเลย ถึงจะเป็เ่ิูลงมือเองก็เถอะ ก็ดูเหมือนว่าจะไม่อาจกดดันคนจากสำนักหงส์ฟ้าผู้น่ากลัวคนนั้นได้