“เฟิงไหล” เยี่ยนจื่อเซี่ยนะโออกไปทางด้านนอก
เด็กหนุ่มที่มีสีหน้าเ็าเดินเข้ามาประสานมือคารวะเขา “ท่านพ่อบุญธรรมมีคำสั่งอันใด”
กู้เจิงเห็นท่าทางของเด็กหนุ่มอย่างชัดเจน ทว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่ใช่เด็กหนุ่มจริงๆ แต่เป็หญิงสาวแสนเ็าที่ปลอมตัวเป็บุรุษ นางคือบุตรสาวของเฟิงหลิงที่หวังซู่เหนียงเคยรัก พวกนางเพิ่งพบกันเมื่อสองวันก่อน อย่าว่าแต่การแต่งตัวเป็บุรุษเลย เมื่อรวมกับหน้าตาองอาจก็ยากจะแยกแยะได้ชัดเจนอยู่บ้างจริงๆ
กู้เจิงเห็นสายตาของหวังซู่เหนียงแทบจะเกาะติดกับเฟิงไหล ก่อนจะหันไปเห็นสีหน้าดำคล้ำของแม่ทัพเยี่ยน
“นับจากวันนี้เป็ต้นไป ให้เ้าอยู่รับใช้ข้างกายแม่นางกู้ เื่ของนางต่อให้เป็เื่เล็กๆ น้อย ๆ ก็ต้องส่งจดหมายมาบอกป้าซิ่วของเ้าเดือนละครั้ง” เยี่ยนจื่อเซี่ยนออกคำสั่ง
“เ้าค่ะ” เฟิงไหลรับคำ
กู้เจิงมองเยี่ยนจื่อเซี่ยน แล้วหันไปมองเฟิงไหล หมายความว่าอย่างไร? จะให้เฟิงไหลมาเป็องครักษ์นางหรือ?
ั้แ่ต้นจนจบเสิ่นเยี่ยนเอ่ยปากพูดไปแค่ไม่กี่ประโยค เพื่อความรักบุรุษจิตใจเด็ดเดี่ยวคนหนึ่งทำได้ถึงขั้นนี้ อย่างที่ซู่เหนียงกล่าวไว้ ‘มนุษย์ย่อมต้องเลือกทางเดินชีวิตที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง’ และนางก็เลือกอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด จะบอกว่าซู่เหนียงเห็นแก่ตัวก็ได้ แต่ที่จริงแล้วนางมีสติมากกว่าใคร ผลประโยชน์จากการตัดสินใจของนางนี้ทำให้ทุกคนได้ประโยชน์รวมถึงเขาด้วย ทว่าภรรยาของเขาคงยังสับสนจึงไม่ทันคิดได้
กู้เจิงตาแดงระเรื่อ ในใจบ่นว่าซู่เหนียงไร้ใจ ปกติแล้วซู่เหนียงจะคอยเรียกนางว่าลูกรัก แต่นี่กลับไม่ลังเลเลยที่จะจากนางไป
ความสนใจทั้งหมดของหวังซู่เหนียงตอนนี้อยู่ที่เฟิงไหล เด็กคนนี้กับมารดาของนางหรือก็คือเฟิงหลิงที่นางเคยชอบมาก่อนนั้นเหมือนกันเหลือเกิน ทั้งท่าทางสง่างามและรูปหน้าที่หล่อเหลา ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือเฟิงหลิงมีสายตาที่อ่อนโยนยามที่มองนาง ทว่าแววตาของเฟิงไหลนั้นเ็ายิ่ง
จนเยี่ยนจื่อเซี่ยนต้องส่งเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ หวังซู่เหนียงจึงหันไปมองหน้าของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจก่อนจะรีบถอนสายตากลับมา
“ใต้เท้าเสิ่นกับฮูหยินน้อยเสิ่นถ้าหากไม่มีธุระอะไรอีกก็ไปได้แล้ว าเป็เื่เร่งด่วน ข้าต้องรีบไปเิเป่ย” เยี่ยนจื่อเซี่ยนกล่าว
“เหนี่ยงจื่อ?”เสิ่นเยี่ยนเดินไปหากู้เจิง
“ซู่เหนียง ท่าน้าไปเิเป่ยจริงๆ หรือ?” กู้เจิงยังไม่อยากจะเชื่อ ต่อไปพวกนางอาจจะไม่ได้เจอกันอีกหลายปี เิเป่ยอยู่ห่างจากเมืองเยว่เฉิง ขี่ม้าอย่างเร็วที่สุดต้องใช้เวลาครึ่งเดือน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสถาพที่นั่นที่กำลังจะเกิดา
“เจิงเอ๋อร์ อย่าเศร้าไปเลย ระยะทางไม่ใช่ปัญหา เ้าใช้ชีวิตให้ดีเป็สิ่งสำคัญที่สุด” หวังซู่เหนียงตบไหล่บุตรสาว ั์ตาฉายแววอาลัยอาวรณ์ ทว่าเพียงนิดเดียว
กู้เจิง “...” นางรู้สึกแย่สุดๆ ทำไมซู่เหนียงถึงได้พูดอย่างมีความสุขนัก? กู้เจิงได้เตรียมใจไว้ปกป้องซู่เหนียงไปตลอดชีวิตอยู่แล้ว นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องจากกันแบบนี้ ต่อไปถ้านางไม่อยู่ แม่ทัพเยี่ยนคนนี้จะปกป้องซู่เหนียงได้จริงๆ ไหม?
“รีบกลับไปเถอะ พวกเ้าสองคนอย่าทำให้เื่ล่าช้าเลย” หวังซู่เหนียงรีบไล่บุตรสาวกับบุตรเขยของนางกลับไป หากถูกบุตรสาวมองเช่นนี้ต่อไป นางคงทนไม่ไหวต้องร้องไห้ออกมาแน่ “จริงสิ ข้าฝังไหจำนวนหนึ่งไว้ใต้ต้นกุ้ยฮวาในลานบ้าน ด้านในมีของมีค่าของบิดาเ้าอยู่ไม่น้อย เ้าต้องกลับไปแอบขุดออกมาแล้วนำกลับบ้าน เข้าใจหรือไม่? เมื่อก่อนแม่คิดว่า ถ้าวันหนึ่งลูกเขยไม่้าเ้าแล้ว ขายสิ่งเหล่านี้ไปก็ยังพอให้เ้ามีชีวิตที่ดีได้ ตอนนี้ดูจากความรักของพวกเ้า คงจะไม่จำเป็แล้ว” นางว่าพลางมองเสิ่นเยี่ยนด้วยความพึงพอใจ
กู้เจิง “...”
เสิ่นเยี่ยน “...”
เยี่ยนจื่อเซี่ยนหน้าดำคล้ำกว่าเดิม สิบกว่าปีมานี้นางใช้ชีวิตแบบนี้งั้นหรือ? เ้ากู้หงหย่งคนนี้มิใช่บุรุษเอาเสียเลย
แม้ว่าจะไม่อยากแยกจากกัน แต่อย่างไรกู้เจิงก็ยังต้องไป
ภายในกระโจมตอนนี้เหลือเพียงหวังซู่เหนียงและเยี่ยนจื่อเซี่ยน
เยี่ยนจื่อเซี่ยนหน้าตาบูดบึ้ง แต่อารมณ์ในใจกลับท่วมท้น เขาฝืนทำท่าทางเ็ามองหวังซู่เหนียงที่เดินมาหาเขา แต่ในใจอยากจะให้นางรีบเดินมาให้ไวหน่อย
หวังซู่เหนียงรู้สึกกลัว นางกลัวบุรุษที่ทั้งแข็งแรงและสูงใหญ่เช่นนี้ พวกแม่ทัพนายพลก็เป็คนประเภทนี้ นางค่อยๆ เดินไปทีละก้าว แอบลอบเงยหน้ามองเยี่ยนจื่อเซี่ยนเป็บางคราจนกระทั่งมาถึงข้างกายเขา มือดึงแขนเสื้อเขาเบาๆ มองเขาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนอย่างประจบประแจง ร้องเรียกขึ้นเบาๆ ว่า “ท่านแม่ทัพ”
หัวใจของเยี่ยนจื่อเซี่ยนเต้นเป็จังหวะ เขาพลันนึกถึงครั้งแรกที่พบกัน นางทักทายเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ หลังจากมองนางแวบนั้น ในใจของเขาก็คงเงาร่างของนางไว้เสมอมา
คืนนี้กู้เจิงนอนไม่หลับ ซู่เหนียงไปแล้ว ไปกับชายแปลกหน้าคนหนึ่งสำหรับนาง ใครจะรู้ว่าแม่ทัพเยี่ยนผู้นี้จะเป็อย่างไร?
ภรรยานอนไม่หลับ เสิ่นเยี่ยนก็นอนไม่หลับเหมือนกัน เขาจึงลุกไปนั่งอ่านหนังสือและมองดูภรรยาที่กระสับกระส่ายไปทั้งคืน
หลังจากกู้เจิงเดินคิดไปมาสักหนึ่งชั่วยามได้ เสิ่นเยี่ยนก็วางหนังสือในมือลงและมองนาง “เ้าไม่ต้องเป็ห่วงเื่ของซู่เหนียง ท่านแม่ทัพเยี่ยนไว้ใจได้”
“จริงเหรอเ้าคะ?”
เสิ่นเยี่ยนยิ้ม “แม่ทัพเยี่ยนเป็ผู้นำทหารนับหมื่นคน ชาวเมืองเิเป่ยเชื่อถือและศรัทธาในตัวเขามาแต่ไหนแต่ไร คนเร่ร่อนรอบๆ เิเป่ยก็นับถือเขาเป็ผู้นำ คนแบบนี้เ้ายังต้องกังวลอีกหรือ”
กู้เจิงได้ยินคำพูดของสามีก็อุ่นใจขึ้นเล็กน้อย “ข้าคิดว่าเมื่อครู่รับปากเขาเร็วไปหน่อย ควรจะถามให้มากกว่านี้ แม่ทัพเยี่ยนผู้นั้นทั้งขู่เข็ญบีบบังคับและหลอกล่อซู่เหนียง ช่างน่าโมโหเสียจริง”
“แม่ทัพเยี่ยนก็ใส่ใจต่อซู่เหนียงเช่นกัน”
“ใครจะรู้ล่ะเ้าคะ? ไม่แน่ว่าในจวนของเขาอาจจะมีภรรยาอยู่เป็โขยงแล้วก็ได้”
เสิ่นเยี่ยนหลุดขำ
จู่ๆ เสียงของเฟิงไหลก็ดังมาจากด้านนอก “วางใจเถอะแม่นางกู้ อย่าว่าแต่ภรรยาเลย ข้างกายท่านพ่อบุญธรรมนอกจากข้าก็ไม่มีสตรีอื่นแล้ว แม้แต่ข้า ยังต้องปลอมเป็บุรุษไปด้วย”
กู้เจิงมองประตูอย่างขุ่นเคือง ใช่แล้ว ท่านแม่ทัพจุ้นจ้านนั่นยังมอบเฟิงไหลมาให้นางอีก “ท่านว่านางเป็คนที่เยี่ยนจื่อเซี่ยนส่งมาปกป้องข้า หรือมาจับตาดูพวกเรากันเ้าคะ?”
เสิ่นเยี่ยนยิ้ม เขากล่าวกับเฟิงไหลด้านนอกว่า “ในจวนยังมีเรือนว่างอีกหลายเรือน แม่ทัพเฟิงสามารถเลือกอยู่ได้ตามใจชอบ”
“ข้ามาเพื่อปกป้องแม่นางกู้ ย่อมต้องอยู่ติดกับนาง ไว้เจอกันพรุ่งนี้” นอกประตูไร้ซึ่งเสียงแล้ว
กู้เจิงมองสามีอย่างประหลาดใจ “เมื่อครู่ท่านเรียกนางว่าอะไรนะเ้าคะ? แม่ทัพเฟิง?”
เสิ่นเยี่ยนดึงมือภรรยามานั่งลง และเอ่ยเรียบๆ ว่า “เฟิงไหลเป็ผู้นำกองทัพที่รับคำบัญชาการจากแม่ทัพเยี่ยน เคยบุกเดี่ยวด้วยม้าหนึ่งตัวและดาบหนึ่งเล่มกำจัดโจรไปเกือบร้อยคน ชนะานับครั้งไม่ถ้วน ด้วยเหตุนี้ก็ได้รับความเคารพนับถือจากเหล่าทหาร ที่แม่ทัพเยี่ยนให้นางคอยอยู่ปกป้องเ้า ประการแรกเพื่อให้ซู่เหนียงสบายใจ สองก็เพื่อเป็การแสดงความจริงใจของเขา”
ตำแหน่งของเฟิงไหล ทำเอากู้เจิงตกตะลึงมาก นางคิดมาตลอดว่าเฟิงไหลเป็เพียงหญิงสาวที่คงพอมีวรยุทธติดตัวอยู่บ้าง
เมื่อนึกได้ว่าพรุ่งนี้เสิ่นเยี่ยนยังคงต้องไปทำงาน แม้กู้เจิงจะเป็ห่วงซู่เหนียงมากแต่นางก็บังคับให้ตัวเองนอน นางหลับไปจนกระทั่งตะวันสายโด่งถึงถูกซู่หลันรีบร้อนเข้ามาปลุกด้วยเื่ที่ว่า จวนกู้ส่งคนมารายงาน ว่าหวังซู่เหนียงหายตัวไปแล้ว
เสิ่นเยี่ยนออกไปทำงานนานแล้ว กู้เจิงนอนมองเพดานเตียงนิ่งๆ อยู่ครู่ใหญ่กว่าจะลุกขึ้น เมื่อสบเข้ากับสายตาสับสนของซู่หลัน ใบหน้าพลันฉายแววร้อนรนและหวาดกลัว มารดาแท้ๆ หายตัวไป บุตรสาวยังทำนิ่งอึ้งโง่งมอยู่เช่นนี้ช่างดูไม่ได้เื่เอาเสียเลย
กู้เจิงรีบล้างหน้าล้าตา ก่อนขึ้นรถม้ามุ่งไปยังจวนกู้อย่างรีบร้อน เสิ่นเยี่ยนบอกแล้วว่าแม่ทัพเยี่ยนไว้ใจได้ แต่อารมณ์ของนางยังคงหนักอึ้งยากจะรับได้ นางทั้งอาลัยอาวรณ์และเป็ห่วงจนไม่ต้องเสแสร้งเลย
ที่จวนกู้สับสนอลหม่านไปหมด จู่ๆ คนทั้งคนหายตัวไป กู้หงหย่งใจนเรียกเ้าหน้าที่ทางการต้าหลี่มา เมื่อกู้เจิงมาถึง คนของต้าหลี่กำลังสืบหาเบาะแสในทุกหนแห่งอยู่
“ท่านพ่อ ท่านแม่” กู้เจิงเดินเข้าไป
กู้เหยา กู้เจิ้งชินรีบเอ่ยทักทาย สองพี่น้องมีสีหน้าหนักอึ้ง
“เจิงเอ๋อร์ เ้ามาแล้วหรือ?” กู้หงหย่งเห็นบุตรสาวคนโตมา ใบหน้างามสง่าก็เคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน “เมื่อวานซู่เหนียงของเ้ายังร่วมอาหารมื้อเย็นในเรือนหลักอยู่เลย แต่เช้าตรู่วันนี้กลับหายตัวไปเสียแล้ว”
“เ้าทำใจให้สบายๆ ก่อน” เว่ยซื่อเห็นท่าทางอึดอัดของกู้เจิงเลยกล่าวปลอบใจ “คนในจวนทั้งหมดล้วนส่งออกไปตามหานางแล้ว คนของต้าหลี่ก็ส่งออกไปแล้วเช่นกัน ที่นี่เป็เมืองหลวง ทั้งภายในและภายนอกกำแพงเมืองล้วนมีทหารคอยคุ้มกัน ซู่เหนียงของเ้าจะต้องปลอดภัยแน่”
ถึงจะส่งใครไปก็เปล่าประโยชน์อยู่ดี กู้เจิงทอดถอนใจ นางทำเพียงพยักหน้ารับเบาๆ