“บ่าวกล้าสาบานได้ เป็จำนวนหนึ่งร้อยตำลึงจริงๆ บ่าวจำได้แม่นยำ”
ชุ่ยหลิวดูแคลนครอบครัวสามอย่างมาก เช่นเดียวกันนางก็ไม่อยากให้ครอบครัวสามตั้งตัวขึ้นมาได้
เพราะว่านางกำลังจะเป็คนของคุณชายรอง เช่นนั้นแล้วนางก็สามารถสูงส่งขึ้นมาได้ และทำให้ครอบครัวสามที่เป็ชนชั้นดีอิจฉานาง
จากที่เคยเป็ชนชั้นต่ำแล้วอย่างไร?
ก็มีชีวิตเหมือนกัน ขอเพียงมีชีวิตที่อยู่ดีกว่าชนชั้นดี และทำให้พวกนางอิจฉาตาร้อนก็พอ
ดังนั้นนางจึงไม่้าให้ครอบครัวสามของตระกูลหลิวมีโอกาสผงาดขึ้นมา
“เ้าแน่ใจหรือ?”
เสียงของหลิวฉีซื่อเ็าและไม่พอใจยิ่งนัก!
ชุ่ยหลิวไม่รู้ว่าระหว่างแม่ลูกคู่นี้มีความอาฆาตพยาบาทอย่างไร แต่นางไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย
“ฮูหยิน มั่นใจได้ นี่เป็เื่จริงแท้แน่นอน แล้วก็น้าชายคนนั้นยังแยกต่างหากไว้อีกห้าสิบตำลึง บอกว่าตอบแทนให้แม่เขา และไหว้วานให้นางตัวดีนั่นเอาไปให้”
“เท่ากับว่านางตัวดีนั่นได้เงินไปหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงหรือ?”
หลิวฉีซื่อกัดฟันถาม
ชุ่ยหลิวตอบว่า ใช่
นางแอบมองไปที่ใบหน้าของหลิวฉีซื่ออย่างระมัดระวัง ดวงตาที่อยู่ไม่สุขเริ่มมีแผนการในใจ “ฮูหยิน บ่าวเห็นว่านายท่านสามกับนายหญิงสามคงไม่เคยเห็นความร่ำรวยที่แท้จริงมาก่อน เกรงว่าจะหลงใหลในเงินตรา”
หลิวฉีซื่อมองสาวรับใช้อย่างพึงพอใจ แล้วกล่าวชอบใจกับคำพูดของนาง “เฮ้อ ว่ากันว่าลูกชายพอโตมาก็ไม่ฟังแม่ เดิมทีข้าก็ไม่คิดจะเอ่ยปาก แต่เมื่อเ้าพูดเช่นนี้ ใจของข้าก็หวาดหวั่น ซานกุ้ยของข้าเป็เด็กซื่อตรง ไม่เหมือนพี่ชายของเขาที่รู้มาก อย่างไรก็เป็ลูกข้า”
“ฮูหยิน บ่าวแค่เป็ห่วงว่านายท่านสามอาจจะถูกคนหลอก หากว่าฮูหยินจะกล่าวโทษบ่าวว่าปากมากย่อมได้ และลงโทษบ่าวได้เลย” ชุ่ยหลิวรู้ว่าหลิวฉีซื่อชอบฟังคำพูดเหล่านี้
แล้วก็เป็เช่นนั้นจริง หลิวฉีซื่อได้ยินก็โบกมือแล้วเอ่ย “เื่นี้เ้าทำได้ไม่เลว วันนี้ข้าไปเป็แขกที่บ้านเซียงเซิน นางได้ยินว่าบ้านข้าซื้อที่นาและสร้างบ้าน จึงเห็นว่าข้าคงขัดสนเื่เงิน จึงมอบเครื่องประดับศีรษะให้ข้า อีกเดี๋ยวข้าจะเลือกสักอันให้เ้าเป็รางวัล”
“ฮูหยิน แล้วเื่นี้...”
จะปล่อยไปเช่นนี้หรือ?
ไม่มีทางแน่นอน
“เ้าไปเชือดปลาในบ้าน แล้วไปเอาแผ่นเห็ดหอมจากซานกุ้ยมาสักหน่อย ต้มเป็แกงปลาเห็ดหอม แล้วก็ก่อนหน้านี้ข้านำเต้าหู้กลับมาด้วย ตุ๋นเข้าไปในน้ำแกงปลาด้วย นอกจากนี้เอาถั่วแห้งมาผัดกับเนื้อหมูเค็มแล้วนำน้ำแกงไก่ที่ต้มไว้ตักออกมาหนึ่งชามใหญ่ ส่งไปให้วั่งกุ้ย จากนั้นที่เหลือเก็บไว้กินตอนเที่ยง ใช่สิ ตอนที่ไปเอาของที่บ้านซานกุ้ย บอกกับเขาด้วยว่า เป็คำสั่งจากข้า ให้เรียกเขาพาภรรยากับลูกสาวมากินข้าวที่นี่ เขาซ่อมแซมบ้าน่นี้ คงยุ่งจนไม่ได้กินเนื้อหลายวันแล้ว”
ขณะที่พูดเช่นนี้ ฟังดูเหมือนนางเอ็นดูบุตรชาย
ชุ่ยหลิวไม่ใช่คนโง่ ย่อมดูออกว่าหลิวฉีซื่อสั่งให้นางเอาน้ำแกงไก่ที่เหลือเติมน้ำลงไปหนึ่งขัน แล้วต้มใหม่อีกสักพัก แม้ว่ารสชาติจะจางไปหน่อย แต่ก็เป็แกงไก่ไม่ใช่หรือ?
ชุ่ยหลิวรับปาก แล้วหันหลังไปตักน้ำแกงไก่ชามใหญ่ จากนั้นตักน้ำเปล่าอีกหนึ่งขันต้มต่อ จากนั้นก็ไปยังห้องปีกตะวันตกที่หลิวเต้าเซียงอยู่
“เ้าว่าอะไรนะ? ท่านย่าเรียกพวกเราให้ไปกินข้าวหรือ?”
หลิวเต้าเซียงเอื้อมมือออกมาแคะหู เหตุใดนางจึงรู้สึกว่านี่เหมือนงานเลี้ยงในหงเหมิน [1]?
คงไม่ได้พุ่งเป้าไปที่เงินก้อนนั้นหรอกนะ?
นางเยาะเย้ยในใจ ถ้าเป็เช่นนั้น นางจะกางกรงเล็บเล็กๆ ของตนและฉีกหน้าหลิวฉีซื่ออย่างดุเดือด
นางอายุเพียงเจ็ดขวบ ถึงจะมีข่าวเสียหายแพร่ออกไปก็ไม่เห็นเป็ไร
อีกไม่กี่ปีเื่นี้จะจางหายไป นอกจากนี้ในอนาคตครอบครัวของนางก็ไม่จำเป็ต้องอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านสามสิบลี้ก็เป็ได้
หมู่บ้านสามสิบลี้ไม่มีที่นาดี ไม่มีูเาดีๆ นับว่ากันดารของแท้ หากว่าตำบลเหลียนซานไม่ได้เป็สถานที่พักพิงของขบวนพ่อค้า ก็ไม่รู้จริงๆ ว่าที่แห่งนี้จะยากจนเพียงใด
“ใช่ ฮูหยินสั่งให้บ่าวมาเอาเห็ดหอมแผ่น บอกว่าวันนี้จะทำปลา จึงเอาไปทำต้มปลาเห็ดหอม และคิดว่านายท่านสาม่นี้ค่อนข้างยุ่ง ผอมโซลงไปมาก จึงสั่งให้ข้ามาเชิญ”
ชุ่ยหลิวสมแล้วที่ออกมาจากจวนตระกูลหวง แม้ว่านิสัยจะไม่ดีอย่างไร แต่เื่มารยาทก็ไม่เลว คำพูดนี้ทำให้คนฟังแล้วสบายใจ
หากหลิวซานกุ้ยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมาก่อน เขาคงจะเชื่อในสิ่งที่ชุ่ยหลิวพูด
จางกุ้ยฮัวเห็นว่าเขามีท่าทีนิ่งๆ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ จึงเอ่ย “รู้แล้ว อีกเดี๋ยวพวกเราจะไป”
หลังจากชุ่ยหลิวเดินออกไป จางกุ้ยฮัวก็มองไปที่หลิวซานกุ้ยอย่างไม่สบายใจ
ก่อนหน้านี้ชุ่ยหลิวเห็นพ่อบ้านซู นางกังวลว่าหลิวฉีซื่อจะเห็นเงินแล้วตาร้อน และกลัวว่าจะทะเลาะกันเป็เื่ใหญ่โต
“อย่ากลัวเลย นั่นคือสินเ้าสาวจากน้องชายที่ให้เ้า เ้าคิดจะใช้อย่างไรก็ใช้ พอดีกับท่านแม่ยังไม่รู้เื่ที่เราซื้อที่ดิน หากนางก่อเื่จริง เราก็หาข้ออ้างทำเื่นี้อย่างเปิดเผย”
หลิวซานกุ้ยพูดเสียงค่อยเพื่อปลอบโยนจางกุ้ยฮัว
“ท่านแม่ ท่านพ่อพูดถูก นี่คือสินเ้าสาวของท่าน ท่านย่าจะฟ้องไปถึงที่ว่าการหรืออำเภอ นางก็ไม่มีทางชนะความ” คําพูดของหลิวเต้าเซียงเตือนหลิวซานกุ้ยอีกทาง
“กุ้ยฮัว อีกสองวันข้าจะพาเ้าไปเดินเื่ที่ดิน จะได้รายงานเื่นี้กับทางที่ทำการอำเภอ แม่ข้าจะได้ไม่คอยนึกถึง”
เขา้าเป็บุรุษที่ยืดอกได้ จึงไม่เคยละโมบกับเงินของภรรยาและบุตรสาว
จางกุ้ยฮัวนึกถึงสิ่งที่จางอวี้เต๋อพูดในจดหมายว่า เงินสินเ้าสาวจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงนี้ได้บันทึกกับหน่วยงานราชการแล้ว พอนึกได้ดังนั้นก็วางใจเปลาะหนึ่ง
ความสุขใจของทั้งครอบครัวถูกคำพูดของหลิวฉีซื่อทำลาย คิดเพียงแค่อยากรีบต่อเติมบ้านให้เสร็จ จะได้ย้ายไปให้ไกลเพื่อไม่ให้มีเื่
“อืม ถึงอย่างไรเราก็แยกกันอยู่แล้ว แม้ว่านางจะหมายใจกับเงินก้อนนี้ ถ้าข้าไม่เห็นด้วย นางก็คงไม่กล้าแตะต้องมัน”
จางกุ้ยฮัวทบทวนไปมา ถึงอย่างไรแม่สามีไม่มีทางทำอะไรได้แน่นอน!
หลิวเต้าเซียงไม่คิดว่าหลิวฉีซื่อจะใจดีขนาดนี้ ถ้านางมีมโนธรรมจริง ครอบครัวฝั่งนางคงไม่มีทางแยกบ้าน
หลังจากนั้นไม่นาน กลิ่นของปลาทอดก็ลอยออกมาจากห้องครัว
หลิวเต้าเซียงยื่นศีรษะมองจากตรงประตูและมีความสุข “โอ้ ท่านย่าถึงขั้นลงมือเองด้วย!”
จางกุ้ยฮัวมองไปที่หลิวซานกุ้ยอย่างระมัดระวัง และกระซิบว่า “เ้านี่เป็ลิงกลับชาติมาเกิดจริงๆ เหตุใดถึงให้กำเนิดลิงตัวนี้ ไม่เคยอยู่นิ่งแม้แต่ครู่เดียว”
หลิวเต้าเซียงแลบลิ้นทะเล้นให้นางอย่างไม่ใส่ใจ นางนึกสนุกกับเื่ที่หลิวฉีซื่อจะรนหาที่อย่างยิ่ง ไม่รู้ว่าหลิวฉีซื่อจะก่อเื่อาละวาดเพียงใดอีก!
เห็นได้ชัดว่าจางอวี้เต๋อมีความก้าวหน้าอย่างแท้จริง มิฉะนั้นเขาคงไม่มีทางนําเงินจํานวนมากนี้ส่งกลับมา หลิวฉีซื่อไม่พอใจมากที่ครอบครัวของหลิวซานกุ้ยได้เงินมาแต่กลับไม่บอกกล่าวแม้แต่คำเดียว รู้สึกว่าเขาไม่เชื่อฟัง จึงเกลียดชังยิ่งนัก นี่เพิ่งจะแยกครอบครัวออกไปก็ทำตัวออกนอกลู่นอกทาง
แต่นางกลับไม่เคยคิดว่า ตนเองปฏิบัติตัวต่อหลิวซานกุ้ยอย่างไร
ในห้องครัว หลิวฉีซื่อกําลังทอดปลา ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหและนึกเสียใจทีหลังที่พูดเื่แยกครอบครัวเร็วเกินไป ถึงอย่างไรก็น่าจะรอจนกว่าจะดำนาให้เสร็จก่อน เช่นนี้ นางก็สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้หลายอย่าง เงินของจางอวี้เต๋อที่ส่งมาก็ต้องตกอยู่ในกระเป๋าของนางโดยปริยาย
น่าเสียดายที่ในโลกนี้ไม่มียารักษาความเสียใจทีหลัง!
“ฮูหยิน บ่าวเห็นว่าข้าวสุกแล้ว หรือไม่ก็เอาผัดผักกับน้ำแกงไก่ที่กรองสะอาดไปให้คุณชายสี่ก่อน”
คําพูดของชุ่ยหลิวช่วยเตือนสติหลิวฉีซื่อ
“ลูกสะใภ้ข้าใส่ใจดีจริงๆ เ้าวางใจได้ ข้านั้นรอวันที่เ้ายกน้ำชาเรียกข้าว่าแม่แล้ว”
หลิวฉีซื่อยิ่งรู้สึกว่าชุ่ยหลิวเอาใจใส่ แล้วนึกถึงหลิวซุนซื่อจอมขี้คร้านก็ยิ่งเกิดความไม่ชอบขี้หน้า คิดเพียงว่าเมื่อช่วยดันให้ชุ่ยหลิวเป็ภรรยาน้อยได้เมื่อไร รอวันลมเปลี่ยนจากทิศตะวันตกมาทางทิศตะวันออก บุตรชายคนรองก็ต้องตกอยู่ในกำมือของนางอีกครั้ง?!
ชุ่ยหลิวไม่พอใจที่ได้ยินสิ่งนี้ แต่นางหน้าแดง ก้มศีรษะแล้วลุกขึ้นเพื่อนำอาหารไปให้หลิววั่งกุ้ย
หลิวเต้าเซียงเห็นชุ่ยหลิวถืออาหารออกจากห้องครัวไปห้องปีกตะวันตก ดูจากอาหารก็รู้ว่าเตรียมให้ใคร
ตอนนี้หลิวซานกุ้ยกับจางกุ้ยฮัวกำลังทำงานที่ค้างไว้ต่อ หลิวซานกุ้ยรีบทำดินร่วนไว้ก่อนจะถึง่เวลาอาหารเที่ยง ส่วนจางกุ้ยฮัวไปยังข้างลำธาร ก่อนหน้านี้นางซักเสื้อผ้าอยู่บริเวณนั้น
หลิวเต้าเซียงมองไปยังหลิวชุนเซียงที่กำลังกัดนิ้วเท้าตนเองเล่นอยู่บนคั่ง แล้วยิ้มพร้อมกับอ้าขาออก เมื่อเห็นหลิวชิวเซียงทำความสะอาดได้พอสมควร
“ท่านพี่ ไปกัน เราไปดูอะไรสนุกๆ กันเถิด”
หลิวชิวเซียงเงี่ยหูฟัง ได้ยินเสียงประตูห้องถัดไปเปิดออกและปิดลง จากนั้นหันมาขยิบตาให้น้องรอง
หลิวเต้าเซียงซุกผ้านวมแล้ววางไว้บนขอบของคั่งเพื่อป้องกันไม่ให้หลิวชุนเซียงกลิ้งลงมา
หลังจากจัดการเสร็จ นางก็ดึงหลิวชิวเซียงออกไปทางประตูหลัง
เด็กน้อยตัวเบา เวลาเดินจึงไม่มีเสียง ทั้งสองเดินอ้อมไปทางทิศตะวันตกแล้วแอบฟังข้างกำแพง
นับั้แ่ชุ่ยหลิวมาอยู่ในบ้าน หลิววั่งกุ้ยก็ออกไปพบเพื่อนน้อยมาก เวลาส่วนใหญ่จะเก็บตัวอยู่ในห้องเพื่ออ่านตำรา ส่วนการอ่านตำราก็ไม่รู้ว่าเป็ตำราเล่าเรียนหรือตำราบัดสี เื่นี้คงมีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้
ชุ่ยหลิวนั้นมีมารยาร้อยเล่มเกวียนนัก เพื่อที่จะไต่เต้าขึ้นเตียงของใต้เท้าหวง จึงฝึกมารยาหญิงไว้มากมาย
จึงทำให้หลิวเต้าเซียงกับหลิวชิวเซียงได้ดูไปโดยปริยาย
หลังจากที่ชุ่ยหลิวเข้าไปในห้อง ก็ถามหลิววั่งกุ้ยว่าร่างกายดีขึ้นหรือยัง หลิววั่งกุ้ยตอบว่าดีขึ้นแล้ว จากนั้นทั้งสองพูดคุยกันไม่กี่คำ ชุ่ยหลิวก็ถูกหลิววั่งกุ้ยโอบเข้าไว้ในอ้อมกอด จากนั้นก็มีเสียงหอมแก้ม แล้วก็ออดอ้อนให้กอด ทั้งสองนั้นกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเต็มที่
หลิวชิวเซียงฟังจนหน้าแดงและไม่อาจฟังต่อได้ นางขยับเท้าที่เริ่มเมื่อย ไม่รู้ว่าเหตุใดน้องรองจึงแอบฟังอย่างได้อรรถรส
ทั้งที่รู้ว่าพฤติกรรมเหล่านี้ไม่เหมาะสม แต่หลิวเต้าเซียงก็จะรั้นทำให้ได้
เพราะว่าครอบครัวของนางถูกกำหนดไว้ว่าจะต้องรุ่งเรืองแล้ว
นางไม่้าให้พี่สาวใสซื่อบริสุทธิ์เกินไป นั่นไม่ใช่เื่ดีแต่เป็เื่ร้าย
หลิวชิวเซียงก็ไม่จําเป็ต้องได้รับการปกป้องอย่างดีเกินไป ในอนาคตนางอาจต้องเผชิญกับเื่ราวหลังบ้านที่ซับซ้อนมากขึ้น
หากมองเื่ชายหญิงได้ไม่ทะลุปรุโปร่ง ท้ายที่สุดคนที่ถูกทำร้ายก็คือตัวพี่สาวของนางเอง
ในเมื่อหลิววั่งกุ้ย หลิวเหรินกุย และชุ่ยหลิวเต็มใจที่จะสอนแบบอย่างให้ดู หลิวเต้าเซียงก็ยินดีแน่นอนอยู่แล้ว
ดวงตาของหลิวเต้าเซียงเผยรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย เมื่อเห็นท่าทีไม่สบายใจของหลิวชิวเซียงจึงยกยิ้มมุมปากขึ้นสูง จากนั้นชูนิ้วชี้ขึ้นมาแล้วส่งเสียงชู่
ตามคาด หลิววั่งกุ้ยกับชุ่ยหลิวพลอดรักกันเสร็จก็เข้าสู่ประเด็นหลักเสียที “ก่อนหน้านี้ข้าได้ยิน เหตุใดแม่ข้าจึงใจดีปานนั้น?”
“หืม? อ๋อ เื่ที่ว่าฮูหยินเชิญครอบครัวสามมาทานข้าวหรือเ้าคะ?”
ชุ่ยหลิว้าเอาใจหลิววั่งกุ้ย ย่อมไม่มีทางปิดบังเื่นี้แน่นอน
“เป็เพราะว่าบ้านครอบครัวพี่สะใภ้สามของท่านกำลังจะได้ดีแล้ว ได้ยินว่า น้องชายที่ทำการค้าขายหาเงินมาได้ และส่งมาให้นางเป็สินเ้าสาวก้อนใหญ่!”
จากนั้นนางก็เล่าเื่ทุกอย่างที่เกิดขึ้น รวมถึงแผนการของหลิวฉีซื่อให้เขาฟัง
-----
เชิงอรรถ
[1] งานเลี้ยงหงเหมิน 鸿门宴 (hóng mén yàn) อุปมาว่าการใช้งานเลี้ยงมาเป็เครื่องมือในการทำร้ายคน ซึ่งเกิดจากเหตุการณ์สำคัญในหน้าประวัติศาสตร์จีนยุคจ้านกั๋ว เื่ราวของหลิวปังที่ถูกเซี่ยงอวี่เรียกตัวให้ไปร่วมงานเลี้ยง แม้จะรู้ว่าเบื้องหน้านั้นเต็มไปด้วยอันตราย แต่จะยิ่งอันตรายมากกว่าหากไม่ไปตามกำหนด ดังนั้นสิ่งเดียวที่ทำได้คือการเตรียมตัวเพื่อเดินหน้าเข้าสู่สมรภูมิแล้วหาทางเอาตัวรอดกลับมาให้ได้
