ไม่นานนักเลขานุการสาวผู้มีเรียวขายาวและผิวขาวผ่องก็ก้าวเข้ามาพร้อมกับเสียงตึกๆ “ท่านประธานคะ”
“คืนนี้มีตารางอะไรหรือเปล่า”
“หนึ่งทุ่มมีนัดทานข้าวกับคุณอู๋ต้าส่าที่ร้านเหลียนเซียงค่ะ หนึ่งทุ่มครึ่งผู้จัดการชุยนัดไว้ที่ไนต์คลับค่ะ”
“เลื่อนต้าส่าเป็พรุ่งนี้ ชุยตงตงเปลี่ยนเป็สองทุ่มครึ่ง”
“รับทราบค่ะ”
เลขานุการสาวเดินสะบัดสะโพกเล็กๆ ของเธอออกไปแล้ว ในห้องทำงานขนาดใหญ่จึงกลับมาเหลือเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นอีกครั้ง
“นั่งก่อนสิ ฉันยังมีอะไรที่ต้องดูอีกนิดหน่อย” ชย่าลิ่วอีพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อบอกให้เหอชูซานไปนั่งที่โซฟา
เหอชูซานนั่งลงอย่างเรียบร้อยพร้อมกับกระเป๋านักเรียนใบเล็ก เขาหยิบหนังสือเล่มหนาออกมาจากกระเป๋าแล้วก้มลงอ่าน
ชย่าลิ่วอีเองก็กำลังขมวดคิ้วอ่านรายงานตรงหน้าพลางหยิบพจนานุกรมบนโต๊ะมาเปิดดูเป็ระยะ หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงพูดขึ้น “ไอ้หนู มาช่วยฉันดูหน่อย”
เหอชูซานขยับเข้ามาใกล้แล้วก้มลงดูจุดที่ชย่าลิ่วอีชี้ เขากำลังจะเปิดปากอธิบาย แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วทันที “บริษัทต่างประเทศ? ประเทศไทย? นี่พวกพี่กำลังฟอกเงินอยู่หรือ”
“เหลวไหล” ชย่าลิ่วอีลูบหัวเขาพร้อมกับขยี้ผมเบาๆ “แล้วตรงนี้มันยังไงกัน”
“ผมไม่ช่วยพี่ฟอกเงินหรอก” เด็กน้อยส่ายหัวปฏิเสธ
ชย่าลิ่วอีโกรธขึ้นมาทันที “ใครใช้ให้นายมาทำบัญชี! แค่ดูอย่างเดียวตามันจะบอดหรือ!”
เหอชูซานยกมือปิดตาตัวเองแล้วรีบเบือนหน้าหนี ก่อนจะกลับไปนั่งอ่านหนังสือเล่มหนาบนโซฟาอย่างเงียบๆ ชย่าลิ่วอีอดไม่ไหวจึงขว้างที่เขี่ยบุหรี่ใส่ แต่เด็กน้อยหลบทัน
“ไอ้เด็กไม่รักดี!” ชย่าลิ่วอีสบถ “ถ้าแกไม่เคยช่วยชีวิตฉันไว้ละก็ ฉันคงถลกหนังแกไปแล้ว! ไม่รู้จักบุญคุณคน!”
เหอชูซานไม่สะทกสะท้าน ไม่สนใจคำด่า แถมยังเร่งอีกว่า “พี่ลิ่วอี ดูเร็วๆ เข้า ร้านจีเปาคนเยอะนะ ถ้าไปช้าต้องรอคิว”
“ไอ้เวร!”
ชย่าลิ่วอีลำบากมากกว่าจะจับนักศึกษาคนเก่งจากมหาวิทยาลัยชื่อดังที่เรียนด้านการเงินได้ ถึงอย่างนั้นเขากลับไม่สามารถใช้งานได้ แถมยังโดนเถียงกลับจนพูดไม่ออกเสียทุกครั้ง อยากจะถลกหนังไอ้เด็กนี่นัก— แต่คิดไปคิดมา ช่างมันเถอะ! เขาเป็ถึงหัวหน้าแก๊งใหญ่ ไม่ควรไปถือสาเด็กเมื่อวานซืนตัวเล็กๆ บอบบางที่ยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัยแบบนี้!
ร้านจีเปาที่ย่านหงคั่นต้องต่อคิวจริงๆ แถวยาวเหยียดไปถึงถนน บอดี้การ์ดของชย่าลิ่วอีจึงเบียดเข้าไปขอโต๊ะริมหน้าต่าง เหอชูซานที่ถูกชย่าลิ่วอีลากเข้าไปในร้านบ่นอุบ “ตรงนั้นมีคนนั่งอยู่แล้วนะ พวกพี่แย่งที่เขาแบบนี้ได้ยังไง...”
“เพิ่งรู้วันนี้หรือว่าฉันเป็มาเฟีย” ชย่าลิ่วอีถามเยาะหยัน “แล้วใครกันที่อยากชวนมาเฟียมากินข้าว”
เหอชูซานเงียบไป
ทั้งสองคนต่างมีความคิดผุดขึ้นในใจ ชย่าลิ่วอีคิดว่า “ไอ้เด็กเวรนี่ หน้าไหว้หลังหลอกชัดๆ!” ส่วนเหอชูซานคิดว่า “มาเฟียก็คือมาเฟีย ไม่มีความหวังแล้ว!” ทั้งคู่ก้มหน้าก้มตาดูเมนูตรงหน้าพร้อมกัน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพูดกับพนักงานที่เข้ามาถามเมนูเสียงดังฟังชัด “จีเปาไซส์ใหญ่ เผ็ดระดับกลาง!”
ชย่าลิ่วอีจ้องเหอชูซานที่พูดแทรก “ไอ้เด็กไร้ประโยชน์…”
“เห็ดหอมกับเนื้อติดมัน” เหอชูซานแย่งพูดขึ้นอีกครั้ง
ชย่าลิ่วอีตบเมนูเสียงดังปัง เหอชูซานจึงถามด้วยความแปลกใจ “พี่ไม่ชอบกินเนื้อติดมันหรือ”
ชย่าลิ่วอีสูดหายใจลึก พยายามเตือนตัวเองไม่ให้ไปต่อล้อต่อเถียงกับคนพรรค์นี้ เขาล้วงบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าด้วยความหงุดหงิด แต่ก็โดนพนักงานที่ไม่รู้ว่าชย่าลิ่วอีเป็ใครห้ามทันทีว่า “คุณลูกค้าครับ ทางร้านไม่อนุญาตให้สูบบุหรี่นะครับ”
ชย่าลิ่วอียังไม่ทันได้ส่งสายตาเ็าใส่ เหอชูซานก็พูดกับพนักงานเสียก่อน “ไม่เป็ไรครับ เดี๋ยวเขาก็สำลักเองแหละ”
“…”
ชย่าลิ่วอีโมโห แต่ไม่นานก็สงบลง เขาเก็บบุหรี่แล้วรอให้พนักงานเดินไปไกล จากนั้นจึงพูดขึ้น “ตราบใดที่แกยังหายใจอยู่ แกต้องเถียงกับฉันให้ได้ใช่ไหม”
เหอชูซานตอบอย่างว่าง่ายว่า “ไม่ครับ ผมเคารพพี่ลิ่วอีมาก”
“หุบปาก!” ชย่าลิ่วอีพูด “ถ้ายังพูดอีก ฉันจะเอาหม้อนี่ครอบหัวแกซะ!”
เหอชูซานถอนหายใจยาวด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย พร้อมกับทำหน้าเหมือนจะสื่อว่า “พวกมาเฟียไร้เหตุผลนี่คุยด้วยไม่รู้เื่เลยจริงๆ” แล้วก็ก้มหน้าก้มตาจัดถ้วยชามอย่างว่าง่าย
ฉันต้องอดทนขนาดไหนถึงจะไม่ฆ่าไอ้เด็กนี่กัน ชย่าลิ่วอีคิดแล้วก็เศร้าขึ้นมาทันที
เขานึกย้อนถึง่เวลาหนึ่งปีที่ได้รู้จักกับเด็กคนนี้อย่างละเอียด แล้วรู้สึกอยากจะใช้ขาเก้าอี้ทิ่มแทงเขาให้ตายไปเสียั้แ่ครั้งแรกที่เจอ!
ทั้งสองนั่งเงียบงันอยู่หน้าหม้อไฟไก่ตุ๋นที่เดือดพล่าน เหอชูซานเพิ่งใส่เห็ดหอมลงไป ยังไม่ทันที่อาหารจะสุกเท่าไรนัก ชย่าลิ่วอีก็ใช้ตะเกียบคนหม้อไฟไปมาพลางคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะยกเท้าถีบโต๊ะข้างๆ อย่างแรง
บอดี้การ์ดคนหนึ่งลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว พร้อมกับยื่นห่อกระดาษให้ด้วยความเคารพ
ชย่าลิ่วอีใช้ปลายตะเกียบดันห่อกระดาษไปตรงหน้า “ค่าต้นฉบับ”
แต่เหอชูซานไม่รับ เพียงแค่ใช้ตะเกียบคนเห็ดหอมต่อไปพลางมองชย่าลิ่วอีด้วยสายตาเว้าวอน
“เลิกเสแสร้งได้แล้ว พูดมาเถอะ” ชย่าลิ่วอีพูดอย่างหงุดหงิด
“ผมไม่เอา” เหอชูซานพูดขึ้น
ชย่าลิ่วอีหน้าตึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะได้เอ่ยปากอะไร เด็กหนุ่มก็รีบพูดเสริมว่า “ผมเต็มใจเขียนให้นะครับ พี่ลิ่วอี ไม่ต้องจ่ายเงินหรอก”
“เลิกทำเป็มีน้ำใจได้แล้ว” ชย่าลิ่วอีพูด “นายก็แค่คิดว่าเงินของฉันมันสกปรกไม่ใช่หรือไง!”
“ผมไม่เคยคิดว่าพี่เป็ ‘พี่น้อง’ นะ” เหอชูซานพูด “พี่คือเพื่อนของผม”
ชย่าลิ่วอีหัวเราะ “ไม่เป็คนในวงการมืด แต่เป็เพื่อนกับคนในวงการมืดเนี่ยนะ คิดว่าทำแบบนี้แล้วตัวเองจะไม่แปดเปื้อนอะไรเลยหรือไง”
เหอชูซานก้มหน้าคีบตูดไก่ขึ้นมา “ผมไม่ได้คิดจะปัดความรับผิดชอบอะไรหรอกนะ แต่ผมรับเงินพี่ไม่ได้จริงๆ”
คราวนี้ชย่าลิ่วอีโกรธขึ้นมาจริงๆ แล้ว เขาขมวดคิ้วพร้อมทั้งวางตะเกียบลง ก่อนจะลุกขึ้นคว่ำโต๊ะอย่างแรง!
‘โครม!’ เสียงดังสนั่นไปทั่วร้าน
เสียงจากการปะทะกันและเสียงหม้อแตกที่ดังขึ้นทำให้ทุกคนในร้านใ หม้อที่คว่ำดับไฟที่ใช้ในการต้มทันทีพร้อมเสียงฟู่ พนักงานเห็นดังนั้นก็ร้องเสียงหลงรีบเข้ามาปิดถังแก๊สจ้าละหวั่น แต่ก่อนที่จะได้โวยวายก็ถูกบอดี้การ์ดตัวใหญ่หลายคนเข้ามาขวาง ลูกค้าโดยรอบต่างมองเหตุการณ์ด้วยความสนใจ ผู้จัดการร้านจึงต้องรีบออกมาไกล่เกลี่ยสถานการณ์
“เฮียครับ! เฮียครับ! มีอะไรค่อยๆ คุยกันดีๆ ก็ได้ครับ!”
บอดี้การ์ดผลักผู้จัดการร้านออกไปด้วยฝ่ามือ “ไม่ใช่เื่ของแก ไสหัวไป!”
เหอชูซานนั่งนิ่งอยู่กับที่ หม้อจีเปาที่เดือดพล่านไม่ได้ถูกคว่ำลงบนหัวเขาอย่างที่ชย่าลิ่วอีเคยขู่ไว้ เขาแค่ทำให้รองเท้าและกางเกงเก่าสีเทาซีดๆ ของเหอชูซานเปื้อนเท่านั้น
ชย่าลิ่วอีไม่แม้แต่จะชายตามอง เขาหันหลังเดินจากไปด้วยสีหน้าเ็า เหล่าบอดี้การ์ดเห็นดังนั้นก็รีบร้อนติดตามออกไป
เหอชูซานมองตามแผ่นหลังของเขาไม่ละสายตา จนกระทั่งถูกผู้จัดการร้านดึงเสื้อเรียกเบาๆ “หนุ่มน้อย นายไม่เป็อะไรนะ เป็หนี้พวกเขาหรือ”
“ไม่ครับ” เหอชูซานก้มหน้าตอบ ก่อนจะก้มลงไปคุ้ยหาห่อกระดาษเปียกๆ จากกองอาหารและหม้อที่เปรอะเปื้อน แล้วหยิบกระเป๋าหนังสือของตัวเองขึ้นมา “จีเปากับหม้อดินราคาเท่าไรครับ ผมจะจ่ายเอง”
“ช่างมันเถอะ” ผู้จัดการร้านถอนหายใจ “ดูก็รู้ว่านายโดนพวกเขารังแก นายก็ลำบากเหมือนกันนะ ไปเถอะๆ”
เหอชูซานกอดกระเป๋าหนังสือเดินออกจากร้าน พอดีกับที่รถของชย่าลิ่วอีแล่นออกมาจากลานจอดรถใกล้ๆ ชย่าลิ่วอีนั่งอยู่ที่เบาะหลัง เขาเอียงศีรษะคุยโทรศัพท์โดยไม่ได้แสดงสีหน้าท่าทางใด
เหอชูซานมองตามจนรถยนต์คันนั้นหายลับไปตรงหัวมุมถนน ก่อนจะก้มลงมองห่อกระดาษหนาๆ ที่เลอะอยู่
เขาไม่ได้มีความพิเศษอะไรมากมาย ความอดทนที่เ้าพ่อมาเฟียผู้เ็าและหยิ่งยโสมีให้เขาคงจบลงเพียงเท่านี้แล้ว