เมื่อเห็นว่าหลงหว่านเอ๋อร์กังวล เย่เฟิงก็อดยิ้มไม่ได้ เขาบีบแก้มเธออย่างมันเขี้ยว “ไม่ต้องเป็ห่วง อย่าว่าแต่ขีปนาวุธเลย ต่อให้เป็ะเินิวเคลียร์ก็ไม่มีทางทำอะไรอาจารย์ได้หรอก”
“ว่าไงนะ?”
หลงหว่านเอ๋อร์ตื่นตะลึง เธอรู้ว่าอาจารย์คนสวยของเย่เฟิงเก่งกาจ แต่นี่ถึงขั้นไม่กลัวะเินิวเคลียร์เลยเหรอ?
ความจริงแล้วเย่เฟิงไม่รู้หรอกว่าด้วยระดับพลังหนึ่งร้อยปีของซูเฟยหยิ่งต้องเกรงกลัวะเินิวเคลียร์หรือไม่ แต่ถึงจะมีะเินิวเคลียร์โจมตีเธอจริง ก็ต้องมาดูกันว่ามันจะสามารถทำอะไรเธอได้หรือไม่
ตราบใดที่มีวิชาดวงดาวเคลื่อนย้ายซึ่งทำให้หลบหลีกได้ทัน แล้วอย่างนี้ะเินิวเคลียร์ยังจะทำอะไรอาจารย์ได้อีกล่ะ?
ซูเฟยหยิ่งเหาะเหินไปอย่างรวดเร็ว แต่จรวดขีปนาวุธทั้งสองลูกเร็วกว่า มันพุ่งตามเธอราวกับจ้องจะเอาชีวิต ทันใดนั้นด้านหลังของหญิงสาวก็ปรากฏปีกสีขาวราวกับหิมะ ทำให้ความเร็วของเธอเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว!
แสงสีขาวลอยตามติดเธอไป ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ซูเฟยหยิ่งก็เหาะลงมายังเรือสปีดโบตของเย่เฟิง ตอนที่จรวดขีปนาวุธทั้งสองลูกลอยตามมา ซูเฟยหยิ่งยกมือขึ้นไขว้ พลังชี่กระจายออกมา ทำให้ขีปนาวุธทั้งสองลูกพุ่งชนกันเอง
ตูม!
ขีปนาวุธทั้งสองลูกชนกันแล้วะเิเหนือน้ำทะเล กลุ่มควันหนาทึบจากการะเิบดบังทัศนวิสัยของเ้าหน้าที่ที่กำลังตามมา
แม้ซูเฟยหยิ่งจะไม่คุ้นเคยกับโลกนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะถูกจัดการได้ง่ายๆ เรือพิฆาตที่ไล่ตามมาไม่สามารถกำหนดเป้าหมายได้อีกต่อไป เมื่อพวกเขาถูกบดบังทัศนวิสัยด้วยควันะเิ แม้จะใช้เรดาร์ตรวจจับ หรือกระทั่งติดต่อไปยังกองบัญชาการเพื่อขอใช้ดาวเทียมแบบเรียลไทม์ ก็ยังไม่พบแม้แต่ร่องรอย!
เมื่อมีคลื่นพลังจากน้ำแข็งพันปีคอยรบกวน เทคโนโลยีล้ำสมัยของพวกเขาก็ไม่อาจใช้การได้
“ไปกันเถอะเฟิงเอ๋อร์ ต้องมุ่งหน้าไปทางตะวันตก”
เมื่อซูเฟยหยิ่งลงมายืนบนเรือ ปีกสีขาวด้านหลังก็หายไป
ทิศตะวันตก? ไปทำไม?
‘ผมขับเรือไม่เป็!’
เย่เฟิงมีสีหน้ากระอักกระอ่วน
ซูเฟยหยิ่งมองหน้าเขาด้วยสายตาเอือมระอา จากนั้นโบกมือส่งพลังชี่ให้เรือสปีดโบตแล่นไปข้างหน้า!
เย่เฟิงนึกชื่นชมวิธีการของซูเฟยหยิ่ง แต่วิธีที่น่าใเช่นนี้ คงมีเพียงผู้มีระดับพลังหนึ่งร้อยปีอย่างซูเฟยหยิ่งเท่านั้นที่สามารถทำได้ หากเป็พลังระดับสิบห้าปีเช่นเขา ต่อให้ใช้วิธีการเดียวกันก็คงเคลื่อนเรือสปีดโบตไปได้ไม่ไกลนัก
เพียงแต่...
ท่านอาจารย์ ทำไมท่านถึงเคลื่อนเรือกลับหัวกลับหางเช่นนี้เล่า?
เย่เฟิงและหลงหว่านเอ๋อร์แทบอยากจะหลั่งน้ำตา
ซูเฟยหยิ่งไม่รู้ถึงความผิดปกตินี้เลย หลังจากใช้พลังชี่ขับเคลื่อนเรือสปีดโบต หญิงสาวก็ปัดฝุ่นก่อนนั่งลงอย่างสง่างามภายในห้องโดยสาร
“เฟิงเอ๋อร์ ตกลงเื่ของนายมันยังไงกันแน่?”
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ซูเฟยหยิ่งก็ถามสถานการณ์ของเย่เฟิง เขาข้ามโลกเทวะมาที่นี่ได้อย่างไร? เกิดอะไรขึ้นกับสาวน้อยคนสวยในอ้อมกอดเขา? แล้วชายวัยกลางคนชุดคลุมสีขาวคนนั้นคิดจะทำอะไร? และเื่สำคัญที่สุดคือ แหวนกระบี่ัโบราณวงนี้เขาได้มาจากไหน?
เย่เฟิงประคองหลงหว่านเอ๋อร์ให้นั่งลงตรงข้ามซูเฟยหยิ่ง ก่อนเริ่มเล่าเื่ที่เขาพบเจอมาให้เธอฟัง แต่ตัดเื่ที่ตนย้ายมายังร่างของเย่เฟิงคนเดิม และมาจากโลกเทวะออกไป เพราะมีหลงหว่านเอ๋อร์อยู่ด้วย เวลานี้ไม่ควรให้เธอรับรู้เื่ของโลกเทวะคงจะดีกว่า
เมื่อซูเฟยหยิ่งได้ฟังเื่ทั้งหมดจากเย่เฟิง เธอพยักหน้าด้วยความเข้าใจ หลังจากฟังเย่เฟิงอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลงหว่านเอ๋อร์ เธอก็ไม่ว่าอะไร ทั้งยังหยิบของวิเศษหลายอย่างออกมาจากแหวนมิติ
“นี่คือโสมขุนเขาิญญา มันช่วยเพิ่มระดับพลังได้สี่เดือนหลังจากดูดซับมัน...”
“ส่วนนี่หินหยวนฉือ สามารถเพิ่มระดับพลังได้แปดเดือน...”
“นี่ผลหมื่นซานจา มีพลังฟ้าดินอยู่ข้างใน ช่วยเพิ่มระดับพลังได้หกเดือน...”
สมบัติ์หลายชิ้นถูกซูเฟยหยิ่งยื่นให้หลงหว่านเอ๋อร์ถึงมือ สิ่งนี้ทำให้เด็กสาวมองด้วยความตะลึง
ท่านอาจารย์เอาของพวกนี้มาจากที่ไหนกัน? แล้วแหวนนั่นใช้เก็บสิ่งของพวกนี้งั้นเหรอ? ไม่สิ ทำไมท่านอาจารย์ถึงมีสมบัติ์มากมายเช่นนี้!
“แค่กๆ อาจารย์ครับ หว่านเอ๋อร์เป็ร่างชีพจรเซียนที่มีจุดชีพจรเจ็ดจุดครับ”
เมื่อเย่เฟิงเห็นว่าของที่ซูเฟยหยิ่งหยิบออกมามีเพียงของระดับทั่วไป จึงเอ่ยปาก ด้วยระดับพลังหนึ่งร้อยปีของซูเฟยหยิ่ง เมื่อเธอได้มายังโลกที่เต็มไปด้วยสมบัติ์มากมายเช่นนี้ ย่อมสามารถเก็บสะสมพวกมันไว้ได้มากมาย! เย่เฟิงมั่นใจว่าสมบัติที่เพิ่มระดับพลังได้เพียงไม่กี่เดือนเหล่านี้ ล้วนไม่มีค่าอะไรสำหรับซูเฟยหยิ่ง
แน่นอนว่าเมื่อได้ยินคำว่า ‘ร่างชีพจรเซียนชีพจรเจ็ดจุด’ จากเย่เฟิง ซูเฟยหยิ่งก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เธอหยิบสมบัติ์ออกมาจากแหวนมิติอีกครั้ง
“นี่คือผลโลควอท เพิ่มระดับพลังได้สองปี”
“ส่วนนี่หญ้าจินเย่อายุสิบเก้าปี ช่วยเพิ่มระดับพลังได้มากกว่าหนึ่งปี”
“แล้วยังมีนี่ หินแสงจันทรา ช่วยเพิ่มระดับพลังได้มากกว่าหนึ่งปีเช่นกัน...”
ซูเฟยหยิ่งยัดของเ่าั้ใส่อ้อมแขนหลงหว่านเอ๋อร์ ซึ่งทำให้เด็กสาวกระอักกระอ่วนอยู่ไม่น้อย รับไว้ก็ไม่ควร จะไม่รับก็ไม่ได้
ของพวกนี้มันล้ำค่าเกินไป!
เธอเพิ่งได้พบท่านอาจารย์ครั้งแรก แล้วจะให้รับของล้ำค่าเหล่านี้ได้อย่างไร?
การได้พบซูเฟยหยิ่งเป็ครั้งแรกทำให้เธอวางตัวไม่ถูก
“จะไม่รับไว้งั้นเหรอ ถ้าไม่เอาก็ช่างเถอะ”
ซูเฟยหยิ่งพูดเสียงเ็า เมื่อเธอเห็นว่าหลงหว่านเอ๋อร์ยังมีท่าทีลังเลชักช้าก็เริ่มหงุดหงิด
“รับไว้เถอะ ยังไงอาจารย์ก็ตั้งใจให้มาแล้ว”
เย่เฟิงบีบมือเล็กของเธอแน่นเพื่อเรียกสติ ก่อนรีบเตือน
“ค่ะ”
เมื่อหลงหว่านเอ๋อร์เห็นสีหน้าซูเฟยหยิ่ง และได้ยินเย่เฟิงพูดเตือนเช่นนั้น ใบหน้าของหญิงสาวก็ซีดลงด้วยความกังวล หรือเธอจะทำให้อาจารย์โกรธขึ้นมาเสียแล้ว?
มีเพียงเย่เฟิงเท่านั้นที่รู้ ท่าทางเช่นนี้ของซูเฟยหยิ่งนั้นเป็เื่ปกติของเธอ สำหรับคนอื่น ซูเฟยหยิ่งจะมีท่าทีเ็าและเมินเฉย แต่สำหรับเย่เฟิง ถึงเธอจะดูเ็าแต่ก็คอยใส่ใจเขาอยู่เสมอ และตอนนี้ก็มีอีกหนึ่งคนที่เธอแสดงท่าทีใส่ใจ นั่นก็คือหลงหว่านเอ๋อร์
เมื่อคิดได้ดังนี้ เย่เฟิงก็กล่าว “อาจารย์ ที่จริงแล้วที่บ้านผมยังมีอีกคนหนึ่ง...”
แน่นอนว่าคนที่เขาหมายถึงย่อมเป็ซูเมิ่งหาน
“หืม?” ซูเฟยหยิ่งตะลึงงัน เธอจ้องเขานิ่ง “ไว้พาเธอมาหาฉันเมื่อไรแล้วค่อยว่ากัน”
“...”
เย่เฟิงเกาหัวแก้เก้อ พลางคิดว่าถึงอย่างไรก็คงมีสักวันหนึ่งที่ได้เจอกัน
ด้านหลงหว่านเอ๋อร์ที่ได้สมบัติ์ไปมากมาย ตราบใดที่เธอดูดซับพลังทั้งหมดนี้ ระดับพลังของเธอก็จะเพิ่มขึ้นจนถึงยี่สิบห้าปี ซึ่งมันทำให้เธอสามารถฝึกฝนวิชาเซียนที่เป็ประโยชน์ได้มากขึ้นด้วย
เย่เฟิงนั้นไม่รีบร้อนเพิ่มระดับพลัง ตอนนี้เส้นลมปราณของเขาถึงขีดจำกัดแล้ว ต่อให้ดูดซับสมบัติ์เหล่านี้ไปก็ไม่สามารถเพิ่มระดับพลังขึ้นมาได้ ต่างจากหลงหว่านเอ๋อร์ จากการฝึกตลอดหลายปี ทำให้เส้นลมปราณของเธอขยายกว้างและหนาพอที่จะรองรับพลังระดับยี่สิบห้าปีได้โดยไม่เป็ปัญหา
แต่หากพลังของเธออยู่ในระดับที่สูงกว่านี้ การเพิ่มระดับพลังก็จะไม่ใช่เื่ง่ายอีกต่อไป เพราะการขยายเส้นลมปราณจะเพิ่มระดับความยากมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับซูเฟยหยิ่งในตอนนี้ หากคิดจะขยายเส้นลมปราณเพื่อรองรับระดับพลังเพิ่มสักหนึ่งปี เธอต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองเดือนเลยทีเดียว
เพียงไม่นาน เรือสปีดโบตก็มาถึงเกาะแห่งหนึ่ง ซึ่งดูร้างไร้ผู้คน...
ช่างน่าแปลก!
หญิงสาวคนหนึ่งโบยบินอยู่บนฟ้าเหนือน่านน้ำทะเลตะวันออก!
เมื่อพบว่าเธอบินเข้ามาใกล้เรือพิฆาต พวกเขาก็ลอบรายงานไปยังกองบัญชาการทันที ก่อนที่จะมีคำสั่งให้จับกุมเธอ
น่าเสียดายที่ภารกิจล้มเหลว
หลังจากกัปตันเรือรายงานสถานการณ์ ทางกองทัพก็ส่งเรือรบอีกสามลำที่อยู่ใกล้กันเข้ามาเป็กองหนุนในการค้นหาทันที
หลังจากวุ่นวายกับการค้นหามาทั้งวัน จวบจนพระอาทิตย์จะตกดิน ในที่สุดทางกองทัพก็ค้นพบเป้าหมายบนเกาะแห่งหนึ่ง
หนึ่งเรือพิฆาตและเรือรบอีกสามลำ มุ่งเข้าไปล้อมเกาะที่อยู่ห่างไกลออกไป...