“ฉันจะบ้าตาย อ๊ายยย...” หญิงสาวชุดขาวอาเจียนจนใบหน้าซีดขาว เธอส่ายหัวสุดแรงทั้งยังกรีดร้องไม่หยุด เหมือนกับเสียสติไปแล้ว จากนั้นลุกขึ้นวิ่งเตลิดไปทางหนึ่ง
ทางนั้นมีลำธารเล็กๆ อยู่สายหนึ่ง เธอทนไม่ได้กับ ’สิ่งปนเปื้อน’ แบบนี้จนแทบจะตัดมือตัวเองทิ้งอยู่แล้ว เธอวิ่งเป็บ้าเป็หลัง จุ่มมือพรวดลงในน้ำที่เย็นเฉียบจนเป็น้ำแข็ง ออกแรงถูมือจนแทบจะถลกหนังออกมา
ทางชายหนุ่มก็ไม่เว้น สีหน้าดำคล้ำ อาเจียนพลางตะเกียกตะกายไปลำธาร แล้วคุกเขาลงล้างมืออย่างหยุดไม่อยู่
ฉู่เฟิงส่องอยู่ไกลๆ เขาไม่อยากซุ่มโจมตี เพราะรู้สึกรังเกียจอยู่หน่อยๆ รอพวกนั้นล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อนค่อยว่ากัน ขนาดเขาอยู่ห่างขนาดนี้ยังรับไม่ได้เลย
ไม่ต้องเดาก็รู้ ว่าตอนนี้สองคนนั้นรู้สึกอย่างไร!
“ฉันจะบ้าตาย สุดที่จะทนแล้วนะ นั่นมันตัวอะไรกันหา? ฉันจะฆ่ามัน สับมันเป็ชิ้นๆ เลยคอยดู!” เสียงกรีดร้องของหญิงสาวสะท้อนก้องไปในทุกอณูของราตรีกาล
“ไป ไปจัดการเป้าหมายก่อน!” ฝ่ายชายเอ่ย ใบหน้าสะสวย แต่สายตามาดร้าย เขาทนมามากพอแล้ว รู้สึกทั่วร่างสุดจะทานทน เพลิงโทสะปะทุแน่นไม่มีที่ระบาย อยากจะปฏิบัติภารกิจให้เรียบร้อย จะได้กลับกันเสียที
หญิงสาวชุดขาวไม่ขยับ ยังคงล้างมืออยู่อย่างนั้นเป็ครั้งที่ร้อย
ฉู่เฟิงหมุนตัวกลับ หายตัวไปในความมืดมิด
อีกเป็นาน สองคนนั้นจึงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่นอกสวนของบ้านฉู่เฟิง ประจวบเหมาะที่ตอนนี้ ฉู่เฟิงก็ผลักประตูออกมาที่สวนพอดี
หากไม่เป็เพราะอยากเค้นข่าวจากปากพวกนั้น เขาลงมือไปนานแล้ว เขาแกล้งทำตัวเป็คนธรรมดา สีหน้าท่าทางประหลาดใจ ถามพวกนั้นว่าเป็ใคร
“ฉันไม่จำเป็ต้องบอกอะไรนาย รู้แค่ว่ามีคนไม่อยากให้นายมีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว” ชายหนุ่มที่มีปีกปีศาจเอ่ย สีหน้ามีแววรังเกียจ ทั้งยังเ็า
“ทำไมกัน ใครอยากฆ่าผม?” ฉู่เฟิงสีหน้าสีตาใสุดขีด ถอยหลังไปหลายก้าว
ท้องฟ้ายามรัตติกาลเงียบงัน แสงดาราพร่างพราย
ชายหนุ่มกางปีกปีศาจสีดำออกกว้าง ค่อยๆ ลอยตัวขึ้นแล้วพยุงตัวอยู่กลางอากาศ แผ่พลังกดดันหนักหน่วง เหมือนกับจะปิดทับผืนแผ่นดิน
“ตอนนี้ ฉันให้โอกาสแกเลือกวิธีตาย อย่างแรก ถูกไฟฟ้าช๊อตตาย อย่างที่สอง ถูกไฟคลอกจนเป็เถ้า รีบเลือกซะ!”
เขาเร่งอย่างเ็า ไร้ซึ่งความสนใจไยดี ไม่นำพาต่อความเป็ตายของฉู่เฟิงเลยสักนิด สำหรับเขาแล้ว นี่มันเป็แค่เื่ขี้ผง
“นายเป็มนุษย์พิเศษ แต่กลับรับคำสั่งจากคนอื่น ตอนนี้ก็มากังวลว่าถ้าฉันไม่ตายโดยอุบัติเหตุ นายก็จะงานเข้า” ฉู่เฟิงพูดเรียบๆ เหตุการณ์นี้วิเคราะห์อะไรได้มากมาย
“คนธรรมดาระดับล่างสุดคนหนึ่งอย่างนายจะทำให้ฉันงานเข้าเหรอ? ฆ่านายมันก็ไม่ต่างอะไรกับบดขยี้มดไรให้ตายหรอก!” ชายหนุ่มปีกปีศาจเอ่ยขึ้นอย่างรังเกียจ
เขาหงุดหงิดอย่างยิ่ง อยากจะรีบจัดการคนผู้นี้ทิ้ง แล้วรีบกลับไปนอนแช่น้ำแร่อุ่นๆ
“ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่นาน รีบๆ จัดการเร็วเข้า!” หญิงสาวชุดขาวลุกลี้ลุกลนกว่า เธอเอ่ยลอดไรฟันอย่างหมดความอดทน “เดี๋ยวพอเข้าเมืองชิงหยาง ไปตามหาไอ้ตัวประหลาดนั่น ฉันจะฆ่ามันด้วยมือฉันเอง!”
ชายหนุ่มที่มีปีกปีศาจพลันลงมือ พุ่งเข้ามาทันที เขาไม่อยากเสียเวลา
ตึง!
แล้ววินาทีต่อมาเขาก็กระเด็นลอยออกไป!
ฉู่เฟิงยังยืนอยู่ที่เดิม ทันทีที่ปล่อยหมัดก็เหวี่ยงเขาลอยไปกลางอากาศ กระดูกหักไปหลายท่อน ส่วนหน้าอกยุบเป็หลุมใหญ่ ตัวคนลอยละลิ่ว สุดท้ายร่วงกระแทกพื้น ฟองเืกบปาก
เขาตะเกียกตะกายขึ้นมาไอเป็เื สีหน้าเต็มไปด้วยแววตื่นตระหนก พลังเช่นนี้ทำให้เขาใ เขาเป็ถึงมนุษย์พิเศษ คุณสมบัติร่างกายเยี่ยมยอด แต่กลับถูกคนชกหมัดเดียวก็แทบจะสิ้นชื่อ!
เขากล้ำกลืนความเ็ป ทะยานขึ้นฟ้าอีกครั้ง ก็ยังไม่ได้ใช้ท่าไม้ตายของตัวเองเลย เมื่อกี้มันกะทันหันไปหน่อย เขากางปีกปีศาจที่อาบเื เช็ดเืที่มุมปาก มองฉู่เฟิงด้วยสายตาเ็า เสียงเย็นเยียบเสียดกระดูก
“แกไม่ใช่คนธรรมดา ฉันมองพลาดไปเอง!”
จากนั้น เขาอ้าปากกว้างแผดเสียงคำรามแปลกประหลาด พลังลึกลับอันสุดประมาณพวยพุ่งออกมา
สิ่งนั้นเหมือนจะเป็คลื่นเสียง แต่ก็เป็เพียงคำอธิบายเท่านั้น มันกระจายเป็วงกว้างสีดำ ชั้นแล้วชั้นเล่า แผ่กว้างโดยรอบอย่างน่าสะพรึงกลัว พุ่งเข้าจู่โจมฉู่เฟิง
ตึง!
ต้นไม้ใบหญ้า กรวดทรายบนพื้นปั่นป่วน เป็ภาพที่น่าใ พลังเช่นนี้น่าสะพรึงกลัวสุดประมาณ
ห่างไปไม่ไกล หญิงสาวชุดขาวมีท่าทีวางใจ พลางถอยอย่างรวดเร็ว เพราะแค่เพียงชายหนุ่มปีกปีศาจปล่อยวงคลื่นสีดำนั้นออกมา มันก็น่ากลัวอย่างยิ่งแล้ว!
เขาเพียงคนเดียวเคยกวาดล้างมนุษย์พิเศษหลายคนเสียราบคาบ ไม่ยั่นต่อการตะลุมบอน ปราบมาแล้วทุกสารทิศ
ในการรับมือคนธรรมดาก็เคยทดสอบกันมาแล้ว ว่าเขาสามารถกำจัดคนได้ร่วมพันในการลงมือครั้งเดียว วงคลื่นสีดำนั้นพอปล่อยออกไปก็ไม่แยกแยะว่าเป็มิตรหรือศัตรู ทำลายล้างจนสิ้น
ตอนนี้ ท้องฟ้ายามราตรีประดับดาว แพรวพราวระยิบระยับ
ชายหนุ่มปีกปีศาจทำพฤติกรรมอย่างกับจะปิดฟ้า เขากางปีกเนื้ออันใหญ่โต มุมปากยังมีเืเกาะกรัง ดวงตาทั้งคู่ไร้แววปรานี
จากจุดที่ยืน เขาแผดวงคลื่นสีดำพุ่งออกไป สรรพสิ่งบนพื้นล้วนแหลกสลาย เป็ภาพที่น่ากลัวอย่างยิ่ง
นี่สิถึงจะเป็มนุษย์พิเศษ!
แน่นอน ฉู่เฟิงเจอกับปัญหาใหญ่ คลื่นนั่นแทรกซึมไปทุกที่ พยายามฉีกกระชากร่างของเขา ทะลวงเข้าไปในหัว สร้างความเ็ปรุนแรงให้กับหัวสมองของเขาเป็อย่างมาก
แต่ว่า เขานิ่งอย่างยิ่ง ไม่ลนลานเลยสักนิด
โครม!
เขายังคงใช้หมัดปีศาจวัวสร้างท่าร่างสูงสุด วัวสีดำร่างมหึมาปรากฏขึ้นด้านหลังของเขา เมื่อฉู่เฟิงกู่ร้อง มันก็พุ่งทะยานสู่ฟากฟ้า
โฮก!
เสียงคำรามกึกก้อง เป็การปะทะของคลื่นเสียงอันน่ากลัว เมื่อร่างเทพของหมัดปีศาจวัวปรากฏขึ้น เสียงฟ้าร้องดังครั่นครื้น ไหนจะยังเสียงกู่คำรามจากวัวแห่งา
มันเป็ทั้งวิถีแห่งหมัดและเป็การปะทะคลื่นเสียงไปในตัว
ฟุ่บ!
กลางอากาศ ชายหนุ่มงดงามผู้มีปีกปีศาจ ผู้สามารถแผดคลื่นเสียงสีดำได้ ถูกถล่มราบคาบ ร่างทั้งร่างมีสภาพเหมือนโดนฟ้าผ่า กระอักเืออกมาคำใหญ่แล้วร่วงหัวทิ่ม
เขารู้สึกลำคอแสบร้อน เืสดๆ ไหลรินไม่หยุด ที่เจ็บสุดคือบริเวณทรวงอก ทั้งจมูก ปาก และใบหูมีเืออก ทวารทั้งเจ็ดล้วนบอบช้ำ
“แก...” หญิงสาวชุดขาวเห็นภาพเช่นนี้เข้า ใบหน้าซีดเผือด เธอลงมืออย่างรวดเร็ว กลางมือปรากฏแสงสีม่วง จากนั้นก็มีเถาวัลย์ปรากฏขึ้น ยาวอย่างยิ่ง ฟาดไปทางฉู่เฟิง
ฉู่เฟิงหลบฉาก เถาวัลย์เส้นนั้นฟาดลงบนพื้น แผ่นหินแตกกระจายในทันที พลังรุนแรงจนน่าใ
ชิ!
เถาวัลย์เส้นแล้วเส้นเล่าพุ่งออกมาจากมือของเธอ จนเกือบเต็มพื้นที่ ปิดล้อมทุกทาง กักฉู่เฟิงไว้ภายใน คิดจะรัดเขาให้ตายทั้งเป็
ขณะเดียวกัน เถาวัลย์ก็เคลื่อนไหวฟาดลงมาอย่างต่อเนื่อง จนพื้นดินแตกก้อนหินทลาย น่าหวาดเสียว
ตึง!
ทว่า ความสามารถของฉู่เฟิงในวันนี้ไม่ได้เหมือนกับวันที่เขาต่อสู้กับจั่วจวิ้น เผชิญหน้ากับมนุษย์พิเศษสองคนนั้นง่ายดาย เขารวดเร็วอย่างยิ่ง
ตอนนี้ ในการวิ่งระยะหนึ่งร้อยเมตร เขาใช้เวลาเพียงหนึ่งจุดแปดวินาทีเท่านั้น นับั้แ่ฝึกหมัดปีศาจวัวกระบวนท่าที่เก้าสำเร็จ พละกำลังและความเร็วของเขายกระดับเป็อย่างมาก สภาพร่างกายก็ยิ่งแข็งแกร่งจนน่าใ
สิ่งที่เรียกว่าจากกายเนื้อสู่กายทิพย์ เขาจะทดสอบมันตอนนี้แหละ
เงาดำวาดผ่านมา ฉู่เฟิงะโเตะหญิงสาวชุดขาวลอยไป เสียงโครมดังขึ้นในสวนผลไม้ หญิงสาวเืกบปาก แล้วก็ไม่ลุกขึ้นมาอีก
เพียงชั่วเวลาไม่นาน เขากำจัดไปแล้วถึงสองคน!
ทันใดนั้น เขากระตุกวาบในใจ หนังหัวชายิบ รู้สึกเหมือนถูกแทง เขารีบหลบทันควัน
ปัง!
ไม่ไกลนัก ชายหนุ่มปีกปีศาจเหนี่ยวไกปืนอย่างรวดเร็ว แสงไฟพุ่งจากปากกระบอกปืนดำสนิท เขาคิดจะปลิดชีพฉู่เฟิงจากด้านหลัง
ะุกรีดผ่านไปอย่างรวดเร็ว ลูกั์ตาฉู่เฟิงเป็ประกายระยิบเหมือนกับว่าสามารถมองเห็นวิถีะุ เขาหลบได้ก่อนที่ะุจะทะลวงกะโหลกของเขา
ปังปังปัง...
ชายหนุ่มลั่นไกต่อเนื่อง ดวงตาดำมืดเย็นเยียบ เขาาเ็สาหัส ใบหน้าเต็มไปด้วยเื ยิ่งส่วนอกแล้ว แทบจะถูกหมัดทะลวงเลยทีเดียว ตอนนี้ได้แต่หยิบยืมพลังจากอาวุธปีน เพื่อล้างแค้นและกำจัดเป้าหมายอย่างเหี้ยมโหด
ทว่า นับั้แ่ฉู่เฟิงสำเร็จหมัดปีศาจวัวกระบวนท่าที่เก้า ไม่เพียงแค่ปฏิกิริยาตอบโต้ทางกายว่องไวขึ้นเท่านั้น ที่สำคัญก็คือสัญชาตญาณดิบเถื่อนที่ตื่นขึ้นมาต่างหาก ประสาทััเฉียบคม สามารถรับรู้ล่วงหน้าถึงอันตรายได้
ทุกส่วนของร่างกายเขารับรู้ได้ถึงอาการชายิบอยู่เรื่อยๆ นั่นคือสัญญาณที่บ่งบอกว่าอันตรายใกล้เข้ามา ช่วยให้เขาสามารถหลบได้ทันท่วงที
ลูกั์ตาของมนุษย์พิเศษทั้งสองหดวูบ ใบหน้าขาวซีดใอย่างมาก นี่คือเป้าหมายที่พวกเขาต้องกำจัดอย่างนั้นหรือ นี่มันคนธรรมดาจริงๆ หรือ? ล้อเล่นน่า!
ลูกะุหมดแล้ว ชายหนุ่มปีกปีศาจกล้ำกลืนความเ็ป เืไหลย้อยจากมุมปาก จากนั้นกระพือปีกปีศาจทั้งคู่อย่างรุนแรง ส่งตัวเองสู่เบื้องบน คิดที่จะหนี
สวบ!
ฉู่เฟิงลงมือรวดเร็ว กระบี่สั้นสีดำเล่มหนึ่งพุ่งออกไป ดุจดั่งสายฟ้าสีดำพุ่งสู่ท้องฟ้ายามราตรี เสียงสวบดังขึ้นทะลุร่างของเขาไป เขาร่วงลงสู่พื้นดินอีกครั้งในทันที!
ชายหนุ่มปีกปีศาจไม่อาจลุกขึ้นได้อีก าแฉกรรจ์ ร่อแร่ปางตาย
ดาวพราวระยิบระยับ เงียบสงัดวังเวง
ยามนี้ ไร้ซึ่งสำเนียงใดๆ ฉู่เฟิงนิ่งสนิท ร่างทั้งร่างเปล่งประกายเรืองรองดับแสงดาว เขาก้มหน้ามองคนทั้งสองบนพื้น
มนุษย์พิเศษสองคนนี้เก่งกาจสุดประมาณ ทั้งยังน่าเกรงกลัวอย่างยิ่ง ดูรุ่นราวคราวเดียวกับฉู่เฟิง ยังไม่ทันได้เปล่งประกายความสามารถของมนุษย์พิเศษ กลับดับวูบลงด้วยสภาพเช่นนี้!
ที่แท้แล้วเขาแกร่งขนาดไหนกันนะ?
คนทั้งสองต่างก็สับสน รู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้าอยู่กับเทพมารองค์หนึ่ง สูงส่งเหลือคณา ไม่กล้าต่อกร!
ตอนนี้แหละ หวงหนิวก็โผล่ออกมา มันมองคนทั้งคู่อย่างสงสัยไม่เข้าใจ หากไม่เป็เพราะนอกบ้านอึกทึกครึกโครม ไอ้หมอนี้ไม่มีทางโผล่หัวออกมาได้
หญิงสาวชุดขาวเงยหน้าขึ้น พอเห็นหวงหนิวเข้า ใบหน้าก็พลันเปลี่ยนสี รู้ได้ทันทีว่า “ตัวการ” ของเื่ทั้งหมดก็คือมัน!
“อ๊ายยย....” เธอกรีดร้อง
พริบตานั้นเธอนึกถึงเหตุการณ์ประดุจฝันร้ายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่นาน พอหวงหนิวเดินเข้าใกล้ เธออาเจียนอีกครั้งอย่างคุมตัวเองไม่ได้ นอนฟุบตัวสั่นเทิ้มอยู่ตรงนั้น
เป็เพราะเงามืดในใจของเธอ
ตอนแรกหวงหนิวสงสัย แต่ต่อมามันโมโห เพราะพอมันเข้าใกล้ หญิงสาวกลับขยักขย้อนอย่างน่ากลัว
ดูถูกวัวอย่างข้าเรอะ?
ตึงตึง!
มันแจกสองกีบให้ทันที กระทืบเข้าที่ศีรษะของหญิงสาว เธอตาเหลือกทันควันแล้วหมดสติไปในทันที
“บอกเื่ที่นายรู้ทั้งหมดกับฉัน!” ฉู่เฟิงจ้องชายหนุ่มปีกปีศาจ
ทว่า เขาปิดปากแน่น ไม่ยอมพูด ท่าทางบ่งบอกว่าต่อให้ตายก็ไม่ปริปาก ดวงตาฉายแววเกลียดชัง หากก็แฝงประกายหวาดหวั่นหมดหวัง
ทว่าลึกลงไปข้างใน กลับซ่อนความสะพรึงกลัวเอาไว้ เขามองฉู่เฟิง รู้สึกเหมือนกับกำลังอยู่ต่อหน้าเทพมาร!
ตึง!
สุดท้าย ฉู่เฟิงก็แจกไปหนึ่งกระทืบ เขาสลบเหมือดไปในทันที
“ดูพวกเขาไว้นะ!” ฉู่เฟิงบอก เขาเดินเข้าไปในป่าผลไม้ ในค่ำคืนอันเงียบสงบ เขาโทรหาหลินนั่วอี
เขารู้สึกได้ว่าเื่นี้หลินนั่วอีไม่ได้เป็คนสั่ง แต่ก็มีส่วนเกี่ยวพัน
บางทีอาจมีบางคนไปขอให้เธอช่วย หรืออาจเป็คนข้างตัวของเธอที่สั่งให้ทำเช่นนี้
ก่อนหน้านี้ก็เป็พวกที่มาดูถูกเหยียดหยามเขาอย่างจั่วจวิ้น ตอนนี้ก็มีอีกสองคนจะมาฆ่าเขา เกิดซ้ำเกิดซากอย่างนี้ คิดว่าเขาเป็พวกยอมให้รังแกง่ายๆ หรือไงวะ?!
เขาไม่โทษหลินนั่วอี เพราะเธอไม่ได้เป็คนทำ แต่เขาอยากลากตัวการออกมา แล้วให้มันชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไป!
เขาคิดเพียงแค่จะบอกความจริงกับหลินนั่วอี เชื่อว่าด้วยความเยือกเย็นและไหวพริบของเธอ จะต้องรู้ทันทีว่าเป็ใคร
คนผู้นั้นเกรงกลัวเขา เอาแต่หลบๆ ซ่อนๆ ใช้วิธีสกปรกมาเล่นงานเขา อย่างนั้นเขาก็จะล้มโต๊ะ เปิดโปงทุกอย่าง บีบคนคนนั้นให้เผยตัวจริงออกมา!
“ผู้ไหว้วานเหรอ วิธีการเืเย็นนักนะ อย่าบีบให้ฉันลงมือเองนะ จะทำให้นายเสียใจที่เกิดมาบนโลกนี้เลยล่ะ!” ฉู่เฟิงเอ่ย แววตาเยียบเย็น