คำถามฉับพลันของเฉียงเวยทำให้หยางเฉินประหลาดใจและเมื่อตระหนักถึงความหมายของคำถามนั้น หยางเฉินก็เงียบไปในทันที
ไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถบอกเธอเขามีความเชื่อมั่นอย่างมากในเฉียงเวย แต่ปัญหาคือแม้ว่าเขาพูดมันออกไปเธอก็อาจจะไม่เข้าใจ และกลับกลายเป็ทุกข์ใจแทนเขา
ทุกคนต่างมีความลับที่ถ้าไม่เจอกับตัวก็ไม่มีทางรู้ด้วยกันทั้งนั้น
เหมือนอย่างในหนังฮอลลีวูดหรือละครไทยหากใครรู้มากเกินไป แน่นอนว่าถ้าไม่ใช่ตัวเอก คนผู้นั้นย่อมต้องถูกฆ่าปิดปากไปอย่างแน่แท้
ภายใต้สายตาคาดหวังอย่างแรงกล้าของเฉียงเวยหยางเฉินครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า
"อันที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจที่จะปิดบังคุณเพียงแต่คุณอาจไม่เข้าใจถ้าผมอธิบายไปผมสามารถบอกคุณได้เพียงเื่ที่ไม่ซับซ้อนเท่านั้น"
"ฉันไม่อยากรู้ทุกอย่างฉันแค่อยากจะรู้ว่าคุณกลายเป็แบบนั้นได้ยังไง ที่รักฉันอยากรู้ว่าทำไมคุณ้าให้ฉันฟาดคุณให้สลบด้วย"เฉียงเวยเพียงกังวลว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับหยางเฉินหรือไม่
หยางเฉินเรียบเรียงคำพูดแล้วกล่าวว่า
"นี่เป็อาการเจ็บป่วยเล็กน้อยที่เมื่อผมยังเด็กหากร่างกายของผมถูกกดดันด้วยความเครียดระดับหนึ่ง อย่างเช่นต้องฆ่าคนจำนวนมากอาการของผมจะกำเริบขึ้นมาทันที หรือถ้าผมได้รับความาเ็ทางด้านจิตใจมากเกินไปหัวใจของฉันรู้สึกกระวนกระวายเส้นประสาทในสมองของผมอาจจะหลุดจากการควบคุมไปเล็กน้อย...และทำบางสิ่ง... ที่สุดโต่งออกไป"
"แล้วมันมีอันตรายมั้ย?"
"ผมไม่เคยเป็อะไรแต่กับคนรอบข้างนี่สิ " หยางเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น
โรสถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่เธอยังไม่ค่อยเข้าใจคำว่า "สุดโต่ง"ที่หยางเฉินบอกนัก แต่ตราบใดที่หยางเฉินว่าไม่เป็ไรมันก็ยังเป็เื่ที่ดี
เมื่อหยางเฉินสังเกตเห็นการแสดงออกที่เปลี่ยนแปลงไปในเสี้ยววินาทีนั้นของเฉียงเวยเขาก็รู้สึกอบอุ่นเล็กๆ อยู่ภายในใจ จาก่เวลาในความทรงจำมันเป็่เวลาที่ยากเย็นที่สุดที่เขาจะมีความสุขจากการถูกรักโดยผู้หญิงที่งดงามคนนี้เขาเลยตั้งใจจะโกหกเธอ
...เพราะโรคนี้ในความเป็จริงมันยากเกินจะควบคุมท้ายที่สุดมันอาจจะไม่ได้เป็เพียงการทำลายคนอื่นๆ มันอาจจะทำลายตัวเขาเองด้วย…
แต่มีบางสิ่งบางอย่างที่ผู้ชายไม่สามารถบอกผู้หญิงได้เพราะผู้หญิงถูกอารมณ์ครอบงำ และอาจจะทำอะไรโง่ๆ ลงไป
เฉียงเวยคิดทบทวนอย่างรอบคอบก่อนเอ่ยถามขึ้นว่า
"คุณจะไปตรวจโรงพยาบาลอีกรอบมั้ยคะ?ตอนคุณอยู่ต่างประเทศคุณเคยลองรักษามันหรือยัง?"
การรักษางั้นหรือ?ผมเป็เพียงคนเดียวในโลกนี้ที่เป็โรคนี้ นอกจากผมแล้วไม่มีใครเข้าใจด้วยซ้ำว่ามันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร แล้วผมจะรักษามันยังไงล่ะ!?
หยางเฉินส่ายหัวและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
"ไม่เป็ไรหรอกผมเคยไปตรวจร่างกายที่อเมริกามาแล้ว หมอบอกว่าวิธีที่ดีที่สุดคือการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ไม่ต้องไปคิดมาก ด้วยวิธีการนี้ผมจะสามารถดำเนินชีวิตไปได้เรื่อยอย่างสงบ ส่วนเื่การรักษาให้หายอย่างถาวรนั้นด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ทุกวันนี้ยังไม่สามารถทำได้"
ผมขอโทษนะที่รักผมต้องโกหกคุณอีกแล้ว... หยางเฉินคิดในใจอย่างหมดหนทาง
เฉียงเวยพยักหน้าดูเหมือนเธอจะเข้าใจและไม่เข้าใจในเวลาเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่ได้คาดคั้นคำตอบใดๆเพิ่มจากหยางเฉิน แม้เธอจะมีความรู้สึกว่า หยางเฉินจะปิดบังอะไรไว้หลายเื่แต่เธอก็เลือกที่จะปิดปากเงียบอย่างชาญฉลาด
เมื่อตื่นแต่เช้าแบบนี้หยางเฉินจึงรู้สึกหิวเล็กน้อย เขาหยิบโจ๊กชามเล็กๆที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียงมากินอย่างรวดเร็วจากนั้นหันไปพูดกับเฉียงเวยด้วยรอยยิ้มสดใส
"ชามเล็กๆผมจะอิ่มได้อย่างไร? ป่ะ…บริการอย่างอื่นให้ผมแทนดีมั้ย"
เฉียงเวยเวลานี้ฟื้นฟูเสน่ห์กลับเป็ดังเดิมแล้วเธอหันไปมองหยางเฉินและกล่าวว่า
"งั้นหยุดกินสิฉันมีบางอย่างให้คุณดู"
"มันคืออะไรหรือ?"
เฉียงเวยยิ้มอย่างมีลับลมคมใน
"ฉันเจอมันที่ห้องของซีถูิซื่อ ฉันส่งคนไปจัดการรังเก่าของเขา และเจอของดีเข้าให้!"
พูดเสร็จเฉียงเวยก็เดินไปที่มุมหนึ่งของห้องขยับชิ้นส่วนของไม้แกะสลัก เผยให้เห็นตู้เซฟสีดำที่อยู่ภายในผนังเธอหันหน้าเข้าหาตู้เซฟ ปลดล็อกตู้นิรภัย สิ่งของข้างในมีไม่มากนักมีเพียงซองจดหมายสีน้ำตาลหลายซอง แผ่นดิสก์ แฟลชไดรฟ์ SDการ์ด เฉียงเวยเอาแฟลชไดรฟ์ออกมาแล้วเดินไปที่โต๊ะทำงานของเธอเพื่อนำ Macbook ออกมา
เธอนำทั้งสองสิ่งนี้ไปที่เตียงเสียบแฟลชไดรฟ์และเริ่มเปิดข้อมูลภายใน หยางเฉินมองเธอเปิดโฟลเดอร์จากแฟลชไดรฟ์นั้นและเห็นกลุ่มไฟล์วิดีโอและแผนภาพต่างๆ
"สิ่งนี้คืออะไรกันแน่?"หยางเฉินถามงุนงง
เฉียงเวยเหมือนจิ้งจอกน้อยที่ภาคภูมิเธอกล่าวว่า
"ที่รักทำไมคุณคิดถึงว่าบรรดานักธุรกิจและนักการเมืองหลายคนจึงเต็มใจที่จะทำงานร่วมกับซีถูิซื่อล่ะคะ?"
"เพราะพวกเขาได้ผลประโยชน์บางอย่างใช่มั้ยล่ะ?"
"นั่นก็ใช่แต่ซีถูิซื่อจะต้องมีอะไรบางอย่าง ที่ถึงกับทำให้เขาสามารถควบคุมคนพวกนั้นได้..."
หลังจากพูดจบเฉียงเวยก็เปิดไฟล์วิดีโอที่มีชื่อเป็ตัวเลข
เมื่อวิดีโอถูกเล่นบนหน้าจอหยางเฉินแทบไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เห็นเขาขยี้ตาตัวเองก่อนที่เขาจะยอมรับว่าสิ่งที่เขาเห็นบนหน้าจอนั้นเป็เื่จริง
ในวิดีโอชายรูปร่างอ้วนวัยกลางคนเปลือยหมดทั้งตัวกำลังนอนอยู่บนร่างกายของสาวรูปร่างดีเหมือนหมูที่ตายแล้วร่างกายส่วนล่างทั้งสองกำลังเกี่ยวรัดกันอยู่ ชายหัวล้านอีกคนขย้ำก้นใหญ่ของเธอพลางทำเสียงครวญครางตื่นเต้นไปพร้อมกับผู้หญิงคนนั้น
"เฉียงเวยที่รักถ้าคุณอยากดูวิดีโอแนวนี้ อย่างน้อยคุณควรจะเลือกอะไรที่น่าสนใจกว่านี้หน่อยนะคุณภาพสำหรับวิดีโอนี้บอกได้คำเดียว น่าขยะแขยง ไม่ต้องพูดถึงเื่อารมณ์!การดูสิ่งนี้มากเกินไปอาจนำคุณไปสู่ความเลวร้ายได้ผมว่าคุณอย่าดูมันอีกจะดีกว่า" หยางเฉินโบกมือและรู้สึกค่อนข้างผิดหวังผู้หญิงของเขาจะต้องไม่พบกับประสบการณ์แย่ๆ อย่างนั้น!เธอจะได้ดูหนังที่คุณภาพดีกว่านี้!
เฉียงเวยหน้าแดงในทันที เธอกระแอมไอออกมาเบาๆ พร้อมกล่าวว่า "อารมณ์อะไรกัน!คิดอะไรของคุณน่ะ? ฉัน...ฉันไม่ได้เป็อย่างที่คุณพูดมาซะหน่อย!"
แม้ว่าเธอจะได้อยู่ในจุดที่ใกล้ชิดกับหยางเฉินมากที่สุดแต่พอเป็เื่แบบนี้ทีไร เฉียงเวยก็ยังคงเหมือนสาวน้อยขี้อายอยู่เสมอ
"แล้วนั่นหมายความว่า…"
เฉียงเวยปิดวิดีโอทันที จากนั้นเปิดไฟล์ Exel ขึ้นมาภายในไฟล์เต็มไปด้วยรายการตัวเลขและชื่อยาวเหยียด
เธอชี้ไปที่ตัวเลขและอธิบายว่า "ดูตรงนี้ที่รักตัวเลขพวกนี้ ที่เราเพิ่งเห็นในวิดีโอ เขาคือรองหัวหน้าของสำนักภาษีจงไห่ กัวยั่นและภรรยาของโลววั้นชาน ประธานสำนักทรัพย์สิน หลิวยุ่น"
แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเข้าใจถึงภาพโครงสร้างทางการปกครองของประเทศจีนเท่าไหร่แต่หยางเฉินก็พอจะรู้คร่าวๆ ว่าตำแหน่งของทั้งสองคงต้องสูงพอตัวจากเนื้อหาของวิดีโอและคำพูดของเฉียงเวยหยางเฉินเข้าใจถึงความหมายที่อยู่เื้ัทันที
ซีถูิซื่อใช้วิธีแบล๊กเมล์ด้วยคลิปวิดีโอพวกนี้นั่นเอง
เฉียงเวยพูดต่อว่า
"ในวิดีโอพวกนี้มีแต่บุคคลสำคัญ ซีถูิซื่อสืบค้นประวัติพวกคนที่มีภูมิหลังที่ไม่สะอาดจากนั้นก็รวบรวมหลักฐานไว้ แล้วเขาจงใจวางกับดักกับคนที่มีภูมิหลังที่บริสุทธิ์ดังนั้นพวกเขาจึงทำสิ่งที่น่าอับอายนี้ฉะนั้นแก๊งของเขาจึงสามารถรักษาเสถียรภาพอันเลิศเลอไว้ได้โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกรัฐบาลกำจัด"
หยางเฉินไม่ได้เป็คนชอบสอดรู้สอดเห็นเื่ของคนอื่นแต่ข้อมูลเหล่านี้เป็ประโยชน์ต่อเฉียงเวยเป็อย่างมาก เธอจะกลายเป็นัดเชิดหุ่นที่ชักใยอยู่เื้ัแน่นอน
แต่เมื่อหยางเฉินมองตัวเลขบนแผนภูมิอย่างไม่ได้ตั้งใจและเขาก็เห็นชื่อที่แนบมากับมัน เขาไม่อาจทำอย่างไรได้ ได้แต่กะพริบตาปริบๆขณะมองไปที่ชื่อนั้น
"ที่รักเป็อะไรเหรอคะ?" เฉียงเวยสังเกตเห็นความไม่ปกติของหยางเฉิน
หยางเฉินเผยให้เห็นรอยยิ้มแปลกๆพร้อมกล่าวว่า "ไม่มีอะไรพอดีผมเพิ่งเห็นชื่อของเพื่อนน่ะ"
"เพื่อน?"เธอกะพริบตาด้วยความอยากรู้ ท่าทางที่น่ารักและมึนงงของเธอที่หาได้ยาก
่เช้ามักจะเป็่เวลาที่ผู้ชายคึกมากที่สุดยิ่งเห็นได้ชัดขึ้นเมื่อหยางเฉินเห็นวิดีโอที่ค่อนข้างอีโรติกชั่วพริบตาไฟรักในตัวหยางเฉินก็พวยพุ่งขึ้นถึง์ มันทำให้เป้ากางเกงของเขาโป่งพองขึ้นมาทันที!
โดยไม่ต้องรอให้เฉียงเวยตั้งตัวหยางเฉินอุ้มเธอไปที่กลางเตียงโดยพลัน เขาไม่สนใจคำทักท้วงใดๆทั้งท่าทางและเสียงร้อง จากการยกตัวขึ้นชุดราตรีผ้าไหมก็แง้มออกเผยให้เห็นขาขาวเนียนเหมือนหยก ตรงหว่างขาของเธอเป็กางเกงในลูกไม้สีดำและแผ่นหลังปกคลุมไปด้วยเส้นผมสีรัตติกาลเธอได้รับการปฏิบัติอย่างเร่าร้อนถึงใจจากเขา
เฉียงเวยรู้ดีว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นต่อไปแต่เนื่องจากพวกเขาเพิ่งได้พูดคุยเื่ธุรกิจการได้รับการกดดันบนร่างเหมือนแกะน้อยตัวอ้วนนั้น ทำให้เธอตื่นเต้นเป็อย่างมากเธอเริ่มหอบหายใจ ดวงตาพร่ามัว และแก้มทั้ง2ข้างของเธอก็แดงปลั่ง
"ที่รักคุณเพิ่งพักฟื้น ร่างกายของคุณจะไม่เป็ไรใช่ไหม..."แม้ว่าเธออยู่ในอาการมึนงงอยู่บ้าง แต่ด้วยความกังวลเฉียงเวยจึงใช้เรี่ยวแรงสุดท้ายถามออกไป
"ออกกำลังกายร่างกายตอนเช้าเป็เื่ง่ายจะตายไป"หยางเฉินหัวเราะออกมาเสียงดังแล้วยื่นมือไปปลดเปลื้องเสื้อผ้าของโรส จากนั้นกระโจนเข้าใส่เธออย่างมีความสุข
เมื่อหยางเฉินออกจากบาร์ก็ประมาณแปดโมงเช้าแล้วแม้ว่าความเจ็บป่วยเมื่อวานนี้เกือบกลายมาเป็อุปสรรคสำหรับเขาแต่หยางเฉินก็ยังคงสบายดี แถมเขาร่วมรักกับโรสอีกเสียด้วยซ้ำเมื่อเห็นเธอนอนหลับสบายอยู่บนเตียงเป็ที่รู้กันว่าผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้อย่างเธอนั้นผู้ชายธรรมดาไม่อาจทำให้เธอมีความสุขได้ ต้องดุดันอย่างราชสีห์แบบหยางเฉินเท่านั้น
หยางเฉินรู้อยู่แล้วว่าไปทำงานสายแน่ฉะนั้นเขาจึงไม่ได้เร่งรีบอะไร เขาไปซื้ออาหารเช้าอย่างไม่รีบร้อนก่อนที่จะขับรถไปบริษัท
เมื่อไปถึงแผนกประชาสัมพันธ์หยางเฉินไม่ได้ถูกตำหนิเื่มาสายจากพวกสาวๆ เลย เขาคิดว่าอาจเป็เพราะพวกสาวๆกำลังมุงอยู่ที่โต๊ะของหลิวิอวี้พูดคุยกันอย่างสนุกสนานโดยไม่เห็นหยางเฉินอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย