ตอนที่ 1:ิญญาในร่างเด็กน้อยใกล้ตาย
เสียงะเิกัมปนาทฉีกกระชากอากาศจนหูอื้ออึง กลิ่นดินปืนปนคาวเืคละคลุ้งจนสำลัก หลี่อัน แพทย์สนามสังกัดหน่วยรบพิเศษ กำลังใช้เข่ากดแผลที่หน้าท้องของทหารนายหนึ่งท่ามกลางห่าะุ มือของเธอเปื้อนเือุ่นๆ แววตาสงบนิ่งดุจน้ำแข็ง แม้รอบข้างจะพินาศย่อยยับเพียงใดก็ตาม แต่จิติญญาของเธอก็สั่งให้ทำหน้าที่จนวินาทีสุดท้าย
“อดทนไว้! นายต้องรอด!”
นั่นคือคำพูดสุดท้ายก่อนที่แสงสว่างวาบจากลูกะเิจะกลืนกินทุกอย่าง แรงกระแทกมหาศาลฉีกร่างเธอจนรู้สึกเหมือนิญญาถูกกระชากออก และโลกก็ดับวูบลงสู่ความมืดมิด...ความรู้สึกล่องลอยในโลกที่ต่างไป
ลมหนาวที่พัดพาดผ่านซอกหินของ เทือกเขาเทียนซาน อันสูงตระหง่าน ยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลนดูเหมือนั์ใหญ่ที่กำลังเฝ้ามองความทุกข์ยากของมนุษย์
ณ หมู่บ้านเฮอซาน หมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา ความยากจนข้นแค้นฝังลึกลงไปในทุกอณูของผืนดิน บ้านเรือนทำจากดินเหนียวผสมฟางเก่าๆ หลังคาที่มีรูโหว่ถูกปิดทับด้วยใบไม้แห้งอย่างลวกๆ
ภายในกระท่อมท้ายหมู่บ้านที่ผุพังจนแทบจะต้านทานลมูเาไม่ไหว เสียงแหลมสูงดุจเสียงเลื่อยตัดไม้พุ่งเข้ากระทบโสตประสาทของหลี่อัน
“นังเด็กอัปมงคล! จะตายก็ไม่ตายเสียที ต้องให้ข้าขุดหลุมฝังทั้งเป็เลยไหม! เปลืองน้ำเปลืองข้าวบ้านข้าไปเท่าไหร่แล้วกับร่างที่นอนเป็ผักเป็ปลาเน่าเช่นนี้!”
หลี่อันสะดุ้งสุดตัว ความรู้สึกแรกที่จู่โจมไม่ใช่ความร้อนจากะเิ แต่เป็ความหนาวเหน็บที่เสียดแทงเข้าถึงกระดูก และความเ็ปจากการขาดสารอาหารที่รุนแรงจนหัวใจแทบหยุดเต้น ลำไส้ของเธอเกร็งตัวบิดประท้วงด้วยความหิวโหยอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนในชีวิต
เธอกระพริบตาที่หนักอึ้ง ภาพเบื้องหน้าคือเพดานฟางที่มีแสงแดดรำไรลอดผ่านรอยโหว่ กลิ่นอับชื้นของเชื้อรา กลิ่นสาบดิน และกลิ่นกายของคนที่ไม่ได้อาบน้ำมาแรมเดือนอบอวลอยู่ในอากาศ
นี่มัน... ไม่ใช่โรงพยาบาลสนาม....ในขณะที่เสียงอ้อนวอนจากแม่ของเธอกำลังร้องขอชีวิต
“ท่านแม่! ได้โปรด...ฮือ... อันอันฟื้นแล้ว นางลืมตาแล้ว! อย่าเอานางไปทิ้งเลยนะเ้าคะ นางยังหายใจอยู่!” เสียงสะอื้นไห้ที่ปนไปด้วยความสิ้นหวังดังขึ้นข้างหู พร้อมกับััจากมือที่สากระคาย ิักร้านเหมือนผ่านงานหนักมาทั้งชีวิต แต่กลับถ่ายทอดความอบอุ่นที่สั่นสะท้านมาถึงหัวใจ
หลี่อันพยายามขยับสายตามอง... มือที่กุมมือเธออยู่นั้นทำไมถึงดูใหญ่โตนัก? เธอก้มลงมองมือตัวเองที่วางอยู่บนผ้าห่มปะชุนด้วยเศษผ้าจนหนาเตอะ
มันคือมือของเด็กน้อย... นิ้วมือเล็กจ้อยที่เหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก เล็บสั้นกุดและมีขี้ไคลเกรอะกรัง ข้อมือเล็กเสียจนกลัวว่าถ้าลมพัดแรงกว่านี้มันจะหักสะบั้นลง
นี่ไม่ใช่ร่างของแพทย์สนามวัยสามสิบ... แต่นี่คือเด็กหญิงอายุไม่เกินห้าขวบที่กำลังจะตายเพราะความอดอยาก!
[เริ่มการเชื่อมต่อระบบ... มิติิญญาและคลังยาเสร็จสมบูรณ์]
เสียงสังเคราะห์ที่เย็นเยือกดังก้องขึ้นในโสตประสาท พร้อมกับความร้อนสายหนึ่งที่แล่นพล่านผ่านข้อมือขวา หลี่อันเหลือบมองเห็นรอยปานแดงจางๆ รูปมีดผ่าตัดไขว้กับเข็มเงินปรากฏขึ้นเพียงชั่วอึดใจก่อนจะจางหายไปภายใต้ิั
ทันใดนั้น ความทรงจำของร่างเดิมก็พุ่งเข้าจู่โจมราวกับกระแสน้ำหลาก หลี่อันอัน ลูกสาวสายรองของตระกูลหลี่ เธอถูกตราหน้าว่าเป็ตัวกาลกิณี ชีวิตที่มีแต่การถูกทุบตี ใช้งานหนัก และอาหารที่มีเพียงน้ำข้าวใสๆ ที่แทบไม่มีเมล็ดข้าวเลยสักเม็ด
ปัง!
ประตูไม้ผุๆ ถูกถีบออกจนเศษฝุ่นร่วงกราว หญิงชราหน้าตาถมึงทึง รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าลึกโบ๋เหมือนร่องรอยของความใจคอคับแคบ นางเดินกระแทกส้นเท้าเข้ามาด้วยท่าทางของหญิงที่กุมอำนาจเบ็ดเสร็จในบ้าน
เธอคือ ย่าหลี่ ผู้มองว่าเด็กผู้หญิงคือขยะที่สิ้นเปลืองเสบียงและภาระที่ต้องกำจัดทิ้ง
“ฟื้นแล้วก็ดี! ในเมื่อยังไม่ตาย ก็ลุกขึ้นไปเกี่ยวหญ้ามาเลี้ยงหมูซะนังเด็กกินแรงคน! อย่ามานอนสำออยเรียกคะแนนสงสารจากแม่แกที่นี่!”
ย่าหลี่ตวาดพลางเงื้อมือจะเข้าจิกหัวเด็กน้อยที่ยังหายใจรวยริน
ทันใดนั้น... โลกในสายตาของหลี่อันอันก็เปลี่ยนไป!
ดวงตาแป๋วแหววที่เคยอ่อนล้าพลันประกายสีทองวาบผ่านฉับพลัน มันคือความสามารถของตระกูลหมอดูฮวงจุ้ยที่เธอเคยมีในโลกก่อน... เนตร์!
สิ่งที่เห็นทำให้หลี่อันอันแทบหลุดยิ้มเย็น เมื่อเห็นสิ่งที่ปกคลุมอยู่รอบตัวย่าหลี่ไม่ใช่แค่ความโกรธ แต่มันคือ “ออร่าสีดำทมิฬ” ที่หนาทึบและส่งกลิ่นเน่าเหม็นของคนใจบาปที่โชคชะตากำลังจะขาดสะบั้น พลังงานลบสีดำนั้นรวมตัวกันหนาแน่นอยู่บริเวณเหนือศีรษะและหน้าผากของหญิงชรา
หลี่อันอันในร่างเด็กน้อยไม่ได้หลบสายตา แต่นางกลับจ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่วาวโรจน์ของย่าหลี่ มุมปากที่แห้งแตกขยับยิ้มบางๆ ที่ดูไม่สมกับเป็เด็กน้อย มันเป็รอยยิ้มที่ทำให้ย่าหลี่ถึงกับชะงักด้วยความรู้สึกขนลุกซู่ไปถึงกระดูกสันหลัง
“ท่านย่า...” เสียงเล็กแหบพร่าเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบจนน่าใจหาย “ระวังนะเ้าคะ...ออร่าดำมืดเหนือหัวท่านบอกว่า อีกสามก้าวที่ท่านเดินออกไป... ท่านจะเสียเืจนอาบแผ่นดิน”
“อีเด็กบ้า! พอฟื้นมาก็ปากเสียแช่งข้าเรอะ!” ย่าหลี่โกรธจนหน้าดำหน้าแดง นางเงื้อมือหมายจะตบให้คว่ำ แต่อันอันกลับนั่งนิ่งสงบดุจขุนเขาเทียนซานเื้ั
“หนึ่ง...” อันอันเริ่มนับในใจ
ย่าหลี่ถอยหลังหนึ่งก้าวด้วยความขยะแขยงในแววตานั้น “แกมันเด็กผีสิง! ข้าจะให้ตาเฒ่าหลี่เอาแกไปขายให้พวกขบวนค้ามนุษย์เสียวันนี้เลย!”
“สอง...”
หญิงชราสะบัดหน้าหันหลัง เตรียมจะเดินออกไปะโเรียกคนมาจัดการ แต่ด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านประกอบกับพื้นบ้านดินที่เปียกชื้นจากน้ำฝนที่รั่วซึม เท้าของนางจึงไปสะดุดเข้ากับขอบประตูที่ผุจนเผยอขึ้นมา ร่างท้วมๆ ของนางโถมไปข้างหน้าอย่างเสียหลัก
“สาม!”
ตุบ! พลั่ก!
ย่าหลี่หน้าทิ่มลงกับพื้นหินขรุขระหน้าบ้านอย่างแรง ปลายจมูกและปากกระแทกเข้ากับขอบอ่างน้ำดินเผาที่แตกกระจาย เืสีแดงฉานสาดกระเซ็นลงบนพื้นดินฝุ่นหนาทันที เสียงร้องโหยหวนด้วยความเ็ปดังลั่นไปทั่วบริเวณบ้านป่าที่เคยเงียบสงบ
หลี่อันอันมองภาพนั้นด้วยสายตาเ็า มือเล็กๆ ลูบปานที่ข้อมือเบาๆ
เสียงโหยหวนของย่าหลี่ที่ดังระงมอยู่หน้าบ้านสั่นประสาทผู้คนในเรือนตระกูลหลี่จนแทบหยุดหายใจ จางสื่อ มารดาของอันอัน ตัวสั่นเทาประหนึ่งใบไม้ต้องลม มือที่ผอมแห้งประคองร่างเล็กของลูกสาวไว้แนบอก ดวงตาที่บวมช้ำจากการร้องไห้ฉายแววหวาดวิตกถึงขีดสุด
"อันอัน... ลูกแม่ ลูกทำอะไรลงไป?" จางสื่อกระซิบถาม เสียงสั่นพร่าด้วยความกลัว
อันอันในร่างเด็กน้อยเพียงแต่กะพริบตาปริบๆ รอยยิ้มเย็นเยือกเมื่อครู่เลือนหายไป แทนที่ด้วยสีหน้าใสซื่อไร้เดียงสาอย่างแเี "อันอันไม่ได้ทำอะไรเลยนะเ้าคะท่านแม่ ท่านย่าคงจะ...รีบร้อนไปรับกรรมกระมังเ้าคะ"
"เด็กเปรต! นังเด็กผีสิง! ลุกขึ้นมาให้ข้าตบให้ตายเดี๋ยวนี้!" เสียงแผดลั่นของย่าหลี่ดังทั่วลานหน้าบ้าน พร้อมกับเสียงฝีเท้าหนักๆ ของคนหลายคนต่างวิ่งเข้ามาที่เรือนของจางซื่อ ประตูเรือนถูกกระแทกเปิดออกอีกครั้ง ย่าหลี่ที่บัดนี้มีผ้าขี้ริ้วอุดจมูกที่โชกไปด้วยเื สภาพสะบักสะบอม หน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความอาฆาต หลี่ฟู่ (ลุงใหญ่) และ นางหวัง (ป้าสะใภ้ใหญ่) เข้ามาด้วยท่าทางคุกคาม
"นางจางซื่อ! ดูลูกสาวตัวดีของแก! มันใช้คุณไสยมนต์ดำทำร้ายข้า!" ย่าหลี่ชี้หน้าด่า ขณะที่ทุกคนต่างวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาดูเหตุการณ์
จางซื่อ ทรุดเข่าลงกับพื้นทันที "ท่านแม่! อันอันยังเด็กนัก นางจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร นางป่วยหนักเพิ่งฟื้นเองนะเ้าค่ะ!"
"ไม่รู้แหละ! พอมันพูดยังไม่ทันขาดคำ ข้าก็ล้มคว่ำหน้าทิ่มดิน ถ้าไม่ใช่เพราะมันแช่งข้าจะเป็เพราะใคร!" ย่าหลี่ตวาด แววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธนางเดินออกประตูเรือนพร้อมกับดึงประตูปิดดังโครม ก่อนจะรีบเดินออกไปจากเรือนและร้องเปล่าประกาศไปทั่วระแวกหมู่บ้านทันที.!
