เสียงหัวเราะของหลินหวั่นชิวดังไม่หยุด นางดื่มไปหนัก สภาพที่เมามายดูมีเสน่ห์เย้ายวนกว่าเวลาปกติ
“กลับห้องเถิด” เขาพูดข้างหูนางอีกครั้ง
หลินหวั่นชิวส่ายหน้า นางยังเล่นไม่พอ
แต่เจียงหงหย่วนไม่อยากให้ผู้ใดเห็นท่าทีของนางตอนนี้ ไม่ว่าจะสตรีหรือบุรุษ
ชายฉกรรจ์โน้มตัวลงแบกนางเดินกลับ
“พวกเ้าจุดประทัดเถิด” เขาพูดจบก็หายเข้าไปด้านหลังประตูฉุยฮวาอย่างรวดเร็ว
“เจียงหงหย่วน วางข้าลงประเดี๋ยวนี้ ข้ายังเล่นไม่พอ” หลินหวั่นชิวดิ้นบนไหล่เขา
เจียงหงหย่วนใช้มือตีก้นนาง ก้นมีความยืดหยุ่นมาก สั่นสู้มือเขา
“ประเดี๋ยวข้าจะเล่นเป็เพื่อนเ้าเอง” เจียงหงหย่วนกล่าวอย่างมีเลศนัย
“ปล่อยข้าลง!” หลินหวั่นชิวดิ้นบนไหล่เขา เจียงหงหย่วนต้องยอมปล่อยนางลง
หลินหวั่นชิวจะเดินออกไป แต่เจียงหงหย่วนหันไปปิดประตูฉุยฮวา ทั้งยังลงกลอน
“เหตุใดท่านทำเช่นนี้?” หลินหวั่นชิวงอปาก จะพุ่งไปเปิดประตู แต่นางทรงตัวไม่มั่น เซล้มในอ้อมอกชายฉกรรจ์
แววตาชายฉกรรจ์ลุ่มลึก เขาถามหลินหวั่นชิวเสียงแหบแห้ง “ยังอยากจุดพลุต่อหรือ?”
“อื้ม” หลินหวั่นชิวพยักหน้า “ยังไม่เปิดประตูให้ข้าอีก”
“ข้าซ่อนพลุไว้เยอะ ประเดี๋ยวข้าจุดเป็เพื่อน” ชายฉกรรจ์กล่าว
หลินหวั่นชิวตาเป็ประกายทันที “จริงหรือ? คนนิสัยไม่ดี…” นางพูดจบก็เอามือปิดปาก มองซ้ายมองขวาเหมือนหนูที่ตื่นตระหนก “ไม่มีผู้ใด เ้ารีบนำออกมาเถิด”
ลูกกระเดือกชายฉกรรจ์ขยับ สายตามีแต่ภาพที่หลินหวั่นชิวเมามายสะลึมสะลือ
“เข้าห้อง ซ่อนอยู่ด้านใน” เขาเสียงทุ้มกว่าเดิม
หลินหวั่นชิวที่สมองไม่แจ่มแจ้งดีนักเพราะเหล้าผลไม้ที่ดื่มเข้าไป นางเดินเข้าไปในห้องแล้วถึงรู้ว่าพลุที่ชายฉกรรจ์พูดถึงคือสิ่งใด
พลุที่เขาพูดถึง…
คือพลุที่ะเิในสมอง
แต่นางดื่มไปเยอะ ทนการเย้าแหย่ไม่ได้ ชายฉกรรจ์แทบไม่ต้องพยายาม…จากนั้น พลุในสมองนางก็ะเิครั้งแล้วครั้งเล่า
คืนวันสิ้นปี เชื่อมโยงระหว่างสองปี
เช้าตรู่ หลินหวั่นชิวลืมตาตื่นแล้วต้องงุนงง
“เล่นพอหรือไม่?” ชายฉกรรจ์กอดนางในอ้อมอก ก้มหน้าจูบหน้าผากนางเบาๆ น้ำเสียงมีความหยอกล้อปนอยู่
คนในผ้าห่มตัวเปลือยเปล่า ขาเกี่ยวพันเข้าด้วยกัน มือของชายฉกรรจ์อยู่ไม่สุขสักนิด
ความตื่นเต้นั้แ่เช้าทำให้นางขนลุกทั้งตัว เสมือนร่วงลงในตาข่ายไฟฟ้า โดนไฟดูดทั้งภายในและภายนอก
“พอ! พอแล้ว!” นางไม่กล้าพูดส่งเดชอีก
เหตุการณ์เมื่อคืนไหลบ่าเข้าสู่สมอง ภาพที่นางกดชายฉกรรจ์จูบอย่างดุเดือด…
นั่นไม่ใช่นาง ไม่ใช่นางแน่ๆ!
“เ้านอนต่ออีกหน่อยเถิด” ชายฉกรรจ์ลุกขึ้น หากเขายังไม่ลุก เขากลัวจะควบคุมตัวเองไม่อยู่
นางจะเอาชีวิตเขาจริงๆ
เมื่อก่อนภรรยาตัวน้อยไม่อยากให้เขาทรมาน
เมื่อคืนภรรยาตัวน้อย้า ส่วนเขา้ายิ่งกว่า…น่าอึดอัดเสียจริง
จังหวะเวลาไม่ถูกต้อง ขนาดศัตรูยอมสยบยังไม่กล้าตี
แล้วยังต้องใช้พลังควบคุมไม่ให้ศัตรูเปิดประตูเมืองอีก เขาช่างลำบากเหลือเกิน
ภรรยาตัวน้อยบอกเขาว่าสตรีมีลูกเร็วเกินไปจะเป็อันตราย เขาเก็บเื่นี้มาคิดและนำไปถามหมอ
เขาอยากนางโดยสมบูรณ์แทบทุกนาที แต่ว่า…เขาไม่อยากทำร้ายนาง ไม่อยากให้นางมีอันตราย
ในเมื่อเป็เช่นนั้น
เขายังจะทำกระไรได้?
อดทนไปนั่นแหละ
เจียงหงหย่วนยกข้าวเช้าเข้ามาให้หลินหวั่นชิว แม้จะยังไม่ถึงขั้นสุดท้าย แต่เมื่อคืนเขาใช้วิธีอื่นมาทรมานภรรยาตัวน้อยไปไม่น้อย
คืนสิ้นปีนี้…กว่าทั้งคู่จะหลับก็เกือบเช้า
ภรรยาตัวน้อยผล็อยหลับไปในอ้อมแขนเขาและร้องพึมพำ
น่ารักอย่างยิ่งยวด
เขาแทบอยากควักหัวใจออกมาวางให้นาง
“คนบ้านหลินมาหา ถามว่าวันที่สองเ้าจะกลับไปหรือไม่” วันที่สองหลังตรุษจีน สตรีที่แต่งงานแล้วต้องกลับไปเยี่ยมบ้าน
หลินหวั่นชิวส่ายหน้า “บ้านเจียงต่างหากที่เป็บ้านของข้า” ให้กลับไป…กลับไปที่ใด?
ชายฉกรรจ์ยกยิ้ม “อื้ม ข้าให้คนไปปฏิเสธแล้ว”
“แต่ทำเช่นนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ ข้าไม่อยากให้เ้าอยู่กับข้าโดยไม่มีสถานะไปตลอด” ไม่ยุติธรรมกับนางเกินไป
หลินหวั่นชิวเงยหน้า กลืนโจ๊กในปากลงคอ ถามเจียงหงหย่วนแปลกๆ “ทะเบียนสมรสเราเป็ของปลอมหรือ?”
“ของแท้” เขาไปทำด้วยตัวเอง จะเป็ของปลอมได้อย่างไร
“เช่นนั้นก็พอแล้ว!” หลินหวั่นชิวส่ายมือบอกว่าตัวเองไม่ถือสา “พวกเราใช้ชีวิตร่วมกัน คนนอกจะว่าอย่างไรก็ช่าง อีกอย่าง หากคนบ้านหลินรู้ความจริงมีแต่จะยุ่งยาก เท่าที่เป็อยู่ตอนนี้ก็ดีแล้ว เวลาพวกเขามาหา พวกเราตอบคำแค่ประโยคเดียว ยกเื่ที่ข้าถูกขายมาอ้าง ลูกสาวที่แต่งออกไปเป็เหมือนน้ำที่สาดออกไปแล้ว ลูกสาวที่ขายออกไปยิ่งเป็น้ำที่ไม่หวนคืน”
“อืม” เขารู้ว่านั่นคือความจริง กระนั้นก็อดสงสารภรรยาตัวน้อยไม่ได้
อยากจัดพิธีแต่งงานอันยิ่งใหญ่ให้นาง
ทำพิธีแล้วจะได้เข้าห้องหอ
แต่ก่อนจะถึงวันนั้นคงต้องจัดการเื่บ้านหลินให้เรียบร้อยเสียก่อน
บ้านจ้าว
ป้าสองจ้าวนั่งนับเงินที่โต๊ะั้แ่เช้า ่สองสามเดือนก่อนที่จะเข้าปีใหม่ นางได้เงินจากหลินหวั่นชิวทั้งหมดสี่สิบตำลึง
จ้าวสุ่ยเซิงได้เงินจากการทำงานกับเจียงหงหย่วนมาสามสิบตำลึง
ทั้งหมดเป็เจ็ดสิบตำลึง
จากนั้นคือเงินที่จ้าวหงฮวาได้จากดอกไม้ลูกปัดอีกสิบตำลึง ทั้งหมดจึงกลายเป็แปดสิบตำลึง
รวมกับเงินที่ได้จากการทำนาที่บ้าน เงินที่จ้าวเถียนเซิงออกไปทำงาน และเงินที่เก็บสะสมในบ้านมาั้แ่เมื่อก่อน ส่วนนี้รวมกันได้ประมาณสิบสามตำลึง
ขาดอีกนิดเดียวก็ได้ร้อยตำลึงแล้ว!
ทั้งครอบครัวมองเงินที่วางเต็มโต๊ะอย่างมีความสุข
ป้าสองจ้าวนำเงินสิบตำลึงออกมามอบให้จ้าวสุ่ยเซิง “เ้าจ่ายให้กองกลางสามสิบตำลึง แม่ให้เ้าเก็บไว้เองสิบตำลึง อย่าใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย!”
“ขอบคุณท่านแม่!” จ้าวสุ่ยเซิงรับเงินจากป้าสองจ้าวมาสิบตำลึง เก็บเข้าแขนเสื้อด้วยความดีใจ
จางซื่อ ภรรยาของจ้าวสุ่ยเซิงเห็นดังนั้นก็ตาลุกวาว นางกลืนน้ำลายครุ่นคิด ในเมื่อเหล่าเอ้อร์สิบตำลึง เช่นนั้นพวกนางก็น่าจะได้สิบตำลึงเหมือนกันใช่หรือไม่!
ดีล่ะทีนี้ นางจะได้ส่งเงินแปดตำลึงกลับไปให้ที่บ้าน อีกสองตำลึงที่เหลือเก็บไว้เป็เงินส่วนตัว
“เถียนเซิงจ่ายเข้ากองกลางสามตำลึง ข้าเป็คนยุติธรรม เ้าเอาไปหนึ่งตำลึง”
“ขอบคุณท่านแม่” แม้จ้าวเถียนเซิงจะอิจฉาที่จ้าวสุ่ยเซิงได้ไปสิบตำลึง แต่เขาก็รู้ว่านั่นเป็เพราะจ้าวสุ่ยเซิงหาเงินเข้าบ้านได้เยอะกว่า
“ประเดี๋ยว เหตุใดท่านแม่ลำเอียงเช่นนี้ ให้สุ่ยเซิงตั้งสิบตำลึง เหตุใดจึงให้พวกข้าแค่ตำลึงเดียว? เถียนเซิงไม่ใช่ลูกชายท่านหรือ” จ้าวเถียนเซิงรู้จักคิด แต่จางซื่อ ภรรยาของเขาไม่รู้จักคิด
น้องสามีได้สิบตำลึง แต่พวกนางได้แค่ตำลึงเดียว หากไม่มีเงิน นางจะอธิบายกับแม่ตัวเองว่าอย่างไร?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้