ตอนที่ 2 ระบบปลาเค็ม: ยิ่งี้เี พลังยิ่งทะลุหลอด
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านรอยแตกของหลังคาเรือนท้ายสวน กระทบลงบนใบหน้าของฉันที่กำลังซุกตัวอยู่ใน "ชุดเครื่องนอนเมฆาหมื่นปี" ที่ได้จากระบบเมื่อคืน มันช่างนุ่มนวลราวกับถูกโอบกอดด้วยปุยเมฆ กลิ่นหอมจางๆ ของดอกไม้ป่าทำให้ประสาทััที่เคยตึงเครียดมาตลอดทั้งชาติก่อนผ่อนคลายลงจนถึงขีดสุด
ฉันขยับตัวซุกเข้าหาความอบอุ่น ไม่อยากลุก ไม่อยากขยับ และไม่อยากแม้แต่จะหายใจแรงๆ
“หาววววว!!!! ี้เีจังเลย”
[ติ๊ง! ตรวจพบสภาวะ จิตหลุดพ้นจากภาระโลก เป็เวลา 10 ชั่วโมงติดต่อกัน] [คุณได้รับแต้มปลาเค็มสะสม: 500 แต้ม!] [โบนัสพิเศษ: เนื่องจากคุณนอนทับสิทธิ์การประลอง่เช้าของสำนัก คุณได้รับสกิล กายาเฉื่อยชา ศัตรูที่โจมตีคุณในขณะที่คุณี้เี จะได้รับดาเมจสะท้อนกลับ 200%]
"หุบปากน่าระบบ... คนจะนอน" ฉันพึมพำในใจ แต่มุมปากกลับยกยิ้มเล็กน้อย นี่สิคือชีวิตที่ฉัน้าในชาติที่สอง ไม่ต้องชิงดีชิงเด่น ไม่ต้องเจรจาช่วยตัวประกัน แค่นอนนิ่งๆ พลังก็มาเอง
แต่ความสงบสุขมักอยู่กับเราไม่นาน เสียงฝีเท้าที่ลากพื้นอย่างหนักหน่วงและมั่นคงดังมาจากทางเดินไม้เก่าๆ มันไม่ใช่เสียงฝีเท้าที่แฝงด้วยเจตนาร้ายเหมือนหลินเซี่ยเมื่อวาน แต่มันคือเสียงของคนที่แบกความทุกข์ไว้เต็มบ่า
เอี๊ยด...
ประตูถูกเปิดออกช้าๆ ฉันแกล้งหลับต่อเพื่อดูสถานการณ์
"เซวียนเอ๋อร์..." เสียงเรียกนั้นสั่นเครือและแหบพร่า กลิ่นอายของยาต้มเข้มข้นลอยนำมาก่อนตัว
ฉันลืมตาขึ้นเล็กน้อย เห็นชายวัยกลางคนในชุดผ้าป่านสีเทาที่ซักจนซีด ใบหน้าของเขาซูบผอมแต่ยังมีเค้าความหล่อเหลาในอดีต ขาข้างซ้ายของเขาดูผิดรูปและต้องใช้ไม้เท้าค้ำยันทุกย่างก้าว เขาคือ หลินเจิ้น พ่อของเ้าของร่างนี้ อดีตแม่ทัพผู้เกรียงไกรที่ถูกหักหลังและถูกทำร้ายจนพิการก่อนจะถูกตระกูลทอดทิ้ง
เขานั่งลงที่ข้างเตียง มือที่หยาบกร้านจากการจับดาบเอื้อมมาลูบหัวฉันอย่างเบามือ น้ำตาหยดหนึ่งหยดลงบนหลังมือของฉัน มันร้อนผ่าวราวกับจะลวกผิว
"พ่อขอโทษ... พ่อมันไร้ความสามารถ ปกป้องเ้าไม่ได้เลย แม้แต่หยดน้ำค้างในสระบัวที่เย็นเยียบ เ้ายังต้องไปเผชิญมันเพียงลำพัง" หลินเจิ้นสะอื้นไห้เบาๆ
"ถ้าแม่เ้ายังอยู่... เธอคงไม่มีวันยอมให้เ้าต้องมาตกระกำลำบากในเรือนร้างแห่งนี้"
หัวใจของฉันรู้สึกบีบคั้นอย่างรุนแรง มันไม่ใช่ความรู้สึกของฉัน แต่มันคือสัญชาตญาณของร่างเดิมที่รักพ่อคนนี้สุดหัวใจ ฉันลืมตาขึ้นเต็มตา มองดูชายที่ยอมสละศักดิ์ศรีอดีตแม่ทัพมานั่งทำงานรับจ้างเย็บปักถักร้อยเพื่อหาเงินซื้อยาให้ลูกสาว ขยะคนนี้
"คุณพ่อคะ..." ฉันเรียกเขาด้วยสรรพนามที่ติดปากจากโลกก่อน หลินเจิ้นชะงักไปเล็กน้อยกับคำเรียกที่แปลกหูแต่เขาก็ไม่ได้ทักท้วง
"ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ การที่หนูตกสระน้ำนั่นมันไม่ใช่ความผิดของคุณ แต่มันเป็ความผิดของคนที่ผลักหนูลงไปต่างหาก" ฉันยันตัวลุกขึ้นนั่งช้าๆ
"และสำนวนจีนเขากล่าวไว้ว่า สิบปีชำระแค้นก็ยังไม่สาย แต่นิสัยอย่างหนู... ถ้าแค้นใคร หนูมักจะชำระทันทีที่หายง่วงค่ะ"
หลินเจิ้นมองฉันด้วยความฉงน
"เซวียนเอ๋อร์ เ้าดูเปลี่ยนไป... แววตาของเ้า"
"หนูแค่ตาสว่างน่ะค่ะพ่อ" ฉันยิ้มบางๆ
"พ่อรู้ไหมว่าทำไมเราถึงถูกรังแก? ไม่ใช่เพราะเราอ่อนแอหรอกค่ะ แต่เพราะเรา เกรงใจคนที่ไม่ควรเกรงใจต่างหาก คนพวกนั้นมองความเมตตาของเราเป็ความโง่เขลา มองความสงบของเราเป็ความหวาดกลัว"
ฉันจับมือพ่อที่สั่นเทาไว้แน่น [ระบบ: ตรวจพบความเสียหายที่เส้นลมปราณของเป้าหมาย... ้าใช้ 300 แต้มปลาเค็มเพื่อรักษาหรือไม่?]
รักษาเลย! ฉันสั่งการในใจทันที
แสงสีทองจางๆ ที่มองเห็นได้เพียงฉันไหลผ่านปลายนิ้วเข้าสู่ร่างกายของหลินเจิ้น กระดูกที่บิดเบี้ยวเริ่มจัดตัวใหม่ เส้นลมปราณที่เคยขาดสะบั้นเริ่มเชื่อมต่อกันอย่างเงียบเชียบ
"อึก!" หลินเจิ้นร้องออกมาเบาๆ หน้าเขามีเหงื่อซึม
"ทำไมพ่อรู้สึก... ร้อนที่ขา..."
"อาจจะเป็เพราะอากาศมั้งคะพ่อ พ่อนั่งพักเถอะ หนูมีของจะให้" ฉันหยิบถุงเงินตำลึงทองที่ได้จากหลินเซี่ยเมื่อวานส่งให้เขา
"เอาเงินนี่ไปซื้อยาดีๆ และอาหารดีๆ มาให้เราสองคนนะคะ อ้อ... แล้วก็ซื้อเตียงใหม่ด้วย เตียงเดิมนี่มันขัดขวางการเจริญเติบโตของหนูมากเลย"
หลินเจิ้นตาค้าง "เงินตำลึงทองมากมายขนาดนี้... เ้าไปเอามาจากไหน!"
"อ๋อ... มีคนใจดีเอามาบริจาคให้เป็ค่าซ่อมประตูและค่ารบกวนเวลานอนน่ะค่ะ" ฉันตอบหน้าตาย
แต่ก่อนที่พ่อจะถามอะไรต่อ เสียงเอะอะโวยวายที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นจากหน้าเรือนอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่แค่เด็กสาวอย่างหลินเซี่ย แต่เป็เสียงฝีเท้าที่หนักแน่นและแฝงไปด้วยพลังปราณอย่างน้อยระดับ 4!
"หลินชิงเซวียน! ออกมาเดี๋ยวนี้! เ้ากล้าดีอย่างไรมาใส่ร้ายบุตรสาวข้า และยังกรรโชกทรัพย์นางไปอีก!"
นั่นคือเสียงของ หลินหง อาสามของฉัน พ่อของหลินเซี่ย และเป็รักษาการหัวหน้าตระกูลหลิน ผู้ที่จ้องจะฮุบทุกอย่างที่เป็ของพ่อฉัน
หลินเจิ้นหน้าถอดสี
"อาสาม... เขามาแล้ว เซวียนเอ๋อร์ เ้าหลบไปข้างหลังพ่อ พ่อจะคุยกับเขาเอง"
เขายันกายลุกขึ้นด้วยไม้เท้า พยายามจะปกป้องฉันเหมือนทุกครั้ง แต่คราวนี้ฉันคว้าแขนเขาไว้
"พ่อคะ... พ่อนั่งลงทานขนมที่อาหลินเตรียมไว้เถอะค่ะ" ฉันชี้ไปที่จานขนมแห้งๆ บนโต๊ะ "เื่สุนัขเห่าหน้าบ้าน ให้หนูจัดการเองเถอะ หนูี้เีฟังเสียงเขาทะเลาะกับพ่อ มันเสียบรรยากาศยามเช้า"
ฉันเดินออกไปที่หน้าประตูเรือนอย่างเนือยๆ ในชุดนอนผ้าป่านสีขาวผมเผ้ายุ่งเหยิง ภาพที่เห็นคือหลินหงในชุดขุนนางเต็มยศ ยืนอยู่ท่ามกลางองครักษ์นับสิบคน ด้านหลังมีหลินเซี่ยที่ยืนทำหน้าสะใจอยู่
"โอ๊ย... จะะโทำไมคะอาสาม? ที่นี่เรือนท้ายสวนนะคะไม่ใช่ตลาดสด ะโเสียงดังขนาดนี้ ระวังความดันขึ้นจะเส้นเืในสมองแตกเอาได้นะ หนูเป็ห่วง" ฉันพิงกรอบประตูพลางหาวหวอด
หลินหงโกรธจนหน้าเขียว
"นังเด็กโอหัง! เ้ากล้าขู่ข้าเหรอ? คืนเงินสองพันตำลึงทองมาเดี๋ยวนี้ และคุกเข่าขอขมาเซี่ยเอ๋อร์ซะ ไม่อย่างนั้นข้าจะขับเ้าและพ่อพิการของเ้าออกจากตระกูลหลิน!"
ฉันมองเขาด้วยสายตาที่เหมือนมองขยะชิ้นหนึ่ง
"ขับออก? ว้าว... นั่นคือคำขู่ที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตหนูเลยค่ะอาสาม เหมือนมดขู่จะเลิกเดินบนพื้นดินอย่างนั้นแหละ คุณคิดว่าตระกูลหลินที่มีแต่คนเห็นแก่ตัวอย่างคุณ มันน่าอยู่ขนาดนั้นเลยเหรอ?"
"เ้า!!! องครักษ์! ไปจับมันมาสั่งสอนให้รู้สำนึก!"
องครักษ์ระดับปราณ 3 สองคนพุ่งเข้าใส่ฉันทันที ฉันไม่ได้ขยับตัว ไม่แม้แต่จะยกมือขึ้นป้องกัน
"ระบบ... เปิดใช้งาน กายาเฉื่อยชา แบบคูณสอง"
ตูม! ตูม!
ทันทีที่หมัดขององครักษ์ััโดนตัวฉัน ราวกับพวกเขากระแทกเข้ากับกำแพงเหล็กกล้าที่มองไม่เห็น แรงสะท้อนกลับมหาศาลส่งร่างของพวกเขากระเด็นลอยข้ามรั้วเรือนไปตกในสระบัวเน่าๆ อย่างพอดิบพอดี เสียงกระดูกแตกหักดังแว่วมาตามลม
หลินหงและหลินเซี่ยยืนอ้าปากค้าง
"เป็ไปไม่ได้! เ้าไม่มีพลังปราณ!"
"ใครบอกคุณคะว่าหนูไม่มีพลังปราณ?" ฉันยิ้มเย็น
"หนูแค่ ี้เี แสดงให้ดูเฉยๆ เพราะการใช้พลังปราณมันสิ้นเปลืองพลังงานระดับเซลล์ คุณรู้ไหมว่าสำนวนจีนเขาว่ายังไง? ัหมอบไม่ได้แปลว่าัตาย แต่เพราะัไม่อยากคุยกับกิ้งก่าอย่างคุณ"
ฉันเดินก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ แต่ละก้าวที่เหยียบลงบนพื้นหญ้ากลับทำให้แผ่นดินสั่นะเืเบาๆ นี่คือผลจากการสะสมแต้มปลาเค็มที่ระบบแปลงเป็พลังกดดันิญญา
"อาสามคะ... คุณรู้ไหมว่าความผิดที่ใหญ่ที่สุดของคุณคืออะไร?" ฉันหยุดยืนตรงหน้าเขา ห่างกันเพียงแค่เอื้อมมือ
"ไม่ใช่การที่คุณรังแกหนู แต่คือการที่คุณทำร้ายพ่อของหนู คนที่เป็พี่ชายของคุณ คนที่เคยปกป้องคุณในสนามรบ"
ฉันยื่นมือออกไปบีบคอหลินหงด้วยความเร็วที่เหนือกว่าประสาทััของเขาจะมองทัน เขาพยายามจะใช้พลังปราณระดับ 4 ขัดขืน แต่กลับพบว่าพลังของเขาถูกตรึงไว้ด้วยอำนาจที่เหนือกว่าอย่างเทียบไม่ได้
"คุณมันก็แค่ ต้นไม้ที่เน่าเฟะจากข้างใน ต่อให้สวมชุดขุนนางราคาแพงแค่ไหน ก็ปกปิดกลิ่นเหม็นของสันดานคุณไม่ได้" ฉันกระซิบที่ข้างหูเขา
"เงินสองพันตำลึงทองนั่น หนูไม่คืน... และถ้าพรุ่งนี้หนูยังเห็นคุณเดินมาแถวนี้อีก หนูจะทำให้คุณรู้ว่า การไม่ได้นอนเพราะความหวาดกลัวมันทรมานยิ่งกว่าตายเสียอีก"
ฉันสะบัดมือเบาๆ ร่างของหลินหงกระเด็นไปกระแทกกับเกวียนที่จอดอยู่จนแตกละเอียด หลินเซี่ยกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวแล้วรีบวิ่งไปพยุงพ่อของเธอหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต
ฉันมองตามแผ่นหลังที่สั่นเทาของพวกเขาและลูกน้อง แล้วถอนหายใจยาว
"เฮ้อ... เหนื่อยชะมัด แค่บีบคอคนก็เหงื่อออกแล้วเหรอเนี่ย" ฉันปาดเหงื่อที่หน้าผาก (ที่จริงๆ แทบไม่มี) แล้วเดินกลับเข้าห้องไป
ข้างในห้อง หลินเจิ้นยืนอยู่ด้วยไม้เท้าที่หล่นพื้น เขาไม่ได้ใช้มันพยุงตัวอีกต่อไปแล้ว เขายืนตัวตรงด้วยขาที่เคยพิการ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึงและหยาดน้ำตาแห่งความภาคภูมิใจ
"เซวียนเอ๋อร์... เ้า... เ้าหายดีแล้วจริงๆ หรือ?"
ฉันยิ้มกว้าง เข้าไปกอดพ่อที่แสนดีคนนี้ไว้
"หนูไม่ได้แค่หายดีค่ะพ่อ แต่เราจะเปลี่ยนที่นี่ให้กลายเป็วิมานของคนี้เี ใครที่ขยันมารังแกเรา... หนูจะสอนให้พวกเขารู้จักคำว่า ขยันผิดที่ ชีวิตจะสั้น เองค่ะ"
[ติ๊ง! ภารกิจ ปกป้องศักดิ์ศรีของบิดา สำเร็จ!] [ได้รับแต้มปลาเค็ม: 1,000 แต้ม] [รางวัลพิเศษ: คู่มือการปรุง น้ำแกงปลาเค็มสยบเซียน กินแล้วอายุยืนหมื่นปี พลังปราณพุ่งปรี๊ดโดยไม่ต้องฝึก!]
"น่าสนใจ... แต่ตอนนี้ ระบบ... ปิดการแจ้งเตือนนะ ฉันจะไปนอนต่ออีกสักสองชั่วโมง การใช้สมองด่าคนเมื่อกี้มันทำเอาฉันเพลียจริงๆ"
ฉันล้มตัวลงนอนบนหมอนนุ่มๆ ในขณะที่หลินเจิ้นนั่งมองลูกสาวด้วยความรักและความหวังที่กลับมาสว่างไสวอีกครั้งในรอบสิบปี
