ตอนที่ 7 ความสามารถที่ซ่อนเร้น
กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นลอยอบอวลอยู่ในห้องทำงานกว้างขวางบนชั้นสองของคฤหาสน์ เวลาล่วงเลยเข้าสู่่สี่ทุ่ม แต่ไฟในห้องยังคงสว่างจ้า
ภูผาทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หนังราคาแพงด้วยความเหนื่อยล้า เขาเพิ่งกลับมาจากประชุมเครียดกับบอร์ดบริหารที่บริษัท ปัญหาบัญชีที่ค้างคามาหลายวันทำให้เขาปวดขมับ มือหนาหยิบแฟ้มเอกสารงบการเงินที่เขาทิ้งไว้เมื่อเช้าขึ้นมาดู ตั้งใจว่าจะสะสางให้เสร็จคืนนี้
แต่แล้วคิ้วเข้มก็ต้องขมวดมุ่น
กระดาษโพสต์อิทสีเหลืองแผ่นเล็กแปะอยู่ตรงหน้างบดุลที่เขายังแก้ไม่ตก บนนั้นมีลายมือตัวเล็กๆ เป็ระเบียบ เขียนด้วยปากกาสีน้ำเงิน
“ยอดรวมตรงนี้ไม่สัมพันธ์กับค่าเสื่อมราคาในหน้า 4 ค่ะ ลองปรับยอดตามสูตรนี้ดูนะคะ...” พร้อมกับตัวเลขชุดใหม่ที่ถูกคำนวณมาอย่างเสร็จสรรพ
ภูผานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบเครื่องคิดเลขขึ้นมากดตามอย่างรวดเร็ว... ผลลัพธ์ที่ได้ทำให้ดวงตาคมกริบเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย
เป๊ะ ตัวเลขลงตัวทุกจุด ปัญหาที่เขานั่งงมมาสองวัน ถูกแก้ด้วยโพสต์อิทแผ่นเดียว
“น้ำตาล...” เขาพึมพำชื่อเ้าของลายมือ มุมปากกระตุกยิ้มขึ้นมาอย่างที่ยากจะสังเกต “เธอไม่ได้มีดีแค่ทำหน้าซื่อตาใสสินะ”
ภูผากดอินเตอร์คอมเรียกป้าแช่ม (แม่บ้านอีกคน)
“ป้าแช่ม ไปตามน้ำตาลมาพบผมที่ห้องทำงาน... เดี๋ยวนี้”
สิบนาทีต่อมา ประตูห้องทำงานถูกเคาะเบาๆ ก่อนร่างบางในชุดนอนสีครีมเรียบร้อยจะเดินก้มหน้าเข้ามา น้ำตาลมีสีหน้ากังวลเล็กน้อย เธอจำได้ว่าแอบถือวิสาสะดูเอกสารของเขาเมื่อตอนกลางวัน หรือเขาจะเรียกมาด่า?
“นั่งสิ” ภูผาสั่งเสียงเรียบ พยักหน้าไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
น้ำตาลนั่งลงอย่างระมัดระวัง มือประสานกันแน่นที่หน้าตัก “คุณภูผา... คือเื่กระดาษนั่น ฉัน...”
“เธอจบบัญชีมาใช่ไหม?” เขาถามสวนขึ้นมา ไม่ได้มีน้ำเสียงดุดันอย่างที่คิด
“คะ... ค่ะ เรียนเกือบจบปีสุดท้ายแล้วค่ะ แต่ต้องออกมาเพราะเื่พ่อ แต่จบปริญญาตรีเกียรตินิยมค่ะ” น้ำเสียงเธอแ่ลงในตอนท้าย
ภูผาโยนแฟ้มเอกสารปึกใหญ่ลงตรงหน้าเธอ ดัง ปึก!
“งั้นก็ดี คืนนี้ฉันมีงานต้องเคลียร์กองเท่าูเา และฉัน้าผู้ช่วย” เขาจ้องตาเธอเขม็ง “ถ้าเธอช่วยฉันเคลียร์บัญชีโครงการนี้เสร็จทันก่อนตีสอง... ฉันจะพิจารณาลดหนี้ให้”
ดวงตาของน้ำตาลเป็ประกายวาววับขึ้นมาทันที คำว่า ลดหนี้ เปรียบเสมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ
“จริงเหรอคะ!?”
“ฉันไม่เคยคืนคำ” ภูผากอดอก “แต่มีข้อแม้ งานต้องเนี้ยบ ห้ามผิดแม้แต่จุดทศนิยมเดียว”
“ตกลงค่ะ!” เธอตอบรับแข็งขัน ความง่วงหายเป็ปลิดทิ้ง
“อ้อ... แล้วก็” ภูผาหันไปมองที่ประตูห้องซึ่งเปิดออกพอดี “คืนนี้เรามีคนช่วยอีกแรง”
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว หน้าตาดีในแบบหนุ่มตี๋อินเทรนด์ สวมแว่นตากรอบเงินดูฉลาดเฉลียว เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มที่เป็มิตร เขาสวมเสื้อเชิ้ตพับแขนดูทะมัดทะแมง
“ขอโทษที่มาช้าครับบอส พอดีรถติดแถวสาทร”
ภูผาพยักหน้าหน้านิ่งๆ “นี่ กวิน เลขาส่วนตัวของฉัน... กวิน นี่น้ำตาล ลูกหนี้... เอ้อ ผู้ช่วยจำเป็ของฉัน”
กวินหันมามองน้ำตาล ก่อนจะส่งยิ้มกว้างจนตาหยี “อ้าว น้องน้ำตาล! จำพี่ได้ไหม เราเคยเจอกันตอนสัมมนาคณะบริหารปีที่แล้ว ที่มหาวิทยาลัยไงครับ”
น้ำตาลเบิกตากว้าง “พี่กวิน! พี่รหัสของเพื่อนหนู... โลกกลมจังเลยค่ะ ไม่นึกว่าจะมาเจอพี่ที่นี่”
“นั่นสิครับ ดีใจจังที่ได้เจอคนคุ้นเคย”
ทั้งสองคนยิ้มให้กันอย่างสนิทสนม บรรยากาศรอบตัวดูสดใสขึ้นมาทันตาเห็น... ท่ามกลางความมาคุ (บรรยากาศที่น่าอัดอัด) ที่เริ่มก่อตัวขึ้นเงียบๆ จากเ้าของห้อง
ภูผากระแอมเสียงดังในลำคอ “อะแฮ่ม!”
เขาเคาะปากกากับโต๊ะเป็จังหวะที่ฟังดูคุกคาม “โลกจะกลมหรือจะแบนเอาไว้คุยกันทีหลัง ตอนนี้งานกองอยู่ตรงหน้า... หรือไม่อยากได้ส่วนลดหนี้แล้ว?”
น้ำตาลสะดุ้ง “ทำค่ะทำ!” เธอรีบขยับเก้าอี้เข้าไปใกล้โต๊ะทำงาน ส่วนกวินก็ลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ น้ำตาล พร้อมเปิดแล็ปท็อปของตัวเอง
การทำงานเริ่มต้นขึ้น บรรยากาศเต็มไปด้วยความจริงจังแต่ลื่นไหลอย่างน่าประหลาด น้ำตาลและกวินทำงานเข้าขากันได้ดีจนน่าหมั่นไส้... ในความคิดของภูผา
“น้องตาล ตรงนี้พี่ว่าใช้ฟังก์ชันนี้ดีกว่า ดึงข้อมูลมาจะไวกว่านะ” กวินเอี้ยวตัวไปชี้ที่หน้าจอของน้ำตาล ไหล่ของเขาแทบจะชิดกับไหล่ของเธอ
“จริงด้วยค่ะพี่กวิน! ตาลลืมนึกไปเลย พี่กวินนี่เก่งจัง” น้ำตาลยิ้มหวานพร้อมเงยหน้าขึ้นมองกวิน ชื่นชมจากใจจริง
“เก่งจัง” ปานชีวาพูดพร้อมยิ้มตาหยี
ภูผาคิ้วกระตุก เขาที่นั่งเป็หัวหลักอยู่หัวโต๊ะ รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็ธาตุอากาศ ทั้งที่เขาเป็เ้าของบริษัท! เป็เ้าหนี้! และเป็คนจ่ายเงินเดือนไอ้หน้าตี๋นี่!
“กวิน” ภูผาเรียกเสียงเย็น
“ครับบอส?”
“แอร์มันร้อน ไปปรับอุณหภูมิลงหน่อย”
“เอ่อ... ตอนนี้ 22 องศาแล้วนะครับบอส หนาวจะแย่แล้ว” กวินแย้งเบาๆ
“ฉันบอกว่าร้อน ก็คือร้อน” ภูผาจ้องเขม็ง
“ครับๆ ได้ครับ” กวินจำใจลุกเดินไปปรับแอร์ ทำให้น้ำตาลต้องหยุดชะงักรอ
พอกวินกลับมานั่ง ทั้งสองคนก็เริ่มสุมหัวปรึกษากันอีกครั้ง คราวนี้เป็เื่ศัพท์เทคนิคทางบัญชีที่คนนอกฟังไม่เข้าใจ ทั้งคู่หัวเราะคิกคักกับมุกตลกเกี่ยวกับงบดุล (ซึ่งภูผาไม่เห็นว่ามันจะขำตรงไหน)
“อันนี้ Assets บวมมากเลยค่ะพี่กวิน สงสัยต้องตัด Write-off บ้างแล้วมั้ง” น้ำตาลหัวเราะร่าเริง รอยยิ้มที่ภูผาไม่เคยได้รับั้แ่เธอเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้
“ฮ่าๆๆ นั่นสิครับ น้องตาลนี่เข้าใจเปรียบเทียบ” กวินหัวเราะพลางเอื้อมมือไปจะช่วยจับเมาส์ให้น้ำตาล “มา เดี๋ยวพี่คลิกให้...”
เสียงแป้นพิมพ์แล็ปท็อปของกวินและน้ำตาลดังประสานกันเป็จังหวะ แต่สำหรับภูผาแล้ว มันฟังดูน่ารำคาญยิ่งกว่าเสียงสว่านเจาะถนน
ภูผาพยายามเพ่งมองเอกสารในมือ แต่ตัวหนังสือภาษาอังกฤษพวกนั้นกลับไม่ได้เข้าหัวเลยแม้แต่น้อย สมาธิของเขาแตกกระเจิงไปั้แ่เห็นกวินลากเก้าอี้เข้าไปชิดกับน้ำตาลแล้ว... ชิดเกินความจำเป็ ในสายตาของเขา
ดวงตาคมกริบภายใต้คิ้วเข้มที่ขมวดมุ่น ลอบมองลอดแฟ้มเอกสารไปที่ทั้งคู่ทุกๆ สามวินาที
ภาพที่เห็นยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนมีไฟกองใหญ่สุมอยู่ในอก น้ำตาลที่ปกติจะนั่งตัวลีบ ก้มหน้าก้มตา และมีแววตาหวาดหวั่นทุกครั้งที่คุยกับเขา... แต่ตอนนี้ เธอกลับกำลังยิ้ม! แถมยังเป็รอยยิ้มหวานหยดย้อยที่ส่งไปให้ลูกน้องของเขาอย่างเป็ธรรมชาติ ดวงตาคู่สวยนั่นเป็ประกายสดใส ไร้ซึ่งความหวาดกลัว
“กับฉันเธอทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ตลอดเวลา แต่กับไอ้หมอนี่... เจอกันไม่ถึงสิบนาที ยิ้มจนแก้มจะปริ”
ภูผาขบกรามแน่นจนขึ้นสันนูน มือข้างขวาที่ถือปากกามองต์บลังค์ด้ามหรู เริ่มเผลอกดน้ำหนักลงกับโต๊ะแรงขึ้นเรื่อยๆ
กึก... กึก... กึก...
เสียงเคาะปากกาดังขึ้นเป็จังหวะที่ฟังดูหงุดหงิด แต่น้ำตาลและกวินกลับไม่ได้ยิน เพราะมัวแต่คุยเื่สูตรคำนวณใน Excel กันอย่างออกรส ภูผาเห็นกวินเอี้ยวตัวเข้าไปชี้ที่หน้าจอของน้ำตาล ไหล่กว้างของเลขาหนุ่มเฉียดไหล่บางของเธอไปเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด
วูบ!
ความร้อนผะผ่าวแล่นพล่านไปทั่วร่างภูผา เขารู้สึกขวางหูขวางตาไปหมด ขวางตาเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนของกวินที่ดูเข้ากันดีกับชุดนอนสีครีมของน้ำตาล ขวางหูเสียงหัวเราะคิกคักที่ดูสนิทสนมเกินเบอร์
นี่เขากลายเป็ธาตุอากาศในห้องทำงานของตัวเองไปแล้วหรือไง?
“น้องตาลเก่งจัง หัวไวมากเลยนะเนี่ย แบบนี้พี่สอนแป๊บเดียวก็เป็งานแล้ว” กวินเอ่ยชมเสียงนุ่ม พร้อมกับส่งสายตาเอ็นดูให้น้ำตาล
“พี่งั้นเหรอ? ใครอนุญาตให้เรียกพี่เรียกน้อง?” ภูผาคิดในใจอย่างพาลๆ เขาอยากจะลุกขึ้นไปกระชากเก้าอี้กวินให้ออกห่างสักสามเมตร แต่ติดที่ต้องรักษามาด เ้าหนี้ผู้เยือกเย็น เอาไว้
เขากระแทกลมหายใจออกทางจมูกแรงๆ พยายามขยับตัว พลิกหน้ากระดาษเสียงดัง พรึ่บพรั่บ! เพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่สองคนนั้นก็ยังคงอยู่ในโลกส่วนตัวที่มีกันแค่สองคน ราวกับมีกำแพงที่มองไม่เห็นกั้นภูผาเอาไว้อีกฝั่ง
ความหงุดหงิดพุ่งถึงขีดสุดเมื่อเห็นน้ำตาลทำท่าจะหยิบแก้วน้ำ แล้วมือไปโดนมือของกวินที่ยื่นมาพอดี ทั้งคู่ชะงักแล้วมองหน้ากันยิ้มๆ
“ทนไม่ไหวแล้วโว้ย”
ปึก!!
เสียงแก้วกาแฟเซรามิกถูกวางกระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรง คั่นกลางระหว่างมือของกวินและมือของน้ำตาลพอดิบพอดี
ทั้งสองคนสะดุ้งโหยง เงยหน้ามองภูผาเป็ตาเดียว
“กาแฟหมด” ภูผาพูดหน้านิ่ง ทั้งที่ในแก้วยังมีอยู่ครึ่งหนึ่ง “กวิน... ไปชงมาใหม่ เอาแบบอาราบิก้าคั่วกลาง น้ำตาล 1 ช้อน ครีมเทียมครึ่งช้อน คนวนซ้าย 3 รอบ ขวา 2 รอบ... ไป”
กวินอ้าปากค้างกับคำสั่งที่ละเอียดพิลึก แต่ด้วยความเป็มืออาชีพ (และรู้ชะตากรรม) เขายิ้มแห้งๆ “ได้ครับบอส... รอสักครู่นะครับน้องตาล เดี๋ยวพี่มาสอนต่อ”
พอกวินเดินพ้นประตูไป ภูผาก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วเดินอ้อมโต๊ะมาหยุดยืนอยู่ข้างหลังน้ำตาล กลิ่นน้ำหอมราคาแพงผสมกลิ่นบุหรี่จางๆ ของเขาทำให้น้ำตาลตัวเกร็ง
“ขยับไป” เขาออกคำสั่ง
“คะ?” น้ำตาลเงยหน้ามองอย่างงุนงง
“เก้าอี้... ขยับไปทางซ้าย ฉันจะดูจอด้วย”
น้ำตาลรีบเขยิบเก้าอี้หนี แต่ภูผากลับลากเก้าอี้ของตัวเองมาแทรก เบียด ลงไปตรงที่ว่างซึ่งกวินเคยนั่ง เขาถือวิสาสะวางแขนข้างหนึ่งพาดพนักเก้าอี้ของเธอ ส่วนอีกข้างจับเมาส์ พื้นที่อย่างถือสิทธิ์
ตอนนี้ใบหน้าของเขาอยู่ห่างจากแก้มเธอไม่ถึงคืบ
“ไหน... ตรงไหนที่บอกว่ายาก” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู จนน้ำตาลขนลุกซู่
“เอ่อ... คือ... พี่กวิน... เอ้ย คุณกวินบอกว่า...”
“ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น” ภูผาดุเสียงเข้ม แววตาดุแต่แฝงความเอาแต่ใจ “ฉันเป็คนจ่ายค่าจ้างเธอ ฉันเป็คนลดหนี้ให้เธอ เพราะฉะนั้น... ถามฉัน ฟังฉัน มองแค่ฉัน เข้าใจไหม?”
น้ำตาลกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก หัวใจเต้นรัวไม่ใช่เพราะความรัก แต่เพราะความกลัวผสมความงงกับอารมณ์ผีเข้าผีออกของเขา
“ขะ... เข้าใจค่ะ”
“ดี” ภูผายกยิ้มมุมปากพอใจ ก่อนจะเริ่มอธิบายงานในหน้าจอด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะ นุ่มนวล ขึ้น (ในแบบของเขา) แต่สายตากลับเหลือบมองไปที่ประตูบ่อยๆ
เมื่อกวินเดินกลับเข้ามาพร้อมกาแฟแก้วใหม่ เขาก็ต้องชะงักกึกเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
เ้านายผู้แสนเ็า กำลังนั่งเบียดน้องรหัสคนสวยของเขาจนแทบจะสิงร่างกัน แขนแกร่งที่พาดพนักเก้าอี้ดูเหมือนการโอบกอดกลายๆ สายตาของภูผาที่มองมาทางกวินสื่อความหมายชัดเจนว่า...
“ที่ตรงนี้เต็มแล้ว ไปหาที่นั่งไกลๆ”
กวินลอบถอนหายใจ ยิ้มมุมปากอย่างรู้ทัน “อ๋อ... ที่แท้ก็หวงก้างนี่เอง บอสหนอบอส”
“กาแฟครับบอส” กวินวางแก้วลง แล้วแกล้งทำเป็ไม่รู้ไม่ชี้ “งั้นผมนั่งเช็กเอกสารอีกชุดตรงโซฟาละกันนะครับ จะได้ไม่ เบียด กัน”
กวินเน้นเสียงคำว่าเบียดอย่างจงใจ ภูผากระตุกคิ้วเล็กน้อยแต่ยังคงเก็กหน้านิ่ง
“อือ ก็ดี... รีบๆ ทำเข้าล่ะ อย่ามัวแต่คุยไร้สาระ”
น้ำตาลที่ไม่ได้รู้อีโหน่อีเหน่อะไรเลย ได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไปอย่างขยันขันแข็ง ในหัวคิดแต่เื่เงินห้าหมื่นบาท โดยไม่รู้ตัวเลยว่า ตอนนี้เธอได้กลายเป็สมรภูมิเงียบระหว่างเ้านายขี้หึงกับเลขาจอมกวนไปเสียแล้ว
และที่สำคัญ... คืนนี้ภูผาคงไม่ยอมปล่อยให้เธอคลาดสายตา แม้แต่วินาทีเดียว!
////****////
