ูเาทั้งสามลูกตั้งตระหง่านข้างกันและหันหน้าไปทางซากเมืองโบราณ ทั้งยังอยู่ห่างจากกันหลายสิบลี้ตามการคำนวณด้วยสายตา
เื้ัซากปรักหักพังมีเนินเขาอยู่ประปราย ทว่าเนินเ่าั้สูงเพียงครึ่งหนึ่งของูเาทั้งสามลูก
ไกลออกไป ท้องนภามืดครึ้มซึ่งปกคลุมด้วยหมอกมีเหวลึกที่มองเห็นไม่ชัดเจน ทั้งยังมีแม่น้ำล้อมรอบซึ่งแยกเมืองออกจากโลกภายนอก
“ทำเื่สำคัญก่อนดีกว่า หากมีโอกาสค่อยลองเข้าไปตรวจสอบ” หนิงเทียนขจัดความคิดฟุ้งซ่านแล้วตรงไปยังต้นไม้แห้งเหี่ยวเพื่อรับรอยประทับใจกลางพฤกษาต้นที่เจ็ด
ด้วยความช่วยเหลือจากรอยประทับใจกลางพฤกษาใน เขาััได้ถึงโอกาสอันดีบริเวณกึ่งกลางของทางลงเขา
ที่นั่นมีโลงศพตั้งอยู่ หนิงเทียนจึงตัดสินใจปิดผนึกตัวเองในโลงศพและบำเพ็ญอย่างเงียบๆ สองวันต่อมาโลงศพก็ะเิออก บ่งบอกว่าเขาเสร็จสิ้นการเสริมความแข็งแกร่งรอบที่เจ็ดแล้ว
นี่เป็วันที่เก้าของการเข้าสู่แดนลับ หนิงเทียนมุ่งไปยังูเาลูกที่สอง หลังจากได้รับรอยประทับใจกลางพฤกษาต้นที่แปด เขาก็เข้าสู่การขัดเกลากายาครั้งใหญ่ซึ่งใช้ดวงิญญาหลายร้อยดวง
สองวันต่อมา หนิงเทียนก็ปีนขึ้นไปบนูเาลูกสุดท้ายและได้รับรอยประทับใจกลางพฤกษาต้นที่เก้า เขาไขว่คว้าสูตรฝึกของวิชากายาสุวรรณะนิรันดร์ที่สมบูรณ์มาได้สำเร็จ
กายาสุวรรณะนิรันดร์แบ่งออกเป็เก้าระดับ และยามนี้หนิงเทียนก็ฝึกฝนจนถึงระดับสอง่ปลาย ซึ่งเข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบอันยิ่งใหญ่แล้ว
บริเวณไหล่เขายังมีหลุมศพฝังอยู่ ดินสีน้ำตาลเข้มแฝงพลังอันน่าสะพรึงกลัวเก้าประการ หนิงเทียนฝังตัวลงในดินและเริ่มการบ่มเพาะอย่างหนักหน่วงครั้งสุดท้าย
การบ่มเพาะนี้ใช้เวลาสามวันสามคืน การชำระล้างกายาสุวรรณะนิรันดร์รอบที่เก้านั้นเหนือจินตนาการ แสงทั้งเก้าในเส้นลมปราณที่สองเกี่ยวพันกันก่อนจะหลอมรวมแล้วพัฒนาสู่ความลึกลับสูงสุดของวิวัฒนาการ ทั้งยังสร้างเป็แผนที่จิติญญาที่สมบูรณ์แบบ
ยามนั้นหนิงเทียนสามารถทะลุทะลวงและเข้าสู่ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสองได้สำเร็จ เส้นลมปราณหลักทั้งสองเสริมซึ่งกันและกัน บงกชสีมรกตและต้นไม้แห้งเหี่ยวหยั่งรากบนหลุมศพที่หนิงเทียนฝังร่างอยู่
ตลอดเส้นทางหนิงเทียนได้สังหารอสูรระดับสองไปจำนวนมาก ทั้งยังกลืนกินผนึกพลังไปอย่างล้นหลาม ซึ่งทั้งหมดสะสมอยู่ในเส้นลมปราณแรก
เมื่อเขาก้าวเข้าสู่จิตหยั่งลึกขั้นสอง ผนึกพลังทั้งหมดในร่างของเขาได้รับการขัดเกลา และดูดซับเป็พลังอันยิ่งใหญ่ที่เพิ่มระดับการฝึกฝนอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้งูั์ร้อยจั้งที่พบเมื่อก่อนหน้ายังเป็อสูรระดับสาม แกนผลึกของมันมีพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เหนือจินตนาการ ทั้งยังช่วยให้หนิงเทียนเข้าสู่ขั้นกลางของขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสองได้โดยตรง ซึ่งเยี่ยมยอดกว่าการดูดกลืนหินิญญาแสนก้อนเสียอีก
ดินดำลุกพ่นควันระอุจนผืนแผ่นดินสั่นะเื หนิงเทียนเปรียบเสมือนหลุมลึกไร้จุดสิ้นสุด ด้วยยุทธศาสตร์ครอง์และกายาสุวรรณะนิรันดร์ หมู่มวลพฤกษาในรัศมีพันจั้งล้วนเหี่ยวเฉา แก่นพฤกษาส่วนใหญ่ถูกเขาดูดกลืน
หนิงเทียนพุ่งออกจากพื้นดินพร้อมเสียงสนั่น ผิวทั่วทั้งร่างกระจ่างใส เส้นสายสีทองอร่ามไขว้ซ้อนทับกันทีละชั้น กายาสุวรรณะนิรันดร์เข้าสู่ระดับสามแล้ว
จากการเสริมความแข็งแกร่งและสร้างผนึกจิติญญาทั้งเก้ารอบ ในที่สุดหนิงเทียนก็ทะลุขีดจำกัดและก้าวต่อไปได้อย่างมั่นคง
สำหรับผู้ที่้าพัฒนาขอบเขตของตน พวกเขาเพียงต้องรวบรวมรากจิติญญาไว้ในเส้นลมปราณเท่านั้น ทว่าในการพัฒนาขอบเขตของหนิงเทียน เขาจำเป็ต้องสร้างแผนที่จิติญญาซึ่งค่อนข้างลึกลับในเส้นลมปราณ และความล้ำลึกอย่างหาที่เปรียบมิได้นี้ก็ทำให้เขาทั้งตื่นเต้นและกังวล
ด้วยระดับความยากที่สูงเพียงนี้ เขาจะไปถึงขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นเก้าได้เมื่อใดกัน?
แผนที่จิติญญาในเส้นลมปราณแรกมาจากเขาเฮยเสวียน ซึ่งประกอบด้วยกระบวนท่าทั้งเก้าของบงกชสีมรกต โดยการพบเจอครั้งนั้นนับได้ว่าเป็เพราะพรหมลิขิต
ส่วนแผนที่จิติญญาในเส้นลมปราณที่สองมาจากแดนลับ มันประกอบด้วยปริศนาแห่งกายาสุวรรณะนิรันดร์และการขัดเกลากายาเก้ารอบ ซึ่งเป็สิ่งที่จำเป็อย่างยิ่ง
แล้วเช่นนี้เขาจะหาแผนที่จิติญญาในเส้นลมปราณที่สามได้จากที่ใด?
เมื่อก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว กระดูกทั้งร่างของหนิงเทียนก็สั่นะเื เืลมพลุ่งพล่าน และเส้นผมยาวสลวยปลิวไสวราวอสูรร้ายโบราณที่แผ่รัศมีแห่งภัยคุกคามปลุกปั่นจิติญญา
“ทะยานหลงเงาตัดผกา!”
หลังจากเข้าสู่ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสอง ทักษะการต่อสู้ของหนิงเทียนก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ดอกไม้บินหกสิบสี่ดอกบานสะพรั่งบนปลายนิ้ว กลีบดอกหลายร้อยกลีบหมุนวนราววงล้อมีด พร้อมปล่อยปราณกระบี่กระจายทั่วท้องนภา และบดขยี้พฤกษาในระยะสิบจั้งโดยรอบจนสูญสิ้น
“ทะลวงพันชั้น!”
เสียงคำรามดังกึกก้องพงไพร เสียงกระทบสั่นะเืภูผาธารา ต้นไม้ใหญ่โค่นล้ม ใบหญ้าและกลีบผกานับไม่ถ้วนปลิวว่อนในอากาศ
ก่อนหน้านี้วิชาทะลวงพันชั้นของหนิงเทียนอยู่เพียงระดับสอง ซึ่งมีมากถึงห้าร้อยสิบสองกระบวนท่า แต่ยามนี้ทะลวงพันชั้นได้พัฒนาจนถึงระดับสามและหลอมรวมเป็สองร้อยห้าสิบหกกระบวนท่า โดยพลังของแต่ละกระบวนท่าก็เพิ่มขึ้นสองเท่า
หนิงเทียนหยิบพู่กันิญญาสีสันสดใสออกมาพร้อมเปิดใช้ยุทธศาสตร์ครอง์ ปลายพู่กันเปล่งแสงสว่างวาบ เงาภาพของเหล่าพฤกษาปรากฏขึ้นกลางอากาศ ซึ่งดูสมจริงอย่างยิ่ง
หลังผ่านไปหนึ่งก้านธูป ความสำเร็จในการแต่งแต้มกระดูกของหนิงเทียนก็เลื่อนจากขั้นกลางไปสู่ขั้นปลาย และเมื่อครบตามเวลาที่กำหนด เขาน่าจะไปถึงจุดสูงสุดของการแต่งแต้มกระดูกได้
หากเชี่ยวชาญศิลปะแห่งการวาดภาพจิติญญาก็ย่อมสามารถเป็จิตรกรจิติญญาได้ นี่เป็อีกหนึ่งอาชีพหายากในหมู่จื๋อซิว ซึ่งหายากยิ่งกว่ายอดฝีมือด้านการพัฒนาจิติญญาด้วยซ้ำ
หลังจากสวมชุดใหม่และจัดระเบียบครู่หนึ่ง หนิงเทียนก็กลับมาที่ยอดเขาและจ้องมองแกนกลางของแดนลับด้วยดวงตาที่ลุกเป็ไฟ
ซากปรักหักพังนั้นเก่าแก่และลึกลับ เมืองโบราณแห่งนี้ทำให้หนิงเทียนนึกหวาดหวั่น
ยามนี้ขอบเขตของเขาได้รับการพัฒนาแล้ว อีกทั้งความแข็งแกร่งก็สูงขึ้นมาก ทว่าความกลัวที่มีต่อเมืองโบราณกลับเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
เมื่อเปิดกำไลหยกหยวน เขาก็พบกับข้าวของสารพัดผสมปนเปอยู่ด้านใน ทั้งแหวนมิติที่ปล้นชิงมา รวมทั้งเสื้อผ้าบางส่วน
หนิงเทียนฉีกผ้าขาวผืนหนึ่งแล้ววาดซากปรักหักพังของเมืองโบราณ เขาตั้งใจไว้ว่าจะค่อยๆ ศึกษามันหลังออกไปจากที่นี่
“ถึงเวลาเดินทางแล้ว”
ั้แ่เข้าสู่แดนลับ วันนี้ก็เป็วันที่สิบสี่แล้ว และหนทางการกลับไปก็ยังอีกยาวไกล
หนึ่งชั่วยามต่อมาหนิงเทียนก็กลับมายังเหวขุมนรก สะพานแขวนยังคงอยู่ ทว่าความทรงจำที่เหวนี้มอบให้เขากลับต่างไปจากขามา
หลังจากเข้าสู่ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสอง ความแข็งแกร่งโดยรวมและการรับรู้ของหนิงเทียนก็ดีขึ้นมาก เขาจึงยิ่งรู้สึกทึ่งกับเหวลึกยิ่งกว่าเก่า
ท่ามกลางสายหมอก เถาวัลย์สีเขียวคลี่ตัวออกช้าๆ ตรงปลายยอดมีดวงตาสีเขียวราวมรกตข้างหนึ่ง รูม่านตาที่ซ้อนทับคล้ายชั้นประตูมิติหลายบานกำลังจ้องมองต้นไม้แห้งเหี่ยวข้างกายหนิงเทียน
หนิงเทียนค่อนข้างสับสนและใช้พละกำลังทั้งหมดเพื่อควบคุมกายาสุวรรณะนิรันดร์ โดยมีต้นไม้แห้งเหี่ยวอยู่เบื้องหน้าและมีบงกชสีมรกตอยู่เื้ั ก่อให้เกิดการป้องกันสองเท่า
ดวงตาสีเขียวของเถาวัลย์นั้นประหลาดและคาดเดาไม่ได้ มันมองอย่างเงียบๆ ครู่หนึ่งก่อนจะถอยกลับ พร้อมส่งเสียงคำรามทุ้มต่ำออกมาจากม่านหมอก
ยามนั้นหนิงเทียนััได้อย่างชัดเจนว่าพลังปีศาจใกล้สะพานน้อยลงมาก สิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวต่างก็ล่าถอยไปอย่างเงียบๆ ราวกับตั้งใจหลีกทางให้เขา
เมื่อขามาหนิงเทียนอาศัยไข่มุกอสูรหยินควบคู่กับทักษะจิตรกรรมิญญาไร้ลักษณ์เพื่อปกป้องร่างกายจึงช่วยให้ผ่านไปได้ ทว่าเมื่อกลับมาอีกครั้ง เหล่าิญญาเหนือธรรมชาติในหุบเหวกลับมีทีท่าเปลี่ยนไป เหตุใดจึงเป็เช่นนี้กัน?
“เป็เพราะเ้าหรือ?” หนิงเทียนมองต้นไม้แห้งเหี่ยวที่สูงตระหง่านตรงหน้า แม้จะเป็เพียงเงา แต่ก็มั่นคงราวกับเป็ะ ซึ่งทำให้หนิงเทียนนึกถึงไท่เสวียนและต้นไม้ที่นางพักพิงอาศัย
จิติญญาในเหวลึกถูกต้นไม้นั้นนำมาปล่อยไว้หรือไม่?
หนิงเทียนไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจน เขาจึงเริ่มเดินทางกลับ
เขาเดินไปห้าร้อยจั้งในเวลาเพียงครึ่งชั่วยาม โดยปราศจากิญญาอสูรร้ายขัดขวาง
เมื่อกลับมายังใจกลางของแดนลับ ใบหน้าของหนิงเทียนก็สว่างขึ้นด้วยความดีใจ บัวโลหิตในทะเลสาบหายไปแล้ว และริมทะเลสาบก็มีโครงกระดูกจำนวนสองโครง
...
ณ ทางเข้าแดนลับ
ศิษย์จากสี่สำนักเริ่มทยอยเดินทางกลับั้แ่วันที่สิบสอง ศิษย์บางคนที่เข้าสู่ใจกลางแดนลับได้นำข้อมูลที่เป็ประโยชน์กลับมาในวันที่สิบสาม และในวันที่สิบสี่ ศิษย์ส่วนใหญ่ล้วนออกจากแดนลับได้สำเร็จ
ผู้าุโของแต่ละสำนักกำลังนับจำนวนคน ผลปรากฏว่ามีผู้เสียชีวิตมากกว่าที่คาดไว้
บริเวณแม่น้ำไป๋จั้ง ใบหน้าของหนิงเทียนผู้โชกไปด้วยเืได้เผยรอยยิ้มทรงเสน่ห์
เขาไล่สังหารอสูรระดับสองทั้งหมดเจ็ดตน พร้อมขัดเกลาผนึกพลังเจ็ดก้อน ทั้งยังตั้งใจว่าจะนำศพกลับไปสำนักเพื่อแลกกับผลประโยชน์บางอย่าง
น้ำในแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวช่วยชะล้างคราบเืบนร่างของหนิงเทียน
ขณะที่เขากำลังจะข้ามแม่น้ำและกลับไปยังพื้นที่รอบนอกของแดนลับ ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะรุนแรงดังขึ้น
“เป็ความจริงที่ว่าย่ำจนรองเท้าเหล็กสึกไม่พบพาน ยามได้มากลับไม่เสียเวลาเลย[1] ไอ้หนู! เ้ายังมีชีวิตอยู่สินะ”
ร่างหนึ่งเดินออกมาจากป่า ที่แท้ก็คือเยี่ยชิงจากสำนักเชียนเฉ่า
หลังจากไม่ได้พบอีกฝ่ายมาหลายวัน ขอบเขตของเยี่ยชิงก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก เขาบรรลุจิตหยั่งลึกขั้นเก้าแล้ว และเสื้อผ้าของเขาก็เปื้อนเื คาดว่าคงไล่ฆ่าอสูรมาเช่นกัน
เยี่ยชิงถือกระบี่ใบพฤกษาขจี ทั้งร่างเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร ใบหน้าเผยความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
“หากสังหารเ้าได้ น้ำเต้าลูกน้อยๆ ที่เป็อาวุธิญญาจื๋อซิวก็จะตกเป็ของข้า ฮ่าๆ!”
หนิงเทียนมองเยี่ยชิงด้วยรอยยิ้มแปลกๆ เมื่อนึกย้อนกลับไป ชายผู้นี้ไล่ล่าเขาอย่างไม่ยอมรามือจนเขาต้องดิ้นรนราวสุนัข ไม่คิดเลยว่าจะได้พบกันอีกคราก่อนออกเดินทางเช่นนี้
“เ้าหนู ถ้าเ้ายอมคุกเข่าและส่งอาวุธิญญามาด้วยมือทั้งสองข้าง ข้าจะทำให้เ้าตายอย่างไม่ทรมาน ไม่เช่นนั้นข้าจะสังหารเ้าด้วยาแนับพัน!”
เยี่ยชิงมีความหยิ่งผยอง ยามนี้เขาอยู่ในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นเก้า ทั้งยังมีพลังของกระบี่ใบพฤกษาขจี แล้วจะมีผู้ใดในแดนลับที่สามารถสร้างอันตรายต่อเขาได้อีกเล่า?
แม้กระทั่งขอบเขตผนึกดาราขั้นแรก ตัวเขาในยามนี้ก็ยังต่อกรได้
“มอบกระบี่ใบพฤกษาขจีและแหวนมิติมา! แล้วข้าจะไว้ชีวิตเ้า”
หนิงเทียนได้ยินดังนั้นก็ยิ้มอย่างสงบ แต่จากมุมมองของเยี่ยชิงแล้ว นั่นเป็การดูถูก
“เ้ากล้าทำเช่นนี้ใส่ข้าหรือ? เ้าคู่ควรหรือไม่?” เขางอแขนพร้อมเหวี่ยงกระบี่ เกิดเสียงลมหวีดอย่างรุนแรง ปราณกระบี่สีเขียวอ่อนพุ่งออกมาพร้อมเล็งไปที่ไหล่ของหนิงเทียน
เยี่ยชิงไม่อยากให้หนิงเทียนตายด้วยกระบี่เดียว เขาอยากหักแขน และทรมานอีกฝ่ายอย่างช้าๆ
หนิงเทียนสามารถหลบได้ แต่เขาไม่หลบ มือขวาออกหมัด เส้นสีทองซึ่งเปี่ยมด้วยพลังล้นหลามะเิออก พลังแห่งกำปั้นฉีกกระชากห้วงอากาศ ก่อนกระแทกปราณกระบี่ของเยี่ยชิงอย่างรุนแรง พร้อมเกิดเสียงปะทะกันของทองคำและเหล็ก
“เ้าเด็กเหลือขอ! เ้าเสียสติไปแล้วหรือ? เ้ากล้าต่อต้านคมกระบี่ของข้าด้วยเืเนื้อ เ้านี่มัน...อ๊าก!” เสียงเย่อหยิ่งจองหองแปรเปลี่ยนเป็เสียงคำรามทันที หมัดของหนิงเทียนพุ่งเข้ามาราวพลังแห่งภูผาั์ มันกระแทกร่างเยี่ยชิงจนลอยออกไปไกลสิบจั้ง หลังหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง แขนขวาที่ถือกระบี่ใบพฤกษาขจีก็สั่นเทา
ปราณกระบี่ที่ไร้เทียมทานประสบกับความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ในครานี้ กายาสุวรรณะนิรันดร์ของหนิงเทียนเข้าสู่ระดับที่สาม เขาสามารถสู้กับอาวุธิญญาจื๋อซิวได้ด้วยมือเปล่า และนี่คือสิ่งที่เยี่ยชิงคาดไม่ถึง
“เหอะ! ดูเหมือนความแข็งแกร่งของเ้าจะไม่ได้พัฒนาขึ้นมากนัก” ใบหน้าของหนิงเทียนเ็า หมัดทองคำบิดเบี้ยว พลังหมัดกระทบหน้าผากของเยี่ยชิง
เยี่ยชิงคำรามลั่น เขาแกว่งกระบี่และโจมตีอย่างดุเดือด หญ้าเขียวขจีทั้งเก้าต้นที่วนรอบร่างควบแน่นเป็กระแสน้ำวนและดูดกลืนพลังฟ้าดิน เพื่อยกระดับการฝึกฝนให้ถึงขีดสุด
กระบี่ใบพฤกษาขจีสั่นะเื แสงกระบี่ยืดหดพร้อมเคลื่อนไหวอย่างดุเดือดราวิญญาอสูรพิษ และกระทบกับหมัดที่ฟาดมาของหนิงเทียน
ตูม!
ปราณกระบี่ะเิออกอีกครั้งพร้อมเสียงดังสนั่น หมัดของหนิงเทียนร่วงหล่นราวดาวตก พลังมหาศาลดุจทำลายภูผาแทงทะลุสายรุ้ง พร้อมหักแขนของเยี่ยชิงเพื่อทำลายวังวนรอบกายและผลักเขาไปสู่ทางตัน
เยี่ยชิงกรีดร้องด้วยใบหน้าที่หวาดกลัว เขาอยู่ในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นเก้า แล้วจะพ่ายแพ้ต่อหนิงเทียนได้อย่างไร?
กระบี่ใบพฤกษาขจีส่งเสียงโอดครวญก่อนจะตกลงในริมแม่น้ำที่ห่างออกไปสามสิบจั้ง ราวกับคลื่นใบไม้สีเขียวที่ค่อยๆ สงบลง
หนิงเทียนเดินเข้าไปหาเยี่ยชิงด้วยท่าทีสงบนิ่งอย่างช้าๆ
“อย่าเข้ามานะ เ้าอยาก...อั๊ก!”
หนิงเทียนคว้าคอของเยี่ยชิงแล้วค่อยๆ ยกเขาขึ้น พร้อมจ้องมองเขาอย่างเ็า
เยี่ยชิงดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง เขาเริ่มหายใจถี่ ดวงตาฉายแววสยดสยอง ด้วยความตื่นกลัวที่ไร้จุดสิ้นสุด
ยามนี้เยี่ยชิงตระหนักได้ทันทีว่าตนทำผิดพลาดไปอย่างโง่เขลา น่าเสียดายที่มันสายเกินไปแล้ว
หนิงเทียนกระชับนิ้วให้แน่นขึ้นแล้วบีบกระดูกคอของเยี่ยชิง จากนั้นก็ถอนรากจิติญญาของเขาพร้อมถอดแหวนมิติ ก่อนจะโยนร่างของเขาทิ้งลงแม่น้ำ
สุดท้าย ร่างของเยี่ยชิงก็ถูกฝังอยู่ในท้องปลา ส่วนกระบี่ใบพฤกษาขจีก็ตกอยู่ในมือของหนิงเทียน
---------------------------------------
[1] ย่ำจนรองเท้าเหล็กสึกไม่พบพาน ยามได้มากลับไม่เสียเวลาเลย (踏破铁鞋无觅处) หมายถึง การพยายามหาบางสิ่งจนแทบพลิกแผ่นดินก็ยังหาไม่เจอ แต่เมื่อเลิกสนใจแล้วกลับพบอย่างง่ายดาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้