จ้าวหรูอวิ๋นมองเ่ิูอย่างหวาดหวั่น
สองมือของเขาแทบพิการ เนื้อหนังปริแยก เส้นเืและกระดูกโผล่ออกมาจนไร้ความรู้สึกไปแล้ว ราวกับว่ามือสองข้างนี้ไม่ใช่ของเขาอีกต่อไปแล้ว
กระบี่ยาวยังคงเสียบอยู่บนขื่อศิลา มันยังคงสั่นไหวไม่หยุดหย่อน
แค่ดีดนิ้วทีเดียวเท่านั้น พลานุภาพกลับแกร่งเหมือนฉีกทึ้ง จ้าวหรูอวิ๋นพลังระดับน้ำพุิญญาสิบสามตาแท้ๆ ไม่อาจแม้แต่จะควบคุมกระบี่ไม่ให้สั่น ซ้ำร้ายยังโดนแรงกระแทกจนเืตกยางออก...
“ดูท่าเ้าน่าจะรู้แล้ว ว่าข้าโคตรพ่อโคตรแม่ใคร” เ่ิูมองใบหน้าตื่นตระหนกและขลาดกลัวของจ้าวหรูอวิ๋น เขาดลให้ตราประทับแปรเป็โซ่ตรวน ขว้างเข้ามาตรงหน้าแล้วว่า “อย่าให้ข้าต้องพูดซ้ำสาม สวมมันเองเสียเถอะ”
จ้าวหรูอวิ๋นตัวสั่น
“เ้าไม่ใช่...เป็แค่น้ำพุิญญาสามตาหรอกหรือ เ้า...” จ้าวหรูอวิ๋นถอยกรูด
“โอ๊ะ? พวกเ้าสืบข่าวตลอดสามวันเต็มมาจากไหนกันเล่านี่?” เ่ิูยักไหล่ “ขอโทษทีแล้วกันนะ ทำให้เ้าผิดหวังเสียแล้ว น่าะเืใจ ข่าวของพวกเ้าเหมือนจะเก่าไปแล้วล่ะ”
“เ้า...เ้าแกร่งขั้นไหนกันแน่?” จ้าวหรูอวิ๋นใจแป้ว
“ทายสิ” เ่ิูส่ายหน้าเยี่ยงจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม บุรุษรุ่นเสริมอีก “ทายไม่ออกหรือ ข้าก็ไม่บอกเ้าอยู่แล้ว”
จ้าวหรูอวิ๋นอ้าปากค้าง
เขารู้สึกเหมือนใกล้จะจบสิ้นเต็มที
แม่ทัพนายกองคนอื่นๆ มองหน้ากันเลิ่กลั่ก
ตอนนี้เองที่คำๆ หนึ่งผุดขึ้นมาในใจพวกเขาอย่างแ่า
แสร้งบ้าแกล้งโง่
นับแต่เริ่มต้น ใต้เท้าเ่ิูทูตถือดาบตรวจการณ์ผู้นี้ แสดงท่าทีเสมือนเป็เด็กโง่บรมไม่รู้เื่รู้ราว ราวกับสมองเลอะเลือน ท่ามกลางเสียงหัวเราะเยาะจากคนอื่นกับเงื่อนไขของเขา ตอนที่ทุกคนคิดว่าจ้าวหรูอวิ๋นคงแทบไม่ต้องออกแรงกำราบใต้เท้าทูตถือดาบปัญญาอ่อนนั้นเอง สถานการณ์กลับพลิกกลับ...
บางคนหันหน้ามองอีซานเช่อ ชายหนุ่มมีการศึกษา
เป็ที่ชัดเจนว่า แม้อีซานเช่อจะลงทุนยืมอำนาจของสำนักเ้าด่าน ก็ยังไม่อาจสืบเสาะพลังแท้จริงของเ่ิู
จ้าวหรูอวิ๋นอาณาน้ำิญญาสิบสามตา กลับพ่ายแพ้ให้เพียงนิ้วเดียวของเ่ิู ไปขุดข่าวมาจากไหนว่าเขาเป็แค่ศิษย์สำนักกวางขาวมีน้ำพุิญญาแค่สามตา
อีซานเช่อขมวดคิ้วมุ่นแทบเป็ริ้ว เขาไม่เอื้อนเอ่ยคำใด
เขาเองก็มึนงงเช่นกัน
ตามทฤษฎีแล้ว แหล่งข่าวของสำนักเ้าด่านไม่มีทางผิดพลาดนี่?
มีตรงไหนไม่ถูกกัน?
คนที่แม้แต่สำนักเ้าด่านยังสืบเสาะไม่ได้ เช่นนั้น เขาจะน่ากลัวแค่ไหน?
คิดๆ ไปแล้วใจก็หนาวะเื
ท่ามกลางกลุ่มคนนั้น แม่ทัพรบกองโจรหลินหลางสีหน้าดูไม่ได้ยิ่งกว่ากินอึ เขาลอบหลบไปด้านหลังอย่างเงียบเชียบ คราวนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยงความรู้สึกอยากจะฉีกปากตัวเองทิ้ง หากรู้ว่าพลังเ่ิูน่ากลัวขั้นนี้มาั้แ่แรก จะหัวเด็ดตีนขาดก็ไม่มีทางอ้าปากพูดแม้แต่ประโยคเดียว ตอนนี้เพิ่งมาคิดได้ว่าเพิ่งหัวเราะร่าทำท่าเป็ปรปักษ์ไปเกินจำเป็ขนาดไหน อย่างกับผู้เฒ่ากินยาพิษ...เกลียดที่ตัวเองอายุยืน
หลินหลางภาวนาในใจ ขออย่าให้เ่ิูหันมาสนใจเขาเลย
ทว่าเหมือนคำขอนั้นจะไร้ประโยชน์
เพราะเ่ิูชำเลืองมาทางเขาในเวลาต่อมานั่นเอง
หลินหลางใจหายวาบ ใบหน้าฝืนยิ้มน่าเกลียดให้แล้วว่า “ข้า...”
เ่ิูคลี่ยิ้มตอบ “เป็เยี่ยงไร? ตอนนี้ยังคิดว่าข้าน่าขำอีกไหม?”
หลินหลางรีบส่ายหน้าอย่างกับกลอง
เ่ิูถุยอย่างไม่เห็นค่าในสายตา สีหน้าและแววตาพลันฉกาจขึ้นมาเมื่อด่าอย่างไม่ไว้หน้า “ไอ้ขี้ขลาดไร้ศักดิ์ศรี คนตาขาวอย่างเ้าเป็แม่ทัพรบกองโจรได้อย่างไรฮึ? นำทหารสู้รบได้อย่างไร? มิน่าเล่าเ้าเวินหว่านถึงได้ดูถูกหาว่าหนีทัพ วิ่งหัวหดฝุ่นตลบ อย่ายืนเกะกะลูกตา พ่ออารมณ์ไม่ดีเอาเสียเลยว่ะ”
แต่ละถ้อยละคำเสมือนมีดหอกทิ่มร่างหลินหลางเป็รูกลวง
หลินหลางหน้าขาวซีด ตัวสั่นงันงก แต่สุดท้ายก็หงอไม่กล้าพูด เอาแต่ถอยหลังไปยืนหลบมุม
เ่ิูไม่ใส่ใจเขาเป็ทุนเดิม สายตามาแช่แข็งอยู่ที่ใบหน้าของจ้าวหรูอวิ๋น เด็กหนุ่มเอ่ยทั้งรอยยิ้มะเื “เ้าจะใส่โซ่ตรวนดีๆ หรือจะให้ข้าช่วยใส่?”
จ้าวหรูอวิ๋นสะดุ้ง
ทูตถือดาบตรวจการณ์พลังอ่อนปวกเปียก แค่โจมตีครั้งเดียวก็เกินพอ
แต่ทูตถือดาบตรวจการณ์ที่พลังน่ากลัวเป็บ้า กลับเป็บุคคลที่ใครได้เห็นก็กลัวทั้งสิ้น
เขารู้สึกเสียใจกับการกระทำตัวเองยิ่งนัก วันนั้นไม่ควรจะทำแผนสกปรกชิงมีดบินแสงไหลดาวฟ้ามาเลย เพราะซ้อมเ้าทาสกระบี่อาชาขาวนั่นจนเละอย่างเดียว
“ข้า...ข้า...” จ้าวหรูอวิ๋นหน้าขาวจัด เขากัดฟันเอ่ย “ข้ายินดีจะคืนมีดบินสามสิบเล่มนั่นให้เ้า เื่นี้ ข้าโชคร้ายแล้ว”
เ่ิูหัวเราะเฮอะ
“ก่อนหน้านี้ข้าให้เ้าเลือก เ้าก็ไม่เลือก ตอนนี้เ้าไม่มีสิทธิ์เลือกแล้วล่ะ” เ่ิูไม่มีวี่แววจะล่าถอยเลยสักนิด เขาปรี่เข้ามาใกล้ก้าวแล้วก้าวเล่า “เช่นนี้ก็ดีแล้ว ข้าก็ไม่อยากจะเอาความเ้าเท่าไร เ้าส่งตัวเองขึ้นแขวนบนเสาลงทัณฑ์ประจานซะสิ แขวนไว้สามชั่วยาม เื่นี้ก็เป็อันเลิกรา”
“เ้า...” จ้าวหรูอวิ๋นเพราะโกรธเคืองจนหน้าแดง จึงคำรามเสียงต่ำ “อย่าให้มันเกินไปนัก”
เ่ิูเหยียดยิ้ม “แล้วแต่เ้าเลย เ้าไม่ยอมแขวนดีๆ ข้าก็จะผนึกกำลังภายในเ้าก่อนแล้วแขวนขึ้นไป อย่างนั้นก็ได้”
เอ่ยพลางจะลงมือ
จ้าวหรูอวิ๋นถอยกรูดราวกับหมู่เมฆ เขาตะเบ็งเสียงกร้าว “ทุกท่าน หรือว่าพวกท่านมาที่นี่เพื่อดูอย่างเดียวใช่ไหม? วันนี้มันเหยียบหน้าข้า วันหน้ามันก็มีโอกาสเหยียบหัวพวกเ้า หากข้าถูกแขวนไว้บนเสาลงทัณฑ์ประจาน เช่นนั้นหน้าตาของกลุ่มชิงเฟิงซานเช่นเราก็ไม่เหลือ นับแต่นี้พวกเ้าจะเอาเรี่ยวเอาแรงที่ไหนมาโงหัวเล่า?”
เมื่อประโยคนี้ลอยออกไป เหล่าแม่ทัพายกองเริ่มสีหน้าเปลี่ยนเหมือนเอาแปรงมาละเลง
ก่อนหน้านี้เขาคนนี้คือชายฉกรรจ์อกสามศอกดั่งเสือดาวประดับเคราดำ เขาตวาดลั่นระหว่างพูด “พี่น้องจ้าวพูดถูก วันนี้ถ้าไม่ใช่มันตายก็พวกเราตาย ทุกคนโปรดร่วมแรงใจกัน ต่อให้มันไปป่วนต่อหน้าสำนักเ้าด่าน พวกเราก็มีเหตุผลอยู่ดี พวกเรามีคนมากมายขนาดนี้ยังจะกลัวมันลงอีกหรือ?”
ว่าพลางรุดหน้าเข้ามา เปลวพลังปราณส่องแสงราวเป็ดั่งลูกคลื่น
เ่ิูหัวเราะร่าไม่น้อยหน้า “พวกเขลาปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมมารวมตัวอยู่ด้วยกัน คิดเอาเองว่าตนเป็ยอดหัวกะทิของกองทัพ แล้วยังมีหน้ามาพูดว่ามีความกล้าหาญ น่าขำให้ฟันหลุด ตัวตลกโดดบนหิ้ง...ถุย ดี ดียิ่ง ไก่อ่อนอย่างพวกเ้าเข้ามาพร้อมกันเลยซี่”
เอ่ยจบเ่ิูก็ก้าวอาดๆ เข้ามาหา
รูปกายไวเหนือชั้น พริบตาเดียวมาโผล่ตรงหน้าชายฉกรรจ์ ยกมือวาดหมัด
“จะเทียบชั้นพลังกับข้าเรอะ...” นายทัพฉกรรจ์วาดหมัดออกมาเช่นกัน
ตูม!
สายอากาศะเิอย่างบ้าคลั่งเอ่อทะลัก
รอยยิ้มเย็นของเขาแข็งค้าง จากนั้นก็โดนกระแทกจนปลิวไปอย่างแรง
ร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามเหมือนกระสอบทรายโดนโจมตีจนกระแทกเข้ากับโต๊ะหินจนแหลกละเอียด เขาไม่อาจเก็บมือเก็บเท้าได้ กระแทกบนผนังหินในตำหนักศิลาใหญ่ ตอนนี้เองที่กระอักเืออกมา ร่างกายอ่อนเผละล้มลงแน่นิ่ง
เห็นได้ชัดว่าต่อต้านหมัดเดียวของเ่ิูไม่ได้
เ่ิูลงมือคราวแรกก็ได้การเลย เขาไม่คิดเก็บลูกไม้อะไรทั้งนั้น ร่างกายแวบหายมาโผล่ต่อหน้านายทัพอีกคน
ร่างเขาเร็วรี่สุดขีดราวกับผีสาง เพราะเคลื่อนย้ายไวมากนี้เอง ร่างกายถึงได้เลือน ปรากฏภาพหลอกตาที่เดี๋ยวมีเดี๋ยวหาย
นายทัพคนนั้นไม่ทันได้ตอบโต้ก็ถูกหมัดนั้นกระแทกเข้าคางอย่างจัง ตัวปลิวไปอย่างรุนแรง
ปึ้ง!
นายทัพชนเข้ากับตำหนักหิน ตำหนักใหญ่สั่นะเืรุนแรง
แทบจะเวลาเดียวกัน หลินหลางรู้สึกั์ตาพร่าเบลอ สิบเมตรถัดไปเ่ิูยังคงยืนอยู่ แต่คนตรงหน้าเขานี้ กลับน่าพิศวงด้วยมีร่างแยกเ่ิูออกมามากมาย
หลินหลางหนาวสั่นใจ พลันก็โดนฝ่ามือซัดเข้าฉาดหนึ่งจนชาดิก กระเด็นกระดอนไปไกลทั้งตัว
คนที่อยู่กลางอากาศนั้นได้จะเห็นเื่ที่ะเืใจกว่านัก
เขายืนอยู่บนอากาศ และได้เห็นภาพอันน่าะเืใจยิ่งกว่า
กลางตำหนักศิลา จู่ๆ ก็มีเ่ิูโผล่มาห้าคน ส่องประกายวาดหมัดไม่ได้ขาด นายทัพคนอื่นนอกจากชายหนุ่มคงแก่เรียนแล้วก็เผ่นจากในนี้เป็บ้าเป็หลัง ไม่มีตัวอย่างอื่นใด นอกจากถูกเ่ิูตอดเสียจนหน้าหงาย
“เพราะความเร็วที่เร็วเกินไปจึงได้ทิ้งร่องรอยเอาไว้”
มีเพียงอีซานเช่อที่มีน้ำพุิญญายี่สิบสามตาเท่านั้นที่บังคับควบคุมหมัดของเ่ิูได้ทีหนึ่ง
ในตำหนักศิลานั้น พลันมีเ่ิูห้าคนปรากฏกายขึ้นมา มันเปล่งประกาย ส่วนนายทัพคนอื่นๆ นอกจากชายหนุ่มคงแก่เรียนอีซานเช่อแล้ว ทุกอย่างเสมือนโดนหมัดเ่ิูทำลายล้าง
นั่นเป็เพราะความเร็วเขามากเกินไป ดังนั้นจึงยังมีร่องรอยอยู่
ความเร็วของเ่ิูเกินกว่าขีดจำกัดที่คนธรรมดามองเห็นทันไปแล้ว
มีเพียงอีซานเช่อน้ำพุิญญายี่สิบสามตาเท่านั้นที่สามารถมากพอจะทนรับหมัดเดียวของเ่ิูได้ ทั้งเนื้อตัวถูกกระแทกจนปลิว ทำลายโต๊ะไปสามตัวเต็มๆ หลังพิงกับเสาศิลาของเสาทวารประตูตำหนักใหญ่ ใน่เวลาคับขัน ใช้เรี่ยวแรงและกลยุทธ์มาป้องกันพลัง ย้ายแรงหมัดของเ่ิูมาส่งที่เสาหิน้า เสียงกรุ๊บกร๊อบดังมาเมื่อเสาหินเผยแววปริแตกแก่สายตา...
และขณะเดียวกัน อีซานเช่อก็รู้สึกถึงโลหิตกลิ้งกลับอยู่ในอก อีกนิดเดียวก็จะกระอักเืออกมาอยู่แล้ว
เฉกเช่นเดียวกัน ภาพจำลองของเ่ิูประมาณห้ารอบ เขาเก็บมันเอาไว้ทันทีแล้วกลายเป็คนเดียวกันอีกคน
“แสงไหลดาวฟ้าอยู่ที่ไหน?” เ่ิูมองจ้าวหรูอวิ๋น
จ้าวหรูอวิ๋นบัดนี้ใปอดแหก แม้แต่คำเดียวก็ไม่กล้าปริปาก เขารีบหยิบเอาห่อดาบหนังสัตว์ออกมา มีดบินสามสิบหกเล่มอยู่ในย่ามทั้งสิ้น
เ่ิูพยักหน้า เขาเก็บมีดบินชุดนั้นไว้
เขากางมือออกทำตะครุบ ตราประทับคำสั่งนายทัพก็กลายเป็โซ่ตรวน เสียงเคร้งคร้างแว่วดังมาเมื่อพันธนาการสองมือของจ้าวหรูอวิ๋น
จ้าวหรูอวิ๋นกำลังจะขัดขืน แต่เมื่อเห็นเ่ิูทอดตามองลงมา แล้วว่าด้วยสีหน้านิ่งสงบ “เร็วๆๆ รีบขัดขืนข้าสิ...อยากจะฆ่าให้สิ้นมานานแล้ว แต่หาข้ออ้างไม่เจอก็เท่านั้น เร็ว อย่าให้ข้าผิดหวัง”
จ้าวหรูอวิ๋นนิ่งอึ้ง
ทูตถือดาบตรวจการณ์สำหรับทหารชั้นกลางแล้ว มีสิทธิอำนาจทั้งขึ้นทั้งล่อง
หากเ่ิูฆ่าเขาจริงๆ ก็ไม่ต้องจ่ายอะไรเลยด้วยซ้ำ
พอนึกถึงตรงนี้ จ้าวหรูอวิ๋นจึงใจสั่น
ชำเลืองมองภาพอักขระเคลื่อนคล้อยเป็โซ่ตรวนส่งเสียงเช่นที่โซ่ตรวนพึงมี ราวกับลายแสงไหลเวียน เอ่อท้นด้วยเส้นแสงสีทองหม่นกรอกเข้าร่างจ้าวหรูอวิ๋น ผนึกชีพจรภายในเอาไว้ กำลังภายในไม่เคลื่อนไหว พลังก็ไม่อาจสำแดงตาม...
เ่ิูไม่เอื้อนเอ่ยอะไรอีก เขาหันหลังแล้วพาตัวจ้าวหรูอวิ๋นออกไปนอกตำหนักศิลา
ฟิ้ว!
ตราประทับคำสั่งที่ปักอยู่บนพื้นกลายเป็ลำแสงกลับคืนสู่มือเ่ิูแล้ว
นอกตำหนักใหญ่ มีทหารคอยคุมเชิงอยู่กว่าหลายร้อนคน เพียบพร้อมการเตรียมตัว พอมองเห็นเ่ิูเดินออกไป หอกยาวเหมาะกับตัวเขายิ่งกว่าอะไรดี ปลายหอกแผ่รังสีอำมหิต ตัวคมมีดสีขาววิบวับ ในอากาศเปี่ยมเต็มด้วยจิตสังหาร
เ่ิูยิ้ม เขาลากเอาจ้าวหรูอวิ๋นที่ไม่กล้าขัดขืนอีกแล้วเดินตรงดิ่งไป
เหล่าทหารหาอดถอยหลังได้ไม่
ตลอดมานับจนถึงประตูใหญ่ฝ่ายพลาธิการ เ่ิูกระโจนขึ้นฟ้า พันผูกไว้กับตรวนน้ำแข็ง้า
“แขวนไว้สามชั่วยามถึงลงไปได้ หากเ้าลงไปทั้งที่เวลายังไม่ครบ ข้าจักมาแขวนเ้าด้วยตัวข้าเอง ลงไวไปหนึ่งอึดใจ ข้าก็จะแขวนเ้าเพิ่มหนึ่งชั่วยาม” เ่ิูกลับถึงพสุธา ภายใต้วงล้อมของทหารหลายร้อยนาย เด็กหนุ่มปรบมือแล้วหันหลังเดินก้าวยาวๆ จากไป
ทหารฝ่ายพลาธิการหลายร้อยนายไม่กล้าขัดขวาง
นายทัพที่เข้าบุกจากในตำหนักศิลาก็ไม่กล้าทำอะไรใดๆ เช่นกัน แต่เขาก็แค่มองเ่ิูหายไปที่แสนไกลตาแป๋วๆ
คนเดียว กำราบทั้งฝ่าย
คนเดียว ทำความกลัวให้คนร้อยคน
พวกเขารู้ดีว่าวันนี้ตนประสบอภิมหาเคราะห์เข้าให้แล้วจริงๆ
หน้าอันด้านหนาของกลุ่มชิงเฟิงซานเป็อันหมดสิ้น
จากนี้ต่อไปแม้จะ้าเอาคืน ก็หาใช่เื่ที่ทำได้ง่ายดายไม่
และเ่ิูคนนั้นก็เป็ทูตถือดาบตรวจการณ์ จากวันนี้เป็ต้นไป น่ากลัวว่าจะต้องดึงดูดความสนใจจากผู้คนในทุกฝ่าย ทูตถือดาบตรวจการณ์ทรงอำนาจผู้นี้สำหรับใครก็ตามแล้ว คือการมีอยู่ที่ต้องหวาดกลัวและพะวักพะวงอยู่เสมอ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้